วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 01:10  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 27 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2013, 04:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


โยม-->หลวงปู่ครับผมทำอย่างไรจะบรรลุธรรมได้เร็วที่สุดขอรับ?

หลวงปู่--> ก็ละความอยากบรรลุธรรมของคุณสิ ได้เร็วที่สุด คุณละได้เร็วเท่าไหร่ คุณก็จะบรรลุธรรมได้เร็วเท่านั้น
...
โยม-->ไม่ใช่ครับผมหลวงปู่ ผมหมายถึงว่า ในการปฏิบัติธรรม วิธีการปฏิบัติของสายใดเป็นวิธีลัดให้เราบรรลุธรรมได้ง่ายๆและเร็วที่สุด

หลวงปู่--> เออ ก็อย่างนั้น แล้วคุณจะรีบไปไหนหล่ะ
หรือทุกวันนี้คุณรีบไม่พอ เดินทางก็รีบ ทำมาหากินก็รีบ รีบไปหมด
การปฏิบัติธรรมก็จะรีบ คุณดูนี่นะ (แล้วท่านก็ยกมือข้างซ้ายท่านขึ้นมา
กางนิ้วมือทั้งห้านิ้วออก แล้วก็เริ่มโบกเร็วๆ) คุณว่าตอนนี้มีกี่นิ้ว?

โยม--> เห็นไม่ชัดครับผม หลวงปู่ต้องโบกช้าๆครับผม ผมถึงจะเห็น

หลวงปู่--> นั้นๆ นี่ไงหล่ะ!! ขนาดคุณยังอยากให้ หลวงปู่โบกมือช้าๆเลย โบกมือเร็วๆไม่เห็นนิ้วมือใช่ไหม โบกช้าๆมันจึงจะเห็นชัด

"การปฏิบัติธรรม"หน่ะคุณเอ้ย..!! มันไม่มีอะไรเร็วได้ดอก รีบทำ รีบทำ มันไม่เห็น"ปัญญา"นะ ถึงเห็นมันก็ไม่แจ้ง ต้องค่อยๆทำ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป แต่อย่าหยุด เดินจงกรมทุกวัน ทำทุกวัน ภาวนาทุกวัน ขี้เกียจขี้คร้านก็ทำ ขยันหมั่นเพียรก็ต้องทำ อย่าหยุด ค่อยเป็นค่อยไป

พวกคุณ"ใช้ชีวิต"แบบเร่งๆรีบๆจน"เคยตัว" เลยคิดว่าการพ้นทุกข์นั้นก็รีบได้ ยิ่งพวกคุณอยาก พวกคุณรีบ ยิ่งพวกคุณ"ปฏิบัติ"สุกเอาเผากิน "ธรรมะ"ก็ยิ่งจะหนีห่างพวกคุณออกไปไกลเรื่อยๆ ค่อยๆคิด ค่อยๆทำ สังเกตุไปทุกระยะ ตั้งสติอย่าขาด อย่าวาดอนาคต อย่าผูกอดีต อย่าอยาก

"การปฏิบัติธรรม"ให้เหมือนการเอามือกำนกตัวน้อยๆ กำแรงนกก็ตาย กำเบานกก็บินหนี กำให้มันพอดี อย่าเบาอย่าแรง อย่าเร่งอย่ารีบ อย่าอยากมุงหลังคาทั้งๆที่ยังไม่ตั้งเสายังไม่เทพื้นเทคาน

"ทาน"เป็นเหตุชำระกิเลสอย่าง"หยาบ" มีศีลเป็นผล
"ศีล"เป็นเหตุชำระกิเลสอย่าง"กลาง"มีสมาธิเป็นผล
"สมาธิ"เป็นเหตุชำระกิเลสอย่าง"ละเอียด"มีปัญญาเป็นผล
"ปัญญา"เป็นเหตุรู้รอบในกองสังขารทั้งปวง
มีวิมุติความหลุดพ้น เป็นผล

** ทำไปตามขั้นตามตอน อย่าอยาก อย่าเร่ง อย่ารีบ
เดินจงกรมทุกวัน ทำทุกวัน ภาวนาทุกวัน ขี้เกียจขี้คร้านก็ทำ
ขยันหมั่นเพียรก็ต้องทำ อย่าหยุด ค่อยเป็นค่อยไป **

ถ้ามันบ่มให้สุกได้อย่างกล้วย อย่างมะม่วง มันก็ดีหน่ะสิ
แต่ในความเป็นจริงมันทำไม่ได้ ไม่มีใครลัดได้ดอก
ดูความยากของการปฏิบัตินะ มันจะได้ละอยาก
ละความห่วงในโลก อันนั้นหล่ะคุณจะได้ไวไว เข้าใจนะ!!




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2013, 06:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




a_mun.jpg
a_mun.jpg [ 52.57 KiB | เปิดดู 5444 ครั้ง ]
:b8:
สาธุ อนุโมทนาบุญด้วยครับ

"พึงปฏิบัติธรรม เหมือนการปลูกต้นผลไม้เถิด"

งานและหน้าที่ของคนปลูกต้นผลไม้ มีไม่กี่อย่างคือ
รดน้ำ
ใส่ปุ๋ย
พรวนดิน
ดายหญ้า
คอยกำจัดศัตรู โรคแมลง
ตัดแต่งกิ่ง


งานออกดอกออกผล เป็นหน้าที่ของต้นผลไม้ อย่าใจร้อนไปหวังและทำแทนต้นผลไม้....คือเร่งให้ ต้นผลไม้ออกดอกออกผลเร็วๆ ไวๆ ให้ทันดั่งใจเจ้าของ กันเลย

นี่แหละคือธรรม....ธรรมด๊า ธรรมดา

:b36:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2013, 07:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2758


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2013, 10:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ต.ค. 2010, 10:42
โพสต์: 249

แนวปฏิบัติ: ไม่เอา ไม่เป็น ไม่ยึด
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกเล่มของท่านพุทธทาส
อายุ: 32
ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: คุณรสมน

รสมน เขียน:

ถ้ามันบ่มให้สุกได้อย่างกล้วย อย่างมะม่วง มันก็ดีหน่ะสิ




พระพุทธองค์เคยแนะนำวิธีทำวิมุตติให้ถึงที่สุดดังนี้ครับ

http://pobbuddha.com/tripitaka/upload/f ... index.html

:b8:

.....................................................
วงว่างยงอยู่ยั้ง อนันตกาล
ในถิ่นที่ทุกสถาน แหล่งหล้า
ยึดมั่นไป่พบพาน ประจักษ์
ยามปล่อยหยุดไขว่คว้า ถึงได้โดยพลัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2013, 19:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ข้าพเจ้าไม่ได้คัดค้านหรือขัดคอท่านทั้งหลายนะขอรับ ความจริงแล้ว ทางลัดของการปฏิบัติธรรมมีอยู่จริงนะขอรับ

นั่นก็คือ การรักษาศีล ปฏิบัติตามข้อศีล ก็คือ การปฏิบัติธรรมทางลัด และ การรักษาศีล ปฏิบัติตามข้อศีล ไม่ว่าจะเป็น ศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ หรือ จะเป็นศีลของพระภิกษุสงฆ์ ย่อมสามารถคิดพิจารณาให้รู้เห็นเป็นข้อธรรมได้ เฉกเช่นการปฏิบัติธรรมต่างๆโดยตรง ขอรับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2013, 08:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


sriariya เขียน:
ข้าพเจ้าไม่ได้คัดค้านหรือขัดคอท่านทั้งหลายนะขอรับ ความจริงแล้ว ทางลัดของการปฏิบัติธรรมมีอยู่จริงนะขอรับ

นั่นก็คือ การรักษาศีล ปฏิบัติตามข้อศีล ก็คือ การปฏิบัติธรรมทางลัด และ การรักษาศีล ปฏิบัติตามข้อศีล ไม่ว่าจะเป็น ศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ หรือ จะเป็นศีลของพระภิกษุสงฆ์ ย่อมสามารถคิดพิจารณาให้รู้เห็นเป็นข้อธรรมได้ เฉกเช่นการปฏิบัติธรรมต่างๆโดยตรง ขอรับ



ขออนุโมทนาด้วยครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2013, 13:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นครั้งแรกที่เห็นคุณรสมนตอบกลับ อนุโมทนาครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2013, 13:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อมีทางก็ย่อมมีทางลัด. พระพุทธองค์ตรัสว่าการละนันทินั้นเป็นทางสะดวกเป็นทางสบาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ต.ค. 2013, 04:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




a_mun2.jpg
a_mun2.jpg [ 233.97 KiB | เปิดดู 5316 ครั้ง ]
asoka เขียน:
:b8:
สาธุ อนุโมทนาบุญด้วยครับ

"พึงปฏิบัติธรรม เหมือนการปลูกต้นผลไม้เถิด"

งานและหน้าที่ของคนปลูกต้นผลไม้ มีไม่กี่อย่างคือ
รดน้ำ
ใส่ปุ๋ย
พรวนดิน
ดายหญ้า
คอยกำจัดศัตรู โรคแมลง
ตัดแต่งกิ่ง


งานออกดอกออกผล เป็นหน้าที่ของต้นผลไม้ อย่าใจร้อนไปหวังและทำแทนต้นผลไม้....คือเร่งให้ ต้นผลไม้ออกดอกออกผลเร็วๆ ไวๆ ให้ทันดั่งใจเจ้าของ กันเลย

นี่แหละคือธรรม....ธรรมด๊า ธรรมดา

:b36:

onion
ทางลัดของการปฏิบัติธรรม มี อยู่ที่

"สติปัญญา รู้ทันปัจจุบันอารมณ์ ไม่ขาดสาย และไร้ปฏิกิริยาตอบโต้กับผัสสะทั้งปวง"

:b36:
:b37:
:b38:
:b8:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ต.ค. 2013, 05:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
asoka เขียน:
:b8:
สาธุ อนุโมทนาบุญด้วยครับ

"พึงปฏิบัติธรรม เหมือนการปลูกต้นผลไม้เถิด"[/color]

งานและหน้าที่ของคนปลูกต้นผลไม้ มีไม่กี่อย่างคือ
รดน้ำ
ใส่ปุ๋ย
พรวนดิน
ดายหญ้า
คอยกำจัดศัตรู โรคแมลง
ตัดแต่งกิ่ง


งานออกดอกออกผล เป็นหน้าที่ของต้นผลไม้ อย่าใจร้อนไปหวังและทำแทนต้นผลไม้....คือเร่งให้ ต้นผลไม้ออกดอกออกผลเร็วๆ ไวๆ ให้ทันดั่งใจเจ้าของ กันเลย

นี่แหละคือธรรม....ธรรมด๊า ธรรมดา

:b36:


ทางลัดของการปฏิบัติธรรม มี อยู่ที่

สติปัญญา รู้ทันปัจจุบันอารมณ์ ไม่ขาดสาย และไร้ปฏิกิริยาตอบโต้กับผัสสะทั้งปวง"


อ้างคำพูด:
ปัจจุบันอารมณ์


เ็ห็นคุณอโศก พูดบ่อยๆ และพูดทั่วๆไป ปัจจุบัน+อารมณ์ (ปัจจุบันอารมณ์) ช่วยบอกชัดๆเพื่อให้ผู้ปฏิบัตินำไปทำกันไ้ด้เอง "ปัจจุบันอารมณ์" นี่ทำยังไง ถึงจะเป็นปัจจุบันอารมณ์

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ต.ค. 2013, 05:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เ็ห็นคุณอโศก พูดบ่อยๆ และพูดทั่วๆไป ปัจจุบัน+อารมณ์ (ปัจจุบันอารมณ์) ช่วยบอกชัดๆเพื่อให้ผู้ปฏิบัตินำไปทำกันไ้ด้เอง "ปัจจุบันอารมณ์" นี่ทำยังไง ถึงจะเป็นปัจจุบันอารมณ์

:b12: :b12: :b12:
"ปัจจุบันอารมณ์ คือสิ่งที่ รู้ ขึ้นมาในจิต ณบัดเดี๋ยวนั้น"

ถ้าสตินทรีย์เจตสิกเกิดขึ้นมารู้ทันเป็นเงาต่อจากจิตดวงที่รู้นั้น เรียกว่า สติ รู้ทัน ปัจจุบันอารมณ์"

เครื่องมือช่วยสังเกตว่าสติรู้ทันปัจจุบันอารมณ์หรือไม่ คือ.....ความคิดนึก หรือ มโนกรรม ไม่เกิด มีแต่ รู้ กับ รู้ทัน

สิ่งที่บอกมานี้ มีแต่ทดสอบดูด้วยตนเองจึงรู้ ไม่มีบอกอยู่ในตำรา
:b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ต.ค. 2013, 07:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
"ปัจจุบันอารมณ์ คือสิ่งที่ รู้ ขึ้นมาในจิต ณบัดเดี๋ยวนั้น"

"ถ้าสตินทรีย์เจตสิกเกิดขึ้นมารู้ทันเป็นเงาต่อจากจิตดวงที่รู้นั้น เรียกว่า สติ รู้ทัน ปัจจุบันอารมณ์"

เครื่องมือช่วยสังเกตว่าสติรู้ทันปัจจุบันอารมณ์หรือไม่ คือ.....ความคิดนึก หรือ มโนกรรม ไม่เกิด มีแต่ รู้ กับ รู้ทัน

สิ่งที่บอกมานี้ มีแต่ทดสอบดูด้วยตนเองจึงรู้ ไม่มีบอกอยู่ในตำรา


ไม่มีในตำรา แล้วคำว่า "ปัจจุบันอารมณ์" นำมาจากไหน ไม่เอามาจากตำราดอกหรือ แล้วตำราเขาว่ายังไง
แน่ะๆๆ บอกอยู่นอกตำรา....เพื่ออะไร ? เพื่อจะให้คนถามคิดนึกเอาเอง เหมือนคนพูดเรื่องชาติก่อนๆโน้นๆๆ เขาเกิดเป็นเศรษฐี เป็นยาจก ไปทำนั่นทำนี่...ถึงเป็นยังงี้ เพราะตันในปัจจุบัน จึงหาทางออกโน่นๆๆๆๆๆ :b13:

asoka เขียน:
"ถ้าสตินทรีย์เจตสิก เกิดขึ้นมารู้ทันเป็นเงาต่อจากจิตดวงที่รู้นั้น เรียกว่า สติ รู้ทัน ปัจจุบันอารมณ์"


แน่ะๆ มีเงา้้ด้วย คิกๆ เอามจากตำราทั้งนั้น นอกจาก คำว่า "เงา" :b9:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ต.ค. 2013, 09:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่ให้ดู ไม่ไ้ด้หวังว่า จะให้เชื่อนะครับ นำมาให้ดูความหมาย คำว่า ปัจจุบันอารมณ์ ปัจจุบันขณะ ปัจจุบันธรรม ...ภาคการฝึกจิต (โยนิโสมนสิการแบบหนึ่ง)

อ้างคำพูด:
เป็นอยู่ในปัจจุบัน...หมายถึงมีสติตามทันสิ่งที่รับรู้เกี่ยวข้อง หรือ ต้องทำอยู่ในเวลานั้นๆ แต่ละขณะทุกๆขณะ ถ้าจิตรับรู้สิ่งใดแล้ว เกิดความชอบใจ หรือ ไม่ชอบใจขึ้น ก็ติดข้องวนเวียนอยู่กับภาพของสิ่งนั้น ที่สร้างซ้อนขึ้นในใจ ก็เป็นอันตกไปอยู่ในอดีต (เรียกว่า ตกอดีต) ตามไม่ทันของจริง หลุดหลงพลาดไปจากขณะปัจจุบันแล้ว หรือ จิตหลุดลอยจากขณะปัจจุบัน คิดฝันไปตามความรู้สึกที่เกาะเกี่ยวกับภาพเลยไปข้างหน้าของสิ่งที่ยังไม่มา ก็เป็นอันฟุ้งไปในอนาคต


สรุปง่ายๆว่า ความเป็นปัจจุบันทางธรรมขั้นปฏิบัติทางจิต กำหนดเอาที่ความเกี่ยวข้องต้องรู้ต้องทำเป็นสำคัญ

http://group.wunjun.com/meditation/topic/435447-14345


.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ต.ค. 2013, 18:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ที่ให้ดู ไม่ไ้ด้หวังว่า จะให้เชื่อนะครับ นำมาให้ดูความหมาย คำว่า ปัจจุบันอารมณ์ ปัจจุบันขณะ ปัจจุบันธรรม ...ภาคการฝึกจิต (โยนิโสมนสิการแบบหนึ่ง)

อ้างคำพูด:
เป็นอยู่ในปัจจุบัน...หมายถึงมีสติตามทันสิ่งที่รับรู้เกี่ยวข้อง หรือ ต้องทำอยู่ในเวลานั้นๆ แต่ละขณะทุกๆขณะ ถ้าจิตรับรู้สิ่งใดแล้ว เกิดความชอบใจ หรือ ไม่ชอบใจขึ้น ก็ติดข้องวนเวียนอยู่กับภาพของสิ่งนั้น ที่สร้างซ้อนขึ้นในใจ ก็เป็นอันตกไปอยู่ในอดีต (เรียกว่า ตกอดีต) ตามไม่ทันของจริง หลุดหลงพลาดไปจากขณะปัจจุบันแล้ว หรือ จิตหลุดลอยจากขณะปัจจุบัน คิดฝันไปตามความรู้สึกที่เกาะเกี่ยวกับภาพเลยไปข้างหน้าของสิ่งที่ยังไม่มา ก็เป็นอันฟุ้งไปในอนาคต


สรุปง่ายๆว่า ความเป็นปัจจุบันทางธรรมขั้นปฏิบัติทางจิต กำหนดเอาที่ความเกี่ยวข้องต้องรู้ต้องทำเป็นสำคัญ

http://group.wunjun.com/meditation/topic/435447-14345



:b12: :b12: :b12:
ปัจจุบัน ปัจจุบันธรรม กับปัจจุบันอารมณ์ เป็นคนละเรื่องกันเลยนะครับคุณกรัชกาย

อันแรกว่าคลุมไปทุกอารมณ์ อันที่สองชี้ชัดไปที่อารมณ์เดียว

สังเกตดูจากความจริงขณะนี้ มีปัจจุบันตั้งหลายปัจจุบันซ้อนกันอยู่ ดูดีๆนะครับ หัวใจเต้น ลมหายใจ หูกระทบเสียง ความคิด ตาเห็นรูป กายกระทบ เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ใจกระทบอารมณ์.......
แต่ปัจจุบันทัั้งหมดนั้นมีอันเดียวที่รู้ชัดขึ้นมาในจิตขณะนั้น อันนั้นเรียกว่า "ปัจจุบันอารมณ์"

การปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาต้องกระทำที่ปัจจุบันอารมณ์

ความรู้ทันปัจจุบันอารมณ์เป็น สติ

ความรู้ทั่วทุกปัจจุบันที่ปรากฏ เรียกว่า "สัปชัญญะ"

:b11:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ต.ค. 2013, 20:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ที่ให้ดู ไม่ไ้ด้หวังว่า จะให้เชื่อนะครับ นำมาให้ดูความหมาย คำว่า ปัจจุบันอารมณ์ ปัจจุบันขณะ ปัจจุบันธรรม ...ภาคการฝึกจิต (โยนิโสมนสิการแบบหนึ่ง)

อ้างคำพูด:
เป็นอยู่ในปัจจุบัน...หมายถึงมีสติตามทันสิ่งที่รับรู้เกี่ยวข้อง หรือ ต้องทำอยู่ในเวลานั้นๆ แต่ละขณะทุกๆขณะ ถ้าจิตรับรู้สิ่งใดแล้ว เกิดความชอบใจ หรือ ไม่ชอบใจขึ้น ก็ติดข้องวนเวียนอยู่กับภาพของสิ่งนั้น ที่สร้างซ้อนขึ้นในใจ ก็เป็นอันตกไปอยู่ในอดีต (เรียกว่า ตกอดีต) ตามไม่ทันของจริง หลุดหลงพลาดไปจากขณะปัจจุบันแล้ว หรือ จิตหลุดลอยจากขณะปัจจุบัน คิดฝันไปตามความรู้สึกที่เกาะเกี่ยวกับภาพเลยไปข้างหน้าของสิ่งที่ยังไม่มา ก็เป็นอันฟุ้งไปในอนาคต


สรุปง่ายๆว่า ความเป็นปัจจุบันทางธรรมขั้นปฏิบัติทางจิต กำหนดเอาที่ความเกี่ยวข้องต้องรู้ต้องทำเป็นสำคัญ

http://group.wunjun.com/meditation/topic/435447-14345



:b12: :b12: :b12:
ปัจจุบัน ปัจจุบันธรรม กับปัจจุบันอารมณ์ เป็นคนละเรื่องกันเลยนะครับคุณกรัชกาย

อันแรกว่าคลุมไปทุกอารมณ์ อันที่สองชี้ชัดไปที่อารมณ์เดียว

สังเกตดูจากความจริงขณะนี้ มีปัจจุบันตั้งหลายปัจจุบันซ้อนกันอยู่ ดูดีๆนะครับ หัวใจเต้น ลมหายใจ หูกระทบเสียง ความคิด ตาเห็นรูป กายกระทบ เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ใจกระทบอารมณ์.......
แต่ปัจจุบันทัั้งหมดนั้นมีอันเดียวที่รู้ชัดขึ้นมาในจิตขณะนั้น อันนั้นเรียกว่า "ปัจจุบันอารมณ์"

การปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาต้องกระทำที่ปัจจุบันอารมณ์

ความรู้ทันปัจจุบันอารมณ์เป็น สติ

ความรู้ทั่วทุกปัจจุบันที่ปรากฏ เรียกว่า "สัปชัญญะ"


คุณอโศก บอกความหมายคำว่า ปัจจุบัน, อารมณ๋์, ธรรม สิครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 27 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 28 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร