ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
"ไม่ถือสา ก็ไม่เป็นไร ไม่อินังขังขอบ ก็ไม่ทุกข์ใจ" http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=46332 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 5 |
เจ้าของ: | asoka [ 14 ก.ย. 2013, 15:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | "ไม่ถือสา ก็ไม่เป็นไร ไม่อินังขังขอบ ก็ไม่ทุกข์ใจ" |
![]() ![]() "ไม่ถือสา ก็ไม่เป็นไร ไม่อินังขังขอบ ก็ไม่ทุกข์ใจ" ![]() อาจาริยภาษิต ข้อนี้ ถ้าใครยึดเอาไปใช้เป็นหลักใจ ก็จะทำให้ได้รับความสุขทุกวี่วัน ![]() ![]() เป็นอาจารย์ท่านใดหรือ ที่กล่าวภาษิตบทนี้ เป็นตุ๊เจ้าเสือดาว.......อยู่ที่ถ้ำเสือดาว ข้างถ้ำหลวงเชียงดาว ผมเคยได้พบปะสนทนาธรรมกับท่าน ท่านมีข้อธรรมที่น่าซาบซึ้งใจมากมาย แต่ที่ท่านพูดซ้ำๆอยู่ตลอดระยะเวลาที่สนทนาก็คือคำนี้ "ไม่ถือสา ก็ไม่เป็นไร ไม่อินังขังขอบ ก็ไม่ทุกข์ใจ" ผมจึงจำแม่นและนำมาใช้เสมอๆ อย่างเที่ยวนี้ กระทู้หายไปโดยไม่ทราบสาเหตุเพราะติดภาระกิจอื่นหลายวันไม่ได้ทันเข้ามาดู พอกลับมากระทู้หาย โดยไม่ทราบต้นสายปลายเหตุ คุณโฮฮับทักทีแรก ก็ยังไม่รู้ตัว เมื่อมาพิจารณาจึงรู้ว่ากระทู้ใหม่เรื่อง "สมาธิสุข" หายไป เลยต้องยกอาจาริยภาษิต "ไม่ถือสา ก็ไม่เป็นไร ไม่อินังขังขอบ ก็ไม่ทุกข์ใจ" มาใช้ทันควัน นี่ก็คือตัวอย่างจริงๆของการปฏิบัติจริงให้ทุกท่านได้พิจารณา และสนทนากันต่อไปด้วยความสนุกและเป็นปกติสุขนะครับ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | พุทธคุณ [ 14 ก.ย. 2013, 16:15 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: "ไม่ถือสา ก็ไม่เป็นไร ไม่อินังขังขอบ ก็ไม่ทุกข์ใจ" |
asoka เขียน: อย่างเที่ยวนี้ กระทู้หายไปโดยไม่ทราบสาเหตุเพราะติดภาระกิจอื่นหลายวันไม่ได้ทันเข้ามาดู พอกลับมากระทู้หาย โดยไม่ทราบต้นสายปลายเหตุ คุณโฮฮับทักทีแรก ก็ยังไม่รู้ตัว เมื่อมาพิจารณาจึงรู้ว่ากระทู้ใหม่เรื่อง "สมาธิสุข" หายไป เลยต้องยกอาจาริยภาษิต "ไม่ถือสา ก็ไม่เป็นไร ไม่อินังขังขอบ ก็ไม่ทุกข์ใจ" มาใช้ทันควัน นี่ก็คือตัวอย่างจริงๆของการปฏิบัติจริงให้ทุกท่านได้พิจารณา และสนทนากันต่อไปด้วยความสนุกและเป็นปกติสุขนะครับ ทีมงานได้แจ้งถึงสาเตุที่ย้ายกระทู้ของท่านสมาชิกไปทาง PM แล้วนะครับ ไม่ทราบว่าท่านสมาชิก asoka ผู้ทรงเกียรติได้ทำการเปิดดู PM ของท่านหรือยัง เข้าไปดูในข้อความส่วนตัวก่อนนะครับ ไม่ต้องตื่นเต้น |
เจ้าของ: | asoka [ 14 ก.ย. 2013, 17:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: "ไม่ถือสา ก็ไม่เป็นไร ไม่อินังขังขอบ ก็ไม่ทุกข์ใจ" |
![]() ขอบคุณคุณพุทธคุณ.....เป็นความผิดของผมเองที่ไม่ได้สนใจกลุ่มสนทนาอื่นเลย เหมือนอยู่ในกะลา มาเปิดหูเปิดตาให้ผมได้ไปในกลุ่มอื่นบ้าง ก็ดีครับ ทำให้ยิ่งได้เห็นว่า ลานธรรมจักรนี้มีอะไรดีๆ มากมายหลายแง่หลายมุม อนุโมทนาสาธุครับ ตอนนี้ถูกดึงไป 2 กลุ่มแล้วครับ กลุ่ม สติ สมาธิ กับกลุ่ม บทความธรรมะที่คุณพุทธคุณบอกนี่หละครับ ขอบคุณ ![]() |
เจ้าของ: | asoka [ 22 ก.ย. 2013, 09:47 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: "ไม่ถือสา ก็ไม่เป็นไร ไม่อินังขังขอบ ก็ไม่ทุกข์ใจ" | ||
![]() สติ + สมาธิ ....กับ....ปัญญานี่เขาทำงานร่วมกัน เป็นคู่กันอยู่ตลอดเวลาอุปมาเหมือนวัวเทียมเกวียน สติ+สมาธิเป็นวัวตัวซ้าย ปัญญาเป็นวัวตัวขวา จิต เป็นผู้ขับเกวียน ถ้าเน้นสติ+สมาธิมาก เหมือนเร่งแต่วัวตัวซ้าย ถ้าวัวตัวขวาตามไม่ทัน เกวียนก็จะหมุนไปตกข้างทางด้านขวา ในทำนองกลับกัน ถ้าเน้นปัญญามาก สติ+สมาธิตามไม่ทัน ก็เหมือนเร่งวัวตัวขวาจนวัวตัวซ้ายตามไม่ทัน ผลก็ทำให้เกวียนหมุนไปทางซ้าย เกวียนเลยวิ่งไม่ตรงทาง ถ้าจะบังคับวัวให้ลากเกวียนขันธ์ 5 นี้ไปบนเส้นทางสายกลางคือมรรคมีองค์ 8 ต้องฉลาดในการบังคับวัวที่เทียมเกวียน ให้เหมาะสมกับสภาพของทาง รู้จักดึงและเร่งวัว ตัวขวาและซ้ายให้เลี้ยว ซ้าย ขวา หรือเดินตรง ให้พอเหมาะพอดี ได้สัดส่วน สมดุลย์ จึงจะพาเกวียนไปได้ตลอดรอดฝั่ง จึงขอให้เน้นทั้ง สติ+สมาธิ และ ปัญญาไปพร้อมๆกัน เด้อ บอกต่อกันไปด้วยเน้อ ![]()
|
เจ้าของ: | โฮฮับ [ 22 ก.ย. 2013, 10:53 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: "ไม่ถือสา ก็ไม่เป็นไร ไม่อินังขังขอบ ก็ไม่ทุกข์ใจ" |
asoka เขียน: ![]() สติ + สมาธิ ....กับ....ปัญญานี่เขาทำงานร่วมกัน เป็นคู่กันอยู่ตลอดเวลาอุปมาเหมือนวัวเทียมเกวียน สติ+สมาธิเป็นวัวตัวซ้าย ปัญญาเป็นวัวตัวขวา จิต เป็นผู้ขับเกวียน ถ้าเน้นสติ+สมาธิมาก เหมือนเร่งแต่วัวตัวซ้าย ถ้าวัวตัวขวาตามไม่ทัน เกวียนก็จะหมุนไปตกข้างทางด้านขวา ในทำนองกลับกัน ถ้าเน้นปัญญามาก สติ+สมาธิตามไม่ทัน ก็เหมือนเร่งวัวตัวขวาจนวัวตัวซ้ายตามไม่ทัน ผลก็ทำให้เกวียนหมุนไปทางซ้าย เกวียนเลยวิ่งไม่ตรงทาง ถ้าจะบังคับวัวให้ลากเกวียนขันธ์ 5 นี้ไปบนเส้นทางสายกลางคือมรรคมีองค์ 8 ต้องฉลาดในการบังคับวัวที่เทียมเกวียน ให้เหมาะสมกับสภาพของทาง รู้จักดึงและเร่งวัว ตัวขวาและซ้ายให้เลี้ยว ซ้าย ขวา หรือเดินตรง ให้พอเหมาะพอดี ได้สัดส่วน สมดุลย์ จึงจะพาเกวียนไปได้ตลอดรอดฝั่ง จึงขอให้เน้นทั้ง สติ+สมาธิ และ ปัญญาไปพร้อมๆกัน เด้อ บอกต่อกันไปด้วยเน้อ ![]() บอกต่อน่ะได้ แต่ถ้าเขาถามว่า ปัญญาคืออะไร จะตอบเขาว่าอย่างไร ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 22 ก.ย. 2013, 11:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: "ไม่ถือสา ก็ไม่เป็นไร ไม่อินังขังขอบ ก็ไม่ทุกข์ใจ" |
เห็นคุณอโศกขยันทำแผนภูมิแล้ว นึกถึงตาข่ายใยแมงมุมที่ขึงอยู่ตามต้นไม้ ![]() |
เจ้าของ: | asoka [ 23 ก.ย. 2013, 22:46 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: "ไม่ถือสา ก็ไม่เป็นไร ไม่อินังขังขอบ ก็ไม่ทุกข์ใจ" | ||
![]() ![]() ![]() ขอบคุณคุณโฮฮับ ที่ถาม อ้างคำพูด: บอกต่อน่ะได้ แต่ถ้าเขาถามว่า ปัญญาคืออะไร จะตอบเขาว่าอย่างไร ![]() ปัญญา คือ "รู้" "นัตถิ ปัญญา สมาอาภา".....ความสว่างใด เสมอด้วยปัญญาไม่มี ไม่มีความสว่างอันใดเทียบเท่าความสว่างแห่งปัญญา ปัญญามี 3 อย่างคือ 1.สุตตะมยปัญญา ปัญญาที่เกิดจากการ ฟัง ศึกษา เรียนรู้ 2.จินตมยปัญญา ปัญญาที่เกิดจากการ คิด นึก พิจารณา วิตก วิจารณ์ วิเคราะห์ วิจัย 3.ภาวนามยปัญญา ปัญญาที่เกิดจากการลงมือทำจริง ประสบการณ์จริง ปัญญาที่มีประโยชน์ในการปฏิบัติธรรมคือ ปัญญามรรค 2 ข้อ ในมรรคมีองค์ 8 อันได้แก่ 1.ปัญญาสัมมาทิฏฐิ.....ความเห็นชอบ หรือเห็นถูกต้อง....ในปฏิบัติการ คือ ปัญญาที่ไป เห็น ดู รู้ สภาวธรรม อันเป็นไปตามอริยสัจ 4 2.ปัญญาสัมมาสังกัปปะ....ความดำริชอบ.......ในปฏิบัติการ คือ ปัญญาที่ไป สังเกต(ไม่ใช้ความคิด) พิจารณา(ใช้ความคิด) สภาวธรรมต่างๆจนเห็นความจริงที่ซ่อนลึกถึงที่สุด จนทำให้ ออกจากกาม ออกจากความพยาบาท.และมีชีวิตออยู่อย่างไม่เบียดเบียน ![]() ![]()
|
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 24 ก.ย. 2013, 04:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: "ไม่ถือสา ก็ไม่เป็นไร ไม่อินังขังขอบ ก็ไม่ทุกข์ใจ" |
คุณอโศก เคยคิดไหมคำว่า "มรรค" มรรค ที่คุณยกมาสองตัวเนี่ย เหมือนหรือต่างกันยังไง อ้างคำพูด: ปัญญามรรค 2 ข้อ ในมรรคมีองค์ 8 อันได้แก่ 1.ปัญญาสัมมาทิฏฐิ.....ความเห็นชอบ หรือเห็นถูกต้อง....ในปฏิบัติการ คือ ปัญญาที่ไป เห็น ดู รู้ สภาวธรรม อันเป็นไปตามอริยสัจ 4 ในอริยสัจ 4 ที่เรียกกันสั้นๆว่า ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค <= มรรคตัวนี้ ได้แก่ อะไร |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 25 ก.ย. 2013, 05:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: "ไม่ถือสา ก็ไม่เป็นไร ไม่อินังขังขอบ ก็ไม่ทุกข์ใจ" |
กรัชกาย เขียน: คุณอโศก เคยคิดไหมคำว่า "มรรค" มรรค ที่คุณยกมาสองตัวเนี่ย เหมือนหรือต่างกันยังไง อ้างคำพูด: ปัญญามรรค 2 ข้อ ในมรรคมีองค์ 8 อันได้แก่ 1.ปัญญาสัมมาทิฏฐิ.....ความเห็นชอบ หรือเห็นถูกต้อง....ในปฏิบัติการ คือ ปัญญาที่ไป เห็น ดู รู้ สภาวธรรม อันเป็นไปตามอริยสัจ 4 ในอริยสัจ 4 ที่เรียกกันสั้นๆว่า ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค <= มรรคตัวนี้ ได้แก่ อะไร คุณอโศกมีคำตอบหรือยังครับ ![]() http://www.youtube.com/watch?v=wiJ4PQWKSd8 |
เจ้าของ: | asoka [ 25 ก.ย. 2013, 08:07 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: "ไม่ถือสา ก็ไม่เป็นไร ไม่อินังขังขอบ ก็ไม่ทุกข์ใจ" |
![]() 1.มรรค....มรรคา....ทางเดิน. ?....มรรคอริยสัจ ทางดำเนินไปสู่การแก้ไข สมุทัยสัจจะ..เหตุทุกข์ อันจะทำให้พ้นจากทุกขสัจจะ เข้าถึง นิโรธสัจจะ หรือ นิพพาน 2. มรรค.......ตัด...คือ โสดาปัตติมรรค...สกิทาคามีมรรค....อนาคามีมรรค...อรหัตมรรค สิ่งทีถูกตัดคือ สังโยชน์ทั้ง10 อันมีความเห็นผิด(สักกายมิฏฐิ)และความยึดผิด(มานะทิฏฐิ)เป็นต้นเงื่อน ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 25 ก.ย. 2013, 18:31 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: "ไม่ถือสา ก็ไม่เป็นไร ไม่อินังขังขอบ ก็ไม่ทุกข์ใจ" |
asoka เขียน: 1.มรรค....มรรคา....ทางเดิน. ?....มรรคอริยสัจ ทางดำเนินไปสู่การแก้ไข สมุทัยสัจจะ..เหตุทุกข์ อันจะทำให้พ้นจากทุกขสัจจะ เข้าถึง นิโรธสัจจะ หรือ นิพพาน 2. มรรค.......ตัด...คือ โสดาปัตติมรรค...สกิทาคามีมรรค....อนาคามีมรรค...อรหัตมรรค สิ่งทีถูกตัดคือ สังโยชน์ทั้ง10 อันมีความเห็นผิด(สักกายมิฏฐิ)และความยึดผิด(มานะทิฏฐิ)เป็นต้นเงื่อน ถึงขนาดนั้นแล้วเนี่ย มรรค ข้อ 2 ยังไม่นิพพานอีกหรอครับ ![]() |
เจ้าของ: | asoka [ 25 ก.ย. 2013, 19:08 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: "ไม่ถือสา ก็ไม่เป็นไร ไม่อินังขังขอบ ก็ไม่ทุกข์ใจ" |
กรัชกาย เขียน: asoka เขียน: 1.มรรค....มรรคา....ทางเดิน. ?....มรรคอริยสัจ ทางดำเนินไปสู่การแก้ไข สมุทัยสัจจะ..เหตุทุกข์ อันจะทำให้พ้นจากทุกขสัจจะ เข้าถึง นิโรธสัจจะ หรือ นิพพาน 2. มรรค.......ตัด...คือ โสดาปัตติมรรค...สกิทาคามีมรรค....อนาคามีมรรค...อรหัตมรรค สิ่งทีถูกตัดคือ สังโยชน์ทั้ง10 อันมีความเห็นผิด(สักกายทิฏฐิ)และความยึดผิด(มานะทิฏฐิ)เป็นต้นเงื่อน ถึงขนาดนั้นแล้วเนี่ย มรรค ข้อ 2 ยังไม่นิพพานอีกหรอครับ ![]() ![]() โสดาปัติมรรคเกิดขึ้นชั่วพริบตาเดียวก็ส่งต่อเข้าถึงโสดาปัติผลตรงนี้แหละถึงจะถึง นิพพาน ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 26 ก.ย. 2013, 05:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: "ไม่ถือสา ก็ไม่เป็นไร ไม่อินังขังขอบ ก็ไม่ทุกข์ใจ" |
asoka เขียน: กรัชกาย เขียน: asoka เขียน: 1.มรรค....มรรคา....ทางเดิน. ?....มรรคอริยสัจ ทางดำเนินไปสู่การแก้ไข สมุทัยสัจจะ..เหตุทุกข์ อันจะทำให้พ้นจากทุกขสัจจะ เข้าถึง นิโรธสัจจะ หรือ นิพพาน 2. มรรค.......ตัด...คือ โสดาปัตติมรรค...สกิทาคามีมรรค....อนาคามีมรรค...อรหัตมรรค สิ่งทีถูกตัดคือ สังโยชน์ทั้ง10 อันมีความเห็นผิด(สักกายทิฏฐิ)และความยึดผิด(มานะทิฏฐิ)เป็นต้นเงื่อน ถึงขนาดนั้นแล้วเนี่ย มรรค ข้อ 2 ยังไม่นิพพานอีกหรอครับ โสดาปัติมรรคเกิดขึ้นชั่วพริบตาเดียวก็ส่งต่อเข้าถึงโสดาปัติผลตรงนี้แหละถึงจะถึง นิพพาน ถ้ายังงั้น ยังงี้ ก็นิพพานทั้ง 2 ข้อ คือ ทั้งข้อ 1 ข้อ 2 คือนิพพานทั้ง มรรค ในอริยสัจ ทั้งมรรค ในมรรคมีองค์ 8 ถูกไหมครับ |
เจ้าของ: | asoka [ 26 ก.ย. 2013, 09:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: "ไม่ถือสา ก็ไม่เป็นไร ไม่อินังขังขอบ ก็ไม่ทุกข์ใจ" |
![]() มรรค 8 ในข้อที่ 1 เป็นเหตุของมรรคทั้ง 4 ผลทั้ง 4 และนิพพานอีก 1 ในข้อที่ 2 ครับ ถูกต้องตามที่เห็นแล้วครับ ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 26 ก.ย. 2013, 10:46 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: "ไม่ถือสา ก็ไม่เป็นไร ไม่อินังขังขอบ ก็ไม่ทุกข์ใจ" |
1. ทุกฺขํ อริยสจฺจํ ปริญฺเญยฺยํ 2. ทุกฺขสมุทโย อริยสจฺจํ ปหาตพฺพํ 3. ทุกฺขนิโรโธ อริสจฺจํ สจฺฉิกาตพฺพํ 4. ทุกฺขนิโรธคามินีปฏิปทา อริยสจฺจํ ภาเวตพฺพํ นำหลักมาวางไว้ก่อน ความหมายของศัพท์ให้พี่โฮฮับ ซึ่งว่าเก่งภาษาไทยซึ่งสอบได้ เกรด 4 ทุกเทอมมาบอกให้ คิกๆๆ ที่นำมานั่นจะชี้ให้ดูความหมาย "ปฏิปทา" ตัวนี้แหละเหมือนประตูที่เปิดเข้าไปให้รู้ความหมาย "มรรค" ที่เราพูดกันติดปาก ทิ้งไว้ก่อน รอพี่โฮ ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 5 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |