วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 23:00  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2013, 20:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 เม.ย. 2013, 22:09
โพสต์: 1

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีค่ะ ดิฉันอยากจะขอปรึกษาปัญหาบางอย่างสักหน่อย
พอดีดิฉันมีพี่ชายที่กำลังจะเรียนจบปริญญาตรีคณะบริหารธุรกิจมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง(ได้ทุน)
พ่อและแม่ลงความเห็นให้พี่เลือกเรียนต่อปริญญาโทคณะที่ต้องการ
แต่พี่กลับบอกว่า ไม่ จะบวชเรียน และค่อยกลับมาเรียนปีหน้า
แต่ในบางครั้ง ก็พูดเป็นนัยๆว่าเสมือนว่าจะไม่กลับมา
เพราะ ที่บ้านมีแต่ทุกข์ ทุกคนไม่รู้หรอก
อยู่คนเดียวสงบๆมีความสุขกว่า เงินไม่จำเป็น ไม่อยากรบกวน
อยู่แค่นี้ก็พอ อะไรไม่จำเป็นก็ไม่ต้อง เรื่องร่างกายก็เหมือนกัน
ให้เลิกพูดว่าเขาอ้วนเพราะมันเป็นแค่สิ่งภายนอก
(ซึ่งเดิมทีเขาเคยหลงใหลกับการมีกล้ามและหุ่นที่เฟิร์ม ชอบเข้าฟิตเนสและเสียค่าสมัครไปหลายหมื่น)
แต่สิ่งที่เขาประหยัด ดิฉันว่ามันมากไป เช่น
ไปไหนมาไหนด้วยรองเท้าแตะที่สึกและพื้นลื่นจนอาจเกิดอันตรายได้
ใส่ชุดนศ.ซ้ำตัวละ2-3ครั้งต่ออาทิตย์ ด้วยเหตุผลที่ว่า "เงินไม่พอ"(พ่อให้เดือนละ15000)
ดิฉันเข้าใจว่าค่าครองชีพสูง แต่อะไรที่ตัดได้เขาก็ไม่ยอมตัด
กลับอยู่หอเดือนละ5000 เปิดทีวีเล่นเกมส์ทั้งวันทั้งคืนและนอนตอนเช้า
กินอาหารแพงๆ และจำนวนมาก และยังชอบนำเงินไปซื้อสิ่งศักดิสิทธ์มาบูชา
ตามท่าช้าง เขาบอกอีกด้วยว่าจะนำมาลงคาถาเอง =*=
เขามักพูดอะไรที่เป็นเรื่องบาปบุญคุณโทษ
ทุกครั้งที่เราคุยกันในครอบครัวไม่ว่าเรื่องใดๆ
เขาจะต้องวนกลับมาเกี่ยวกับเรื่องเวรกรรม (สีหน้ามั่นใจเวลาพูด)
ซึ่งพ่อเคยถามว่าเรื่องแบบนี้ไปเอามาจากไหน
เขาก็มักจะตอบว่า พี่คนหนึ่ง รูมเมท หรือหลวงพ่อบลาๆๆ
ส่วนตัวฉันเองฟังทีไรก็หงุดหงิดทุกครั้งที่ฟังเรื่องแบบนี้
จนบางครั้งฉันก็อยากจะอยู่นอกศาสนาเสียเลย
หากว่าศาสนาจะทำให้พี่หลงจนอยากบวช
ในขณะที่ทางบ้านยังต้องดิ้นรนหาเงิน และฉันก็ยังต้องเรียน(รัฐบาล)
ในฐานะทางบ้านเช่นนี้ ฉันว่าเขาควรจะรีบเรียนให้จบ แล้วทำงาน
เพื่อเลี้ยงครอบครัวมากกว่า ฉันอยากเห็นพ่อสบายไวๆ
แต่ตัวฉันเองก็ยังไม่มีรายได้เป็นของตัวเองเช่นกัน
ทุกวันฉันต้องทุกข์ใจที่เห็นพ่อเครียดเรื่องพี่ และคิดมาตลอดว่า
จะต้องรีบเรียนให้จบหาเงินให้ได้มากที่สุดและต้องอยู่ดูแลพ่อแม่จนลมหายใจสุดท้ายของท่าน


เอาล่ะเล่ามายาวขนาดนี้ ดิฉันอยากจะขอถามทุกๆท่านว่า
1.ถ้าพี่ชายฉันออกบวช ในสถานการณ์เช่นนี้ และไม่กลับมาอีก ท่านว่าจะบาปไหม?
2.ถ้าฉันอยากจะทำให้พี่ฉันตื่นจากความเชื่อเช่นนี้ ฉันจะผิดหรือไม่? และควรทำอย่างไร

..วานผู้รู้ทุกท่านมาช่วยตอบดิฉันที
ขอบคุณมากค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2013, 22:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ค. 2012, 00:24
โพสต์: 34


 ข้อมูลส่วนตัว


1.ถ้ามีผู้รู้ซักคนตอบว่าบาป คุณจะนำคำตอบไปบอกพีี่คุณ แล้วคิดว่าเค้าจะเชื่อหรือเลิกบวชหรือเปล่าผมว่าไม่. ดังน้ันคำตอบหาได้มีความสำคัญแต่อย่างใด. ผู้ตอบว่าบาป เค้าก็จะอ้างต่างๆนาๆว่าบาปอย่างไร. ผู้ตอบไม่บาปก็จะหาเหตุผลดีๆสนับสนุนเช่นกัน. ไม่ว่าบุญหรือบาปจิตไม่ควรไปติดข้องกะมันหรอกนะครับ

2.ถ้าทำให้ตื่นได้ก็เป็นเรื่องดี. คำถามก็คือคุณตื่นพอที่จะทำให้คนอื่นตื่นได้หรือยัง

ถ้าเหตุการณ์เช่นนี้เกิดกับพี่ชายผม ผมคงให้เค้าได้เรียนรู้ด้วยตัวเค้าเอง จะอยากให้เค้าเป็นแบบนั้นแบบนี้คงไม่. ผมทำได้แค่เพียงในปัจจุบันเขณะนี้ผมสามารถทำอะไรได้บ้าง.เท่านั้น..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2013, 22:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


บวช....ไม่บาป

จะไปชักจูงให้ใครสักคน...ออกจากความดี...บาป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2013, 23:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ต้องแยกกันนะครับ..อันไหนพี่คุณทำดี..อันไหนเป็นเรื่องไม่ดี..อย่าเอามาปนกัน

แต่ที่คุณเดือดร้อนที่พี่คุณว่าจะบวช(ไม่สึก)...เพราะที่สุดจะทำให้คุณลำบากรึเปล่า?

แสดงว่า...คุณกำลังปกป้องตัวเอง??

อาจจะงง..นะ..อิอิ...ถ้าอยากรู้ลองไปปฏิบัติธรรมที่ไหนสักที่ดูนะครับ

อ้างคำพูด:
ฉันอยากเห็นพ่อสบายไวๆ
แต่ตัวฉันเองก็ยังไม่มีรายได้เป็นของตัวเองเช่นกัน
ทุกวันฉันต้องทุกข์ใจที่เห็นพ่อเครียดเรื่องพี่ และคิดมาตลอดว่า
จะต้องรีบเรียนให้จบหาเงินให้ได้มากที่สุดและต้องอยู่ดูแลพ่อแม่จนลมหายใจสุดท้ายของท่าน


สาธุ.. :b8: :b8: :b8: คิดดีแล้วครับ

แต่เงินและทองที่คุณหามาแสนจะลำบากเพื่อมาปรนนิบัติพ่อแม่...ก็ช่วยพ่อและแม่ได้เพียงเฉพาะแต่ที่ท่านมีลมหายใจอยู่เท่านั้นนะ....ลมหายใจขาดไปเพียงนาทีเดียวแค่นั้นข้าวของที่คุณซื้อมาให้พ่อและแม่นั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับท่านเลย.....แม้ร่างกายที่คุณเลี้ยงดูท่านด้วยเงินและทอง...ท่านก็เอาไปด้วยไม่ได้

แต่ถ้าคุณสามารถบำรุงพ่อแม่ด้วยสิ่งที่..มีลมหายใจก็ใช้ได้...ขาดลมหายใจไปยังใช้ได้

คุณจะทำไม?

ถ้าคุณศึกษาตรงนี้ดีดีแล้ว...เรื่องที่พี่คุณจะบวชหรือจะมาทำมาหากิน...ก็ไม่เป็นปัญหากับใจคุณเลยครับผม..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2013, 00:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


TON9NOT เขียน:
สวัสดีค่ะ ดิฉันอยากจะขอปรึกษาปัญหาบางอย่างสักหน่อย
พอดีดิฉันมีพี่ชายที่กำลังจะเรียนจบปริญญาตรีคณะบริหารธุรกิจมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง(ได้ทุน)
พ่อและแม่ลงความเห็นให้พี่เลือกเรียนต่อปริญญาโทคณะที่ต้องการ
แต่พี่กลับบอกว่า ไม่ จะบวชเรียน และค่อยกลับมาเรียนปีหน้า
แต่ในบางครั้ง ก็พูดเป็นนัยๆว่าเสมือนว่าจะไม่กลับมา
เพราะ ที่บ้านมีแต่ทุกข์ ทุกคนไม่รู้หรอก
อยู่คนเดียวสงบๆมีความสุขกว่า เงินไม่จำเป็น ไม่อยากรบกวน
อยู่แค่นี้ก็พอ อะไรไม่จำเป็นก็ไม่ต้อง เรื่องร่างกายก็เหมือนกัน
ให้เลิกพูดว่าเขาอ้วนเพราะมันเป็นแค่สิ่งภายนอก
(ซึ่งเดิมทีเขาเคยหลงใหลกับการมีกล้ามและหุ่นที่เฟิร์ม ชอบเข้าฟิตเนสและเสียค่าสมัครไปหลายหมื่น)
แต่สิ่งที่เขาประหยัด ดิฉันว่ามันมากไป เช่น
ไปไหนมาไหนด้วยรองเท้าแตะที่สึกและพื้นลื่นจนอาจเกิดอันตรายได้
ใส่ชุดนศ.ซ้ำตัวละ2-3ครั้งต่ออาทิตย์ ด้วยเหตุผลที่ว่า "เงินไม่พอ"(พ่อให้เดือนละ15000)
ดิฉันเข้าใจว่าค่าครองชีพสูง แต่อะไรที่ตัดได้เขาก็ไม่ยอมตัด
กลับอยู่หอเดือนละ5000 เปิดทีวีเล่นเกมส์ทั้งวันทั้งคืนและนอนตอนเช้า
กินอาหารแพงๆ และจำนวนมาก และยังชอบนำเงินไปซื้อสิ่งศักดิสิทธ์มาบูชา
ตามท่าช้าง เขาบอกอีกด้วยว่าจะนำมาลงคาถาเอง =*=
เขามักพูดอะไรที่เป็นเรื่องบาปบุญคุณโทษ
ทุกครั้งที่เราคุยกันในครอบครัวไม่ว่าเรื่องใดๆ
เขาจะต้องวนกลับมาเกี่ยวกับเรื่องเวรกรรม (สีหน้ามั่นใจเวลาพูด)
ซึ่งพ่อเคยถามว่าเรื่องแบบนี้ไปเอามาจากไหน
เขาก็มักจะตอบว่า พี่คนหนึ่ง รูมเมท หรือหลวงพ่อบลาๆๆ
ส่วนตัวฉันเองฟังทีไรก็หงุดหงิดทุกครั้งที่ฟังเรื่องแบบนี้
จนบางครั้งฉันก็อยากจะอยู่นอกศาสนาเสียเลย
หากว่าศาสนาจะทำให้พี่หลงจนอยากบวช
ในขณะที่ทางบ้านยังต้องดิ้นรนหาเงิน และฉันก็ยังต้องเรียน(รัฐบาล)
ในฐานะทางบ้านเช่นนี้ ฉันว่าเขาควรจะรีบเรียนให้จบ แล้วทำงาน
เพื่อเลี้ยงครอบครัวมากกว่า ฉันอยากเห็นพ่อสบายไวๆ
แต่ตัวฉันเองก็ยังไม่มีรายได้เป็นของตัวเองเช่นกัน
ทุกวันฉันต้องทุกข์ใจที่เห็นพ่อเครียดเรื่องพี่ และคิดมาตลอดว่า
จะต้องรีบเรียนให้จบหาเงินให้ได้มากที่สุดและต้องอยู่ดูแลพ่อแม่จนลมหายใจสุดท้ายของท่าน


เอาล่ะเล่ามายาวขนาดนี้ ดิฉันอยากจะขอถามทุกๆท่านว่า
1.ถ้าพี่ชายฉันออกบวช ในสถานการณ์เช่นนี้ และไม่กลับมาอีก ท่านว่าจะบาปไหม?
2.ถ้าฉันอยากจะทำให้พี่ฉันตื่นจากความเชื่อเช่นนี้ ฉันจะผิดหรือไม่? และควรทำอย่างไร

..วานผู้รู้ทุกท่านมาช่วยตอบดิฉันที
ขอบคุณมากค่ะ


1 ไม่ทราบครับ เพราะ อยู่ที่จิตใจผู้ที่บวช การบวชนั้นตอนแรกอาจจะไม่รู้ พอบวชแล้วค่อยๆรู้ธรรม
หรือ รู้ธรรมบ้าง(วิปัสนาภาวนา) พอบวชก็ไปเสริมความรู้

บวช เพราะความศรัทธา แต่ยังไม่รู้ธรรม (วิปัสนาภาวนา) พอบวชแล้วความศรัทธาได้ถูกปรับให้เกิดความเห็นถูกต้องยิ่งขึ้น (ในกรณีอย่างนี้ เหมาะสมมากกับผู้ที่เอาศรัทธานำหน้า ควรจะบวช) คนที่มีความศรัทธามาก ไม่ได้หมายความว่าจะมีความเห็นที่ถูกต้องตามหลักพุทธศาสนา

การพูดแต่เรื่องเวรกรรม แสดงอย่างชัดเจนว่า เอาศรัทธาตั้ง แต่ ความเห็นยังไม่เป็นไปตามพุทธศาสนา เพราะพุทธศาสนานั้น ต้องเอาปัญญาตั้งครับ บุคคลจะล่วงทุกข์ด้วยปัญญา

2 ไม่ผิดครับที่จะปรับความเห็นของพี่ชายให้ถูกต้อง พุทธศาสนา เป็นเรื่องของการปรับความเห็นนั่นเอง(ไปในทางสัมมาทิฏฐิ ตามมรรค8ครับ)
ใช้มรรคเป็นแนวทางครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2013, 04:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 01:57
โพสต์: 324

แนวปฏิบัติ: อริยสัจ4
อายุ: 27
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว


ก่อนอื่นขอชื่นชมความกตัญญู รักครอบครัว และความตั้งใจที่ของคุณที่จะดูแลพ่อแม่ผู้มีพระคุณครับ

โค้ด:
เอาล่ะเล่ามายาวขนาดนี้ ดิฉันอยากจะขอถามทุกๆท่านว่า
1.ถ้าพี่ชายฉันออกบวช ในสถานการณ์เช่นนี้ และไม่กลับมาอีก ท่านว่าจะบาปไหม?
2.ถ้าฉันอยากจะทำให้พี่ฉันตื่นจากความเชื่อเช่นนี้ ฉันจะผิดหรือไม่? และควรทำอย่างไร


ข้อหนึ่ง ผลของการบวชจะเป็นอย่างไร ย่อมเป็นไปตามเจตนาของพี่ชายคุณ ซึ่งแน่นอนว่าเราคงไม่อาจจะรู้แน่ชัดได้หรอกว่าพี่ชายคุณตั้งใจจะบวชด้วยจุดประสงค์อะไร ดังนั้นจะบาปหรือไม่บาป ข้อนี้คงตอบไม่ได้

ส่วนข้อสองเป็นประเด็นที่น่าคิด

คุณว่าคุณทำให้คนอื่นเปลี่ยนความคิดได้หรือไม่ละ

ความคิด คือเอกลักษณ์ คือตัวคนของคนๆนั้น คุณจะเปลี่ยนความคิดพี่คุณ ก็ยากพอๆกับการที่จะเปลี่ยนคนคนหนึ่งให้กลายเป็นอีกคนนั่นละ ดังนั้นคุณเริ่มจากการทำใจคุณก่อนเถอะครับ ว่าคุณกำลังจะทำงานที่มีโอกาสสำเร็จน้อยมาก คือให้คิดเสียว่า ทำไปเผื่อฟลุก แต่ถ้าไม่สำเร็จ ก็จะไม่เสียใจ เพราะโอกาสสำเร็จมันน้อยมากอยู่แล้ว

ต่อมาคุณลองประเมินดูว่า ตัวคุณมีความพร้อมที่จะแก้ไขพี่คุณไหม คุณเข้าใจเรื่องที่พี่ชายคุณเชื่อไหม คุณเข้าใจว่าทำไมพี่คุณถึงคิด ถึงทำแบบที่เขาทำไหม คุณมีเหตุผลเพียงพอไหมที่จะตัดสินว่าสิ่งที่เขาทำเป็นโทษ ไม่ใช่ต่อตัวคุณ แต่ต่อคนที่เขารักและตัวเขาเอง และประเมินพี่ชายคุณด้วยว่า เขาเป็นคนที่สามารถแก้ไขได้ไหม เขาเปิดกว้างรับฟังคนอื่นบ้างไหม ถ้าเขาไม่ฟัง เขาชอบคิดเอง มีวิธีกระตุ้นให้เขารู้สึกตัวไหม และสถานการณ์ไหน เวลาไหนบ้าง ที่เขาพร้อมจะรับฟังข้อมูลที่ขัดกับความเชื่อมั่นของตัวเอง

ต้องเข้าใจว่าคนเราบางคน เป็นน้ำเต็มแก้วตลอดเวลา คนแบบนี้รับอะไรอีกไม่ได้ ใครก็ช่วยเขาไม่ได้

คนเราส่วนมากเป็นน้ำเต็มแก้วในเวลาส่วนใหญ่ แต่จะมีบางขณะบางโอกาสที่น้ำพร่องไป หรือกับบางคนที่เขายอมเทน้ำทิ้ง เปิดช่องให้เห็น ถ้าคุณเข้าใจและอดทนรอ หรือสร้างโอกาสเช่นนี้ขึ้น คุณก็อาจจะช่วยเขาได้

แต่แน่นอน ถึงคนที่คุณอยากช่วยเป็นพวกที่พร้อมรับฟัง และโอกาส สถานการณ์ทุกอย่างพร้อม แต่ถ้าตัวคุณเองไม่เข้าใจว่าต้องทำอย่างไรจึงจะเติมน้ำให้เขาได้ ก็ย่อมช่วยเขาไม่สำเร็จอีกเช่นกัน

ถ้าคุณประเมินดูแล้ว มีองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่งขาดไป เหตุและปัจจัยที่ไม่ลงตัวเช่นนี้ ผลย่อมไม่มีทางเกิดขึ้นได้ หากคุณฝืนทำ หรือตั้งความหวังว่าทำแล้วจะสำเร็จ ย่อมเป็นคุณเองที่ตั้งความหวังไว้ผิด

เคยดูหนังเรื่อง Inception ไหมครับ การใส่ประกายความคิดเข้าไปในหัวใครซักคนน่ะ ไม่ง่ายเลยนะ

ดังนั้นสิ่งที่คุณควรทำก็คือ สะสมทุกอย่างให้พร้อม รอสถานการณ์ที่เหมาะสม และพยายาม พยายาม 99.99% เพื่อโอกาสที่อาจจะสำเร็จ 0.01%

สุดท้าย อยากจะฝากว่า อย่าเกลียดศาสนาพุทธเลยครับ ตัวศาสนาพุทธจริงๆคือข้อธรรมต่างๆ ข้อธรรมเหล่านี้ไม่เคยทำร้ายใคร มีแต่คนโชคร้ายที่เป็นเหยื่อของความไม่เข้าใจเท่านั้นแหละครับ ที่ตีความข้อธรรมเข้าข้างตัวเองและเอาไปใช้ทำร้ายคนอื่น

.....................................................
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง การฝืนความจริงทำให้เกิดทุกข์ การเห็นและยอมตามความจริงทำให้หายทุกข์

คนที่รู้ธรรมะ มักจะชอบเอาชนะผู้อื่น แต่คนเข้าใจธรรมะ มักจะเอาชนะใจตนเอง

สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ
เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า, ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ ที่ตนหลง,
นั่นแหละเป็นทางแห่งพระนิพพานอันเป็นธรรมหมดจด

.....ติลักขณาทิคาถา.....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2013, 18:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 เม.ย. 2013, 19:24
โพสต์: 2

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บุคคลที่จะบวชได้ต้องได้รับการอนุญาตจากพ่อแม่ก่อน ถึงจะบวชได้ตามพระวินัย
ผู้ที่บวชจะต้องเป็นผู้บริสุทธิ์
ลักษณะต้องห้ามบรรพชาอุปสมบท
๑. เป็นคนทำความผิดหลบหนีอาญาแผ่นดิน
๒. เป็นคนหลบหนีราชการ
๓. เป็นคนต้องหาในคดีอาญา
๔. เป็นคนเคยถูกตัดสินจำคุกฐานเป็นผู้ร้ายคำสำคัญ
๕. เป็นคนถูกห้ามอุปสมบทเด็ดขาทางพระศาสนา
๖. เป็นคนมีโรคติดต่ออันน่ารังเกียจ เช่น วัณโรคในระยะอันตราย
๗. เป็นคนมีอวัยวะพิการจนไม่สามารถปฏิบัติกิจพระศาสนาได้ :b8:
บุญจะเกิดหรือไม่ขึ้นอยู่กับผู้บวชจะปฏิบัติได้ ขัดใจได้ตลอดหรือไม่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 เม.ย. 2013, 10:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes
...ผู้ที่มีบุญบารมีและวาสนาที่ได้เคยกระทำมาจึงสามารถสละออกบวชได้...
...เพราะการบวชเป็นการสละความติดข้องและต้องการอย่างมหาศาล...
...จากการมีเสื้อผ้าหลากสีหลายๆ ชุดทำงาน ชุดเล่นกีฬา ชุดนอน...
...มาใช้ผ้าเพียง 3 ผืนที่มีสีเดียวใส่ได้ทุกงานทั้งงานแต่ง งานบวช งานศพ...
...ฉันน้อย นอนน้อย ทำความเพียรในการประพฤติธรรมให้มาก หาได้ยาก...
...ผู้ที่มีจิตใจเป็นสัมมา...จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนและอนุโมทนา...
...ที่ข้าพเจ้าเคยเห็นมาก็คือข้าราชการระดับนายแพทย์ผู้อำนวยการโรงพยาบาล...
...ได้ลาออกจากราชการเพื่อบวชเป็นพระภิกษุ ซึ่งมารดาของท่านดีใจและอนุโมทนาค่ะ...
...สำหรับปัญหาของผู้ที่ยังต้องการใช้ชีวิตทางโลกอยู่ก็ต้องดิ้นรนกันเองต่อไป...
...การคิดว่าจะใช้ชีวิตเพื่อพึ่งคนอื่นเช่นสามี ภรรยา ลูก และวัตถุสิ่งของ....
...ไม่อยู่ในบังคับบัญชาค่ะเพราะบังคับไม่ได้...เลี้ยงได้แต่ตัว จิตใจเป็นของเขาเอง...
...จริงๆแล้วการที่เขาออกบวช อานิสงส์ที่เขาทำจะส่งผลดีกลับมาหาคนในครอบครัวค่ะ...
:b8: :b8:
:b43:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร