วันเวลาปัจจุบัน 07 พ.ค. 2024, 20:23  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 50 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ย. 2013, 10:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:

ต่อให้ยกให้อะไรต่ออะไรมาอ้างมาพูดมากมาย ถ้าเราไม่เข้าใจความหมายของเขา หรือเข้าใจความหมายของเขาผิดล่ะก็ เปล่าประโยชน์ครับ อย่างที่เคยพูดนับครั้งไม่่ถ้วนว่า เหมือนนกแก้วนกขุนทองที่พูดภาษาคนได้ แต่หารู้ความหมายของถ้อยคำที่ตนพูดนั้นไม่ ก็ไร้ประโยชน์ :b1:

http://www.youtube.com/watch?v=fH1lMz1w1sI

ไปเที่ยวๆๆๆ ไปเที่ยว ไปด้วยๆๆๆ ไปด้วยๆ

http://video.sanook.com/player/210777/% ... 4%E0%B9%89

ของเขาน่ะของใคร กรัชกายเริ่มตุปัดตุเป๋แล้ว
กรัชกายขาดความเข้าใจทั้งทางโลกและทางธรรม ทางโลกคือไม่เข้าหลักการใช้ภาษา
ทางธรรมคือไม่เข้าถึงสภาพธรรม พอเวลาใครเขาอธิบายถึงสภาพธรรมให้ฟัง
กรัชกายไม่รู้ในสิ่งที่เขาอธิบาย เหตุนี้พอเข้าอธิบายจบ กรัชกายก็มักจะหยิบเอาคำ
หรือลายละเอียดในคำอธิบาย มาถามใหม่ ถามว่าโน้นแปลว่าอะไร นี้แปลว่าอะไร

มันเป็นเรื่องของคนที่ขาดความรู้ คิดว่าความหมายกับคำแปลเป็นอย่างเดียวกัน
ตัวอย่างเช่น เคยอธิบายเรื่องสมมติสัจจะและปรมัตถ์สัจจะให้ฟังแล้ว
นี้มาอีกแล้วดันมาถามว่า.....ธรรมะแปลว่าอย่างไร
เฮ่อ! จะบ้าตายเพราะกรัชกายวันล่ะร้อยเที่ยว :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ย. 2013, 12:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:

ต่อให้ยกให้อะไรต่ออะไรมาอ้างมาพูดมากมาย ถ้าเราไม่เข้าใจความหมายของเขา หรือเข้าใจความหมายของเขาผิดล่ะก็ เปล่าประโยชน์ครับ อย่างที่เคยพูดนับครั้งไม่่ถ้วนว่า เหมือนนกแก้วนกขุนทองที่พูดภาษาคนได้ แต่หารู้ความหมายของถ้อยคำที่ตนพูดนั้นไม่ ก็ไร้ประโยชน์ :b1:

http://www.youtube.com/watch?v=fH1lMz1w1sI

ไปเที่ยวๆๆๆ ไปเที่ยว ไปด้วยๆๆๆ ไปด้วยๆ

http://video.sanook.com/player/210777/% ... 4%E0%B9%89

ของเขาน่ะของใคร กรัชกายเริ่มตุปัดตุเป๋แล้ว
กรัชกายขาดความเข้าใจทั้งทางโลกและทางธรรม ทางโลกคือไม่เข้าหลักการใช้ภาษา
ทางธรรมคือไม่เข้าถึงสภาพธรรม พอเวลาใครเขาอธิบายถึงสภาพธรรมให้ฟัง
กรัชกายไม่รู้ในสิ่งที่เขาอธิบาย เหตุนี้พอเข้าอธิบายจบ กรัชกายก็มักจะหยิบเอาคำ
หรือลายละเอียดในคำอธิบาย มาถามใหม่ ถามว่าโน้นแปลว่าอะไร นี้แปลว่าอะไร

มันเป็นเรื่องของคนที่ขาดความรู้ คิดว่าความหมายกับคำแปลเป็นอย่างเดียวกัน
ตัวอย่างเช่น เคยอธิบายเรื่องสมมติสัจจะและปรมัตถ์สัจจะให้ฟังแล้ว
นี้มาอีกแล้วดันมาถามว่า.....ธรรมะแปลว่าอย่างไร
เฮ่อ! จะบ้าตายเพราะกรัชกายวันล่ะร้อยเที่ยว :b32:


ธรรม ไม่ต้องแปลก็ได้ ธรรม ตามความเข้าใจของโฮฮับได้แก่ อะไร

สมมติ ปรมัตถ์อีกแระ ขำ อะไรสมมติ อะไรปรมัตถ์ เอาตรงๆสั้นๆชัดๆ ไม่ต้องยาว แล้วจะไม่ถามอีก แต่ต้องตอบให้ตรงคำถามนั่นนะ ธรรม สมมติ ปรมัตถ์ ได้แก่อะไร ยกตัวอย่า่งด้วย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ย. 2013, 13:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ควรเข้าใจไว้ก่อนว่า ตามภาวะที่แท้จริง นิพพานมีอย่างเดียวเท่านั้น แต่ที่แยกประเภทออกไป ก็เพื่อแสดงอาการของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับนิพพานบ้าง พูดถึงนิพพานโดยปริยาย คือ ความหมายบางแง่บางด้านบ้าง

เอาอีกแล่ะ ! มั่วอีกแล้ว พระพุทธองค์ทรงแบ่งนิพพานหรือนิพพานธาตุเป็น๒
มัวแต่ท่องคำศัพท์แค่นิพพาน ก็เลยคิดว่าเป็น๑

กรัชกาย เขียน:
โดยพยัญชนะ หรือตามตัวอักษร นิพพาน มาจาก นิ อุปสรรค (แปลว่า ออกไป หมดไป ไม่มี เลิก) + วาน (แปลว่า พัด ไป หรือ เป็นไปบ้าง เครื่องร้อยรัดบ้าง) ใช้เป็นกิริยาของไฟ หรือการดับไฟหรือของที่ร้อน เพราะไฟ แปลว่า ไฟดับ ดับไฟ หรือดับร้อน หมายถึงหายร้อน เย็นลง หรือเย็นสนิท (แต่ไม่ใช่ดับสูญ) แสดงภาวะทางจิตใจ หมายถึง เย็นใจ สดชื่น ชุ่มชื่นใจ ดับความร้อนใจ หายร้อนรน ไม่มีความกระวนกระวาย หรือแปลว่า เป็นเครื่องดับกิเลส คือทำให้ราคะ โทสะ โมหะ หมดสิ้นไป ในคัมภีร์รุ่นรองและอรรถกถาฎีกาส่วนมาก นิยมแปลว่า ไม่มีตัณหาเครื่องร้อยรัด หรือออกไปแล้วจากตัณหาที่เป็นเครื่องร้อยติดไว้กับภพ


อ่านความเห็นนี่เหมือนกับจะบอกว่า สภาวะนิพพานเป็นสภาวะที่ราคะ โทสะ โมหะหมดสิ้นไป
แบบนี้กำปั่นทุบดินหรือเปล่า ......มันต้องบอกว่าสภาวะนิพพานเป็นอย่างไร หรือมีลักษณะอย่างไร
ดันมาบอกว่า ไม่มีอย่างนี้จึงเป็นอย่างนี้มั่วจริงๆ

ก็เป็นแบบนี้ไง พวกที่ได้ฌาน๘ถึงคิดว่า ได้นิพพานแล้ว
กรัชกายรู้หรือเปล่าว่า ในขณะที่อยู่ในฌาน๘ มันก็ไม่มีราคะ โทสะและโมหะเหมือนกัน
แต่มันไม่ใช่นิพพาน

การจะบอกว่าอะไรเป็นลักษณะของนิพพาน มันต้องบอกว่ามีคุณสมบัติอย่างไร
ไม่ใช่บอกในสิ่งที่ไม่มี มันต้องบอกแบบนี้......

สภาวะนิพพานต้องประกอบด้วย.....วิเวก...วิราคะ...วิมุตติเข้าใจมั้ย :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ย. 2013, 13:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:

ธรรม ไม่ต้องแปลก็ได้ ธรรม ตามความเข้าใจของโฮฮับได้แก่ อะไร

สมมติ ปรมัตถ์อีกแระ ขำ อะไรสมมติ อะไรปรมัตถ์ เอาตรงๆสั้นๆชัดๆ ไม่ต้องยาว แล้วจะไม่ถามอีก แต่ต้องตอบให้ตรงคำถามนั่นนะ ธรรม สมมติ ปรมัตถ์ ได้แก่อะไร ยกตัวอย่า่งด้วย


:b1: เลี่ยงไปฟุ้งอยู่นั่นอีก เนี่ยที่พี่โฮพูด แล้วได้ถามเนี่ยว่า ธรรม สมมติ ปรมัตถ์ ได้แก่อะไร ยกตัวอย่างประกอบด้วย :b1:

ต้องถามแบบนี้ :b1: พี่โฮหันหน้ามาดูหน่อยเดะ :b9:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ย. 2013, 18:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ควรเข้าใจไว้ก่อนว่า ตามภาวะที่แท้จริง นิพพานมีอย่างเดียวเท่านั้น แต่ที่แยกประเภทออกไป ก็เพื่อแสดงอาการของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับนิพพานบ้าง พูดถึงนิพพานโดยปริยาย คือ ความหมายบางแง่บางด้านบ้าง

เอาอีกแล่ะ ! มั่วอีกแล้ว พระพุทธองค์ทรงแบ่งนิพพานหรือนิพพานธาตุเป็น๒
มัวแต่ท่องคำศัพท์แค่นิพพาน ก็เลยคิดว่าเป็น๑

กรัชกาย เขียน:
โดยพยัญชนะ หรือตามตัวอักษร นิพพาน มาจาก นิ อุปสรรค (แปลว่า ออกไป หมดไป ไม่มี เลิก) + วาน (แปลว่า พัด ไป หรือ เป็นไปบ้าง เครื่องร้อยรัดบ้าง) ใช้เป็นกิริยาของไฟ หรือการดับไฟหรือของที่ร้อน เพราะไฟ แปลว่า ไฟดับ ดับไฟ หรือดับร้อน หมายถึงหายร้อน เย็นลง หรือเย็นสนิท (แต่ไม่ใช่ดับสูญ) แสดงภาวะทางจิตใจ หมายถึง เย็นใจ สดชื่น ชุ่มชื่นใจ ดับความร้อนใจ หายร้อนรน ไม่มีความกระวนกระวาย หรือแปลว่า เป็นเครื่องดับกิเลส คือทำให้ราคะ โทสะ โมหะ หมดสิ้นไป ในคัมภีร์รุ่นรองและอรรถกถาฎีกาส่วนมาก นิยมแปลว่า ไม่มีตัณหาเครื่องร้อยรัด หรือออกไปแล้วจากตัณหาที่เป็นเครื่องร้อยติดไว้กับภพ


อ่านความเห็นนี่เหมือนกับจะบอกว่า สภาวะนิพพานเป็นสภาวะที่ราคะ โทสะ โมหะหมดสิ้นไป
แบบนี้กำปั่นทุบดินหรือเปล่า ......มันต้องบอกว่าสภาวะนิพพานเป็นอย่างไร หรือมีลักษณะอย่างไร
ดันมาบอกว่า ไม่มีอย่างนี้จึงเป็นอย่างนี้มั่วจริงๆ

ก็เป็นแบบนี้ไง พวกที่ได้ฌาน๘ถึงคิดว่า ได้นิพพานแล้ว
กรัชกายรู้หรือเปล่าว่า ในขณะที่อยู่ในฌาน๘ มันก็ไม่มีราคะ โทสะและโมหะเหมือนกัน
แต่มันไม่ใช่นิพพาน

การจะบอกว่าอะไรเป็นลักษณะของนิพพาน มันต้องบอกว่ามีคุณสมบัติอย่างไร
ไม่ใช่บอกในสิ่งที่ไม่มี มันต้องบอกแบบนี้......

สภาวะนิพพานต้องประกอบด้วย.....วิเวก...วิราคะ...วิมุตติเข้าใจมั้ย :b32:


อ้างคำพูด:
กรัชกายรู้หรือเปล่าว่า ในขณะที่อยู่ในฌาน ๘ มันก็ไม่มีราคะ โทสะและโมหะเหมือนกัน
แต่มันไม่ใช่นิพพาน


ที่่ถามว่า กรัชกายรู้หรือเปล่า ตอบว่า ไม่รู้ นี่เห็นมะไม่ยาก ไม่ใช่เรื่องน่าอายอันใดเลย คนเราไม่ใช่จะรู้ไปหมดทุกเรื่องทุกอย่าง เรื่องที่เรารู้เนี่ยน้อยกว่าเรื่องที่ไม่รู้นะพี่โฮ รู้ก็บอกว่ารู้ ไม่รู้ก็บอกว่าไม่รู้ :b13:

ถามมั่ง พี่รู้ใช่ไหม บอกบ้างสิเป็นยังไงฌาน ๘ ที่พูดถึงนั่นน่า :b8: :b36: เหมือนมรรค 8 หรือ ตอง 8 มั้ยครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 50 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 13 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร