วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 10:29  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 30 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2013, 15:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2012, 16:46
โพสต์: 412

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อาจจะติดเรท หน่อย แต่มันทำให้คลายความกำหนัด ได้ใช่หรือไม่
แล้วชีวิตคู่จะเกิดปัญหาหรือไม่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2013, 16:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คนเราพอมีเงินมีทองร่ำรวยขึ้นมา...ก็นึกอยากได้อะไรที่มันดี...มันหายาก...ก็พอดี...ของหายากก็มักจะแพง
ของเหล่านั้นเป็นของเขาสมบูรณ์...นี้ได้มาอย่างสุจริต...เป็นสัมมา...ได้ของมามันก็ไม่เดือดร้อน

แต่...บางคนอยากให้คนอื่นเข้าใจว่าตนเป็นคนมีฐานะ....จะเพื่ออะไรก็แล้วแต่...ก็ไปหาของราคาแพงเหล่านั้นมาอยู่ข้าง ๆตนด้วยวิธีการมิจฉา...คือ...มันยังไม่ได้เป็นของเราจริง..เช่น..ไปเช่ามา...ไปดาวน์มา..เป็นตน..นี้แหละทำให้มีปัญหา...มันจะเดือดร้อนภายหลัง...ต้องหาเงินไปจ่ายค่าเช่า...จ่ายค่าผ่อนรายเดือน

คนที่มีธรรมในใจจนทำให้เบื่อหน่ายในกาม....เขาก็มีวิธีการจัดการกับภาวะนั้น...เพราะมันมีพัฒนาการของมัน...การดำเนินชีวิตก็ค่อย ๆ กเเนินไปตามครรลองของมัน...คู่ชีวิตก็ค่อย ๆ ปรับตัวตามไป...ปัญหาเลยน้อย...คนที่มีธรรมอย่างชอบธรรม..เป็นสัมมา.....ไม่ค่อยมีปัญหาหรอก

แต่...คนที่ได้ธรรมอย่างไม่ชอบธรรม...เป็นมิจฉา...เป็นโจร...เข้าวัด 3 วัน...กลับออกมาบอกกับคู่ของตนว่า...ต่อไปฉัน...ไม่แล้วนะ....แบบนี้แหละจะเป็นปัญหา...เพราะมันอยาก...มันไม่สุจริต...มันมิจฉาในธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2013, 19:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


choochu เขียน:
อาจจะติดเรท หน่อย แต่มันทำให้คลายความกำหนัด ได้ใช่หรือไม่
แล้วชีวิตคู่จะเกิดปัญหาหรือไม่

ขึ้นอยู่กับผลของการฏิบัติธรรม ...
ถ้าบรรลุธรรมขั้นโสดาบัน ก็ยังมีสามีภรรยาได้ เช่นนางวิสาขะ เป็นต้น
ขั้นพระสกิทาคามี กามารมณ์เบาบางลงตามส่วน ถ้าขั้นอนาคามีกับอรหันต์นี่
เด็ดขาดเลยนะ ..

ปุถุชนรักษาศีลแปดนี่ ก็อดกลั้นได้โดยใช้ขันติ ที่เรียกว่า ตบะเป็นเครื่องเผากิเลส
หรือท่านที่ปฏิบัติในอสุภกรรมฐานแบบเข้มข้น ..

ระดับขั้นนี้แล้วปัญญาย่อมเด่นตามสมควร ชีวิตคู่ไม่เป็นปัญหาหรอก
การพูดคุยหาทางออกยอมอยู่ในศีลในธรรมตามควร เช่น
อาจจะอนุญาติให้คู่ครองมีน้องหนู มีชายน้อยได้ เป็นต้น .. :b32:

ข้าน้อยศีล ๕ ก็ขาดบ้างเกินบ้างตามเหตุปัจจัยอ่ะ .. อิอิ :b32:


:b1:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2013, 20:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


choochu เขียน:
อาจจะติดเรท หน่อย แต่มันทำให้คลายความกำหนัด ได้ใช่หรือไม่
แล้วชีวิตคู่จะเกิดปัญหาหรือไม่

คนที่ปฏิบัติเข้าถึงขั้นตัดเรื่องกามเมได้แสดงว่าจิตคนผู้นั้น กิเลสตันหาน้อยแล้ว คือไม่มีความกำหนัดพอใจในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสแล้ว จะต้องเป็นอริยะบุคคลพระอนาคามีและพระอรหัต์ ซึ่งท่านจะไม่กลับมาเกิดบนโลกมนุษย์อีกแล้ว พระอนาคามีจะอยู่เขตแดนชั้นสุทธาวาสและปฏิบัติเพื่อให้เข้าพระนิพพานที่นั่น เพราะเหคุนี้ท่านสามารถละเรื่องทางโลกได้ และอยู่ด้วยเหตุปัจจัย คือถ้าสมมติพระอนาคามีเป็นผู้ที่ยังครองเรือนอยู่ ท่านก็อยู่ด้วยเหตุปัจจัยแต่ความรู้สึกท่านจะไม่มีความกำหนัดในกามเมเป็นอันขาดเพราะท่านคิดเสมอว่าร่างกายนั้นเป็นสิ่งปฏิกูล ไม่มีอะไรเป็นที่น่ารักน่าใคร่ แต่ถ้าคู่ครองของตนนั้นยังเป็นผู้มีราคะไม่หมดกิเลส ท่านย่อมปล่อยวางได้เพราะท่านรู้ คือท่านรู้ในสิ่งที่เกินวิสัยที่พวกเราจะเข้าถึงได้เว้นแต่เรา ปฏิบัติถึงขั้นนั้นแล้ว มันเป็นปัจจัยตังเจ้าค่ะ รู้ได้เฉพาะตนนะเรื่องนี้ :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2013, 20:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12: :b13: :b13: :b12:

...ผู้ไม่มีสิทธิออกความเห็น...

จึงได้แค่....มาดู... :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2013, 21:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


choochu เขียน:
อาจจะติดเรท หน่อย แต่มันทำให้คลายความกำหนัด ได้ใช่หรือไม่
แล้วชีวิตคู่จะเกิดปัญหาหรือไม่


เรื่องกามารมณ์ ลึกแน่น กว่าที่จะละกันได้ง่ายๆ

ผู้ที่ละได้ต้องเป็นพระอริยะชั้นสูง

เราผู้ศึกษาธรรม ศึกษาแล้วย่อมทำให้คลายคลายหลงใหลมืดมัว ไม่บ้าจนเกินไป

ปรับให้อยู่ในความพอดี ไม่เป็นโทษ เป็นประโยชน์มากกว่า

เพราะคนที่ไม่มีธรรมนั้นย่อมเป็นทุกข์มากเพราะกาม เจ้าชู้ไม่พอเพียง เที่ยวสำส่อน

ชีวิตคู่ย่อมทุกข์มากกว่าสุข

การปฏิบัติธรรมทำให้เกิดความพอดีมากกว่า :b3:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2013, 04:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
choochu เขียน:
อาจจะติดเรท หน่อย แต่มันทำให้คลายความกำหนัด ได้ใช่หรือไม่
แล้วชีวิตคู่จะเกิดปัญหาหรือไม่

คนที่ปฏิบัติเข้าถึงขั้นตัดเรื่องกามเมได้แสดงว่าจิตคนผู้นั้น กิเลสตันหาน้อยแล้ว คือไม่มีความกำหนัดพอใจในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสแล้ว จะต้องเป็นอริยะบุคคลพระอนาคามีและพระอรหัต์ ซึ่งท่านจะไม่กลับมาเกิดบนโลกมนุษย์อีกแล้ว พระอนาคามีจะอยู่เขตแดนชั้นสุทธาวาสและปฏิบัติเพื่อให้เข้าพระนิพพานที่นั่น เพราะเหคุนี้ท่านสามารถละเรื่องทางโลกได้ และอยู่ด้วยเหตุปัจจัย คือถ้าสมมติพระอนาคามีเป็นผู้ที่ยังครองเรือนอยู่ ท่านก็อยู่ด้วยเหตุปัจจัยแต่ความรู้สึกท่านจะไม่มีความกำหนัดในกามเมเป็นอันขาดเพราะท่านคิดเสมอว่าร่างกายนั้นเป็นสิ่งปฏิกูล ไม่มีอะไรเป็นที่น่ารักน่าใคร่ แต่ถ้าคู่ครองของตนนั้นยังเป็นผู้มีราคะไม่หมดกิเลส ท่านย่อมปล่อยวางได้เพราะท่านรู้ คือท่านรู้ในสิ่งที่เกินวิสัยที่พวกเราจะเข้าถึงได้เว้นแต่เรา ปฏิบัติถึงขั้นนั้นแล้ว มันเป็นปัจจัยตังเจ้าค่ะ รู้ได้เฉพาะตนนะเรื่องนี้ :b1:

พระอนาคาเป็นผู้สำเร็จศีลพรหมจรรย์ในระดับกลางแล้ว ถ้าท่านยังครองเรือนอยู่
ก็ไม่นับว่าเป็น พระอนาคามี เป็นได้ก็พระโสดาหรือพระสกิทาคา

แบบที่น้องคิงคองพูดมันเป็น....พระอนาคาบิกทู่ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2013, 13:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ส.ค. 2011, 15:12
โพสต์: 191


 ข้อมูลส่วนตัว


choochu เขียน:
อาจจะติดเรท หน่อย แต่มันทำให้คลายความกำหนัด ได้ใช่หรือไม่
แล้วชีวิตคู่จะเกิดปัญหาหรือไม่

การปฏิบัติธรรม ถ้าปฏิบัติถึงความสงบ เข้าถึงฌาน ก็ยังไม่อาจที่จะทำลายกิเลสราคะให้สิ้นเชิงได้ เพียงแต่ระงับได้ชั่วขณะเท่านนั้น ชั่วขณะของบางท่านนี่อาจจะกินเวลานานไม่เท่ากัน เหตุเพราะที่ยังมีอารมณ์เห็นว่างามอยู่ จึงต้องมีวิปัสสนาเป็นอุบายแก้ด้วย ที่ว่า หมดอารมรณ์ทางเพศน่ะ ในระดับนี้ไม่หมดหรอก กลับจะกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2013, 13:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


world2/2554 เขียน:
... ที่ว่า หมดอารมรณ์ทางเพศน่ะ ในระดับนี้ไม่หมดหรอก กลับจะกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น


:b14: :b5: :b32: :b32: :b32: :b4: :b4:

พิจารณาดี ๆ จะเห็น กระปรี้กระเปร่า... :b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2013, 14:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2012, 16:46
โพสต์: 412

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
world2/2554 เขียน:
... ที่ว่า หมดอารมรณ์ทางเพศน่ะ ในระดับนี้ไม่หมดหรอก กลับจะกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น


:b14: :b5: :b32: :b32: :b32: :b4: :b4:

พิจารณาดี ๆ จะเห็น กระปรี้กระเปร่า... :b4: :b4:


wink


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2013, 16:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
nongkong เขียน:
choochu เขียน:
อาจจะติดเรท หน่อย แต่มันทำให้คลายความกำหนัด ได้ใช่หรือไม่
แล้วชีวิตคู่จะเกิดปัญหาหรือไม่

คนที่ปฏิบัติเข้าถึงขั้นตัดเรื่องกามเมได้แสดงว่าจิตคนผู้นั้น กิเลสตันหาน้อยแล้ว คือไม่มีความกำหนัดพอใจในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสแล้ว จะต้องเป็นอริยะบุคคลพระอนาคามีและพระอรหัต์ ซึ่งท่านจะไม่กลับมาเกิดบนโลกมนุษย์อีกแล้ว พระอนาคามีจะอยู่เขตแดนชั้นสุทธาวาสและปฏิบัติเพื่อให้เข้าพระนิพพานที่นั่น เพราะเหคุนี้ท่านสามารถละเรื่องทางโลกได้ และอยู่ด้วยเหตุปัจจัย คือถ้าสมมติพระอนาคามีเป็นผู้ที่ยังครองเรือนอยู่ ท่านก็อยู่ด้วยเหตุปัจจัยแต่ความรู้สึกท่านจะไม่มีความกำหนัดในกามเมเป็นอันขาดเพราะท่านคิดเสมอว่าร่างกายนั้นเป็นสิ่งปฏิกูล ไม่มีอะไรเป็นที่น่ารักน่าใคร่ แต่ถ้าคู่ครองของตนนั้นยังเป็นผู้มีราคะไม่หมดกิเลส ท่านย่อมปล่อยวางได้เพราะท่านรู้ คือท่านรู้ในสิ่งที่เกินวิสัยที่พวกเราจะเข้าถึงได้เว้นแต่เรา ปฏิบัติถึงขั้นนั้นแล้ว มันเป็นปัจจัยตังเจ้าค่ะ รู้ได้เฉพาะตนนะเรื่องนี้ :b1:

พระอนาคาเป็นผู้สำเร็จศีลพรหมจรรย์ในระดับกลางแล้ว ถ้าท่านยังครองเรือนอยู่
ก็ไม่นับว่าเป็น พระอนาคามี เป็นได้ก็พระโสดาหรือพระสกิทาคา

แบบที่น้องคิงคองพูดมันเป็น....พระอนาคาบิกทู่ :b32:

ท่านบิกทู่ไม่เกี่ยว พระอนาคามีสามารถครองเรือนได้เพราะยังงัยท่านก็ไม่ใช่อรหันต์ถ้าจะอยู่ร่วมกับเนื้อคู่ของตนก็ย่อมได้ แต่พระอนาคามีท่านมีใจบริสุทธิ์ในเรื่องความรักคู่ครองของท่านย่อมมีศรัทธา วิริยะ ความเพียร เสมอท่านเช่นกันแต่ปราศจากเรื่องตัณหาคือง่ายๆมีเพศสัมพันธ์ :b26:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2013, 20:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


choochu เขียน:
eragon_joe เขียน:
world2/2554 เขียน:
... ที่ว่า หมดอารมรณ์ทางเพศน่ะ ในระดับนี้ไม่หมดหรอก กลับจะกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น


:b14: :b5: :b32: :b32: :b32: :b4: :b4:

พิจารณาดี ๆ จะเห็น กระปรี้กระเปร่า... :b4: :b4:


wink


:b13: :b13: :b13:

คือ สำหรับคนที่ หมกมุ่นกับงาน
ตกอยู่ในความเครียด
สุขภาพไม่ดี
คือ อาการเหล่านี้ จะทำให้ความรู้สึกทางเพศลดลงอยู่แล้ว ... :b13: :b13: :b13:
ไม่ว่าจะปฏิบัติธรรมหรือไม่ก็ตาม

มิใช่หรือ .... อิอิ

เมื่อมาปฏิบัติธรรม
ทำให้บรรเทาความหมกมุ่น
ความเครียดก็ค่อย ๆ บรรเทา
สุขภาพก็ดีขึ้น (เดินจงกรมมาก ๆ ก็เป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง)

มันก็ กระปรี้กระเปร่า งัย
ซึ่งมันเป็นธรรมชาติของสัตว์ที่แข็งแรง
ฮอร์โมนในด้านการเจริญพันธ์มันก็สูบฉีดดี ... หงิ่ ... :b13: :b4:

เมื่ออารมณ์มันปรากฎด้วย สุขภาพดี ฮอร์โมนทำงานมีประสิทธิภาพ มันก็ไม่แปลก ...
เพียงแต่ว่า เมื่ออารมณ์ปรากฎแล้ว เรายังไงกับมันก็แค่นั้นเอง ...

คือ การไม่ปรากฎอารมณ์ทางเพศ
เราก็ต้องดูกันไป ว่ามันไม่ปรากฎด้วยปัจจัยใด


:b22: :b4: :b4: :b22:

อย่างเอกอน ไม่มี ซ๊าาามี
มันก็เป็นสิ่งที่ต้อง สำรวม
ฝึกตนไม่ให้คิดหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้...
ทำจนชิน...จนหา ซ๊าาาามี ยังไม่ได้จนป่านนี้ ... 555

:b13: :b22: :b22: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2013, 20:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


โชคดีแท้....ที่ไม่มีคู่กรรมโผล่มาให้ปวดเฮ้ด.. :b17: :b17: :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2013, 20:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
โชคดีแท้....ที่ไม่มีคู่กรรมโผล่มาให้ปวดเฮ้ด.. :b17: :b17: :b17:


:b13: :b13: :b13:

ถึงโผล่มา....ก็ต้องพิจารณา....ตัด...อาลัย...ok...มั๊ย

แล้วจะเห็น...มายา...ของสิ่งที่เป็นเครื่องผูกสัตว์ไว้...

บางครั้ง...เราประหนึ่งแทบใจจะขาด...เมื่อต้องพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก

ถ้าแค่...คนรัก...ยังตัดไม่ขาด...

จะเข้าไปตัด...สิ่งอันเป็นที่รักยิ่ง...ได้ยังไง

คู่บุญ คู่กรรม เรายังเวียนเปลี่ยนคู่กันมาไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร

แต่สิ่งที่อยู่คู่เรามาตลอดยาวนานยิ่งกว่าคู่ไหน ๆ คือ อวิชชา

เราต่างมี อวิชชา เป็น คู่แท้เพียงหนึ่งเดียว ของเรา ... ok มั๊ย



ทุกอย่าง มันก็คือเพื่อผูกสัตว์ไว้

:b1: :b48: :b48: :b48: :b1:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 15 ม.ค. 2013, 21:08, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2013, 21:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้าวสรุปกระทู้นี้มีแต่คนไม่มีเนื้อคู่ :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 30 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 105 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร