วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 21:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2013, 16:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2013, 11:46
โพสต์: 137


 ข้อมูลส่วนตัว


วันนี้ดิฉันนั่งอยู่ในร้านเน็ต เช็คเมล์ ดูเวบ เผอิญมีป้าคนนึงเดินเข้ามาขอเงิน ถือป้ายมาด้วย
ข้อความในป้ายก็ประมาณว่า เป็นมะเร็ง เป็นใบ้ด้วย และมีพ่อป่วยนอนอยู่บ้าน เป็นอัมพฤกษ์
ไม่มีคนดูแล คิดดูนะคะ เดินเข้ามาขอถึงในร้านเลย คิดว่าทุกท่านอาจเคยเจอคนลักษณะแบบนี้
มาขอเงินบ้างแล้ว และส่วนมากได้ยินมาว่าไม่ใช่คนไทยและมักจะมาหลอกลวง ดิฉันสังเกตดู
คนป่วยอะไร ท่าทางแข็งแรง หน้าตาสดชื่น ดิฉันก็มีทีเด็ดเหมือนกันค่ะ เลยโชว์ทีเด็ดซะเลย
ดิฉันควักเงินออกมา 100 บาท พร้อมพนมมืออธิฐานออกมาเป็นเสียงประมาณว่าให้ได้ยิน
แล้วดิฉันก็พูดออกมาว่า "สิ่งศักดิ์สิทธิ์โปรดเป็นพยานหากสิ่งที่เขากล่าวมาเป็นเรื่องจริงก็ขอ
ให้เงินของดิฉันสามารถช่วยเขาได้ตามกำลังและหายป่วยโดยเร็ววัน แต่หากว่าเป็นการหลอกลวง
ก็ขอให้เขามีอันเจ็บไข้ได้ป่วยตามที่เขากล่าวมาภายใน 3 วัน 7 วัน และเดินทางไปไหนมาไหน
หรือทำอะไรก็ตาม ขอให้ชีวิตเขาเจอแต่การหลอกลวงเหมือนอย่างที่เขาทำกับคนอื่น สาธุ"


เท่านั้นแหละค่ะ จากคนใบ้ กลับหายสนิท พร้อมกับด่าดิฉันว่า "ปากเสีย ไม่อยากให้เงินก็ไม่ต้อง
ให้สิ่"
แล้วคุณป้าคนใบ้ก็เดินบิดก้นจากไป แพร่ดๆๆๆ อย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รับเงินเลยค่ะ
ดิฉันไม่โกรธป้าแกหรอกค่ะ แต่ขำมากกว่า คนใบ้ แต่พอโดนจี้ใจดำเข้าหน่อย หายใบ้เลย แถม
ด่าดิฉันได้อีกแน่ะ :b9:

.....................................................
อันความกรุณาปราณี จักมีใครบังคับก็หาไม่ หลั่งมาเองดั่งน้ำทิพย์ชโลมใจ จากฟากฟ้าสุลาลัยสู่แดนดิน
มอง...ข้างหน้า ให้เป็นความหวัง มอง...ข้างหลัง ให้เป็นบทเรียน มอง...สิ่งที่มัน หมุนเวียน เพื่อยอมรับ...การเปลี่ยนไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2013, 16:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2013, 11:46
โพสต์: 137


 ข้อมูลส่วนตัว


ยังมีอีกเรื่องนึงค่ะ หลายเดือนก่อน ดิฉันไปทำสังฆทานมาแถววัดใกล้ที่พัก ก็เลยหยิบหนังสือธรรมมะ หนังสื่อสวดมนต์ที่ทางวัดพิมพ์แจกติดมืออกมาด้วย 4-5 เล่ม พอขากลับเดินผ่านประตูวัดออกมา เจอน้องผู้หญิงคนนึงนั่งอยู่หน้าวัด เนื้อตัวมอมแมม ท่าทางไม่เต็ม ชี้นิ้วมาที่ดิฉัน ที่จริงชี้มาที่หนังสือที่ดิฉันถืออยู่มากกว่าค่ะ ดิฉันเดาว่าเธอคงอยากได้ ก็เลยกะจะหยิบแบ่งให้ไปซัก 2 เล่ม แต่เธอก็ยังชี้นิ้วมาอีก ดิฉันเลยให้ไปหมดเลยค่ะ ไม่เป็ไร คิดว่าเดี๋ยวเราหาเอาใหม่ก็ได้ แต่น้องเธอคงหาลำบาก เพราะดูท่าทางเธอไม่เต็มเท่าไหร่ พอกลับมาบ้านดิฉันก็มานั่งคิดว่าทำถูกหรือเปล่าหนอ คือจริงๆก็ไม่ได้หวงหนังสือหรอกค่ะ แต่เคยได้ยินสุภาษิตที่ว่า "กิ้งก่าได้ทอง" กันมั๊ยคะ ดิฉันกำลังบอกว่า ดิฉันมาคิดๆดู น้องเธอไม่เต็มเท่าไหร่ ให้หนังสือไปเธอคงจะอ่านไม่ออก เปรียบเสมือนการให้สิ่งของที่ไม่น่าจะเกิดประโยชน์ต่อผู้อื่นเขาย่อมไม่เห็นค่า แรกๆดิฉันก็คิดอยู่พักนึง หลังๆคิดใหม่ว่าคงไม่เป็นไรมั้ง เราตั้งใจ มีใจคิดแบ่งปันเอื้อเฟื้อ ถึงน้องเธอจะอ่านไม่ออก แต่อย่างน้อยหนังสือธรรมมะก็มีรูปพระ เธออาจเอารูปนั้นไปกราบ ไปบูชา ก็ได้มั้ง อย่างน้อยเธอก็ยังได้เข้าใกล้ศาสนาบัาง หรือย่างน้อยเธอหากจะเก็บไว้พัดวียามร้อน ก็ยังมีประโยชน์ต่อเธอบ้างมั้ง ดิฉันไม่ใช่คนคิดมากนะคะ แค่เป็นห่วง คิดว่าเธอเกิดมาชาตินี้มีกรรมที่ต้องเป็นบ้าใบ้ อย่างน้อยดิฉันก็ได้แบ่งปันเท่าที่โอกาสจะอำนวย พักนี้ไม่ได้เจอน้องเขาหรอกค่ะ แต่ใจก็นึกเป็นห่วงไปว่า พักนี้น้องเขาไปไหนน๊อ ไม่เห็นมาวัดเลย ไม่เห็นหน้าเลย สบายดีหรือเปล่าน๊อ

.....................................................
อันความกรุณาปราณี จักมีใครบังคับก็หาไม่ หลั่งมาเองดั่งน้ำทิพย์ชโลมใจ จากฟากฟ้าสุลาลัยสู่แดนดิน
มอง...ข้างหน้า ให้เป็นความหวัง มอง...ข้างหลัง ให้เป็นบทเรียน มอง...สิ่งที่มัน หมุนเวียน เพื่อยอมรับ...การเปลี่ยนไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2013, 16:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2013, 11:46
โพสต์: 137


 ข้อมูลส่วนตัว


หากวันนี้เป็นวันสุดท้ายของโลก

เราอยากจะบอกอะไรกับโลกบ้าง?

อยากขอบคุณที่ได้เกิดมาในโลกนี้

อยากขอบคุณท้องฟ้าสีครามและปุยเมฆสีขาว

อยากขอบคุณทะเลแสนงามที่ประดับไปด้วยหาดทรายและคลื่น

อยากขอบคุณที่มีสายลมพัดพาฝนมา และลมเย็นให้หายคลายร้อน


..................................


อยากขอบคุณที่ทำให้มีพระอาทิตย์พระจันทร์และดวงดาวบนฟ้า

อยากขอบคุณที่มีทำให้มีกลางวันแสนสนุกและกลางคืนไว้หลับนอนพักผ่อน

อยากขอบคุณที่ทำให้มีฤดูต่างๆกันไปไม่ให้เบื่อหน่าย

อยากขอบคุณผืนดินอันกว้างใหญ่ไพศาลแสนอบอุ่น


..................................

อยากขอบคุณที่ทำให้มีพืชพรรณธัญญาหารไว้กิน มีน้ำไว้ดื่ม

อยากขอบคุณภูเขา ป่าไม้และต้นน้ำลำธาร

อยากขอบคุณดอกไม้นานาพรรณหลากหลายสีสันแสนงดงาม

อยากขอบคุณที่ให้บ้านที่อบอุ่นและแสนสวยงามกับเราทุกคน

..................................

และสุดท้าย

ขอบคุณที่โลกช่วยสร้างพ่อแม่พี่น้องของเรา

และสร้างเพื่อนดีๆ น่ารักๆ ที่มีน้ำใจให้เสมอ

ในเว็บเล็กๆแห่งนี้ ^^

และไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร

ก็คุ้มแล้วที่ได้เกิดมาบนสถานที่แห่งนี้

โลกที่แสนงดงามสุดเสกสรรมาบรรยายได้ครบถ้วน

เปรียบดังเพชรสีน้ำเงินหนึ่งเดียวในจักรวาล

และเป็นหนึ่งเดียวในชีวิตของเราทุกคน

.....................................................
อันความกรุณาปราณี จักมีใครบังคับก็หาไม่ หลั่งมาเองดั่งน้ำทิพย์ชโลมใจ จากฟากฟ้าสุลาลัยสู่แดนดิน
มอง...ข้างหน้า ให้เป็นความหวัง มอง...ข้างหลัง ให้เป็นบทเรียน มอง...สิ่งที่มัน หมุนเวียน เพื่อยอมรับ...การเปลี่ยนไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2013, 17:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2013, 11:46
โพสต์: 137


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

เมื่อธงไหวไปตามสายลม สิ่งใดที่ถูกต้องกันแน่
ลมพัด ธงไหว หรือ ใจเราที่ไหวเมื่อมองเห็น

เมื่อคนด่าเรา จนเราโกรธ สิ่งใดที่ถูกต้องกันแน่
คำด่า เราฟัง หรือใจเราที่ไหวไปตามคำด่านั้น

เมื่อมีคนทำให้เราไม่พอใจ สิ่งใดที่ถูกต้องกันแน่
การกระทำของเขา การที่เราได้รับรู้ หรือใจที่เผลอไปเกลียดชังเข้าให้

เมื่อเราเก็บใจทีไม่ชอบนั้นไว้จนเป็นทุกข์ สิ่งใดที่ถูกต้องกันแน่
คนๆนั้น การได้มองเห็นเขา หรือ ความจำความทุกข์นั้นที่มาทำร้ายเรา

เมื่อเรายังคงรู้สึกเป็นทุกข์จากความครุ่นคิดของเรา สิ่งใดที่ถูกต้องกันแน่
คนที่ทำให้เราทุกข์ เรื่องที่เขาทำกับเรา หรือใจเราที่คิดปรุงแต่งความทุกข์นั้นขึ้นมาได้เองซ้ำแล้วซ้ำเล่า


เมื่อเราทบทวนดูแล้ว
ใจของเราที่เผลอไปให้ค่า
เผลอไปชอบหรือเกลียดชัง
เผลอไปจำความทุกข์เหล่านั้นไว้
เผลอไปปรุงแต่งเป็นเรื่องราวต่างๆ
นั่นแหละที่เป็นต้นเหตุของความทุกข์

มาปล่อยวางความทุกข์กันบ้างเถอะ
เพื่อไม่ให้ใจของเราแบกอดีตที่เจ็บปวดมากจนเกินไป
เรื่องราวทั้งหลายมันเป็นอดีตไปแล้ว
คำพูดที่ไม่ดีๆมันจบสิ้นไปนานแล้ว
การกระทำต่อเราที่ไม่ดี มันเป็นอดีตไปนานแล้ว

ให้อภัยตัวเองเสียบ้างที่เผลอไปเกลียดสิ่งต่างๆ
ให้ใจของตัวเองได้พัก ได้ผ่อนคลาย ได้ปล่อยวาง

เพราะทุกอย่างก็เป็นธรรมชาติของมัน
เพียงแต่ใจเราเผลอไปให้ค่า
เผลอไปไม่ชอบ ไปเกลียดชัง ไปผูกใจเจ็บ
เผลอไปสร้างหนามแหลม เศษแก้วคม เก็บไว้ในใจ
โดยไม่รู้ตัว

แล้วเราก็เผลอเอามันมากำ เอามีดมากรีดใจ
ด้วยสำคัญผิดว่าเขาเป็นคนทำเรา
แต่ที่แท้ เราทำร้ายตัวของเราเอง
เราสร้างความเกลียดชังขึ้น
สร้างมีด สร้างหนามแหลม สร้างเศษแก้วคมไว้ในใจ
แล้วเราก็นำสิ่งนั้นมาทำร้ายตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ความโกรธ ความไม่พอใจ
การได้พบคนที่ไม่พอใจ
ความคิดความจำเรื่องความทุกข์ต่างๆ
ก็เหมือนธงที่ไหวเมื่อถูกลมพัด
ไม่ได้คงที่ น่าพอใจ น่าเกลียดชัง
ไม่ได้มากไป ไม่ได้น้อยไป หรือ มีอยู่จริงด้วยซ้ำ

มีแต่ใจเราที่ “ไหว” ไปเท่านั้นเอง
มีแต่ใจที่เผลอไหวไปตามเรื่องราวต่างๆในชีวิตของเราเท่านั้นเอง


ลมก็พัดอยู่อย่างนั้น
ธงก็ไหวอยู่อย่างนั้น
ใจก็รู้ว่าลมพัดและธงไหว
แล้วใจก็รู้ว่าใจเราไหวบ้าง รู้ตัวบ้างเป็นธรรมดา

เราไม่เกลียดลมที่พัด
เราไม่เกลียดธงที่ไหวไปตามลม
เราไม่เกลียดชังใจที่ไหวนั้นด้วย
เราไม่เกลียดชังสิ่งใดๆเลย

เมื่อเราไม่เกลียดชังได้จริง

นี้คืออภัยทาน
อันเป็นทานสูงสุดในชีวิตของเรา
นี้คือการให้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเรา
เพราะเมื่อให้ได้แล้วใจเราจะได้ผ่อนคลาย
ใจเราจะได้ปล่อยวาง ใจเราจะได้อิสระกลับมาอีกครั้ง
ใจเราจะได้เบา ใจเราจะได้ยิ้มเสียที
ใจเราจะได้สัมผัสความสุข
ในครั้งหนึ่งที่ใจเคยอิ่มเอิบ
ก่อนที่ใจเราจะไหวไปตามลม
...............เมื่อคราวก่อน

.....................................................
อันความกรุณาปราณี จักมีใครบังคับก็หาไม่ หลั่งมาเองดั่งน้ำทิพย์ชโลมใจ จากฟากฟ้าสุลาลัยสู่แดนดิน
มอง...ข้างหน้า ให้เป็นความหวัง มอง...ข้างหลัง ให้เป็นบทเรียน มอง...สิ่งที่มัน หมุนเวียน เพื่อยอมรับ...การเปลี่ยนไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2013, 17:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2013, 09:36
โพสต์: 11

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


งามตา เขียน:
วันนี้ดิฉันนั่งอยู่ในร้านเน็ต เช็คเมล์ ดูเวบ เผอิญมีป้าคนนึงเดินเข้ามาขอเงิน ถือป้ายมาด้วย
ข้อความในป้ายก็ประมาณว่า เป็นมะเร็ง เป็นใบ้ด้วย และมีพ่อป่วยนอนอยู่บ้าน เป็นอัมพฤกษ์
ไม่มีคนดูแล คิดดูนะคะ เดินเข้ามาขอถึงในร้านเลย คิดว่าทุกท่านอาจเคยเจอคนลักษณะแบบนี้
มาขอเงินบ้างแล้ว และส่วนมากได้ยินมาว่าไม่ใช่คนไทยและมักจะมาหลอกลวง ดิฉันสังเกตดู
คนป่วยอะไร ท่าทางแข็งแรง หน้าตาสดชื่น ดิฉันก็มีทีเด็ดเหมือนกันค่ะ เลยโชว์ทีเด็ดซะเลย
ดิฉันควักเงินออกมา 100 บาท พร้อมพนมมืออธิฐานออกมาเป็นเสียงประมาณว่าให้ได้ยิน
แล้วดิฉันก็พูดออกมาว่า "สิ่งศักดิ์สิทธิ์โปรดเป็นพยานหากสิ่งที่เขากล่าวมาเป็นเรื่องจริงก็ขอ
ให้เงินของดิฉันสามารถช่วยเขาได้ตามกำลังและหายป่วยโดยเร็ววัน แต่หากว่าเป็นการหลอกลวง
ก็ขอให้เขามีอันเจ็บไข้ได้ป่วยตามที่เขากล่าวมาภายใน 3 วัน 7 วัน และเดินทางไปไหนมาไหน
หรือทำอะไรก็ตาม ขอให้ชีวิตเขาเจอแต่การหลอกลวงเหมือนอย่างที่เขาทำกับคนอื่น สาธุ"


เท่านั้นแหละค่ะ จากคนใบ้ กลับหายสนิท พร้อมกับด่าดิฉันว่า "ปากเสีย ไม่อยากให้เงินก็ไม่ต้อง
ให้สิ่"
แล้วคุณป้าคนใบ้ก็เดินบิดก้นจากไป แพร่ดๆๆๆ อย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รับเงินเลยค่ะ
ดิฉันไม่โกรธป้าแกหรอกค่ะ แต่ขำมากกว่า คนใบ้ แต่พอโดนจี้ใจดำเข้าหน่อย หายใบ้เลย แถม
ด่าดิฉันได้อีกแน่ะ :b9:



ยอมรับเลยครับ......ว่า แน่นอนจริงๆ.........เล่นเอาขอทานกระเจิง เลย.....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มี.ค. 2013, 16:30 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2876


 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes :b8: ขอโมทนาคะ คุณงามตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2013, 10:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2012, 12:01
โพสต์: 376


 ข้อมูลส่วนตัว


งามตา เขียน:
วันนี้ดิฉันนั่งอยู่ในร้านเน็ต เช็คเมล์ ดูเวบ เผอิญมีป้าคนนึงเดินเข้ามาขอเงิน ถือป้ายมาด้วย
ข้อความในป้ายก็ประมาณว่า เป็นมะเร็ง เป็นใบ้ด้วย และมีพ่อป่วยนอนอยู่บ้าน เป็นอัมพฤกษ์
ไม่มีคนดูแล คิดดูนะคะ เดินเข้ามาขอถึงในร้านเลย คิดว่าทุกท่านอาจเคยเจอคนลักษณะแบบนี้
มาขอเงินบ้างแล้ว และส่วนมากได้ยินมาว่าไม่ใช่คนไทยและมักจะมาหลอกลวง ดิฉันสังเกตดู
คนป่วยอะไร ท่าทางแข็งแรง หน้าตาสดชื่น ดิฉันก็มีทีเด็ดเหมือนกันค่ะ เลยโชว์ทีเด็ดซะเลย
ดิฉันควักเงินออกมา 100 บาท พร้อมพนมมืออธิฐานออกมาเป็นเสียงประมาณว่าให้ได้ยิน
แล้วดิฉันก็พูดออกมาว่า "สิ่งศักดิ์สิทธิ์โปรดเป็นพยานหากสิ่งที่เขากล่าวมาเป็นเรื่องจริงก็ขอ
ให้เงินของดิฉันสามารถช่วยเขาได้ตามกำลังและหายป่วยโดยเร็ววัน แต่หากว่าเป็นการหลอกลวง
ก็ขอให้เขามีอันเจ็บไข้ได้ป่วยตามที่เขากล่าวมาภายใน 3 วัน 7 วัน และเดินทางไปไหนมาไหน
หรือทำอะไรก็ตาม ขอให้ชีวิตเขาเจอแต่การหลอกลวงเหมือนอย่างที่เขาทำกับคนอื่น สาธุ"


เท่านั้นแหละค่ะ จากคนใบ้ กลับหายสนิท พร้อมกับด่าดิฉันว่า "ปากเสีย ไม่อยากให้เงินก็ไม่ต้อง
ให้สิ่"
แล้วคุณป้าคนใบ้ก็เดินบิดก้นจากไป แพร่ดๆๆๆ อย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รับเงินเลยค่ะ
ดิฉันไม่โกรธป้าแกหรอกค่ะ แต่ขำมากกว่า คนใบ้ แต่พอโดนจี้ใจดำเข้าหน่อย หายใบ้เลย แถม
ด่าดิฉันได้อีกแน่ะ :b9:


อ่านเรื่องของคุณงามตาแล้วรู้สึกตลกดีค่ะ คนใบ้โดนร่ายมนต์จนหายใบ้เลย เดี๋ยวจะลอง
จำไปใช้มั่ง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2013, 11:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2012, 12:01
โพสต์: 376


 ข้อมูลส่วนตัว


ของดิฉันก็มีประสพการณ์ที่ยิ่งกว่านิยายมาแบ่งปันค่ะ

วันนี้ก็เดินผ่านไปซื้อของที่ตลาดมา พอดีเห็นเด็กคนนึงน่ารักดี อายุประมาณ 4- 5 ขวบได้
ด้วยความน่ารัก ดิฉันก็เลยกล่าวทักท้ายน้องผู้หญิงคนนั้น พอดีแม่เธอคุยกับดิฉัน คุยไปคุยมา
จึงรู้ว่าเป็นลูกบุญธรรม ดิฉันก็เลยถามไปว่าได้น้องมายังไง พ่อแม่แท้ๆของน้องไปไหน

แม่ค้าจึงเล่าให้ฟังว่าพ่อแม่เด็กเป็นวัยรุ่นคู่หนึง ท่าทางจะเป็นวัยรุ่นใจแตก พอคลอดน้องไม่กี่อาทิตย์
ก็ทิ้งน้องไว้ในห้องเช่าแล้วหนีไป เด็กยังตัวแดงๆอยู่เลยค่ะ เด็กร้องอยู่คนเดียวในห้องเพราะหิวนม
ภายในห้องว่างเปล่า ไม่มีเฟอร์นิเจอร์หรืออะไรเลยที่บอกว่ามีคนอาศัยอยู่ ทุกคนที่เห็นต่างก็สรุปว่า
พ่อแม่เด็กหนีไปแล้วแน่นอน พอดีแม่ค้าผ่านมาเห็น ด้วยความสงสารจึงรับมาเลี้ยงดูและมีการจดทะเบียน
รับเป็นลูกบุญธรรมถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ โลกนี้มันเบี้ยวค่ะ คนอยากมีลูกกลับไม่มี คนที่ยัง
ไม่พร้อมจะมีกลับทำพลาดลูกดกหัวปีท้ายปี น่าเห็นใจคนมีลูกไม่ได้นะคะ ชีวิตยิ่งกว่าละครหลังข่าวอีก
ตอนนี้แม่ค้าก็เลี้ยงน้องมาได้ 4- 5 ปีแล้วล่ะค่ะ

ดิฉันถามแม่ค้าว่าหากมีวันนึงพ่อแม่บังเกิดเกล้าของน้องสำนึกได้แล้วกลับใจอยากรับน้องคืน จะยอมมั๊ย
แม่ค้าเลยบอกว่าไม่ยอม เป็นดิฉันก็ไม่ยอมค่ะ เรื่องอะไรล่ะ อยากทิ้งก็ทิ้ง อยากเอาคืนก็เอาคืน ไม่คืน
หรอกค่ะ ถ้าเป็นเรื่องกฎหมายในกรณีนี้นอกจากกฎหมายจะไม่ยอมคืนแล้ว พ่อแม่แท้ๆยังต้องถูกลง
โทษตามกฎหมายอีกด้วยค่ะ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องจิตใจของเด็กก็คงต้องถามความสมัครใจของเด็กด้วย
หากน้องเขาอยากไปก็ขอคิดดูก่อน หรืออีกวิธีนึงก็คือให้พ่อแม้แท้ๆอุปถัมภ์โดยให้เด็กอยู่กับเราและให้
พ่อแม่หมั่นมาเยี่ยมเอา แต่ถ้าจะคืนไปเลยคงยากหน่อยนะคะสำหรับดิฉัน

แต่ดิฉันว่าพ่อแม้แท้ๆของน้องหากวันนึงสำนึกได้คงยากที่จะหาลูกเจอค่ะ เพราะวันที่ทิ้ง
น้องไปนั้นไม่มีอะไรติดตัวน้องเลย ยืนยันไม่ได้ว่าเป็นลูกตัวเอง ถึงจะตรวจดีเอนเอ แล้ว
ใครจะยอมให้ตรวจง่ายๆล่ะคะ อยู่ๆมาอ้างแล้วมาขอตรวจ อย่าว่าแต่ดีเอ็นเอเลยค่ะ ตอนนี้
น้องอยู่ไหนจะหาเจอหรือเปล่าเหอะ หากมีวันนึงเมื่อพ่อแม่น้องสำนึกได้แล้วมาขอน้องคืน
ถึงตอนนั้นน้องอาจโตเป็นสาวแล้วก็ได้ค่ะ ถ้าดิฉันเป็นน้องก็คงทำใจลำบาก ฝ่ายนึงก็เป็น
แม่บุญธรรม อุ้มชูเลี้ยงดู ส่งเสีย เมตตากรุณา มีพระคุณล้นฟ้า อีกฝ่ายก็แม่บังเกิดเกล้าผู้
ให้ชีวิต หากดิฉันเป็นน้องคงเลือกยืนตรงกลางค่ะ เลี้ยงดูแม่บุญธรรมและแม่บังเกิดเกล้า
ทั้งสองท่าน แต่อาศัยอยู่กับแม่บุญธรรม ส่วนแม่บังเกิดเล้าก็หมั่นไปเยี่ยม ไปดูแล หรือหาก
เป็นไปได้ก็รับมาอยู่ด้วยกันทั้งสองท่านเลย จะได้ดูแลทั้งสองท่าน นอกนั้นคงไม่มีวิธีที่
ดีและละมุนละม่อมมากกว่านี้แล้วล่ะค่ะ ขอให้ทุกท่านโชคดี ไม่ต้องเจอเรื่องแบบน้องคนนี้นะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2013, 15:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5111

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


เราไม่อาจตัดสินด้วยการมองจากภายนอกได้
เพราะแม้แต่ "สัตว์เดรัจฉาน" ก็ยังมี "วาสนาบารมี" ของเขามา
แต่เพราะ"กรรมชั่วบางประการ" จึงทำให้เขาได้อัตภาพอย่างนั้นๆ

การได้เกิดเป็นมนุษย์ จะดี ชั่ว รวย จน สวย ขี้เหร่ พิการ บ้า ใบ้ ฯลฯ
อย่างน้อยเขาเคยทำกรรมดีของเขามา

ช่วยเอื้ออาทรแบบที่คุณงามตาทำ มีความเห็นใจให้เขา แบ่งปันให้เขานั้นดีแล้วล่ะค่ะ :b16:

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 121 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร