วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 10:49  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 139 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 10  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2014, 09:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ม.ค. 2014, 08:17
โพสต์: 73

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอสอบถามการปฏิบัติ
ดิฉันปฏิบัติมาได้หลายปีแล้ว
ฝึกเองโดยไม่มีครูบาอาจารย์
เกิดสภาวะธรรมเกิดดับ รู้อยู่ ตามลำดับ (ขึ้นฐานจิต)
สภาวะธรรมเกิดดับครั้งล่าสุด คือ ตอนนอนหลับ
ขณะกำลังฝัน จิตรู้ตัว ว่ากำลังฝัน และขยับออกจากฝัน
ฝันดับ ขาดสบั้น ออกมาเป็นผู้รู้ผู้ดูลมหายใจ เห็นร่างกายกำลังนอนหลับหายใจอยู่
ต่อมามีปัญหาอยู่ว่า....
รู้ทันความฝัน ได้ไม่กี่ครั้งที่มีอาการรู้ทัน
หลังจากครั้งนั้นเป็นต้นมา (สองปีจนถึงปัจจุัับัน)
จิตก็ไม่ยอมตามรู้ตามดู สภาวะที่เกิดดับในกายในจิต ในชีวิตประจำวันอีกเลย
จึงอยากสอบถาม ผู้รู้ ในเว็บแห่งนี้ ว่าจะดำเนินวิถีอย่างไรต่อไป
ขอกราบขอบพระคุณไว้ ณ ที่นี้
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2014, 12:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณปฏิบัติยังไงครับ

แต่เบื้องต้นเนีย ตัดรู้รู้ตอนหลับออกไปก่อน :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2014, 12:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2011, 10:18
โพสต์: 590

โฮมเพจ: www.bhuddhakhun.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


พุทธคุณไม่มีอะไรจะแนะนำ แต่มีอะไรดีๆจะให้ดู ลองเอาไปดูนะครับ
พุทธคุณฟังดูแล้ว ดีมากๆครับ แต่ยาวหน่อยนะครับ ประมาณ 10
ชั่วโมงมั้ง ค่อยๆฟังไปเรื่อยๆนะครับ สู้ๆครับ ขออนุโมทนาที่ท่านได้ให้
โอกาสแก่พุทธคุณได้มีโอกาสในการแบ่งปันในครั้งนี้ อย่างน้อยก็ได้จัด
หาข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาเอื้อเฟื้อแก่่ท่านสมาชิกสองใจนะครับ



ขออนุโมนทาครับ

.....................................................
รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2014, 12:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ม.ค. 2014, 08:17
โพสต์: 73

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เริ่มจากการดูสภาวะเกิดดับค่ะ
เชน โกรธ รู้ว่าโกรธ โกรธมีสภาวะร้อน เมื่อเกิดขึ้นแล้วดับไป ตอนดับนี้ จิตรู้ว่าโกรธ ดับทันทีจิตสว่างวาบไปเลยค่ะ แต่ก็หลายๆ ครั้ง ก็เห็นแค่ เกิด แล้วตั้งอยู่นาน กว่าจะดับ ดับไปตอนไหนไม่ทราบ
แต่ก็ดูสภาวะ อื่นๆ ตามลักษณะเดียวกันนี้
เวลากินข้าว รับรู้รสอาหาร แต่ว่า ลิ้นกับจิต รสชาติ ความรู้สึก แยกออกจากกันเป็นคนละส่วนค่ะ อันนี้ ไม่ได้เห็นบ่อยหลอกค่ะ นานๆจะเห็นสักครั้ง
แต่สภาวะที่บอก ไม่ได้ไปจ้องดู ไม่ได้ตั้งใจจะดู เพียงตามรู้ตามดูค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2014, 12:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ม.ค. 2014, 08:17
โพสต์: 73

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แต่ ณ ขณะจิตนี้
เขาทำอะไรไม่ทราบค่ะ คลุกคลิกๆอยู่ข้างใน
แต่ไม่ได้รับความทุกข์ค่ะ รู้สึกมีความสุข อบอุ่นอยู่

และสงสัยว่า ทำไมเขาไม่ออกมารับรู้สภาวะเหมือนเคย
ตอนนี้ เขาเนียนๆ โกรธ ก็รู้นะคะ แต่เขาไม่รุนแรง
เพราะไม่รุนแรง บางทีทำให้รู้สึกว่า เราไม่รู้ว่าเขาเกิด
ทำให้จิตเราขุ่นๆมัวๆ อยู่ข้างในเนี่ยค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2014, 14:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2014, 15:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


สองใจ เขียน:
ต่อมามีปัญหาอยู่ว่า....
รู้ทันความฝัน ได้ไม่กี่ครั้งที่มีอาการรู้ทัน
หลังจากครั้งนั้นเป็นต้นมา (สองปีจนถึงปัจจุัับัน)
จิตก็ไม่ยอมตามรู้ตามดู สภาวะที่เกิดดับในกายในจิต ในชีวิตประจำวันอีกเลย
....
:b8:


แต่รู้ ว่ามันไม่ตามรู้ตามดู... :b1:

:b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2014, 17:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ม.ค. 2011, 12:57
โพสต์: 337


 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อสภาวธรรมเคลื่อนจากหยาบสู่ละเอียดแล้ว ผู้ปฏิบัติยังติดยืดกับสภาวเดิมเพราะคิดว่าสภวเดิมดีกว่าของให่ม จืงเกิดความไม่พอใจ ที่จริงแล้วไม่มีอะไรที่ดีกว่าทุกสิ่งล้วนเป็นสภาวะที่ต้องกำหนดรู้โดยเฉพาะความรู้สืกขยุกขยิกนั้นเป็นสภาวะของนาม ส่วนใหญ่จะเกิดทกลางหน้าอกหรือที่ตำแหน่งหัวใจ ทีต้องรู้ จะสัมพันธ์กับความอบอุ่นซื่งเป็นส่วนของรูปโดยรู่ัที่ความรู้สืกขยุกขยิก5-6วินาทีแล้วค่อยเคลือนมาที่ความรู้สืกอบอุ่น6-7วินาทีแล้วกับไปรู้ขยุกขยิกให่ม คุณจะได้พบความจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2014, 19:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สองใจ เขียน:
แต่ ณ ขณะจิตนี้
เขาทำอะไรไม่ทราบค่ะ คลุกคลิกๆอยู่ข้างใน
แต่ไม่ได้รับความทุกข์ค่ะ รู้สึกมีความสุข อบอุ่นอยู่

และสงสัยว่า ทำไมเขาไม่ออกมารับรู้สภาวะเหมือนเคย
ตอนนี้ เขาเนียนๆ โกรธ ก็รู้นะคะ แต่เขาไม่รุนแรง
เพราะไม่รุนแรง บางทีทำให้รู้สึกว่า เราไม่รู้ว่าเขาเกิด
ทำให้จิตเราขุ่นๆมัวๆ อยู่ข้างในเนี่ยค่ะ



มันเป็นยังงั้น ก็รู้ ก็ดูความเป็นยังงั้นของมันสิครับ เป็นยังไง ก็รู้ยังงั้น

อนึ่ง ควรดูควรให้มันรับรู้การทำงานในชีวิตประจำวันด้วย เช่น กำลังล้างถ้วย ล้างจาน ซักผ้า รีดผ้า กวาดบ้าน ถูพื้น ฯลฯ ก็รู้สึกตัวต่อสิ่งนั้นๆ คือใช้งานนั้นๆเป็นอารมณ์ของจิต

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2014, 21:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


suttiyan เขียน:
เมื่อสภาวธรรมเคลื่อนจากหยาบสู่ละเอียดแล้ว ผู้ปฏิบัติยังติดยืดกับสภาวเดิมเพราะคิดว่าสภวเดิมดีกว่าของให่ม จืงเกิดความไม่พอใจ ที่จริงแล้วไม่มีอะไรที่ดีกว่าทุกสิ่งล้วนเป็นสภาวะที่ต้องกำหนดรู้โดยเฉพาะความรู้สืกขยุกขยิกนั้นเป็นสภาวะของนาม ส่วนใหญ่จะเกิดทกลางหน้าอกหรือที่ตำแหน่งหัวใจ ทีต้องรู้ จะสัมพันธ์กับความอบอุ่นซื่งเป็นส่วนของรูปโดยรู่ัที่ความรู้สืกขยุกขยิก5-6วินาทีแล้วค่อยเคลือนมาที่ความรู้สืกอบอุ่น6-7วินาทีแล้วกับไปรู้ขยุกขยิกให่ม คุณจะได้พบความจริง



ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ

ผมขออนุญาติในการเสนอความเห็นนะครับ

การปฏิบัติธรรมนั้นเป็นการฝึกจิตอีกวิธีหนึ่งครับ
อย่างปัญหาต่างๆที่กล่าวมา
เมื่อปฏิบัติธรรมจิตจะมีพลังมากขึ้นและจากสภาวธรรมที่หยาบจะเป็นละเอียดได้
ขอยกตัวอย่างประสบการณ์ของผมนะครับ
ในตอนแรกการปฏิบัติธรรมในช่วย 2 ปี แรก ผมลองกำหนดอิริยาบถย่อยอย่างมีสติ
พยายามทุกอิริยาบท และมีอยู่วันหนึ่งผมลองไปวิ่งออกกำลังกายอย่างมีสติแล้วผมลองเอาจิตไปไว้ที่
เท้าขณะวิ่ง และในขณะนั้นผมก็รู้สึกว่าลองมีความรู้สึกว่าลองปล่อยวางไม่เอาจิตไปเพ่งที่เท้าตอนวิ่งดูแบบไม่ต้องเอาจิตไปเพ่งที่เท้า ผลปรากฏว่า สติสามารถควบคุมรู้ทันการวิ่งทุกฝีก้าว ซึ่งก็เปรียบเสมือนว่าถ้าเราไม่ปล่อยวางและยึดติดกับอารมณ์เดิม ก็จะเป็นการตึดคล่องกับอารมณ์ดังกล่าว กลายเป็นอุปทานความยึดมั่นถือมั่น และมีอยู่หลายเหตุการณืแต่กระผมขอยกตัวอย่างบางเหตุการณ์จากประสบการณ์ของผมครับ
มีอยู่คราวหนึ่งที่เมื่อผมปฏิบัติธรรมไปแล้วมีอารมณืเกิดขึ้นมากมายครับในช่วงแรก คือตอนนั่งสมาธิเห็นแค่ลำตัวแต่ขาหายไปก็ตกใจ และเมื่อปฏิบัติอีกก็เกิดซ้ำอีก 3 ครั้ง เหตุการณืที่เกิดขึ้นนี้แสดงให้เห็นว่าร่างกายเรามีความเป็นกลุ่มเป็นก้อนคือธาตุ 4 มารวมตัวกับและมีความเป็นฆณะ คือความเป็นกลุ่มก้อนเกิดขึ้น
แล้วเมื่อทำไปเรื่อยๆ อารมณ์ตัวนั้นก็หายไป และแต่ไปอารมณ์ต่างๆทั้งหลายก็ไม่เห็นสักอารมณ์ตอนนั้นผมก็ไปปรึกษาอาจารย์กรรมฐานท่านบอกประมาณว่า การปฏิบัติวิปัสสนานั้นต้องมีอะไรเกิดขึ้นก่อนหรือถึงจะเป็นวิปัสสนา แล้วตอนนั้นผมก็ถึงบางอ้อ การที่เรายึดติดกับอารมณ์ต่างๆ เปรียบเสมือนว่า เรากำลังเดินทางไปเส้นชัยในขณะวิ่งแข่งและระหว่างนั้นมีดอกไม่ที่หอมข้างทาง ดอกไม้ก็เปรียบเหมือนอารมณ์ที่เข้ามาภายในจิต ถ้าเรายังหลงติดในอารมณ์กรรมฐาน ก็เปรียบเหมือนกันนั้นเอง และการที่จิตเห็นแสงวาบๆ และรู้ว่ากำลังฝัน หรืออาจจะรู้ว่าความโกรธเกิดขึ้นเมื่อเป็นเช่นนั้นเราก็สักแต่ว่ารู้แล้วเอาจิตไปกำหนดที่ฐานสมาธิคือพอง -ยุบ หรือพุธ-โธ แล้วแต่การบริกรรมของแต่ละท่าน เมื่อมีอารมณ์เกิดขึ้นมาเราก็ไม่ต้องเอาจิตไปเพ่งตรงอารมณ์นั้น เราควรที่จะสักแต่ว่ามันเกิดขึ้น และรีบเอาจิตมาไว้ที่ฐานบริกรรมของตนเอง เมื่อจิตละคลายจากอารมณ์ดังกล่าว จิตก็จะไม่ติดคล่องในอารมณ์ดังกล่าว กระผมขอให้การปฏิบัติของท่านเจริญยิ่งๆกระผมขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2014, 22:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2014, 22:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


และเหตุที่การรับประทานอาหารแล้วลิ้นสามารถแยกรสอาหารเป็น ขณะจิตทีละส่วนได้ ก็ เพราะว่า
การปฏิบัติวิปัสสนาเป็นการปฏิบัติ กำหนด รูป- นาม เมื่อเรารับประทานอาหารไปแต่ละครังนั้นเมื่อเราไม่กำหนดเราก็จะตามรูปนามไม่ทัน แต่เมื่อเรากำหนดดูรูปนาม รูปนามก็จะปรากฏให้เราชัดขึ้น คือแต่ก็ไม่เคยกำหนดดูรูปนามเลย เลยตามดูการเกิดดับของจิตไม่ทัน แต่เมื่อเราปฏิบัติธรรม จิตเราจะรับรู้ถึง การเกิดดับของจิตนั้นเอง เหมือนการ์ตูนที่เขาฉายให้เด็กดูในโทรทัศน์ เบื้องหลังเขาวาดภาพหลายภาพแล้วเอาภาพเหล่านั้นมาต่อกับเป็นเรื่อยๆ ให้เหมือนว่าเคลื่อนไหวได้ซึ่งต้องใช้หลายภาพ กล่าวจะให้เสมือนตัวการ์ตูนเคลื่อนไหวได้ เหมือนจิตของเราเกิดดับเร็วมากชั่ววินาทีเดียวเกิดดับนับไม่ถ้วน และเราก็ตามดูจิดหรือรูปนามคือเรากำหนดและทำอะไรช้าๆ และในจังหวะที่รับประทานอาหารเข้าไปนั่นแหละคือบางจังหวะจิตของเราไปรู้ทันการเกิดดับของรูปนามนั่นเอง
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2014, 10:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ม.ค. 2014, 08:17
โพสต์: 73

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


suttiyan เขียน:
เมื่อสภาวธรรมเคลื่อนจากหยาบสู่ละเอียดแล้ว ผู้ปฏิบัติยังติดยืดกับสภาวเดิมเพราะคิดว่าสภวเดิมดีกว่าของให่ม จืงเกิดความไม่พอใจ ที่จริงแล้วไม่มีอะไรที่ดีกว่าทุกสิ่งล้วนเป็นสภาวะที่ต้องกำหนดรู้โดยเฉพาะความรู้สืกขยุกขยิกนั้นเป็นสภาวะของนาม ส่วนใหญ่จะเกิดทกลางหน้าอกหรือที่ตำแหน่งหัวใจ ทีต้องรู้ จะสัมพันธ์กับความอบอุ่นซื่งเป็นส่วนของรูปโดยรู่ัที่ความรู้สืกขยุกขยิก5-6วินาทีแล้วค่อยเคลือนมาที่ความรู้สืกอบอุ่น6-7วินาทีแล้วกับไปรู้ขยุกขยิกให่ม คุณจะได้พบความจริง


พบความจริงใดค่ะ???
ที่พบตอนนี้คือ เขาทำแบบนี้ทั้งวันทั้งคืน ไม่มีหยุดพักเลยค่ะ
ยกเว้น เราติดภาระกิจทางสมอง ใช้สมองคิดงาน หรือ ฟุ้งซ่านไปในบางเรื่องแบบไร้สติ
ถ้ามีสติอยู่ จะเห็นเขาทำทั้งวันทั้งคืนแบบที่บอก
หากต้องการจะพัก จะต้องหลับ ต้องหลับลึกๆๆๆ ลงไปเลยล่ะค่ะ
นี่ใช่ไหมค่ะความจริง... ความทุกข์ของจิตที่เราไม่เคยมองเห็น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2014, 10:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สองใจ เขียน:
suttiyan เขียน:
เมื่อสภาวธรรมเคลื่อนจากหยาบสู่ละเอียดแล้ว ผู้ปฏิบัติยังติดยืดกับสภาวเดิมเพราะคิดว่าสภวเดิมดีกว่าของให่ม จืงเกิดความไม่พอใจ ที่จริงแล้วไม่มีอะไรที่ดีกว่าทุกสิ่งล้วนเป็นสภาวะที่ต้องกำหนดรู้โดยเฉพาะความรู้สืกขยุกขยิกนั้นเป็นสภาวะของนาม ส่วนใหญ่จะเกิดทกลางหน้าอกหรือที่ตำแหน่งหัวใจ ทีต้องรู้ จะสัมพันธ์กับความอบอุ่นซื่งเป็นส่วนของรูปโดยรู่ัที่ความรู้สืกขยุกขยิก5-6วินาทีแล้วค่อยเคลือนมาที่ความรู้สืกอบอุ่น6-7วินาทีแล้วกับไปรู้ขยุกขยิกให่ม คุณจะได้พบความจริง


พบความจริงใดค่ะ???
ที่พบตอนนี้คือ เขาทำแบบนี้ทั้งวันทั้งคืน ไม่มีหยุดพักเลยค่ะ
ยกเว้น เราติดภาระกิจทางสมอง ใช้สมองคิดงาน หรือ ฟุ้งซ่านไปในบางเรื่องแบบไร้สติ
ถ้ามีสติอยู่ จะเห็นเขาทำทั้งวันทั้งคืนแบบที่บอก
หากต้องการจะพัก จะต้องหลับ ต้องหลับลึกๆๆๆ ลงไปเลยล่ะค่ะ
นี่ใช่ไหมค่ะความจริง... ความทุกข์ของจิตที่เราไม่เคยมองเห็น


ไม่มีข้อยกเว้นครับ นั่นก็งานของมัน มันทำงานอยู่ :b1: ถามให้คิดครับ ใครฟุ้งซ่าน ใครไร้สติ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2014, 10:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ม.ค. 2014, 08:17
โพสต์: 73

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
สองใจ เขียน:
suttiyan เขียน:
เมื่อสภาวธรรมเคลื่อนจากหยาบสู่ละเอียดแล้ว ผู้ปฏิบัติยังติดยืดกับสภาวเดิมเพราะคิดว่าสภวเดิมดีกว่าของให่ม จืงเกิดความไม่พอใจ ที่จริงแล้วไม่มีอะไรที่ดีกว่าทุกสิ่งล้วนเป็นสภาวะที่ต้องกำหนดรู้โดยเฉพาะความรู้สืกขยุกขยิกนั้นเป็นสภาวะของนาม ส่วนใหญ่จะเกิดทกลางหน้าอกหรือที่ตำแหน่งหัวใจ ทีต้องรู้ จะสัมพันธ์กับความอบอุ่นซื่งเป็นส่วนของรูปโดยรู่ัที่ความรู้สืกขยุกขยิก5-6วินาทีแล้วค่อยเคลือนมาที่ความรู้สืกอบอุ่น6-7วินาทีแล้วกับไปรู้ขยุกขยิกให่ม คุณจะได้พบความจริง


พบความจริงใดค่ะ???
ที่พบตอนนี้คือ เขาทำแบบนี้ทั้งวันทั้งคืน ไม่มีหยุดพักเลยค่ะ
ยกเว้น เราติดภาระกิจทางสมอง ใช้สมองคิดงาน หรือ ฟุ้งซ่านไปในบางเรื่องแบบไร้สติ
ถ้ามีสติอยู่ จะเห็นเขาทำทั้งวันทั้งคืนแบบที่บอก
หากต้องการจะพัก จะต้องหลับ ต้องหลับลึกๆๆๆ ลงไปเลยล่ะค่ะ
นี่ใช่ไหมค่ะความจริง... ความทุกข์ของจิตที่เราไม่เคยมองเห็น


ไม่มีข้อยกเว้นครับ นั่นก็งานของมัน มันทำงานอยู่ :b1: ถามให้คิดครับ ใครฟุ้งซ่าน ใครไร้สติ



Kiss สาธุ...


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 139 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 10  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 91 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร