วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 11:21  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 134 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2013, 14:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
พี่โฮฮับน้องถามไรหน่อย เพื่อสอบทานความเข้าใจของตัวน้องด้วย พี่อธิบายมาจากภาคปฏิบัติของตน ถึงแยกสภาวะนั้นตามชื่อเรียกต่างๆออกไปใช่หรือไม่เจ้าค่ะ


ถูกต้องแล้ว เราต้องปฏิบัติดูให้รู้ก่อน หลังจากนั้นค่อยไปเทียบเคียงกับบัญญัติ
อย่าได้ท่องบัญญัติแล้วปฏิบัติ แบบนี้มันจะหลงทั้งทางโลกและทางธรรม
ทางโลกหลงจินตนาการไปตามบัญญัติ ทางธรรมก็คือเกิดโมหะปรุงแต่งโดยไม่รู้ตัว

พูดถึงการปฏิบัติก่อนนั้นต้องอย่าลืมว่า เราต้องมีปัญญาไตรลักษณ์เกิดแล้ว
ถ้าไม่มีปัญญาไตรลักษณ์ เราก็ไม่สามารถเข้าใจสภาวะธรรมได้

สังเกตุดูบางคนหยิบเอาบทความมาโพส หรือไม่ก็ลอกตำราพระอภิธรรมมาพูด
โพสไปพูดไปทั้งๆที่สิ่งที่พูดเป็นอวิชายังไม่รู้ตัว

การพูดธรรมที่เป็นวิชชาเราต้องพูดในลักษณะย้อนไปหาเหตุ
ไม่ใช่พูดจากเหตุมาหาผล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2013, 14:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:

รูปกับกายคืออันเดียวกัน แต่รูปนั้นครอบคลุมเฉพาะความเป็นขันธ์5 ไม่ครอบคลุมอายตนะภายนอก ถ้าบอกว่าตาเห็นรูป คือ จักษุ(อายตนะภายใน) กระทบอายตนะภายนอกโดยอาศัยรูปคือตาที่ไม่บอด ดังนั้นรูปที่เป็นอายตนะภายนอกไม่จัดเป็นรูปในขันธ์5 เช่นแสงกระทบวัตถุ เกิดเป็นสีที่ถูกแสดงในจักษุธาตุ สีจึงเป็นรูป


รูปกับกายเป็นคนล่ะตัวกันครับ หรือแม้กระทั้งรูปในขันธ์ห้าก็เป็นคนล่ะตัว

รูป......หมายถึง ส่วนที่เป็นปสาททรูป ปสาทรูปไม่นับเป็นกาย
แต่ถ้าเป็นอวัยวะที่ปสาทรูปตั้งอยู่จึงจะนับว่าเป็นกาย รูปในที่นี่มันเกิดจากการปรุงแต่งของกาย
มันจึงไม่ใช่กายครับ เราเรียกรูปชนิดนี้ว่ารูปธรรม

กาย.....หมายถึงอวัยวะทุกส่วนที่เป็นร่างกาย แต่ร่างกายไม่ใช่กาย
เพราะร่างกายหมายรวมรูปขันธ์ไว้ทั้งหมด แต่กายหมายถึงธาตุสี่ไม่ใช่รูปขันธ์

รูปในขันธ์ห้า....หมายถึง รูปนี้เป็นคนล่ะตัวกับรูปธรรม รูปในขันธ์ห้าเป็นอารมณ์
เป็นนามของรูป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2013, 14:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
กายนั้นมีความหมายถึงความต่อเนื่องอันเนื่องมาจากความสิ้นสุดลงของขันธ์5ที่ประชุมกัน เช่นโครงกระดูกคนตาย เรียกกาย แต่ไม่เรียกรูปในขันธ์5 เพราะความแตกสลายของธาตุที่ประชุมกัน ร่างกายจึงมีความหมายเหมือนกายคือ ขันธ์5ไม่ประชุมกันก็เรียกเป็นร่างกาย


แบบนี้เขาเรียกการปรุงแต่งกายครับ การพิจารณาธรรมเราต้องย้อนไปหาเหตุแห่งการปรุงแต่งครับ
ไม่ใช่สร้างการปรุงแต่ง เราต้องพิจารณาว่า ขันธ์ห้าเกิดจากการปรุงแต่ง
และการปรุงแต่งทำให้เกิดทุกข์ ดังนั้นจะให้มันจบที่ขันธ์ห้าไม่ได้
เราต้องหาเหตุแห่งขันธ์ห้า และดับมันเสีย ความจริงแท้ก็จะปรากฎครับ

โครงกระดูกไม่เรียกกายครับ กายที่ประกอบด้วยธาตุสี่ สิ่งที่สำคัญนั้น
จะต้องมีจิตหรือธาตุรู้ด้วยจึงจะจัดว่าเป็นกาย เรารวมเรียกกายนี้ว่า...มหาภูติรูปสี่ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2013, 15:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ ถ้าหมดประเด็นที่ตอบแล้ว ก็ถอยออกมาดูผู้อื่นเขาแสดงความเห็นก่อน อย่าเพิ่งพาออกนอกประเด็นที่ถาม

กรัชกายเหงาปาก

http://www.youtube.com/watch?v=BxpuMAxa4T0

คันปากยิบๆ ยังต้องทนนะ :b32:


ว่ากันเห็นๆนี่แหละ คือ กาย ร่างกาย รูป เหมือนกันหรือต่างกัน ถ้าต่างกันต่างกันตรงไหนอย่างไร :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2013, 17:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ ถ้าหมดประเด็นที่ตอบแล้ว ก็ถอยออกมาดูผู้อื่นเขาแสดงความเห็นก่อน อย่าเพิ่งพาออกนอกประเด็นที่ถาม

กรัชกายเหงาปาก

http://www.youtube.com/watch?v=BxpuMAxa4T0

คันปากยิบๆ ยังต้องทนนะ :b32:


ว่ากันเห็นๆนี่แหละ คือ กาย ร่างกาย รูป เหมือนกันหรือต่างกัน ถ้าต่างกันต่างกันตรงไหนอย่างไร :b1:


แหม่! ที่กระทู้เราชอบนักหนาที่จะเข้าไปถ่ายอุจจาระ
แล้วที่เข้ามาตอบน่ะ ก็เพราะเรียกร้องเองไม่ใช่หรือ


ประเด็นตอบมันไม่สำคัญหรอก ความสำคัญมันอยู่ที่เราจะรู้หรือเปล่าว่า
ผู้ที่ตอบขาดความเข้าใจตรงไหน ให้ชาวบ้านเขาตอบมันก็ลอกมาจากตำราทั้งนั้น

กรัชกายก็เหมือนกัน ถ้าจะไปก็อปตำรามาโพส ไม่ต้องก็ได้มันเปลื่องหน้ากระทู้
หรือถ้าทนไม่ไว้เอาแค่วางลิ้งก็พอ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2013, 17:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ใจเย็นๆน่าเพ่โฮ ให้เขาแสดงความเห็นกันให้หมดทุกคนก่อน ใจเย็นๆ :b1: รออีกสักวันสองวัน จะกินอาหารให้อร่อยต้องใจเย็น ฮี่ๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2013, 19:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปมาประชุมกัน เรียกว่า รูปกาย
นามมาประชุมกัน เรียกว่า นามกาย

กาย คือเป็นที่รวม ที่ประชุม

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2013, 19:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทวนคำถามอีกครั้งนะครับ ถามว่า คำว่า กาย, ร่างกาย, รูป ที่....อย่างเดียวกันมั้ย หรือคนละอย่างกัน ถ้าเห็นว่าคนละอย่า่งกันมันต่า่งกัน ต่างกันตรงไหนล่ะ

้ถ้าเห็นว่า อย่างเดียวกัน ก็ตอบง่าย อย่างเีดียวกันอันเดียวกันจบ

ถ้าเห็นว่า คนละอย่างอธิบายหน่อยหนึ่งว่า ต่างกันแง่ไหนมุมใด ก็ว่าไป :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2013, 00:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
student เขียน:

รูปกับกายคืออันเดียวกัน แต่รูปนั้นครอบคลุมเฉพาะความเป็นขันธ์5 ไม่ครอบคลุมอายตนะภายนอก ถ้าบอกว่าตาเห็นรูป คือ จักษุ(อายตนะภายใน) กระทบอายตนะภายนอกโดยอาศัยรูปคือตาที่ไม่บอด ดังนั้นรูปที่เป็นอายตนะภายนอกไม่จัดเป็นรูปในขันธ์5 เช่นแสงกระทบวัตถุ เกิดเป็นสีที่ถูกแสดงในจักษุธาตุ สีจึงเป็นรูป


รูปกับกายเป็นคนล่ะตัวกันครับ หรือแม้กระทั้งรูปในขันธ์ห้าก็เป็นคนล่ะตัว

รูป......หมายถึง ส่วนที่เป็นปสาททรูป ปสาทรูปไม่นับเป็นกาย
แต่ถ้าเป็นอวัยวะที่ปสาทรูปตั้งอยู่จึงจะนับว่าเป็นกาย รูปในที่นี่มันเกิดจากการปรุงแต่งของกาย
มันจึงไม่ใช่กายครับ เราเรียกรูปชนิดนี้ว่ารูปธรรม

กาย.....หมายถึงอวัยวะทุกส่วนที่เป็นร่างกาย แต่ร่างกายไม่ใช่กาย
เพราะร่างกายหมายรวมรูปขันธ์ไว้ทั้งหมด แต่กายหมายถึงธาตุสี่ไม่ใช่รูปขันธ์

รูปในขันธ์ห้า....หมายถึง รูปนี้เป็นคนล่ะตัวกับรูปธรรม รูปในขันธ์ห้าเป็นอารมณ์
เป็นนามของรูป


ครับ กายคือธาตุ4 คือผมเข้าใจเหมือนกันอย่างนั้น แต่เนื่องจากเหตุที่ประกอบขึ้นเป็นขันธ์5จึงเรียกกาย กายที่เห็นได้ชัดจึงเป็นธาตุดิน เช่นเมือตายไปแล้ว ธาตุสุดท้ายที่หลงเหลือพอให้เห็นที่ยังคงสภาพเป็นธาตุดินนั่นเอง

การพิจารณาอย่างคุณโฮฮับจัดเป็นขั้นปัญญา ที่อาศัยเหตุและผล ผู้ที่จะพิจารณาตามได้ต้องเป็นผู้ที่มีวิสัยของวิปัสสนาญาณ ซึ่งมีปรมัตถธรรมเป็นหลัก

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2013, 03:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


"ร่างกาย" เป็นบัญญัติทางโลกไม่ใช่พุทธพจน์ เมื่อเป็นเช่นนี้การเอาบัญญัตินี้
มาใช้กับการพิจารณาธรรม เราจึงหาความแน่นอนกับบัญญัตินี้ไม่ได้
ตัวอย่างเช่น.....บอกว่า "ร่างกาย"เป็นที่อาศัยของจิต ถ้าแสดงความเห็นอย่างนี้
ก็อยากให้พิจารณาซากศพหรือบรรดาครูใหญ่ตามโรงพยาบาล นั้นเขาก็เรียกร่างกายเหมือนกัน

คำว่า"ร่างกาย" เป็นคำที่จากการเอาพุทธพจน์มาแปล จนเกิดคำใหม่ขึ้นมา
แบบนี้มันผิดในพุทธพจน์ ในความเป็นจริงถ้าเราแยก"ร่างกาย" ออกจากกัน
"ร่าง".....ก็คือซากศพ
กาย....ก็คือมหาภูติรูปสี่
มหาภูติรูปสี่ ก็คือ ธาตุสี่และจิตผู้รู้
เมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าเราจะเอา"ร่างกาย"ที่ไม่ใช่พุทธพจน์ มาพิจารณาร่วมกับพุทธพจน์
เราต้องให้ความหมายดังนี้......ร่างกายเป็นที่อาศัยของมหาภูติรูปสี่

ความหมายของ...ตาเห็นรูป หมายถึง วิญญานไปรู้การกระทบที่จักขุปสาทรูป
รูปตัวนี้หมายถึงจักขุปสาทรูป มันไม่ใช่อายตนะภายนอกหรือสิ่งที่มากระทบ

ส่วนรูปารมณ์ เป็นนามรูป นั้นก็คือ...รูป เวทนา สัญญา สังขาร
มันเกิดหลังจาก วิญญานไปรู้จักขุปสาทรูปแล้ว

อาวัชชนะ ไม่ใช่ความหน่วง แต่มันเป็นกิจหรือหน้าที่ๆเกิดตามเหตุปัจจัย
โดยธรรมชาติ เมื่อเกิดการกระทบขึ้นที่ทวารห้าแล้วจะเกิดเป็น รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน
สิ่งนี้เรียกว่าอารมณ์ หลังจากนั้นมันจะเป็นเหตุส่งต่อไปยังมโนทวารเพื่อ พิจารณาอารมณ์นั้น

การเห็นเป็นภาพ ไม่ใช่มโนวิญญานเป็นผู้เห็น มโนวิญญานรู้แค่การกระทบของอารมณ์
ภาพหรือเรื่องราวเป็นการปรุงแต่งของสมอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2013, 04:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปไม่ใช่รูปารมณ์ ความหมายของรูปก็คือปสาทรูป
ปสาทรูปเป็นเพียงผู้อาศัยกายอยู่

รูปขันธ์กับรูปารมณ์ เป็นคนล่ะความหมาย
รูปขันธ์เกิดที่ปสาทรูป
ส่วนรูปารมณ์เกิดจากจักขุปสาท

ขันธ์ที่เป็นนามขันธ์เกิดจากวิสยรูปในแต่ล่ะตัว

ตัวอย่างเช่น รูปปารมณ์เป็นวิสยรูปของจักขุปสาท
รูปขันธ์ไม่ใช่รูปารมณ์ รูปขันธ์คือจักขุปสาท
รูปารมณ์ทำให้เกิดนามขันธ์ อันมีเหตุมาจากจักขุปสาท

ถ้าเป็นวิสยรูปอันเกิดจาก โสตปสาท เราเรียกว่า สัทธารมณ์
รูปขันธ์เกิดที่โสตปสาท นามขันธ์เกิดที่สัทธารมณ์

การพิจารณาเรื่องของขันธ์ห้า ไม่ใช่พิจารณาจากอารมณ์
พูดให้ตรงจุดก็คือ ขันธ์ห้า ไม่ใช่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน
รูป อันเป็นอารมณ์ ไม่ใช่ขันธ์
ความเป็นรูปขันธ์เกิดที่ปสาทรูป ไม่ใช่รูปที่เป็นอารมณ์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2013, 05:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
ครับ กายคือธาตุ4 คือผมเข้าใจเหมือนกันอย่างนั้น แต่เนื่องจากเหตุที่ประกอบขึ้นเป็นขันธ์5จึงเรียกกาย กายที่เห็นได้ชัดจึงเป็นธาตุดิน เช่นเมือตายไปแล้ว ธาตุสุดท้ายที่หลงเหลือพอให้เห็นที่ยังคงสภาพเป็นธาตุดินนั่นเอง

การพิจารณาอย่างคุณโฮฮับจัดเป็นขั้นปัญญา ที่อาศัยเหตุและผล ผู้ที่จะพิจารณาตามได้ต้องเป็นผู้ที่มีวิสัยของวิปัสสนาญาณ ซึ่งมีปรมัตถธรรมเป็นหลัก

ต้องอนุโมทนาก่อนครับ อยากทำความเข้าใจ การที่ผมมาอธิบายธรรม
ผมเพียงยึดหลักเหตุผลประกอบคำพูด จุดมุ่งหมายไม่ใช่ให้มาปฏิบัติตาม
ประเด็นมันอยู่ที่จะชี้ให้เห็นว่า ใครมีความเข้าใจผิดอย่างไร

ถ้าเรามาบอกเขาเฉยๆว่า คุณผิดโดยไม่มีเหตุผลว่าผิดอย่างไร (กรัชกายชอบทำ)
แบบนี้มันไม่ใช่การสอนหรืออธิบายธรรมครับ

หลักการในการสอนธรรม ผู้สอนต้องชี้จุดบกพร่องของผู้ที่ตัวเองกำลังสอนเสียก่อน
นั้นเป็นเป็นการละทิฐิของผู้ที่ถูกสอน
ถ้าคุณสังเกตุความเห็นผมแต่ล่ะความเห็นดูเหมือนยั่วยุ แต่ไม่เลยครับ
เจตนาของผมก็แค่ จะดึงเอาจุดบกพร่องหรือกิเลสของบุคคลนั้นออกมา
เพื่อที่จะให้เขารู้ เมื่อรู้จะได้ดับมันเสีย
:b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2013, 07:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กายเราอยุ่คุ่เคียงชิดกันยึดมั่น วันนั้นสองเราร่วมสร้างมา เหมือเราอยุ่แดนดินถิ่นบนนภา ฝากฟ้าคือบ้านเรา จะเฝ้ารักเธอคนเดียวไม่มีเปลี่ยนแปลง เถียงกันให้ตาย กาย......อะไรสัมผัสได้ด้วยจิต นั้นแหละกาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2013, 07:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ทวนคำถามอีกครั้งนะครับ ถามว่า คำว่า กาย, ร่างกาย, รูป ที่....อย่างเดียวกันมั้ย หรือคนละอย่างกัน ถ้าเห็นว่าคนละอย่า่งกันมันต่า่งกัน ต่างกันตรงไหนล่ะ

้ถ้าเห็นว่า อย่างเดียวกัน ก็ตอบง่าย อย่างเีดียวกันอันเดียวกันจบ

ถ้าเห็นว่า คนละอย่างอธิบายหน่อยหนึ่งว่า ต่างกันแง่ไหนมุมใด ก็ว่าไป :b1:


tongue

เป็นอย่างเดียวกัน ถือว่าเป็นรูปธรรม เป็นฝ่ายกาย..

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2013, 08:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หายไปไหนกันหมด คุณอโศก ก็ไม่มา หรือมัวแต่นับลูกประคำเพลินไป onion

ช่วยกันแสดงความเห้นความเข้าใจหน่อยครับ

ปัญหาหญ้าปากคอก :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 134 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 82 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร