วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 07:01  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 31 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2013, 22:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


onion คิดว่าธรรมมะที่มีในปัจจุบันยังเพียงพอที่จะดับทุกข์ไหม

แล้วทำไมเล่าชาวพุทธเรายังทุกข์วุ่นวายมากมายอย่างที่เห็น :b34:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2013, 23:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 01:57
โพสต์: 324

แนวปฏิบัติ: อริยสัจ4
อายุ: 27
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมเชื่อว่ามีพอ

ธรรมในปัจจุบันที่ยังเหลือให้ศึกษาได้ในโลกนี้มีพอจะดับทุกข์เพราะเขาก็ดับกันมานักต่อนักแล้ว ด้วยตำราเล่มที่พระพุทธ พระธรรม พระอริยสาวกเหลือไว้ให้นี่ละ

แต่ที่เรายังดับไม่ได้เพราะธรรมในใจเราเองยังมีไม่พอ

.....................................................
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง การฝืนความจริงทำให้เกิดทุกข์ การเห็นและยอมตามความจริงทำให้หายทุกข์

คนที่รู้ธรรมะ มักจะชอบเอาชนะผู้อื่น แต่คนเข้าใจธรรมะ มักจะเอาชนะใจตนเอง

สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ
เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า, ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ ที่ตนหลง,
นั่นแหละเป็นทางแห่งพระนิพพานอันเป็นธรรมหมดจด

.....ติลักขณาทิคาถา.....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ม.ค. 2013, 00:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นั่นน่ะสิ ผมคิดว่าผู้ถึง ผู้เห็น ผู้เป็นอยู่ ด้วยสภาวะนั้นมีอยู่มากมาย

แต่เรื่องนี้คงยากที่จะบอกกล่าวให้เข้าใจให้เชื่อ

ขนาดเรื่องธรรมดาที่พ่อแม่เคยสอนสั่งเรายังไม่อยากเชื่อเลย :b9:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ม.ค. 2013, 00:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


ณ.ปัจจุบันนั้นแหละ คือ ธรรมะที่ต้องเห็น และเรียนรู้ว่า ออ!!! นี้ทุกข์ นี้เหตุที่สร้างทุกข์ ไม่มีทุกข์นี้มันดียังนี้ ด้วยวิธีนี้นี้เอง....ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ม.ค. 2013, 03:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกข์กายทุกข์ใจก็เกิดดับเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่กิเลสนั้นต้อง อาศัย ศีล สมาธิ ปัญญา ดับกิเลสขั้นอยาบ กลาง และละเอียดตามลำดับครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ม.ค. 2013, 05:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อดีต ปัจจุบัน อนาคต ธรรมะก็มีของมันอยู่อย่างนั้น ทั้งความทุกข์ และความดับทุกข์ (เอาที่สรุปปฏิจจสมุปบาททั้งฝ่ายทุกข์เกิด และฝ่ายทุกข์ดับให้ดู...เอวเมตัสสะ เกวลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ สมุทโย โหติ...เอวเมตัสสะ เกวลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ นิโรโธ โหติ) ทางแห่งการปฏิบัติก็มีสองทาง คือ ทางปฏิบัติผิด กับ ทางปฏิบัติถูก (มิจฉาปฏิปทา กับ สัมมาปฏิปทา) จากคำถามนั้น จึงน่าจะชาวพุทธยังมิจฉาปฏิปทากันอยู่ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ม.ค. 2013, 06:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อดีต ปัจจุบัน อนาคต ธรรมะก็มีของมันอยู่อย่างนั้น ทั้งความทุกข์ และความดับทุกข์ (เอาที่สรุปปฏิจจสมุปบาททั้งฝ่ายทุกข์เกิด และฝ่ายทุกข์ดับให้ดู...เอวเมตัสสะ เกวลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ สมุทโย โหติ...เอวเมตัสสะ เกวลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ นิโรโธ โหติ) ทางแห่งการปฏิบัติก็มีสองทาง คือ ทางปฏิบัติผิด กับ ทางปฏิบัติถูก (มิจฉาปฏิปทา กับ สัมมาปฏิปทา) จากคำถามนั้น จึงน่าจะชาวพุทธยังมิจฉาปฏิปทากันอยู่ :b1:

ผู้ปฏิบัติแม้จะรู้ทางสายเกิดของปฏิจจสมุปบาท
แต่ไม่รู้ทางสายดับของปฏิจจสมุปบาทก็ยังเป็นผู้ปฏิบัติผิดอยู่

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ม.ค. 2013, 06:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
ทุกข์กายทุกข์ใจก็เกิดดับเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่กิเลสนั้นต้อง อาศัย ศีล สมาธิ ปัญญา ดับกิเลสขั้นอยาบ กลาง และละเอียดตามลำดับครับผม


ตามธรรมดา ศีล สมาธิ ปัญญา นั้น ในศาสนาอื่นก็มีพร้อมอยู่แล้ว
แต่ว่า ศีล สมาธิ ปัญญาเหล่านั้นไม่เป็นไปเพื่อนิพพาน
ศีล สมาธิ ปัญญา จึงเป็นไปเพื่อการเกิดอีก เมื่อเป็นไปเพื่อการเกิดอีกก็ย่อมดับทุกข์ไม่ได้

แต่พระพุทธองค์สอนยิ่งไปกว่านั้น อันได้แก่ อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา
เรียกว่า สิกขา ๓ อันเป็นไปเพื่อพระนิพพานโดยแท้
เมื่อผู้ปฏิบัติตามสิกขา ๓ ตามที่พระองค์ทรงสอน ก็ย่อมดับทุกข์ได้อย่างแท้จริง

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ม.ค. 2013, 06:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2012, 16:46
โพสต์: 412

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เพียงพอ แน่นอน แต่คนส่วนใหญ่ คิดว่าทำบุญด้วยการบริจาคเงินเป็นการดับทุกข์ การไหว้พระขอพรเป็็นการดับทุกข์

เขาอาจจะได้รับความสบายใจ ในช่วงนั้น แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็กลับมาทุกข์

การปฎิบัติเท่านั้น ที่จะดับทุกข์ได้อย่างถาวร แล้วการปฎิบัตินั้น ต้องตามที่พระพุทธองค์สอนเท่านั้น

คือวิปัสสะนา กรรมฐานครับ

onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ม.ค. 2013, 06:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




73.jpg
73.jpg [ 143.26 KiB | เปิดดู 5385 ครั้ง ]
ขณะจิต เขียน:
onion คิดว่าธรรมมะที่มีในปัจจุบันยังเพียงพอที่จะดับทุกข์ไหม

แล้วทำไมเล่าชาวพุทธเรายังทุกข์วุ่นวายมากมายอย่างที่เห็น :b34:


มีคำยืนยันจากพระองค์เลยว่าศาสนาของพระองค์พร้อมแล้วกว้างขวางแล้ว

พญาวัสวดีมารถือโอกาสเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
ได้ทูลอาราธนาว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า บัดนี้บริษัท 4 ของ
พระองค์ได้เจริญแพร่หลายแล้ว พระศาสนาได้ดำรงมั่นเป็นหลักฐาน
สมดังมโนปณิธานแล้ว ขออาราธนาพระองค์เสด็จปรินิพพานเถิด

พระผู้มีพระภา...คทรงตรัสว่า "ดูกรมาร ท่านจงมีความขวนขวายน้อยเถิด
อย่าทุกข์ใจไปเลย ไม่ช้าแล้ว ตถาคตก็จักปรินิพพาน กำหนดการแต่นี้
ล่วงไปอีก 3 เดือนเท่านั้น" ครั้นพญามารได้สดับพระพุทธดำรัสเช่นนั้น
ก็มีจิตโสมนัสยินดี แล้วก็อันตรธานจากสถานที่นั้นไป

เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้ากำหนดพระทัย ทรงปลงพระชนมายุสังขาร
ณ ปาวาลเจดีย์ ในวันมาฆะปุรณมี เพ็ญเดือน 3 ครั้งนั้นก็บังเกิดเหตุ
อัศจรรย์ พื้นแผ่นพสุธาโลกธาตุก็กัมปนาทหวั่นไหว ประหนึ่งว่าแสดง
ความทุกข์ใจ อาลัยในพระผู้มีพระภาคเจ้าจะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน
ในกาลไม่นาน ต่อนี้ไปอีก 3 เดือนเท่านั้น

พระยาวัสสวดีมารทูลอาราธนาให้เสด็จดับขันธปรินิพพาน
ในภาพ พระพุทธเจ้าทรงเจริญอิทธิบาท ๔ มีพระรัศมีสว่างไสวพระยาสวัสสวดีมาร
ได้เข้าเฝ้าทูลอาราธนาให้พระพุทธองค์เสด็จดับขันธปรินิพพาน พระพุทธองค์ทรงรับอาราธนา

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ม.ค. 2013, 09:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อดีต ปัจจุบัน อนาคต ธรรมะก็มีของมันอยู่อย่างนั้น ทั้งความทุกข์ และความดับทุกข์ (เอาที่สรุปปฏิจจสมุปบาททั้งฝ่ายทุกข์เกิด และฝ่ายทุกข์ดับให้ดู...เอวเมตัสสะ เกวลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ สมุทโย โหติ...เอวเมตัสสะ เกวลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ นิโรโธ โหติ) ทางแห่งการปฏิบัติก็มีสองทาง คือ ทางปฏิบัติผิด กับ ทางปฏิบัติถูก (มิจฉาปฏิปทา กับ สัมมาปฏิปทา) จากคำถามนั้น จึงน่าจะชาวพุทธยังมิจฉาปฏิปทากันอยู่ :b1:

ผู้ปฏิบัติแม้จะรู้ทางสายเกิดของปฏิจจสมุปบาท
แต่ไม่รู้ทางสายดับของปฏิจจสมุปบาทก็ยังเป็นผู้ปฏิบัติผิดอยู่


เชิญลุงหมานวิสัชชนาทางสายดับครับ :b8:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ม.ค. 2013, 09:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


choochu เขียน:
เพียงพอ แน่นอน แต่คนส่วนใหญ่ คิดว่าทำบุญด้วยการบริจาคเงินเป็นการดับทุกข์ การไหว้พระขอพรเป็็นการดับทุกข์

เขาอาจจะได้รับความสบายใจ ในช่วงนั้น แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็กลับมาทุกข์

การปฎิบัติเท่านั้น ที่จะดับทุกข์ได้อย่างถาวร แล้วการปฎิบัตินั้น ต้องตามที่พระพุทธองค์สอนเท่านั้น

คือวิปัสสะนา กรรมฐานครับ

onion

เชิญคุณ choo แนะนำวิปัสสนากรรมฐานครับ :b8:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ม.ค. 2013, 10:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อดีต ปัจจุบัน อนาคต ธรรมะก็มีของมันอยู่อย่างนั้น ทั้งความทุกข์ และความดับทุกข์ (เอาที่สรุปปฏิจจสมุปบาททั้งฝ่ายทุกข์เกิด และฝ่ายทุกข์ดับให้ดู...เอวเมตัสสะ เกวลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ สมุทโย โหติ...เอวเมตัสสะ เกวลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ นิโรโธ โหติ) ทางแห่งการปฏิบัติก็มีสองทาง คือ ทางปฏิบัติผิด กับ ทางปฏิบัติถูก (มิจฉาปฏิปทา กับ สัมมาปฏิปทา) จากคำถามนั้น จึงน่าจะชาวพุทธยังมิจฉาปฏิปทากันอยู่ :b1:

พูดปะสาอะไร ธรรมะมันต้องเริ่มด้วย ทิฐิ
มันไม่ได้ปฏิบัติถูกหรือผิด

ถ้ามีสัมมาทิฐิหรือเห็นถูก ก็ปฏิบัติถูก
ถ้ามีมิจฉาทิฐิหรือเห็นผิด ก็ปฏิบัติผิด
เข้ามั้ยล่ะกรัชกาย :b13:

ต่อไปนี้เป็นคำพูดของนายกรัชกาย เมื่อได้เห็นความเห็นของพี่โฮฮับ

กรัชกายพูดว่า"สัมมาทิฐิแปลว่าอะไรนายโฮเด้ง" :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ม.ค. 2013, 10:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อดีต ปัจจุบัน อนาคต ธรรมะก็มีของมันอยู่อย่างนั้น ทั้งความทุกข์ และความดับทุกข์ (เอาที่สรุปปฏิจจสมุปบาททั้งฝ่ายทุกข์เกิด และฝ่ายทุกข์ดับให้ดู...เอวเมตัสสะ เกวลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ สมุทโย โหติ...เอวเมตัสสะ เกวลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ นิโรโธ โหติ) ทางแห่งการปฏิบัติก็มีสองทาง คือ ทางปฏิบัติผิด กับ ทางปฏิบัติถูก (มิจฉาปฏิปทา กับ สัมมาปฏิปทา) จากคำถามนั้น จึงน่าจะชาวพุทธยังมิจฉาปฏิปทากันอยู่ :b1:

พูดปะสาอะไร ธรรมะมันต้องเริ่มด้วย ทิฐิ
มันไม่ได้ปฏิบัติถูกหรือผิด

ถ้ามีสัมมาทิฐิหรือเห็นถูก ก็ปฏิบัติถูก
ถ้ามีมิจฉาทิฐิหรือเห็นผิด ก็ปฏิบัติผิด
เข้ามั้ยล่ะกรัชกาย :b13:

ต่อไปนี้เป็นคำพูดของนายกรัชกาย เมื่อได้เห็นความเห็นของพี่โฮฮับ

กรัชกายพูดว่า"สัมมาทิฐิแปลว่าอะไรนายโฮเด้ง" :b9:


ที่พูดมาเนี่ย ตรงไหนคือคำถามล่ะ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ม.ค. 2013, 11:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อดีต ปัจจุบัน อนาคต ธรรมะก็มีของมันอยู่อย่างนั้น ทั้งความทุกข์ และความดับทุกข์ (เอาที่สรุปปฏิจจสมุปบาททั้งฝ่ายทุกข์เกิด และฝ่ายทุกข์ดับให้ดู...เอวเมตัสสะ เกวลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ สมุทโย โหติ...เอวเมตัสสะ เกวลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ นิโรโธ โหติ) ทางแห่งการปฏิบัติก็มีสองทาง คือ ทางปฏิบัติผิด กับ ทางปฏิบัติถูก (มิจฉาปฏิปทา กับ สัมมาปฏิปทา) จากคำถามนั้น จึงน่าจะชาวพุทธยังมิจฉาปฏิปทากันอยู่ :b1:

พูดปะสาอะไร ธรรมะมันต้องเริ่มด้วย ทิฐิ
มันไม่ได้ปฏิบัติถูกหรือผิด

ถ้ามีสัมมาทิฐิหรือเห็นถูก ก็ปฏิบัติถูก
ถ้ามีมิจฉาทิฐิหรือเห็นผิด ก็ปฏิบัติผิด
เข้ามั้ยล่ะกรัชกาย :b13:

ต่อไปนี้เป็นคำพูดของนายกรัชกาย เมื่อได้เห็นความเห็นของพี่โฮฮับ

กรัชกายพูดว่า"สัมมาทิฐิแปลว่าอะไรนายโฮเด้ง" :b9:


ที่พูดมาเนี่ย ตรงไหนคือคำถามล่ะ :b1:

เราไม่ได้ถาม แต่ถามแทนกรัชกาย เพราะรู้นิสัย
ประเภทคุยกับใครเขาไม่รู้เรื่อง แต่อยากมีส่วนร่วม
อาศัยถามคำศัพท์ถูไถไปเรื่อยๆ :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 31 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 55 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร