วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 20:39  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 925 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 58, 59, 60, 61, 62  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2014, 10:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b16:
เคยเตือนแล้วว่าอย่าล๊อกให้ตอบ เพราะธรรมะเป็นอนัตตา

การจะสวดมนต์ให้บรรลุธรรม ต้องสวดไป ทำไปตามความหมายที่ถูกต้องของบทสวด

เช่น สันทิฏฐิโก แปลว่า

ธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงสอนนั้น เป็นสิ่งที่ผู้มีความเห็นถูกต้อง(ผู้ที่ทำความเห็นให้ถูกต้อง)จะรู้ได้ด้วยตนเอง

เห็นถูกต้องคือ้เห็น อนัตตา

การปฏิบิัติก็คือ ค้นให้พบอนัตตา
:b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2014, 06:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
สงบเงียบดีจริงหนอ ไม่วุ่นวายหนอ เมื่สิ่งกางกั้นต่างๆหรือที่บาลีเรียกว่านิวรณ์ธรรม สงบลง ที่เหลือต่อไปก็คือความสงบ ดิ่ง ตรึง แน่ว เข้าไปเป็นหนึ่งเดียว คือรู้บริสุทธิ์ผุดลอยเด่นเป็นเอกให้จิตดวงนั้นเสวยผลอยู่จนกว่าจะหมดเหตุหมดปัจจัย
:b27: :b20:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2014, 08:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
tongue
สงบเงียบดีจริงหนอ ไม่วุ่นวายหนอ เมื่สิ่งกางกั้นต่างๆหรือที่บาลีเรียกว่านิวรณ์ธรรม สงบลง ที่เหลือต่อไปก็คือความสงบ ดิ่ง ตรึง แน่ว เข้าไปเป็นหนึ่งเดียว คือรู้บริสุทธิ์ผุดลอยเด่นเป็นเอกให้จิตดวงนั้นเสวยผลอยู่จนกว่าจะหมดเหตุหมดปัจจัย


นิวรณ์สงบชั่วคราว เหมือนเอาหินทับหญ้าไว้ ยกหินขึ้นเมื่อไรหญ้าก็งอกขึ้นมาอีก :b32: แล้วเมื่อนั้น ดวงจิตดวงใจซึ่งลอยเด่นเสวยวิบากนั่นนี่อยู่ ก็ร่วงหล่นมาอยู่ที่ตาตุ่มเช่นเคย :b1:

ดวงดาววับวาวเคยเด่นพราวยังหล่น :b13:

http://www.youtube.com/watch?v=bIR-wqwDvao

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2014, 14:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


s005
เมื่อได้สัมมาสมาธิเป็นบาทฐานแข็งแรงดีแล้ว ถอยลงมาที่ฌาณ 1 ให้วิตกวิจารณ์คือความสังเกตพิจารณาทำงานได้ ก็ให้เจริญสติปัญญาต่อเพื่อค้นหาสมุทัยให้พบแล้วถอนเสียก็เสร็จงานไปตามลำดับ
wink onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ส.ค. 2014, 05:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
s005
เมื่อได้สัมมาสมาธิเป็นบาทฐานแข็งแรงดีแล้ว ถอยลงมาที่ฌาณ 1 ให้วิตกวิจารณ์คือความสังเกตพิจารณาทำงานได้ ก็ให้เจริญสติปัญญาต่อเพื่อค้นหาสมุทัยให้พบแล้วถอนเสียก็เสร็จงานไปตามลำดับ


อาจารย์ก็พูดไป :b1: :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2014, 11:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
s005
เมื่อได้สัมมาสมาธิเป็นบาทฐานแข็งแรงดีแล้ว ถอยลงมาที่ฌาณ 1 ให้วิตกวิจารณ์คือความสังเกตพิจารณาทำงานได้ ก็ให้เจริญสติปัญญาต่อเพื่อค้นหาสมุทัยให้พบแล้วถอนเสียก็เสร็จงานไปตามลำดับ


อาจารย์ก็พูดไป :b1: :b32:

:b38:
บางคนบางท่านก็ถอยลงมามากกว่านั้นเพื่อให้เห็นทุกขเวทนาชัด จึงถอยลงมาอยู่ที่จิตสามัญรับผัสสะและเวทนาเต็มๆแล้วใช้เพียงแค่ขณิกะสมาธิประคองสติปัญญาให้นิ่งรู้นิ่งสังเกตทุกขเวทนา รับรู้ความยินดียินร้าย แล้วใช้ ขันติ ตะบะ วิริยะ สติ ปัญญา ละความยินดียินร้ายออกเสียได้ ตัณหาไม่อาจเกิด จนเวทนานั้นดับไป
:b44:
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2014, 11:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
s005
เมื่อได้สัมมาสมาธิเป็นบาทฐานแข็งแรงดีแล้ว ถอยลงมาที่ฌาณ 1 ให้วิตกวิจารณ์คือความสังเกตพิจารณาทำงานได้ ก็ให้เจริญสติปัญญาต่อเพื่อค้นหาสมุทัยให้พบแล้วถอนเสียก็เสร็จงานไปตามลำดับ


อาจารย์ก็พูดไป :b1: :b32:

:b38:
บางคนบางท่านก็ถอยลงมามากกว่านั้นเพื่อให้เห็นทุกขเวทนาชัด จึงถอยลงมาอยู่ที่จิตสามัญรับผัสสะและเวทนาเต็มๆแล้วใช้เพียงแค่ขณิกะสมาธิประคองสติปัญญาให้นิ่งรู้นิ่งสังเกตทุกขเวทนา รับรู้ความยินดียินร้าย แล้วใช้ ขันติ ตะบะ วิริยะ สติ ปัญญา ละความยินดียินร้ายออกเสียได้ ตัณหาไม่อาจเกิด จนเวทนานั้นดับไป



เห็นพูดๆกันนะว่า ถอยๆๆออกไปนิด อีกนิดๆหนึ่ง :b1: ถอยไปถอยมา ไม่ถอยจนลงคลองรึอาจารย์ :b32: แหมพูดเหมือนกับว่า จับจิตถอยนามธรรมไปตั้งไปวางตรงนั้นตรงนี้ได้ เหมือนจับขวดเหล้าขวดเบียร์ไปตั้งบนโต๊ะเลยนะ :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2014, 12:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
ยินดีกับการฟื้นกลับของลานธรรมจักร อยากให้กรัชกายกลับมาเล่าเรื่องของคุณศักดิ์ผู้จากไป และเฉลยปริศนาว่าเขาคือใครในลานธรรม
s006
นามธรรมนั้นโยกย้ายง่ายยิ่งกว่ารูปธรรมนะกรัชกาย จะฝึกย้ายก็รีบกลับมาเรียนต่อ อย่ามัวงอนให้ใครๆต้องตามง้อให้วุ่นวายเลยนะ
:b19:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ต.ค. 2014, 11:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


s007
กรัชกายไม่ยอมกลับมาจริงๆ
:b6:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2014, 09:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




G1 หินลับมีดปัญญา 85kb_resize.jpg
G1 หินลับมีดปัญญา 85kb_resize.jpg [ 30.52 KiB | เปิดดู 3775 ครั้ง ]
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
s005
เมื่อได้สัมมาสมาธิเป็นบาทฐานแข็งแรงดีแล้ว ถอยลงมาที่ฌาณ 1 ให้วิตกวิจารณ์คือความสังเกตพิจารณาทำงานได้ ก็ให้เจริญสติปัญญาต่อเพื่อค้นหาสมุทัยให้พบแล้วถอนเสียก็เสร็จงานไปตามลำดับ


อาจารย์ก็พูดไป :b1: :b32:

:b38:
บางคนบางท่านก็ถอยลงมามากกว่านั้นเพื่อให้เห็นทุกขเวทนาชัด จึงถอยลงมาอยู่ที่จิตสามัญรับผัสสะและเวทนาเต็มๆแล้วใช้เพียงแค่ขณิกะสมาธิประคองสติปัญญาให้นิ่งรู้นิ่งสังเกตทุกขเวทนา รับรู้ความยินดียินร้าย แล้วใช้ ขันติ ตะบะ วิริยะ สติ ปัญญา ละความยินดียินร้ายออกเสียได้ ตัณหาไม่อาจเกิด จนเวทนานั้นดับไป



เห็นพูดๆกันนะว่า ถอยๆๆออกไปนิด อีกนิดๆหนึ่ง :b1: ถอยไปถอยมา ไม่ถอยจนลงคลองรึอาจารย์ :b32: แหมพูดเหมือนกับว่า จับจิตถอยนามธรรมไปตั้งไปวางตรงนั้นตรงนี้ได้ เหมือนจับขวดเหล้าขวดเบียร์ไปตั้งบนโต๊ะเลยนะ :b13:

:b12:
ที่กรัชกายพูดอย่างนี้แสดงว่าขาดประสบการณ์จริงทางด้านการปฏิบัติ จึงไม่รู้วิธีการปรับเลื่อนระดับจิตโดยละเอียด

ถ้าเคยสังเกตเรื่องที่อโศกะเคยบอกว่าจิตที่เป็นสติ ปัญญาถ้ามีระดับสมาธิแตกต่างกันไปก็จะรู้สภาวะลึกละเอียดแตกต่างกันไปตามลำดับ
จากหยาบไปหาละเอียด
ระดับที่ 1 รู้ลมหายใจเข้าออก
ระดับที่ 2 รู้อาการเต้นของหัวใจ
ระดับที่ 3 รู้อาการเต้นตอดของชีพจร
ระดับที่ 4 รู้อาการสั่นสะเทือนในร่างกาย
ระดับที่ 5 เหลือแต่ผู้รู้บริสุทธิ์หยุดปฏิกิริยาทุกอย่าง

ผู้ฝึกหัดปฏิบัติจนชำนาญสามารถจะเลื่อนรู้เข้าออกหยาบละเอียดได้ตามใจปารถนาคล้ายการปรับโฟกัสกล้องถ่ายรูปหรือกล้องจุลทัศน์
:b37:
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 925 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 58, 59, 60, 61, 62

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 198 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร