| ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
| 2โลก http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=44435 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
| เจ้าของ: | ฝึกจิต [ 28 ม.ค. 2013, 00:14 ] |
| หัวข้อกระทู้: | 2โลก |
โลกหนึ่ง กุศลธรรม ดำเนินไปตามเหตุปัจจัย ...... โลกหนึ่ง ว่างเปล่า ไม่มีแม้ตัวตน ไม่มีทั้งมีและไม่มี ของโลกหนึ่งนี้
|
|
| เจ้าของ: | นายฏีกาน้อย [ 28 ม.ค. 2013, 20:10 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: 2โลก |
[๒๗๕] ชื่อว่าโลก คือ ขันธโลก ธาตุโลก อายตนโลก โลกคือภพวิบัติ โลกคือสมภพวิบัติ โลกคือภพสมบัติ โลกคือสมภพสมบัติ โลก ๑ คือสัตว์ทั้งปวง ดำรงอยู่ได้เพราะอาหาร โลก ๒ คือ นามและรูป โลก ๓ คือเวทนา ๓ โลก ๔ คืออาหาร ๔ โลก ๕ คือ อุปาทานขันธ์ ๕ โลก ๖ คือ อายตนะภายใน ๖ โลก ๗ คือ ภูมิเป็นที่ตั้งวิญญาณ ๗ โลก ๘ คือ โลกธรรม ๘ โลก ๙ คือ ภพเป็นที่อาศัยอยู่ของสัตว์ ๙ โลก ๑๐ คือ อายตนะ ๑๐ โลก ๑๒ คือ อายตนะ ๑๒ โลก ๑๘ คือ ธาตุ ๑๘ ฯ ----------------------------------------------------------
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๓ ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค |
|
| เจ้าของ: | ขณะจิต [ 28 ม.ค. 2013, 21:29 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: 2โลก |
หรือคือโลกียะ และโลกุตระ
|
|
| เจ้าของ: | ฝึกจิต [ 28 ม.ค. 2013, 23:57 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: 2โลก |
โลกหนึ่ง ถูกสร้างธรรมอันเป็นคู่ๆ โลกหนึ่ง ไม่มีการสร้างสิ่งใดเลย สภาวะของโลกหนึ่ง อยู่ตรงกลางของอีกโลกหนึ่ง
|
|
| เจ้าของ: | ฝึกจิต [ 29 ม.ค. 2013, 21:29 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: 2โลก |
ปัญญาที่นำไปเพื่อแสวงหา กลับทำให้ยิ่งห่างไกล ปัญญาที่ทำให้หยุดแสวงหา กลับทำให้ถึง
|
|
| เจ้าของ: | ฝึกจิต [ 31 ม.ค. 2013, 21:59 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: 2โลก |
วัชรปรัชญาปารมิตาสูตร เสถียร โพธินันทะ ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ เชตวนารามวิหารของท่านอณาถบิณฑิกเศรษฐีแขวงเมืองสาวัตถี พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ 1250 รูป ก็โดยสมัยนั้นแลเป็นกาลแห่งภัตต์ พระผู้มีพระภาคทรงครองจีวรทรงบาตร เสด็จจาริกไปบิณฑบาตรในนครสาวัตถีโดยลำดับ ครั้นแล้วเสด็จกลับมายังเชตวนารามทรงกระทำภัตกิจเสร็จ เก็บบาตรขึ้น ชำระพระบาท ประทับนั่งสมาธิบัลลังก์ครั้งนั้นแล พระสุภูติผู้มีอายุได้ลุกขึ้นจากท่ามกลางประชุมสงฆ์ ทำจีวรเฉลียงบ่าด้วยการลดไหล่ขวา แล้วคุกเข่าขวาลงสู่พื้น ประคองอัญชลีมายังพระผู้มีพระภาค พลางกราบทูลถามขึ้นว่า สุ “ หาได้ยากนักหนา ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ที่พระตถาคตทรงคอยระฤกในการตามคุ้มครอง และอบรมสั่งสอนปวงพระโพธิสัตว์อย่างดียิ่ง ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ กุลบุตรหรือกุลธิดาใดๆผู้บังเกิดจิตมุ่งต่อพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิ ควรจักปฏิบัติตั้งจิตของตนโดยสถานใด ควรจักควบคุมบำราบจิตของตนอย่างไรหนอพระเจ้าข้า” พ “ สาธุๆ สุภูติ เป็นความจริงดุจที่เธอกล่าว ตถาคตย่อมตามระฤกในการคุ้มครอง และอบรมสั่งสอนปวงพระโพธิสัตว์เป็นอย่างดี เธอจงตั้งใจฟัง เราจักแสดงแก่เธอ กุลบุตรหรือกุลธิดาใดๆ ผู้บังเกิดจิตมุ่งต่อพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิ ควรจักปฏิบัติตั้งจิตของตนอย่างนี้ ควรจักควบคุมบำราบจิตของตนอย่างนี้ “ สุ “ อย่างนั้น พระสุคต ข้าพระองค์มีความปลาบปลื้มยินดีเฝ้าคอยสดับอยู่ “ พ “ ดูก่อน สุภูติ ปวงพระโพธิสัตว์ มหาสัตว์ควรจักควบคุมบำราบจิตของตนอย่างนี้ว่า สรรพสัตว์ไม่ว่าจักเป็นเหล่าใดๆ คือ จักเป็นอัณฑะชะกำเนิดก็ดี, จักเป็นชลาพุชะกำเนิดก็ดี, จักเป็นสังเสทชะกำเนิดก็ดี, จักเป็นอุปปาติกะกำเนิดก็ดี, หรือจักมีรูปก็ดี ไม่มีรูปก็ดี มีสัญญาหรือไม่มีสัญญาก็ดี มีสัญญาก็มิใช่ไม่มีสัญญาก็มิใช่ก็ดี เราจักโปรดสัตว์ทั้งหลายดังกล่าวนี้ ให้บรรลุสำเร็จแก่อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ โดยประการฉะนี้ ปราศจากขอบเขตแต่โดยความจริงแล้ว ก็ไม่มีสัตว์ใดๆเป็นผู้บรรลุสำเร็จแก่อนุปาทิเสสนิพพานธาตุเลย ข้อนั้นเพราะเหตุดังฤา สุภูติ ถ้าพระโพธิสัตว์ยังมีความยืดถือผูกพันในอาตมะลักษณะ ในปุคคละลักษณะ ในสัตวะลักษณะ ในชีวะลักษณะไซร้ นั้นหาชื่อว่าเป็นพระโพธิสัตว์ไม่“ อนึ่ง สุภูติ ในการบำเพ็ญทานบารมี พระโพธิสัตว์จักต้องไม่ยึดติดอยู่ในธรรม กล่าวคือจักบำเพ็ญทานด้วยความไม่ยึดถือผูกพันในรูป ไม่ยึดถือผูกพันในเสียง กลิ่น รส สัมผัส และบำเพ็ญทานด้วยความไม่ยึดถือผูกพันในธรรมารมณ์ ดูก่อน สุภูติ พระโพธิสัตว์พึงบำเพ็ญทานด้วยความไม่ยึดถือผูกพันในการบำเพ็ญทานย่อมมีบุญกุศล อันจักคิดประมาณมิได้เลย สุภูติ เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน อากาศเบื้องทิศตะวันออกจักพึงคิดคำนวณประมาณได้อยู่ฤาหนอ สุ “ หามิได้ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ” พ “ ดูก่อนสุภูติ ถ้าเช่นนั้น อากาศเบื้องทิศใต้ ทิศตะวันตก ทิศเหนือ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ตลอดจนอากาศเบื้องบนและเบื้องล่าง จักพึงคิดคำนวณประมาณได้อยู่ฤาหนอ สุ “ หามิได้ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ” พ “ ดูก่อน สุภูติ พระโพธิสัตว์ไม่เป็นผู้มีความยึดถือผูกพันในการบำเพ็ญทานย่อมมีบุญกุศลอันไม่พึงคิด คำนวณประมาณได้ดุจกัน สุภูติ พระโพธิสัตว์พึงปฏิบัติตามคำสอนอย่างนี้แล” ............มีต่อ |
|
| เจ้าของ: | ฝึกจิต [ 01 ก.พ. 2013, 04:07 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: 2โลก |
พ “ ดูก่อน สุภูติ เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน พระตถาคตนั้นพึงจักเห็นได้ด้วยรูปลักษณะฤาหนอ” สุ “ หามิได้ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พระตถาคตเจ้ามิอาจจักเห็นได้ด้วยรูปลักษณะเลย ข้อนั้นเพราะเหตุใด ก็เพราะว่าพระตถาคตเจ้าตรัสแล้วว่า รูปลักษณะนั้น โดยความจริงแล้วมิได้มีสภาวะรูปลักษณะอยู่เลย” พ “ ดูก่อน สุภูติ สิ่งที่มีลักษณะทั้งปวง ย่อมเป็นมายา ถ้าสามารถเห็นแจ้งว่ารูปลักษณะทั้งปวง โดยความจริงแล้วไม่มีสภาวะแห่งรูปลักษณะ ก็ย่อมเห็นตถาคตได้ “ สุ “ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ยังจักมีสัตว์ใดที่ได้สดับพระธรรมบรรยาย ฉะนี้แล้วแลบังเกิดศรัทธาอันแท้จริงขึ้นหรือหนอ “ พ “ อย่ากล่าวอย่างนั้นซิ สุภูติ เมื่อตถาคตดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้ว 500 ปี หากมีบุคคลผู้ถือศีลบำเพ็ญกุศลมาบังเกิดความศรัทธาอันแท้จริงในพระธรรมบรรยาย นี้แลเขาจักถือว่านั่นเป็นความจริงไซร้ เธอพึงสำเหนียกไว้เถอะว่า บุคคลนั้นหาได้ปลูกฝังกุศลมูลเพียงในพระพุทธเจ้า 1 พระองค์ หรือพระพุทธเจ้า 2 พระองค์ 3 พระองค์ 4 พระองค์ 5 พระองค์ไม่ แต่เขาได้ปลูกฝังกุศลในพระพุทธเจ้านับด้วยพัน เป็นอเนกนับด้วยหมื่นเป็นอเนกจักนับประมาณพระองค์มิได้ บุคคลใดได้สดับพระธรรมบรรยายนี้บังเกิดจิตศรัทธาอันบริสุทธิ์แม้เพียงชั่วขณะเดียว สุภูติ ตถาคตย่อมรู้อยู่ ย่อมเห็นอยู่ในเขาเหล่านั้น สัตว์ทั้งหลายนี้ได้บรรลุบุญกุศลอันจักประมาณมิได้เลย ข้อนั้นเพราะเหตุดังฤา เพราะสรรพสัตว์เหล่านี้ย่อมจักไม่มีอาตมะลักษณะ ปุคคละลักษณะ สัตวะสักษณะ ชีวะลักษณะ ไม่มีธรรมลักษณะหรืออธรรมลักษณะ ด้วยเหตุเป็นไฉน ด้วยเหตุสรรพสัตว์เหล่านี้ ถ้ายังมีจิตยึดถือผูกพันในลักษณะ ก็ชื่อว่ายังมีความยืดถือในอาตมะ ปุคคละ สัตวะ และชีวะ หากยังมีความยึดถือในธรรมลักษณะ ก็ชื่อว่ายังมีความยึดถือในอาตมะ ปุคคละ สัตวะ และชีวะ ข้อนั้นเพราะเหตุดังฤา หรือหากมีความยึดถือในอธรรมลักษณะ ก็ยังชื่อว่ามีความยึดถือในอาตมะ ปุคคละ สัตวะ และชีวะดุจกัน เพราะเหตุฉะนั้นแล จึงไม่ควรยึดถือในธรรมและไม่ควรยึดถือในอธรรม นี้คือเหตุผลที่ตถาคตพร่ำสอนอยู่เสมอว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงกำหนดรู้ว่าธรรมะที่เราแสดงมีอุปมาดังผู้อาศัยพ่วงแพ แม้แต่ธรรมก็ยังต้องละเสีย จักกล่าวไปใยกับอธรรมเล่า” *1 (*1 ธรรมของพระพุทธองค์ดุจยานพาหนะมีแพเป็นต้น สำหรับผู้ข้ามพ้นทุกข์อาศัยข้ามวัฏฏสงสารเมื่อบรรลุถึงฝั่งอมตนิพพานที่ปรารถนาแล้ว ผู้นั้นก็ย่อมไม่แบกหามแพให้เป็นภาระ คงปล่อยทิ้งไว้ที่ชายฝั่งนั่นเอง แต่ในขณะที่ยังไม่บรรลุถึงฝั่งก็จำต้องอาศัยไปพลางๆ ข้อความนี้เปรียบเทียบได้กับพุทธภาษิตในอลคัททูปมสูตรแห่งบาลีมัชฌิมนิกาย-ผู้แปล ) “ สุภูติเอย เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน ตถาคตได้บรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณฤา ตถาคตได้แสดงพระธรรมเทศนาอยู่ฤา” สุ “ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ตามความเข้าใจของข้าพระองค์ในธรรมอรรถอันพระสุคตได้ตรัสไว้ ก็ไม่มีสภาวะใดแน่นอนที่เรียกว่าพระอนุตตระสัมมาสัมโพธิ และก็ไม่มีสภาวะธรรมแน่นอนอันใดซึ่งพระองค์แสดง ข้อนั้นเพราะเหตุไฉน เพราะว่าธรรมซึ่งพระผู้มีพระภาคตรัสทั้งหมดไม่ควรยึดถือ ไม่ควรกล่าว ไม่ใช่ธรรมและไม่ใช่อธรรมทั้งนี้ด้วยเหตุอันใด ด้วยเหตุว่า พระอริยะบุคคลทั้งหลายอาศัยอสังขตธรรมนี้แล้วจึงมีความแตกต่างกัน *2 ( *2 ธรรมทั้งปวงมีความศูนย์เป็นลักษณะ จึงกล่าวไม่ได้ว่าเป็นธรรมหรืออธรรม และจากความศูนย์นี้ เราจึงแบ่งประเภทอริยบุคคลต่างๆ เช่นพระโสดา สกทาคามี อนาคามีและพระอรหันต์ ทั้งนี้เพราะธรรมทั้งปวงไม่มีสภาวะแน่นอนอยู่ได้โดยตัวมันเอง ถ้ามีสภาวะแน่นอนในตัวของมันเองไซร้ พระอริยบุคคลประเภทต่างๆนี้ก็เกิดขึ้นไม่ได้) พ “ ดูก่อนสุภูติ เธอมีความคิดเห็นเป็นไฉน ถ้ามีบุคคลใดบำเพ็ญทานบริจาคด้วยสัปตรัตนะอันเต็มเปี่ยมทั่วมหาตรีสหัสโลกธาตุ บุคคลนั้นจักได้เสวยบุญกุศลอันมากมายกระนั้นฤาหนอ” สุ “ มากมายนั้นแล้วพระเจ้าข้า ข้อนั้นเพราะเหตุใด เพราะว่าบุญกุศลนั้นโดยความจริงแล้วก็ปราศจากสภาวะอันใดที่เป็นกุศล ฉะนั้นพระตถาคตเจ้าจึงตรัสว่าได้บุญกุศลมากมาย” *3 (*3 โดยปรมัตถ์บุญกุศลก็เป็นอนัตตาหรือศูนยตา การที่ไม่ยึดถือบุญกุศลนั่นแหละ จึงนับว่าเป็นบุญกุศลโดยแท้ เพราะเป็นบุญกุศลชนิดวิวัฏฏะ-ผู้แปล) พ “ ถ้ามีบุคคลได้อาศัยปฏิบัติตามพระสูตรนี้ แม้ที่สุดเพียงคาถา 4 บาท และประกาศสั่งสอนแก่ผู้อื่น บุญกุศลของผู้นั้นจักโอฬารยิ่งกว่าผู้ทำทานด้วยสัปตรัตนะข้อนั้นเพราะเหตุดังฤา สุภูติ พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ตลอดจนพระพุทธอนุตตรสัมมาสัมโพธิธรรมทั้งปวงล้วนมีกำเนิดจากพระสูตรนี้ สุภูติเอย สิ่งที่เรียกว่าพระพุทธธรรมนั้น โดยความจริงแล้วก็ไม่มีสภาวะพระพุทธธรรมนั้นเลย” ...........มีต่อ |
|
| เจ้าของ: | โฮฮับ [ 01 ก.พ. 2013, 04:22 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: 2โลก |
ฝึกจิต เขียน: โลกหนึ่ง ถูกสร้างธรรมอันเป็นคู่ๆ โลกหนึ่ง ไม่มีการสร้างสิ่งใดเลย สภาวะของโลกหนึ่ง อยู่ตรงกลางของอีกโลกหนึ่ง ![]() ถามจริงคุณเมาภาษาหรือเปล่าครับ พร่ำเพ้อโลกหนึ่ง โลกสองทำเอาซะเลเทะไปหมด มันจะมีโลกหนื่งโลกสองอะไรครับ โลกมันก็ใบเดียวนี่แหล่ะ มันเป็นธรรมชาติที่แบ่ง แล้วก็ไม่ไม่เป็นหนึ่งสองอะไรของคุณ พระพุทธองค์แบ่งธรรมชาติในโลกออกเป็นสาม การจะรู้ธรรมสามได้ ต้องค่อยๆรู้ธรรมหนึ่งและสอง หรือเรียกว่า....ธรรมคู่ ธรรมคู่ก็คือ กุศลและอกุศล เราต้องเรียนรู้ธรรมคู่เพี่อรู้ธรรมหนึ่ง นั้นก็คือ... ธรรมที่ไม่ใช่ทั้งกุศลและอกุศล ก็คือนิพพานนั้นเอง
|
|
| เจ้าของ: | ฝึกจิต [ 01 ก.พ. 2013, 04:25 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: 2โลก |
โฮฮับ เขียน: ฝึกจิต เขียน: โลกหนึ่ง ถูกสร้างธรรมอันเป็นคู่ๆ โลกหนึ่ง ไม่มีการสร้างสิ่งใดเลย สภาวะของโลกหนึ่ง อยู่ตรงกลางของอีกโลกหนึ่ง ![]() ถามจริงคุณเมาภาษาหรือเปล่าครับ พร่ำเพ้อโลกหนึ่ง โลกสองทำเอาซะเลเทะไปหมด มันจะมีโลกหนื่งโลกสองอะไรครับ โลกมันก็ใบเดียวนี่แหล่ะ มันเป็นธรรมชาติที่แบ่ง แล้วก็ไม่ไม่เป็นหนึ่งสองอะไรของคุณ พระพุทธองค์แบ่งธรรมชาติในโลกออกเป็นสาม การจะรู้ธรรมสามได้ ต้องค่อยๆรู้ธรรมหนึ่งและสอง หรือเรียกว่า....ธรรมคู่ ธรรมคู่ก็คือ กุศลและอกุศล เราต้องเรียนรู้ธรรมคู่เพี่อรู้ธรรมหนึ่ง นั้นก็คือ... ธรรมที่ไม่ใช่ทั้งกุศลและอกุศล ก็คือนิพพานนั้นเอง ![]() ทิฏฐิทั้งหลาย ก่อเกิดธรรมคู่ |
|
| เจ้าของ: | ฝึกจิต [ 01 ก.พ. 2013, 04:28 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: 2โลก |
ผลกุศลธรรมที่ทำแล้ว หาประมาณมิได้ คือ กุศลธรรมที่เกิดจากการกระทำอันไม่มีผู้รับผลนั้น เพราะผลกุศลธรรมนั้นจะแผ่ไพศาลไปทั้วทุกทิศ เพื่อทุกผู้ทุกนาม
|
|
| เจ้าของ: | โฮฮับ [ 01 ก.พ. 2013, 04:31 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: 2โลก |
ฝึกจิต เขียน: ปัญญาที่นำไปเพื่อแสวงหา กลับทำให้ยิ่งห่างไกล ปัญญาที่ทำให้หยุดแสวงหา กลับทำให้ถึง ![]() นิพพานไม่ต้องปฏิบัติหรือครับ แล้วการปฏิบัติในหลักของอิทธิบาทสี่เพื่อสัมมาญาณ ไม่เรียกว่าแสวงหาหรือครับ พูดธรรมแบบนี้ ในโลกอินเตอร์เนต มีตัวอย่างให้ดู ไม่เคยเห็นหรือ พระสงฆ์องค์เจ้า ถูกฆราวาสโจมตี หาว่าปาราชิก หาว่าอาบัติ เป็นโลกวัชชะ ดูซิครับ พระสงฆ์ยังโดนเลย แล้วคุณเป็นใครครับ
|
|
| เจ้าของ: | โฮฮับ [ 01 ก.พ. 2013, 04:33 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: 2โลก |
ฝึกจิต เขียน: ผลกุศลธรรมที่ทำแล้ว หาประมาณมิได้ คือ กุศลธรรมที่เกิดจากการกระทำอันไม่มีผู้รับผลนั้น เพราะผลกุศลธรรมนั้นจะแผ่ไพศาลไปทั้วทุกทิศ เพื่อทุกผู้ทุกนาม ![]() คุณนับถือศาสนาอะไรครับ ที่พูดอยู่น่ะ เอามาจากคำสอนของใครครับ
|
|
| เจ้าของ: | ฝึกจิต [ 01 ก.พ. 2013, 04:36 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: 2โลก |
โฮฮับ เขียน: ฝึกจิต เขียน: ปัญญาที่นำไปเพื่อแสวงหา กลับทำให้ยิ่งห่างไกล ปัญญาที่ทำให้หยุดแสวงหา กลับทำให้ถึง ![]() นิพพานไม่ต้องปฏิบัติหรือครับ แล้วการปฏิบัติในหลักของอิทธิบาทสี่เพื่อสัมมาญาณ ไม่เรียกว่าแสวงหาหรือครับ พูดธรรมแบบนี้ ในโลกอินเตอร์เนต มีตัวอย่างให้ดู ไม่เคยเห็นหรือ พระสงฆ์องค์เจ้า ถูกฆราวาสโจมตี หาว่าปาราชิก หาว่าอาบัติ เป็นโลกวัชชะ ดูซิครับ พระสงฆ์ยังโดนเลย แล้วคุณเป็นใครครับ ![]() สภาวะนิพพาน คือสภาวะไม่ต้องทำอะไรเลย .... ครับ ละอกุศลธรรม เจริญกุศลธรรม ให้ละเอียดขึ้นๆๆ
|
|
| เจ้าของ: | โฮฮับ [ 01 ก.พ. 2013, 04:47 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: 2โลก |
ฝึกจิต เขียน: โฮฮับ เขียน: ฝึกจิต เขียน: ปัญญาที่นำไปเพื่อแสวงหา กลับทำให้ยิ่งห่างไกล ปัญญาที่ทำให้หยุดแสวงหา กลับทำให้ถึง ![]() นิพพานไม่ต้องปฏิบัติหรือครับ แล้วการปฏิบัติในหลักของอิทธิบาทสี่เพื่อสัมมาญาณ ไม่เรียกว่าแสวงหาหรือครับ พูดธรรมแบบนี้ ในโลกอินเตอร์เนต มีตัวอย่างให้ดู ไม่เคยเห็นหรือ พระสงฆ์องค์เจ้า ถูกฆราวาสโจมตี หาว่าปาราชิก หาว่าอาบัติ เป็นโลกวัชชะ ดูซิครับ พระสงฆ์ยังโดนเลย แล้วคุณเป็นใครครับ ![]() สภาวะนิพพาน คือสภาวะไม่ต้องทำอะไรเลย .... ครับ ละอกุศลธรรม เจริญกุศลธรรม ให้ละเอียดขึ้นๆๆ ![]() คุณรู้จัก...กิริยาจิตของพระอรหันต์มั้ย สภาวะนิพพาน ไม่ใช่กุศลและอกุศล ดันบอกว่า ละอกุศล เจริญกุศลธรรม ให้ละเอียด ผมว่าแล้วคุณต้องเมาตัวหนังสือ
|
|
| เจ้าของ: | ฝึกจิต [ 01 ก.พ. 2013, 04:57 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: 2โลก |
โฮฮับ เขียน: ฝึกจิต เขียน: โฮฮับ เขียน: ฝึกจิต เขียน: ปัญญาที่นำไปเพื่อแสวงหา กลับทำให้ยิ่งห่างไกล ปัญญาที่ทำให้หยุดแสวงหา กลับทำให้ถึง ![]() นิพพานไม่ต้องปฏิบัติหรือครับ แล้วการปฏิบัติในหลักของอิทธิบาทสี่เพื่อสัมมาญาณ ไม่เรียกว่าแสวงหาหรือครับ พูดธรรมแบบนี้ ในโลกอินเตอร์เนต มีตัวอย่างให้ดู ไม่เคยเห็นหรือ พระสงฆ์องค์เจ้า ถูกฆราวาสโจมตี หาว่าปาราชิก หาว่าอาบัติ เป็นโลกวัชชะ ดูซิครับ พระสงฆ์ยังโดนเลย แล้วคุณเป็นใครครับ ![]() สภาวะนิพพาน คือสภาวะไม่ต้องทำอะไรเลย .... ครับ ละอกุศลธรรม เจริญกุศลธรรม ให้ละเอียดขึ้นๆๆ ![]() คุณรู้จัก...กิริยาจิตของพระอรหันต์มั้ย สภาวะนิพพาน ไม่ใช่กุศลและอกุศล ดันบอกว่า ละอกุศล เจริญกุศลธรรม ให้ละเอียด ผมว่าแล้วคุณต้องเมาตัวหนังสือ สัมมาวายามะ เป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เกิดฉันทะพยายาม ปรารภความ เพียร ประคองจิตไว้ ตั้งจิตไว้ เพื่อมิให้อกุศลธรรมอันลามกที่ยังไม่ เกิดบังเกิดขึ้น เพื่อละ อกุศลธรรมอันลามกที่บังเกิดขึ้นแล้ว เพื่อให้กุศลธรรมที่ยัง ไม่เกิดบังเกิดขึ้น เพื่อความตั้งอยู่ ไม่เลือนหาย เจริญยิ่ง ไพบูลย์ มีขึ้น เต็มเปี่ยม แห่งกุศลธรรมที่บังเกิดขึ้นแล้ว อันนี้เรียกว่า สัมมาวายามะ ฯ
|
|
| หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
| Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |
|