ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
ตื่นเถิดชาวพุทธที่แท้ http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=46214 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 29 ส.ค. 2013, 07:05 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | ตื่นเถิดชาวพุทธที่แท้ | ||
ตื่นเถิดชาวพุทธ พระอริยบุคคลไม่สามารถมองได้ด้วยตาแล้วตัดสินใจว่าเป็นพระอริยเจ้า พระอริยเจ้าไม่สามารถฟังได้ด้วยหู ตามที่ได้ยินเขาพูดกัน สิ่งที่จะรู้ว่าใครคือพระอริยเจ้านั้น ต้องรู้ได้ด้วยปัญญาของตนเองด้วยปัญญาที่สูงกว่า หรือเสมอกันจึงจะรู้ได้ พระอริยเจ้านั้นท่านเป็นผู้สำเร็จด้วยนามธรรม คือเป็นผู้ที่ละกิเลสในขันธสันดาน นามธรรมนั้นต้องรู้ได้ด้วยใจ ไม่สามารถรู้ได้ด้วยตา ไม่สามารถรู้ได้ด้วยหู คงเคยได้ยินกันมาบ้างว่า ท่านนั้นเป็นพระอรหันต์ เราไม่ควรเชื่อตามโดยทันที ต้องคิดพิจารณาว่า คนที่นำมาบอกนั้นเขารู้ได้อย่างไรว่า ผู้นั้นเป็นพระอรหันต์ ผู้พูดก็จะต้องเป็นพระอรหันต์แล้วเช่นกัน จึงจะรู้ได้ หรือจะว่าผู้เป็นพระอรหันต์นั้นบอก ก็ลองคิดซิว่ากิเลสทั้งหลายพระอรหันต์ท่านถูกทำลายไปหมดสิ้นแล้ว และจะเหลืออะไรที่จะนำ มาอวดอ้าง ได้อีก ลาภ สักการะ สรรญเสริญ ก็ถูกทำลายไปหมดสิ้นแล้วนะที่นั้น
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 29 ส.ค. 2013, 07:58 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ตื่นเถิดชาวพุทธที่แท้ |
![]() สิ่งที่ควรสังเกตุ พระเทวฑัต เป็นผู้สำเร็จในวิชชาสมาบัติ ๘ เป็นผู้ที่แสดงอิทธิฤทธิ์ได้มากมาย แต่เพราะปัญญาไม่เสมอกัน พระเทวฑัตจึงกระทำโลหิตุปบาทต่อพระองค์ จนถึงกับให้ตกนรกอเวจี เพราะด้วยความ โลภ ใน ลาภ สักการะ สรรเสริญ |
เจ้าของ: | ปฤษฎี [ 29 ส.ค. 2013, 13:47 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ตื่นเถิดชาวพุทธที่แท้ |
การจะรู้ว่าใครเป็นพระอรหันต์ไม่ง่ายเลย พระสงฆ์ ก็มีทั้งสมมุติสงฆ์ และอริยสงฆ์ ควรคิดถึงสงฆ์หมู่ใหญ่ไว้ ให้เห็นแก่สงฆ์ ทำทานก็ทำกับสงฆ์นึกถึงสงฆ์ไว้ แม้สมมุติสงฆ์ก็เป็นผู้ถือธงชัยแห่งพระอรหันต์ ชาวพุทธก็ควรคิด พูด ทำ กับพระสงฆ์ด้วยเมตตา ด้วยกุศลจิต ไม่ใช่ด้วยอกุศลจิต ไม่ใช่เฉพาะกับพระสงฆ์เท่านั้นไม่ว่าจะกับใครก็ควรคิดพูดทำด้วยกุศลจิต |
เจ้าของ: | student [ 29 ส.ค. 2013, 14:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ตื่นเถิดชาวพุทธที่แท้ |
ผมว่าไม่เกี่ยวกับชาวพุทธที่แท้หรือไม่แท้ครับ ชาวพุทธที่แท้ต้องเห็นความทุกข์ ความเป็นอนิจจัง ความเป็นอนัตตา ว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องประสบครับ แล้วดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท เจริญปัญญา พิจารณาธรรมตามความเป็นจริง การที่จะใช้อะไรเข้าไปรู้สถานะของบักบวชว่าบรรลุชั้นไหน ไม่ใช่ธุระของชาวพุทธที่แท้ครับ |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 29 ส.ค. 2013, 16:02 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ตื่นเถิดชาวพุทธที่แท้ | ||
![]() ![]() ![]()
|
เจ้าของ: | asoka [ 13 ก.ย. 2013, 09:32 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ตื่นเถิดชาวพุทธที่แท้ |
![]() รู้ได้จากจริยาวัตรและธรรมที่ท่านแสดง โดยเอาคุณสมบัติของพระอรหันต์ที่พระพุทธเจ้าแสดงไว้มาประกอบการพิจารณา ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 13 ก.ย. 2013, 13:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ตื่นเถิดชาวพุทธที่แท้ |
ใช้สมองคิด..ไม่ได้หรอก..อโสกะ แม้....จะใช้คุณสมบัติของพระอรหันต์ที่มีบันทึกใว้ก็ตาม....แต่สิ่งที่จะนำมาเทียบเคียงก็ต้องผ่านสมองคิด.. แค่ตาเห็น.....ก็เห้นเพียงภายนอก....ซึ่งมันหลอกกันได้.... ที๋ดี่สุด....คือ....ไม่ต้องอยากรู้คุณธรรมของใครหรอก....เพียงท่านมีจริยาวัตรงดงาม....ก็ทำบุญกับท่านได้แล้ว หาก..ยังอยากจะรู้อยู่อีก...ก็แนะนำ..ทำตัวท่านให้เป็นอรหันต์...ซะเอง...อันนี้รู้ชัว.ร์ |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 13 ก.ย. 2013, 13:45 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ตื่นเถิดชาวพุทธที่แท้ | ||
กบนอกกะลา เขียน: ใช้สมองคิด..ไม่ได้หรอก..อโสกะ แม้....จะใช้คุณสมบัติของพระอรหันต์ที่มีบันทึกใว้ก็ตาม....แต่สิ่งที่จะนำมาเทียบเคียงก็ต้องผ่านสมองคิด.. แค่ตาเห็น.....ก็เห้นเพียงภายนอก....ซึ่งมันหลอกกันได้.... ที๋ดี่สุด....คือ....ไม่ต้องอยากรู้คุณธรรมของใครหรอก....เพียงท่านมีจริยาวัตรงดงาม....ก็ทำบุญกับท่านได้แล้ว หาก..ยังอยากจะรู้อยู่อีก...ก็แนะนำ..ทำตัวท่านให้เป็นอรหันต์...ซะเอง...อันนี้รู้ชัว.ร์ จริงดังนั้น ! ตาเป็นเพียงรูปธรรม จึงไม่สามารถรู้อะไรได้เลย ตามีหน้าที่กระทบกับรูปารมณ์เท่านั้น แล้วก็ดับ การจะไปรู้เรื่องราวต่างๆนั้นมันไม่ใช่หน้าที่ของตา สิ่งที่จะรู้ได้คือ จิต ที่ไปอาศัยตาเพื่อรู้รูปารมณ์ และที่รับรู้เรื่องราวต่างๆ นั้นเพราะเจตสิกเป็นผู้ปรุงแต่งทั้งที่ดี ไม่ดี ที่เป็น กุศล และ อกุศล รูปารมณ์ที่จิตเข้ารู้นั้น ย่อมเป็นทั้งกุศลและอกุศล การมองเห็นรูปารมณ์ ที่มีปัญญาเข้าร่วมด้วย จึงจะรู้ได้ว่า ใครเป็นพระอริยะได้ และปัญญานี้ต้องเป็นปัญญาที่ในโลกุตระเท่านั้น แม้แต่ปัญญาที่เกิดในโลกียะจิตก็ไม่สามารถรู้ได้ ปัญญานั้นมี ๔ อย่าง ๑. ปัญญินทรีย์ เป็นปัญญาในโลกียะจิต ๒. อนัญญาตัญญัสสามิตนทรีย์ คือ ปัญญาของพระโสดาบัน ๓. อัญญินทรีย์ คือ ปัญญาของพระสกทาคามี และ พระอนาคามี ๔. อัญญาตาวินทรีย์ คือ ปัญญาของพระอรหันต์ ในข้อ ๑ เป็นปัญญาของปุถุชน ไม่สามารถจะไปรับรู้จิตของพระอริยะ คือ ข้อ ๒. ๓. ๔ ได้ ในข้อ ๒ ปัญญาของพระโสดาบัน รู้ ข้อ ๑ และข้อ ๒ ได้ แต่ไม่รู้ข้อ ๓ และ ๔ ได้ ในข้อ ๓ ปัญญาของปัญญาของพระสกทาคามี รู้ในข้อที่ ๑ และข้อ ๒ ได้ และในข้อ ๓ ได้เฉพาะพระสกทาคามีด้วยกันเท่านั้น และก็ไม่สามารถรู้พระอนาคมีมีได้ ส่วนพระอนาคามี รู้ข้อ ๑ ข้อ ๒ และข้อ ๓ ได้หมด ในข้อ ๔ เป็นปัญญาของพระอหันต์ สามารถรู้ได้หมดทั้ง ๔ ข้อโดยไม่มีเหลือ ฉะนั้น เราไม่สามารถรู้ได้ทางตาได้เลยว่า ใครเป็นพระอริยะ ถ้าจะอาศัยปฏิปทาของท่านนั้น ก็เป็นการรู้ได้ด้วยใจ แต่ถ้าเป็นปุถุชนด้วยแล้วก็เป็นเพียงนึกเอาเดาเองเท่านั้น
|
เจ้าของ: | asoka [ 13 ก.ย. 2013, 20:19 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ตื่นเถิดชาวพุทธที่แท้ | ||
กบนอกกะลา เขียน: ใช้สมองคิด..ไม่ได้หรอก..อโสกะ แม้....จะใช้คุณสมบัติของพระอรหันต์ที่มีบันทึกใว้ก็ตาม....แต่สิ่งที่จะนำมาเทียบเคียงก็ต้องผ่านสมองคิด.. แค่ตาเห็น.....ก็เห้นเพียงภายนอก....ซึ่งมันหลอกกันได้.... ที๋ดี่สุด....คือ....ไม่ต้องอยากรู้คุณธรรมของใครหรอก....เพียงท่านมีจริยาวัตรงดงาม....ก็ทำบุญกับท่านได้แล้ว หาก..ยังอยากจะรู้อยู่อีก...ก็แนะนำ..ทำตัวท่านให้เป็นอรหันต์...ซะเอง...อันนี้รู้ชัว.ร์ ![]() ![]() สำคัญผิดแล้วนะครับท่านกรัชกาย ไม่ใช่ใช้สมองคิด แต่เป็นการใช้ สติ ปัญญา สังเกต พิจารณา ไปตามหลักเกณฑ์ที่พระบรมศาสดาทรงสอนไว้ และต้องประกอบด้วยความคลุกคลีให้มากและนานๆ ก็ย่อมจะพอคืบลามรู้ได้ครับ พยากรณ์ไม่ได้ แต่พอคืบลาม อนุมานรู้ได้ ที่จะประจักษ์แก่ตาและใจจริงๆก็ตอนที่ท่านดับขันธ์ไปแล้ว เผาแล้ว อัฐิของท่านจะหลอมรวมเป็นพระธาตุ นี่สามารถเห็นและรู้ด้วยตาเนื้อของมนุษย์ธรรมดาได้ครับ ![]()
|
เจ้าของ: | คนธรรมดาๆ [ 13 ก.ย. 2013, 21:29 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ตื่นเถิดชาวพุทธที่แท้ |
การดูพระอริยเจ้านั้นดูได้ยาก (หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญโญ) การดูพระอริยเจ้านั้น ส่วนมากจะสุ่มเดาตามกิริยาที่แสดงออกมาทางกายและวาจา การดูในลักษณะอย่างนี้ก็ยากที่จะถูกต้องได้ เพราะพระอริยเจ้ากับผู้ยังเป็นปุถุชนมีกิริยามรรยาทการแสดงออกมาทางกายและวาจาเหมือน ๆ กัน ถึงท่านผู้นั้นจะได้บรรลุธรรมถึงขั้นเป็นพระอรหันต์แล้วก็ตาม จะตัดนิสัยเดิมของท่านเองไม่ได้ นิสัยเป็นมาอย่างไรก็เป็นไปอย่างนั้น เช่น พระสารีบุตรในชาติก่อนมา เคยเป็นลิง นิสัยลิงก็ยังติดตัวมา ฉะนั้น พระสารีบุตรจึงชอบกระโดดโลดเต้นอยู่เป็นนิสัย เห็นกิ่งไม้ใดพอจะกระโดดจับโหนตัวเล่นก็ต้องทำ หรือเห็นน้ำบ่อพอจะกระโดดข้ามได้ก็ต้องกระโดดไปมา จนพระองค์อื่นเห็นก็เกิดความแปลกใจ ทำไมพระสารีบุตรจึงแสดงในกิริยามรรยาทที่ไม่เหมาะสมอย่างนี้ ไม่สมศักดิ์ศรีที่ได้รับคำพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าว่า เป็นพระอรหันตสาวกข้างขวาของพระพุทธเจ้าเลย จึงมีพระองค์อื่นโจษขานกันขึ้น และเล่าเรื่องของพระสารีบุตรถวายแด่พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นิสัยเดิมของพระสาวกนั้นละไม่ได้ นิสัยเคยเป็นมาในอดีตมีอย่างไร การแสดงออกมาทางกายและวาจา ก็ชอบแสดงออกมาอย่างนั้น ฉะนั้น จึงได้เปรียบนิสัยของพระอริยเจ้าและปุถุชนไว้ดังนี้ ๑. น้ำลึกเงาลึก ๒. น้ำลึกเงาตื้น ๓. น้ำตื้นเงาลึก ๔. น้ำตื้นเงาตื้น ทั้ง ๔ ข้อนี้ เป็นวิธีตัดสินได้ยากมาก เพราะไม่มีญาณหยั่งรู้พิเศษเฉพาะตัว นอกจากจะสุ่มเดาไปเท่านั้น ข้อ ๑ คำว่า น้ำลึกเงาลึก นั้น หมายความว่า ท่านผู้นั้นมีคุณธรรมอยู่ในใจแล้ว และก็ยังมีนิสัยกิริยามรรยาทการแสดงออกมาทางกายและวาจามีความสุขุมลุ่มลึก เป็นนิสัยเดิมของท่านเป็นมาอย่างนั้น ถ้าลักษณะอย่างนี้ก็พอจะเดาถูกบ้าง ข้อ ๒ คำว่า น้ำลึกเงาตื้น หมายความว่า ท่านผู้นั้นมีคุณธรรมอยู่ภายในใจแล้ว แต่กิริยามรรยาทการแสดงออกมาทางกายและวาจาไม่มีความสำรวมเลย อยากแสดงตัวอย่างไร อยากพูดอย่างไร ก็เป็นในความไม่สำรวมทั้งสิ้น แต่ก็ไม่ผิดในพระธรรมวินัย ไม่มีอกิริยาภายในใจ แต่เป็นเพียงกิริยาที่แสดงออกมาเท่านั้น ถ้าหากไปพบเห็นผู้ที่ท่านเป็นนิสัยอย่างนี้ ก็จะเดาภายในใจไปเลยว่า ท่านผู้นี้ยังเป็นปุถุชนทันที เพราะมีนิสัยไม่น่าเคารพเชื่อถือได้เลย ข้อ ๓ น้ำตื้นเงาลึก หมายความว่า ท่านผู้นั้นยังไม่มีคุณธรรมภายในใจ แต่กิริยามรรยาทการแสดงออกมาทางกายและวาจานั้นมีความสุขุมลุ่มลึกมาก การสำรวมทางกาย การสำรวมทางวาจาน่าเลื่อมใส ใครได้พบเห็นแล้วจะเกิดความเชื่อถือเป็นอย่างมาก เพราะความบกพร่องในความชั่วร้ายในตัวท่านไม่มี ถ้าได้พบเห็นผู้ที่ท่านมีนิสัยอย่างนี้ ก็จะเดาไปว่าเป็นพระอริยเจ้าทันที ข้อ ๔ น้ำตื้นเงาตื้น หมายความว่า ท่านผู้นั้นยังไม่มีคุณธรรมภายในใจเลย กิริยามรรยาทการแสดงออกทางกายทางวาจาไม่มีความสำรวมแต่อย่างใด ทำไปพูดไปตามใจชอบ ถ้าหากพบเห็นท่านผู้ใดมีกิริยาการแสดงออกมาอย่างนี้ ก็จะพอเดาถูกอยู่บ้าง ถ้าจะดูนิสัยน้ำลึกเงาตื้น หรือดูนิสัยน้ำตื้นเงาลึก คิดว่าท่านจะต้องเดาผิดอย่างแน่นอน ฉะนั้น การสุ่มเดาว่าใครเป็นพระอริยเจ้า และใครเป็นปุถุชนนั้น จึงยากที่จะสุ่มเดาให้ถูกทั้งหมดได้ ถึงพระอริยเจ้าด้วยกันก็ยังไม่รู้กันทั้งหมดได้ เช่น พระอริยเจ้าขั้นพระโสดาบันก็ยังไม่สามารถดูภูมิธรรมของพระอริยเจ้าขั้นพระสกิทาคามี พระอริยเจ้าขั้นพระสกิทาคามีก็ไม่สามารถดูภูมิธรรมของพระอริยเจ้าขั้นพระอนาคามีได้ พระอริยเจ้าขั้นพระอนาคามีก็ไม่สามารถดูภูมิธรรมของพระอริยเจ้าขั้นพระอรหันต์ได้ แม้พระอรหันต์องค์ที่ท่านไม่มีญาณพิเศษส่วนตัว ก็ไม่สามารถรู้ภูมิธรรมขององค์อื่นได้ แต่เมื่อได้สนทนาธรรมกันแล้ว ท่านจะรู้ทันทีว่า ท่านผู้นั้นมีภูมิธรรมขั้นนั้นขั้นนี้ทันที ในบางกรณีพระอรหันต์ก็ย่อมรู้กันได้ หรือรู้ภูมิธรรมของพระอริยเจ้าขั้นอื่นได้ด้วย นั่นคือ เป็นผู้มีนิสัยเกี่ยวข้องกันมาในอดีต เคยสร้างบารมีร่วมกันมา และเคยร่วมสุขร่วมทุกข์กันมาหลายภพหลายชาติ ถ้าในกรณีอย่างนี้ก็พอรู้กันบ้าง ถึงจะรู้ท่านก็ไม่โฆษณา นอกจากว่าจะพูดเป็นนัย ๆ ให้ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดฟังบางโอกาสเท่านั้น เช่นว่า เพชรน้ำหนึ่งอยู่ที่โน้นที่นี้ หรือพูดว่า ท่านองค์นั้นมีสติดีแล้วนะ อย่างนี้เป็นต้น |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 14 ก.ย. 2013, 06:18 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ตื่นเถิดชาวพุทธที่แท้ |
asoka เขียน: กบนอกกะลา เขียน: ใช้สมองคิด..ไม่ได้หรอก..อโสกะ แม้....จะใช้คุณสมบัติของพระอรหันต์ที่มีบันทึกใว้ก็ตาม....แต่สิ่งที่จะนำมาเทียบเคียงก็ต้องผ่านสมองคิด.. แค่ตาเห็น.....ก็เห้นเพียงภายนอก....ซึ่งมันหลอกกันได้.... ที๋ดี่สุด....คือ....ไม่ต้องอยากรู้คุณธรรมของใครหรอก....เพียงท่านมีจริยาวัตรงดงาม....ก็ทำบุญกับท่านได้แล้ว หาก..ยังอยากจะรู้อยู่อีก...ก็แนะนำ..ทำตัวท่านให้เป็นอรหันต์...ซะเอง...อันนี้รู้ชัว.ร์ ![]() ![]() สำคัญผิดแล้วนะครับท่านกรัชกาย ไม่ใช่ใช้สมองคิด แต่เป็นการใช้ สติ ปัญญา สังเกต พิจารณา ไปตามหลักเกณฑ์ที่พระบรมศาสดาทรงสอนไว้ และต้องประกอบด้วยความคลุกคลีให้มากและนานๆ ก็ย่อมจะพอคืบลามรู้ได้ครับ พยากรณ์ไม่ได้ แต่พอคืบลาม อนุมานรู้ได้ ที่จะประจักษ์แก่ตาและใจจริงๆก็ตอนที่ท่านดับขันธ์ไปแล้ว เผาแล้ว อัฐิของท่านจะหลอมรวมเป็นพระธาตุ นี่สามารถเห็นและรู้ด้วยตาเนื้อของมนุษย์ธรรมดาได้ครับ ![]() โพสต์ผม....ไปเกี่ยวอะไรกับคุณกรัชกาย.....!!! ศีล..รู้ด้วยการคลุกคลี ปัญญา..รู้ด้วยการสั่งสนทนา คุณธรรมภายใน....รู้ด้วยญาณที่ตนถึงแล้ว เมื่อไม่อาจพยากรณ์แบบทั่วไปได้.....ก็ไม่ควรไปตั้งธงจะดูคุณธรรมใคร....เพราะกิเลสของผู้ไปดูมันรวดเร็วมาก...อคติ4รวดเต็วมาก..ดูกิเลสตนเองยังไม่ทันเลยแล้ว...จะไปดูคุณธรรมของผู้อื่น..มันจึง.ไม่พ้นดูด้วยกิเลส ดูคน...ดูที่ศีล..ดูปัญญา...หากพอใจก็คบหาสมาทานเป็นมิตร..เป็นศิกษ์..เป็นอาจารย์กันได้...ก็พอแล้ว |
เจ้าของ: | asoka [ 15 ก.ย. 2013, 21:31 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ตื่นเถิดชาวพุทธที่แท้ |
![]() ดูคน...ดูที่ศีล..ดูปัญญา...หากพอใจก็คบหาสมาทานเป็นมิตร..เป็นศิกษ์..เป็นอาจารย์กันได้...ก็พอแล้ว ![]() พอใจเพียงแค่นี้หรือครับคุณกบ (ขออภัย ใช้สมาร์ทโฟนตอบ ตัวหนังสือมันเล็ก เลยอ่านผิดพิมพ์ผิดไปเป็นคุณกรัชกาย) ![]() ![]() ![]() สติปัญญา และพื้นความรู้ระดับคุณกบ น่าจะพอคืบลาม รู้ได้ ว่าท่านใด องค์ไหน รูปไหน เป็นอย่างไร ไม่ใช่ก็น่าจะใกล้เคียงนะครับ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 04 ธ.ค. 2013, 08:46 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ตื่นเถิดชาวพุทธที่แท้ |
อาการแบบนี้มีมากเพราะเป็นสิ่งเข้าใจยาก ผู้จะศึกษาจึงมีน้อยจึงหันไปพูดว่าสู้ไปปฏิบัติเลยดีกว่า ง่ายด้วย ไม่ยุ่งยาก แต่พอไปปฏิบัติเข้าจริงๆ ยากยิ่งกว่าการศึกษาเป็นไหนๆ เพราะปฏิบัตินั้นมีทั้งของแท้ของเทียม เราอาจจะไม่สามารถแยกแยะว่าอันไหนของจริงอันไหนของปลอม เพราะเราขาดการศึกษาจึงแยกไม่ออก เช่นว่า อาจเกิดนิมิตในระหว่างการปฏิบัติ เพราะว่าเราไม่เคยเห็นสิ่งเหล่านี้มาก่อน จึงคิดว่าใช่ ตรงนี้แหละอันตรายอาจทำให้หลงได้ หลงว่าตัวเองว่าได้ฌาน ได้อภิญญา ได้มรรค ผล ก็ขอบอกตรงนี้ว่า ก่อนจะเดินทางเราเตรียมตัวพร้อมหรือยัง? ถ้าพร้อม ลุยยยยย ย ย |
เจ้าของ: | asoka [ 04 ธ.ค. 2013, 14:14 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ตื่นเถิดชาวพุทธที่แท้ | ||
![]() อ้างคำพูด: แต่เมื่อได้สนทนาธรรมกันแล้ว ท่านจะรู้ทันทีว่า ท่านผู้นั้นมีภูมิธรรมขั้นนั้นขั้นนี้ทันที ในบางกรณีพระอรหันต์ก็ย่อมรู้กันได้ ![]() ่คัดมาท่อนหนึ่งจากที่หลวงพ่อทูลแสดงไว้ เพื่อเป็นข้อสังเกตว่า ความคลุกคลีกับพระอริยเจ้า โอกาสที่เราจะพอคืบลามรู้ถึงคุณธรรมของท่านอย่างหนึ่งที่สำคัญก็คือ การสนทนาธรรม สิ่งที่ท่านแสดงมักจะเป็นธรรมะจากประสบการณ์จริงมากกว่า บางท่านอาจอ้างตำรามาประกอบเป็นบางครั้ง อย่างหลวงปู่เทส เทสรังสี บางท่านแสดงธรรมจากใจล้วนๆก็มี ตัวอย่างเช่นหลวงปู่เปลื้อง ปัญญวันโต ผมชอบใจคำตอบของท่านที่ให้กับโยมคุณลุงของผมซึ่งไปออกตัวก่อนถามท่านว่าไม่ค่อยรู้ศัพท์แสงทางบาลีมากอยากถามวิธีปฏิบัติธรรมจากหลวงปู่ ๆ ตอบว่า "โยม.....พอ ละ เป็นพระเลย" สาธุๆๆๆ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]()
|
เจ้าของ: | คนธรรมดาๆ [ 05 ธ.ค. 2013, 04:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ตื่นเถิดชาวพุทธที่แท้ |
โค้ด: ความคลุกคลีกับพระอริยเจ้า โอกาสที่ "เรา" จะพอคืบลามรู้ถึงคุณธรรมของท่านอย่างหนึ่งที่สำคัญก็คือ การสนทนาธรรม คุณอโศกะ ตัดมาอย่างไรถึงสรุปได้แบบนั้นครับ โค้ด: แม้ "พระอรหันต์" องค์ที่ท่านไม่มีญาณพิเศษส่วนตัว ก็ไม่สามารถรู้ภูมิธรรมขององค์อื่นได้ แต่เมื่อได้สนทนาธรรมกันแล้ว ท่านจะรู้ทันทีว่า ท่านผู้นั้นมีภูมิธรรมขั้นนั้นขั้นนี้ทันที ในบางกรณี "พระอรหันต์" ก็ย่อมรู้กันได้ หรือรู้ภูมิธรรมของพระอริยเจ้าขั้นอื่นได้ด้วย นั่นคือ เป็นผู้มีนิสัยเกี่ยวข้องกันมาในอดีต เคยสร้างบารมีร่วมกันมา และเคยร่วมสุขร่วมทุกข์กันมาหลายภพหลายชาติ ถ้าในกรณีอย่างนี้ก็พอรู้กันบ้าง ธรรมะ คือธรรมะ เป็นไปตามธรรม ไม่เป็นไปตามใจ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |