วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 18:30  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 44 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2013, 12:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


แปลกเนอะ ขนาดพระโสดาบัณอย่างนางวิสาขายังแต่งงานมีคู่ครองแถมอธิฐานขอมีลูกมีหลานเยอะแยะ(ทำไมไม่รู้ว่าการมีของรักมากย่อมต้องทุกข์มาก)
นางกุลธิดาอีกคนนึงเป็นพระโสดาบัณแต่พอไปเจอเนื้อคู่บุพเพสันนิวาษเห็นปุ๊บเกิดกิเลศหลงรักถึงขนาดหนีตามกันเลยทีเดียว :b14:
มีนะประเภท อยากมีคู่แต่ก็ไม่มีเพราะมีทีไรก็มีเหตุปัจจัยทำให้ไม่มี ชาตินี้ก็เลยต้องขึ้นคานไม่พบเนื้อคู่ที่จริงใจ มันเป็นเรื่องของกรรมที่ชอบประพฤติผิดศีลข้อกามเม ส่งผลให้ชาติปัจจุบัณต้องไร้คู่ครองถึงอยากจะมีแต่ก็หาคนจริงใจไม่ได้ ซึ่งคุณน้องนี่แหละกล้ายอมรับว่าเคยทำกรรมแบบนี้ในอดีตชาติ เพราะเป็นหนุ่มรูปงามมีแต่สาวๆมาหลงใหล เราก็ไม่กล้าทำร้ายจิตใจใครเพราะกลัวทุกคนจะเสียใจ :b32: และมีบางประเภทเลื่อมใสในรสพระธรรมมากอธิษฐานว่าจะไม่ขอมีคู่ครองจะตั้งใจปฏิบัติธรรมถือศีลพรหมจรรย์ทุกภพทุกชาติจนกว่าจะบรรลุนิพพาน :b32: :b32: เกิดชาติไหนๆก็เลยอยู่คนเดียวไร้คู่บุญวาสนา คุณน้องไม่เอานะคุณน้องอยากมีคู่บารมีจะได้ร่วมด้วยช่วยกัน (ทำคนเดียวมันเหนื่อย s002 ):b20: สร้างแต่คุณงามความดีเพื่อประโยชน์สุขแก่ตนเองและผู้อื่น (เจ้าชายสิทธัตถะก่อนจะออกบวชก็ยังแต่งงานมีมเหสีมีลูกชายแต่บารมีท่านเต็มท่านถึงไม่ลังเลที่จะออกบวช) แต่ถ้าใครไม่อยากมีคู่ครองเพราะการมีคู่มันเป็นทุกข์ไม่สามารถหลุดพ้นจากวัฏฏะได้ เอาไหมคุณน้องจะให้พร จะได้ไม่ต้องเกิดมามีคู่เพราะมันทุกข์ใครอยากได้พรจากคุณน้องไปที่กระทู้คุณน้องนะเจ้าค่ะ(เล่าสู่กันฟัง) คุณน้องจะได้ให้พร :b39:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2013, 13:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


sriariya เขียน:
มีคู่แต่งงานมีคู่ครอง ก็เป็นธรรมชาติ เป็นธรรมดา เพื่อความคิดที่ว่า จะได้มีลูก มีหลานไว้สืบสกุล
ศาสนา ใครอย่าเข้าใจผิด คิดว่า ศาสนาไม่ส่งเสริมให้มีคู่ครองหรือแต่งงานกัน อย่าหลงประเด็นนะขอรับ ถ้าบุคคลใดเอาศาสนามากล่าวอ้างว่า มีรักมีทุกข์ เป็นทุกข์ เป็นอนิจจัง หรืออะไรต่อมิอะไร อย่างนั้น เขาเรียกว่า "พวกสุนัขหางด้วน"(สุภาษิตไม่ได้ด่าใครนะขอรับ) เพราะในทางศาสนา ก็มีธรรม มีศีล สำหรับมนุษย์ทั้งหลายอยู่แล้ว ขอรับ

จ่าศรีอริยะนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ ยกนิ้วให้เลย :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ส.ค. 2013, 10:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2012, 12:01
โพสต์: 376


 ข้อมูลส่วนตัว


บางคนบอกว่า ใครก็ตาม ที่กล่าวว่า มีรักย่อมมีทุกข์ เปรียบเสมือนหมาหางด้วน
การที่เขากล่าวสบประมาทผู้อื่นด้วยคำพูดเช่นนี้ เพราะเขาไม่เข้าใจธรรม คิดว่า
ตนฉลาดกว่าผู้อื่น

แท้จริงแล้วหมามีหางไว้ทำไม มันมีหางไว้เพื่อการสื่อสาร เช่น เมื่อเจออะไรที่
รู้สึกถูกใจก็จะส่ายหางไปมา แสดงอาการเป็นมิตร หรือ เมื่อโกรธจะหางตั้งส่ง
เสียงขู่ หรือหากมันกลัวหางจะตกแสดงอาการเจียมตัว หากไม่มีหางก็จะสื่อสาร
ได้ไม่ค่อยดี คนที่กล่าวสบประมาทผู้อื่นว่าเป็นหมาหางด้วนจึงไม่เข้าใจธรรม
คิดว่าการมีหางมีแต่ด้านดี แต่จริงๆมันก็มีด้านเสีย เช่น โดนคนตี โดนคนไล่
โดนวางยาเบื่อ คนเดินมา ตั้งหางขู่ ก็โดนเขาเอาไม้ตีไล่มันไป ดุมากกัดใคร
ไปทั่วก็โดนวางยา เห็นหรือยังว่าในสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างหางก็ให้โทษได้
เช่นกัน

คนเรามีรักไว้ทำไม ก็เอาไว้ห่วงหาอาทร คอยห่วงใย ดูแลกันและกัน เป็นโซ่
คล้องใจ

แต่ความเป็นจริงคือความรักก็ทำให้เกิดทุกข์ ที่เราเห็นว่ารักแล้วมีสุข มันหลอกเรา
คนรักกันย่อมห่วงหาอาทร ความห่วงทำให้เกิดทุกข์ กังวลว่าเขาจะเป็นอย่างไร
ทำอะไรอยู่ เขาจะกินอิ่มหรือไม่ เมื่อแต่งงานกัน ตอนมีลูกก็เจ็บ นี่คือความทุกข์
พอลูกคลอดก็เฝ้าประคบประหงม กินไม่ได้นอนไม่หลับยามลูกร้อง พอโตก็ดื้อ
เถียงพ่อแม่ คบเพื่อนไม่ดี ทำพ่อแม่เป็นห่วง นี่ก็คือทุกข์

เพราะฉนั้นไม่ว่าหางหมา หรือความรักของคน มันก็ทำให้เกิดทุกข์ได้เช่นกัน
เพราะโลกนี้ตั้งอยู่บนความทุกข์ ถ้าไม่ทุกข์จะมีศาสนาพุทธเกิดขึ้นมาได้อย่าง
ไร คนเราจะหาทางหลุดพ้นกันไปทำไม

เพราะฉนั้นคนที่เอาสำนวน สุภาษิต เอาข้อธรรมมาหลอกด่าคนอื่นจึงเลวยิ่ง
กว่าหมา(เป็นสำนวนนะคะ ไม่ใช่คำด่า) เพราะไม่ช่วยแล้วยังทำลาย มือไม่
พายแล้วยังเอาเท้าราน้ำอีก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ส.ค. 2013, 11:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เวลา เขียน:
เคยได้ยินผู้ใหญ่บอกว่า เกิดเป็นมนุษย์ต้องแต่งงานมีคู่ครอง
เพราะถ้าไม่มี สวรรค์จะไม่ต้อนรับ เนื่องจากเป็นคนไม่สมบูรณ์แบบ
จริงไหมค่ะ s006 s006 s006

ถ้ามนุษย์ทุกคนคิดว่า ไม่ต้องแต่งงาน ไม่ต้องมีบุตรมีธิดา
คงลำบากเทวดา หาสุคติภูมิ ปฏิสนธิไม่ได้นะครับ ......

ช่วยๆ เทวดาที่หมดอายุขัยบนสวรรค์ ให้มีสุคติภพเกิดกันหน่อย :b12:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ส.ค. 2013, 11:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
เวลา เขียน:
เคยได้ยินผู้ใหญ่บอกว่า เกิดเป็นมนุษย์ต้องแต่งงานมีคู่ครอง
เพราะถ้าไม่มี สวรรค์จะไม่ต้อนรับ เนื่องจากเป็นคนไม่สมบูรณ์แบบ
จริงไหมค่ะ s006 s006 s006

ถ้ามนุษย์ทุกคนคิดว่า ไม่ต้องแต่งงาน ไม่ต้องมีบุตรมีธิดา
คงลำบากเทวดา หาสุคติภูมิ ปฏิสนธิไม่ได้นะครับ ......

ช่วยๆ เทวดาที่หมดอายุขัยบนสวรรค์ ให้มีสุคติภพเกิดกันหน่อย :b12:


อิอิ...ให้ได้มีเนื้อที่ให้อย่างเอกอนได้ลงมาเกิดกะเขา....มั่งเน๊อะ :b9: ....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ส.ค. 2013, 12:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

eragon_joe เขียน:

อิอิ...ให้ได้มีเนื้อที่ให้อย่างเอกอนได้ลงมาเกิดกะเขา....มั่งเน๊อะ :b9: ....

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2013, 07:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


หญิงไทย เขียน:
บางคนบอกว่า ใครก็ตาม ที่กล่าวว่า มีรักย่อมมีทุกข์ เปรียบเสมือนหมาหางด้วน
การที่เขากล่าวสบประมาทผู้อื่นด้วยคำพูดเช่นนี้ เพราะเขาไม่เข้าใจธรรม คิดว่า
ตนฉลาดกว่าผู้อื่น

แท้จริงแล้วหมามีหางไว้ทำไม มันมีหางไว้เพื่อการสื่อสาร เช่น เมื่อเจออะไรที่
รู้สึกถูกใจก็จะส่ายหางไปมา แสดงอาการเป็นมิตร หรือ เมื่อโกรธจะหางตั้งส่ง
เสียงขู่ หรือหากมันกลัวหางจะตกแสดงอาการเจียมตัว หากไม่มีหางก็จะสื่อสาร
ได้ไม่ค่อยดี คนที่กล่าวสบประมาทผู้อื่นว่าเป็นหมาหางด้วนจึงไม่เข้าใจธรรม
คิดว่าการมีหางมีแต่ด้านดี แต่จริงๆมันก็มีด้านเสีย เช่น โดนคนตี โดนคนไล่
โดนวางยาเบื่อ คนเดินมา ตั้งหางขู่ ก็โดนเขาเอาไม้ตีไล่มันไป ดุมากกัดใคร
ไปทั่วก็โดนวางยา เห็นหรือยังว่าในสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างหางก็ให้โทษได้
เช่นกัน

คนเรามีรักไว้ทำไม ก็เอาไว้ห่วงหาอาทร คอยห่วงใย ดูแลกันและกัน เป็นโซ่
คล้องใจ

แต่ความเป็นจริงคือความรักก็ทำให้เกิดทุกข์ ที่เราเห็นว่ารักแล้วมีสุข มันหลอกเรา
คนรักกันย่อมห่วงหาอาทร ความห่วงทำให้เกิดทุกข์ กังวลว่าเขาจะเป็นอย่างไร
ทำอะไรอยู่ เขาจะกินอิ่มหรือไม่ เมื่อแต่งงานกัน ตอนมีลูกก็เจ็บ นี่คือความทุกข์
พอลูกคลอดก็เฝ้าประคบประหงม กินไม่ได้นอนไม่หลับยามลูกร้อง พอโตก็ดื้อ
เถียงพ่อแม่ คบเพื่อนไม่ดี ทำพ่อแม่เป็นห่วง นี่ก็คือทุกข์

เพราะฉนั้นไม่ว่าหางหมา หรือความรักของคน มันก็ทำให้เกิดทุกข์ได้เช่นกัน
เพราะโลกนี้ตั้งอยู่บนความทุกข์ ถ้าไม่ทุกข์จะมีศาสนาพุทธเกิดขึ้นมาได้อย่าง
ไร คนเราจะหาทางหลุดพ้นกันไปทำไม

เพราะฉนั้นคนที่เอาสำนวน สุภาษิต เอาข้อธรรมมาหลอกด่าคนอื่นจึงเลวยิ่ง
กว่าหมา(เป็นสำนวนนะคะ ไม่ใช่คำด่า) เพราะไม่ช่วยแล้วยังทำลาย มือไม่
พายแล้วยังเอาเท้าราน้ำอีก


อ่านแล้วต้องบอกว่า ชอบมากค่ะ :b27:

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2013, 15:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณน้องไม่เคยคิดว่าความรักคือทุกข์เลย เพราะความรักในแบบคุณน้องคือ เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา ถ้ามีธรรมข้อนี้เป็นเครื่องอยู่ในจิต เค้าย่อมจะไม่มีทุกข์ เพราะความจริงแล้วเราไม่ได้ทุกข์เพราะแค่รัก เราทุกข์เพราะ โกรธ ทุกข์เพราะโลภ ทุกข์เพราะหลง ทุกข์เพราะเรายึดสิ่งๆนั้นไว้ เราไม่เห็นความเป็นจริงของนามธรรมว่า เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ถ้าเราเห็นความเป็น อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา ของสังขารที่ปรุงแต่ง เราจะไม่ยึดว่าสิ่งนั้นเป็นเรา สิ่งนี้ของเรา ความรักใดก็ตามที่เราอยากได้ อยากครอบครอง อยากเป็นเจ้าของ ความรักนั้นย่อมเป็นกิเลศ ห่างไกลธรรมของพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์สอนให้เราเห็นความจริงในเรื่อง อริยสัจสี่ ทุกข์พึงกำหนดรู้ ในโลกนี้ไม่มีคนที่โชคร้ายในเรื่องความรักเสมอไปเพราะเค้าไม่ได้สร้างวิบากกรรมในเรื่องนั้น บางคนโชคดีในเรื่องคู่ครอง มีความสุข ไม่ได้มีปัญหาเรื่องความรัก เค้าก็ไม่ได้มองว่ามีรักย่อมมีทุกข์ เพราะเค้าไม่รู้ว่าทุกข์เพราะรักมันเป็นยังไง เพราะเค้ามีความสุขอยู่ เพราะเหตุนี้ เราจะกล่าวว่าที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ ใช้ได้เฉพาะคนที่ทุกข์เพราะยึดติดเพราะคิดว่ารักคือสิ่งที่เราต้องมี เราต้องเป็น เราต้องครอบครองเราต้องเป็นเจ้าของ เค้าเป็นของเรา เราเป็นของเขา โดยไม่รู้ความเป็นจริงของจิตสังขาร ว่ามันเป็นไปตามเหตุปัจจัย เป็นธรรมดา ควบคุมบังคับบัญชาให้เป็นไปตามที่เราปราถนาไม่ได้ ถ้าเข้าใจอย่างนี้ เราก็ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าความรักจะทำร้ายเราได้ เราจะไม่ทุกข์เพราะรักเลย ยังไง สรรพสัตว์ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จบรู้สิ้น พระพุทธเจ้ากี่พระองค์ๆ ที่ลงมาตรัสรู้และโปรดสรรพสัตย์ก็ยังขนเอาสรรพสัตว์ไปนิพพานไม่หมดเสียที เราควรจะมีวิธีแก้ปัญหาเรื่องความรัก อย่างสันติสุข
ไม่ใช่ตัดพ้อเรื่องมีรักย่อมมีทุกข์ งั้นเราก็ต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องแต่งงาน ไม่ต้องมีครอบครัวมีลูกหลาน มนุษย์ก็สูญพันธ์ เทวดาหมดอายุขัยหาที่เกิดไม่ได้ ไปจุติเป็นสัตว์เดรัจฉาน อ้าวกรรม :b14: คุณน้องว่า บางทีที่คนเฒ่าคนแก่บอกว่า ถ้าไม่แต่งงานมีลูกหลาน สวรรค์ไม่ต้อนรับ(คือคนที่ยังไม่มีความเข้าใจอริยสัจสี่)สวรรค์อาจจะคิดว่า ขนาดพวกมรึงยังไม่ต้อนรับพวกกุ แล้วดินแดนพวกกุจะต้อนรับพวกมรึงทำไม ต่างคนต่างอยู่ :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2013, 16:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2012, 12:01
โพสต์: 376


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
คุณน้องไม่เคยคิดว่าความรักคือทุกข์เลย เพราะความรักในแบบคุณน้องคือ เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา


ถามคุณน้องว่าหากคุณน้อง หากคุณน้องเห็นสามี-ภรรยาตบตีกัน คุณน้องรู้สึกเห็นใจเขามั้ย
หากคุณน้องเห็นขอทานหรือคนจรกำลังอดตายอยู่ข้างถนน ร่างกายผอมซูบ อ้าปากผงาบๆ
อยู่ข้างถนน คุณน้องสงสารเขามั้ย คุณน้องอาจเกิดคำถามในใจว่า นี่เวรกรรมอะไรที่ชักนำ
ให้เขาเป็นเช่นนี้หนอ นี่เราไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้บ้างเลยหรือ ได้แค่สงสาร นี่แหล่ะค่ะ
คือทุกข์ ความรู้สึกสงสารก็คือทุกข์

ความสงสารก็คือทุกข์ที่คุณน้องรู้สึก มันเป็นความรักที่มีต่อเพื่อนร่วมโลกที่กลั่นออกมาจากใจ
ของคุณน้อง รู้สึกเห็นใจในชะตากรรมที่เขาได้รับ แม้บางครั้งเราจะช่วยอะไรไม่ได้ก็ตาม แต่
อย่างน้องก็ยังรู้สึกเห็นอกเห็นใจเพื่อนร่วมโลกด้วยกัน

นี่ก็คือความทุกข์ที่มาจากความรักค่ะ

โลกนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความทุกข์ คุณน้องจำเรื่องเจ้าชายสิตทัตถะตอนที่ท่านตัดสินใจออก
ผนวชได้มั้ยคะ มีอยู่ตอนนึงที่ท่านดูนางรำมาร่ายรำให้ชม ดูช่างสวยสดงดงามราวแดนสวรรค์ ครั้น
พอเสร็จงาน นางรำเหล่านั้นก็นอนกันระเกะระกะ น้ำลายยืด ที่แต่งองค์ทรงเครื่องไว้ก็กลายเป็น
หน้าซีดบ้าง ครบเครื่องสำอางค์เลอะเทอะบ้าง ดูไม่งดงามเหมือนตอนร่ายรำ เจ้าชายสิตทัตถะ
เห็นดั้งนั้น จึงเกิดคำถามขึ้นว่าสิ่งเหล่านี้คือภาพลวงตา ไม่คงทน คือท่านเห็นใจเพื่อนมนุษย์ที่
ต้องจมอยู่ในสภาพเช่นนั้น ความไม่แน่นอน ทนอยู่กับสิ่งลวงๆเหล่านั้น อะไรหนอคือทางที่จะหลุด
พ้นจางวังวนเหล่านั้น นี่ก็คือความรักความเมตตาของท่านที่รู้สึกเห็นใจชะตากรรมของเพื่อนมนุษย์
นี่คือสิ่งที่ทำให้ท่านทุกข์และพยายามหาทางออกจากวังวนเหล่านี้

จริงๆแล้วเรื่องของเจ้าชายสิตทัตถะมีหลายตอนมาก พี่หญิงเพียงแค่ยกบางตอนมาเท่านั้นเองนะ

ความรักไม่ว่ารักประเภทไหนก็ทำให้เกิดทุกข์ อยู่ที่ว่าเราจะปลงได้แค่ไหนเท่านั้นเองค่ะ
คุณน้องลองตรองดีๆนะคะ พี่หญิงว่าเราเกิดมาบนโลกนี้ก็ทุกข์แล้วล่ะค่ะ คุณน้องไม่ต้องรีบร้อน
นะคะ ลองตรองดูไปเรื่อยๆ พยายามปุจฉา-วิสัชนา กับตัวเองว่าเหตุใดหนอโลกนี้จึงเป็นอย่านี้
ทำไมสิ่งนั้นจึงเป็นแบบนั้น ทำไมสิ่งนี้จึงเป็นแบบนี้ แล้วจะได้คำตอบที่ดีให้กับตัวเองได้ซักวันค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2013, 16:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2012, 12:01
โพสต์: 376


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
ไม่ใช่ตัดพ้อเรื่องมีรักย่อมมีทุกข์ งั้นเราก็ต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องแต่งงาน ไม่ต้องมีครอบครัวมีลูกหลาน มนุษย์ก็สูญพันธ์


ความรักนั้นมีหลายแบบค่ะคุณน้อง ไม่ได้มีเฉพาะรักแบบชู้สาว รักแบบพ่อแม่รักลูก รับแบบเพื่อน
รักแบบพี่น้อง รักเพื่อนมนุษย์ รักสรรพสัตว์ ก็คือรัก

รู้จักเห็นใจผู้อื่น ต้องการช่วยเหลือเมื่เขาได้รับทุกข์เวทนาก็คือรัก ปล่อยนก ปล่อยปลา อยากให้
เขาเป็นอิสระก็คือรัก

ทุกข์อยู่ที่ใจเราค่ะ สมมุติว่าเพื่อคุณน้องโดนสามีทำร้าย คุณน้องสงสารเพื่อน นั่นก็คือรักแบบนึง
คือไม่อยากเห็นเพื่อนเป็นทุกข์ อยากให้เพื่อมีชีวิตที่ดี ครอบครัวที่สมบูรณ์ นั่นก็คือรักที่มาจากความ
หวังดี อยากเห็นผู้อื่นเป็นสุข อยากเห็นผู้อื่นหลุดพ้น

เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา สิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากความรักทั้งนั้นค่ะ คนที่รักผู้อื่นไม่เป็นจะไม่รู้จัก
สิ่งเหล่านี้ แม้เราจะหาคำจำกัดความให้ดูแตกต่างไป ดูสวยหรูยังไง แต่มันก็คือความรักอยู่ดีนะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2013, 18:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


คุนน้องรู้คำตอบที่เกิดขึ้นกับตัวเองทุกอย่าง เพราะตราบใดที่สรรพสัตส์ยังทุกข์ ขอให้คุนน้องได้รับรู้ความทุกข์เผื่อเป็นแรงผลักดันจนกว่าคุนน้องจะบรรลุปณิธานที่หวังไว้ในอนาคตเบื้องหน้า คุนน้องจะรอดูว่าโลกมนุษย์จะเกิดสันติสุขปรองดองต่อกัน ไม่มีสงคราม ไม่มีการใช้ความรุนแรงต่อกัน ไม่มีขอทาน ไม่มีคนเก็บขยะ ไม่มีสุนัขจรจัด ในนิมิตมีท่านผู้นึงบอกให้คุนน้องจัดการกับปีศาจที่จะบุกรุกดินแดนแห่งสันติสุข คุนน้องจะเอาปีศาจออกไปจากจิตใจมนุษย์ทุกคนให้ได้ค่ะ :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2013, 20:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
คุนน้องรู้คำตอบที่เกิดขึ้นกับตัวเองทุกอย่าง เพราะตราบใดที่สรรพสัตส์ยังทุกข์ ขอให้คุนน้องได้รับรู้ความทุกข์เผื่อเป็นแรงผลักดันจนกว่าคุนน้องจะบรรลุปณิธานที่หวังไว้ในอนาคตเบื้องหน้า คุนน้องจะรอดูว่าโลกมนุษย์จะเกิดสันติสุขปรองดองต่อกัน ไม่มีสงคราม ไม่มีการใช้ความรุนแรงต่อกัน ไม่มีขอทาน ไม่มีคนเก็บขยะ ไม่มีสุนัขจรจัด ในนิมิตมีท่านผู้นึงบอกให้คุนน้องจัดการกับปีศาจที่จะบุกรุกดินแดนแห่งสันติสุข คุนน้องจะเอาปีศาจออกไปจากจิตใจมนุษย์ทุกคนให้ได้ค่ะ :b1:



พระพุทธเจ้ายังทำไม่ได้เลย :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2013, 20:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2012, 12:01
โพสต์: 376


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
คุนน้องรู้คำตอบที่เกิดขึ้นกับตัวเองทุกอย่าง เพราะตราบใดที่สรรพสัตส์ยังทุกข์ ขอให้คุนน้องได้รับรู้ความทุกข์เผื่อเป็นแรงผลักดันจนกว่าคุนน้องจะบรรลุปณิธานที่หวังไว้ในอนาคตเบื้องหน้า คุนน้องจะรอดูว่าโลกมนุษย์จะเกิดสันติสุขปรองดองต่อกัน ไม่มีสงคราม ไม่มีการใช้ความรุนแรงต่อกัน ไม่มีขอทาน ไม่มีคนเก็บขยะ ไม่มีสุนัขจรจัด ในนิมิตมีท่านผู้นึงบอกให้คุนน้องจัดการกับปีศาจที่จะบุกรุกดินแดนแห่งสันติสุข คุนน้องจะเอาปีศาจออกไปจากจิตใจมนุษย์ทุกคนให้ได้ค่ะ :b1:


พี่หญิงเห็นคุณน้องมีความตั้งใจดีพี่หญิงก็รู้สึกชื่นชมนะคะ แต่อย่างที่คุณกรัชกาย
บอกไว้แหล่ะค่ะ พระพุทธเจ้ายังทรงทำไม่ได้เลยค่ะ ท่านแค่บอกแค่สอนให้แนวทาง
ไว้ แต่คนเราน่ะเราบอกเขาได้แต่เราบังคับเขาไม่ได้ เมื่อเขาไม่เอาเราก็ทำอะไรไม่ได้
ค่ะ เราเอาปิศาจออกจากใจใครไม่ได้ แต่อย่างน้อยหากเรามีความพยายามเราสามารถ
เอาปิศาจออกจากจิตใจเราได้นะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2013, 23:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


หญิงไทย เขียน:
nongkong เขียน:
คุนน้องรู้คำตอบที่เกิดขึ้นกับตัวเองทุกอย่าง เพราะตราบใดที่สรรพสัตส์ยังทุกข์ ขอให้คุนน้องได้รับรู้ความทุกข์เผื่อเป็นแรงผลักดันจนกว่าคุนน้องจะบรรลุปณิธานที่หวังไว้ในอนาคตเบื้องหน้า คุนน้องจะรอดูว่าโลกมนุษย์จะเกิดสันติสุขปรองดองต่อกัน ไม่มีสงคราม ไม่มีการใช้ความรุนแรงต่อกัน ไม่มีขอทาน ไม่มีคนเก็บขยะ ไม่มีสุนัขจรจัด ในนิมิตมีท่านผู้นึงบอกให้คุนน้องจัดการกับปีศาจที่จะบุกรุกดินแดนแห่งสันติสุข คุนน้องจะเอาปีศาจออกไปจากจิตใจมนุษย์ทุกคนให้ได้ค่ะ :b1:


พี่หญิงเห็นคุณน้องมีความตั้งใจดีพี่หญิงก็รู้สึกชื่นชมนะคะ แต่อย่างที่คุณกรัชกาย
บอกไว้แหล่ะค่ะ พระพุทธเจ้ายังทรงทำไม่ได้เลยค่ะ ท่านแค่บอกแค่สอนให้แนวทาง
ไว้ แต่คนเราน่ะเราบอกเขาได้แต่เราบังคับเขาไม่ได้ เมื่อเขาไม่เอาเราก็ทำอะไรไม่ได้
ค่ะ เราเอาปิศาจออกจากใจใครไม่ได้ แต่อย่างน้อยหากเรามีความพยายามเราสามารถ
เอาปิศาจออกจากจิตใจเราได้นะคะ

ใช่ค่ะถ้าเรารู้วิธีเอาปีศาจออกจากใจเราได้ เราก็จะรู้วิธีเอาปีศาจออกจากใจคนอื่นได้ คุนน้องจะช่วยพระศรีอริยะเมตรไตร คุนน้องศรัธราพระองค์ พระศรีอริยะเมตรไตรบำเพ็ญวิริยะบารมี และเป็นพระพุธเจ้าที่บำเพ็ญบารมีนานกว่าพระองค์อื่นๆ คุนน้องเชื่อว่าพระองค์ต้องมีธรรมที่ตรัสรู้แล้วโปรดสรรพสัตว์ให้รู้ตามได้ เช่นเดียวกับพระพุทธเจ้าของเราค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2013, 12:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2013, 11:46
โพสต์: 137


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
คุณน้องไม่เคยคิดว่าความรักคือทุกข์เลย เพราะความรักในแบบคุณน้องคือ เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา ถ้ามีธรรมข้อนี้เป็นเครื่องอยู่ในจิต เค้าย่อมจะไม่มีทุกข์ เพราะความจริงแล้วเราไม่ได้ทุกข์เพราะแค่รัก เราทุกข์เพราะ โกรธ ทุกข์เพราะโลภ ทุกข์เพราะหลง ทุกข์เพราะเรายึดสิ่งๆนั้นไว้ เราไม่เห็นความเป็นจริงของนามธรรมว่า เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ถ้าเราเห็นความเป็น อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา ของสังขารที่ปรุงแต่ง เราจะไม่ยึดว่าสิ่งนั้นเป็นเรา สิ่งนี้ของเรา ความรักใดก็ตามที่เราอยากได้ อยากครอบครอง อยากเป็นเจ้าของ ความรักนั้นย่อมเป็นกิเลศ ห่างไกลธรรมของพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์สอนให้เราเห็นความจริงในเรื่อง อริยสัจสี่ ทุกข์พึงกำหนดรู้ ในโลกนี้ไม่มีคนที่โชคร้ายในเรื่องความรักเสมอไปเพราะเค้าไม่ได้สร้างวิบากกรรมในเรื่องนั้น บางคนโชคดีในเรื่องคู่ครอง มีความสุข ไม่ได้มีปัญหาเรื่องความรัก เค้าก็ไม่ได้มองว่ามีรักย่อมมีทุกข์ เพราะเค้าไม่รู้ว่าทุกข์เพราะรักมันเป็นยังไง เพราะเค้ามีความสุขอยู่ เพราะเหตุนี้ เราจะกล่าวว่าที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ ใช้ได้เฉพาะคนที่ทุกข์เพราะยึดติดเพราะคิดว่ารักคือสิ่งที่เราต้องมี เราต้องเป็น เราต้องครอบครองเราต้องเป็นเจ้าของ เค้าเป็นของเรา เราเป็นของเขา โดยไม่รู้ความเป็นจริงของจิตสังขาร ว่ามันเป็นไปตามเหตุปัจจัย เป็นธรรมดา ควบคุมบังคับบัญชาให้เป็นไปตามที่เราปราถนาไม่ได้ ถ้าเข้าใจอย่างนี้ เราก็ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าความรักจะทำร้ายเราได้ เราจะไม่ทุกข์เพราะรักเลย ยังไง สรรพสัตว์ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จบรู้สิ้น พระพุทธเจ้ากี่พระองค์ๆ ที่ลงมาตรัสรู้และโปรดสรรพสัตย์ก็ยังขนเอาสรรพสัตว์ไปนิพพานไม่หมดเสียที เราควรจะมีวิธีแก้ปัญหาเรื่องความรัก อย่างสันติสุข
ไม่ใช่ตัดพ้อเรื่องมีรักย่อมมีทุกข์ งั้นเราก็ต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องแต่งงาน ไม่ต้องมีครอบครัวมีลูกหลาน มนุษย์ก็สูญพันธ์ เทวดาหมดอายุขัยหาที่เกิดไม่ได้ ไปจุติเป็นสัตว์เดรัจฉาน อ้าวกรรม :b14: คุณน้องว่า บางทีที่คนเฒ่าคนแก่บอกว่า ถ้าไม่แต่งงานมีลูกหลาน สวรรค์ไม่ต้อนรับ(คือคนที่ยังไม่มีความเข้าใจอริยสัจสี่)สวรรค์อาจจะคิดว่า ขนาดพวกมรึงยังไม่ต้อนรับพวกกุ แล้วดินแดนพวกกุจะต้อนรับพวกมรึงทำไม ต่างคนต่างอยู่ :b32: :b32:


ยังต้องศึกษาและทำความเข้าใจอีกมากนะคะ

.....................................................
อันความกรุณาปราณี จักมีใครบังคับก็หาไม่ หลั่งมาเองดั่งน้ำทิพย์ชโลมใจ จากฟากฟ้าสุลาลัยสู่แดนดิน
มอง...ข้างหน้า ให้เป็นความหวัง มอง...ข้างหลัง ให้เป็นบทเรียน มอง...สิ่งที่มัน หมุนเวียน เพื่อยอมรับ...การเปลี่ยนไป


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 44 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 127 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร