เห็นข้อเขียนของกรัชกายแล้วยิ่งน่าสงสารกว่าตั้งเยอะ เพราะอโศกะมาช่วยแนะนำเรื่องความฝันเพื่อโยงชักกันกลับสู่ประเด็นใหญ่ตามหัวข้อของกระทู้ คือโอวาทปาติโมกข์ กลับมองไม่เห็นคุณ คิดว่าเขาเอามาหากิน

สงสัยนักวิชาการใหญ่คงชอบหากินแบบนี้ละมั้ง จึงนึกว่าคนอื่นก็เป็นเหมือนตนเอง

ลองสังเกตพิจารณาหัวเรื่องที่จั่วกันคนชอบมองลบไว้อยู่แล้วว่า

"ความฝัน เป็นวิธีการระบายออกของสิ่งที่คั่งค้างในจิตสำนึกและจิตใต้สำนึก ซึ่งเป็นกระบวนการสร้างสมดุลย์ของจิต ที่ธรรมชาตสร้างสรรไว้"

ที่กรัชกายยกตัวอย่างคนฝันท้ายๆนี้ก็เข้าล็อคที่จั่วหัวไว้พอดีไม่ใช่หรือ

กรัชกายฝันค้างหวังอะไรแล้วไม่ได้ดั่งหวังไว้บ้างหรือเปล่า เดี๋ยวก็จะมาถูกบำบัดในความฝันของกรัชกายเองเร็วๆนี้หรอก

อโศกพูดอะไรขอรับ ไม่เข้าใจ โอวาทปฏิโมกข์ไปโยงกับความฝันยังไงอ่ะ งง

อืม!!!!!!!!
กรัชกายนี่จับประเด็นไม่เป็นจริงๆ

บอกว่า ความฝันนี่ก็สามารถใช้เป็นเครื่องมือช่วยชี้วัดความขาวรอบขิองจิตได้เหมือนกัน........

บอกอย่างนี้ แต่พากันตีความไปเรื่องอื่นไกลลิบเลย

"การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ"
นี่เกี่ยวกับโอวาทปาติโมกข์ไหมครับ กรัชกาย

อธิบายขนาดนี้คงพอมองเห็นกุศลเจตนาในคำเขียนนะครับ

ก็นี่ไง ถึงได้บอกว่า อโศกหากินกับความฝัน นอนหลับๆตื่นๆฝันๆก็ว่าเป็นการชำระจิต

อโศกครับ ขนาดตื่นๆ คุณยังไม่รู้วิธีการชำระจิต ยังไม่รู้จะเอาอิท่าไหนดี แล้วทีนี้คุณนอนไ่ม่ค่อยหลับแล้วฟุ้งซ่านฝันนั่นนี่ จะชำระจิตให้ขาวเขียวเหลืองแดงน้ำเงินดังว่าได้ล่ะหรืออโศก

ถ้าจำได้เคยบอกว่า อโศกคิดทำอะไรยังไงก็ตาม เป็นหมันหมดแท้งหมดครับ คุณยังสะเปะสะปะอยู่่เลยนะขอรับ คิกๆๆ


ถึงไ้ด้บอกว่า ระวังจะแบกจักรยานกลับสำนัก นั่น ^ ตัวอย่าง

จิตสำนึกและจิตใต้สำนึกที่ถูกชำระให้สะอาดมากๆแล้วมันจะไม่ฝันหรือไม่ค่อยฝัน

หากชำระหมดจดแล้วมันจะไม่ฝัน นอกจากเทพนิมิต

ความหมายมันอยู่ตรงนี้ ทำไมกรัชกายถึงฟุ้งไปเป็นเรื่องอื่นไปได้
นี่หละน้อ นักวิชาการ

ตื่นอยู่แท้ๆ ยังไม่รู้ว่าจะชำระจิตให้หมดจดยังไง ไม่่รู้ ตื่นอยู่ยังไม่รู้ แล้วไปพูดถึงจิตตอนหลับฝัน จะเกิดประโยชน์อะไรเออ ไร้สาระจริงๆ

อโศกว่าไงเนี่ย

ผิดจุดอีกแล้ว

ไปกันใหญ่แล้ว

แปลความผิดมากแล้ว

ใครเขาบอกว่าชำไรใจในความฝัน กลับไปอ่านและพิจารณาให้ดีๆ

การชำระใจให้ขาวรอบด้วยวิป้สสนาภาวนาหรือการเจริญมรรค 8 ตามแนวทางคำสอนของพระพุทธเจ้า เมื่อชำระไปแล้วจะวัดผลประเมินผลว่าชำระไปได้แค่ไหน......ความฝันของคนหมายถึงฝันมากฝันน้อยหรือไม่ฝันน่ี่นะ จะช่วยชี้วัดระดับความสะอาดของจิตได้

ล้

พูดเป็นคุ้งเป็นแควอีกแล้ว เจริญมรรค 8 เจริญยังไงน่ะ

"สำรวมกายใจ มานิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์.......(จนมันดับไปต่อหน้าต่อตา)

แล้วปัญญาเขาจะสรุปเรื่องราวต่างๆเอาเองโดยอัตโนมัติ (อย่างที่ฝรั่งเขาเรียกว่า...Experience )

บางอย่างจะรู้ตรงที่ใจไม่มีคำพูด บางอย่างจะรู้เมื่อคิดวิตกวิจารณ์ตามภายหลัง

สำคัญสำหรับกรัชกายจะเข้าใจความหมายในเชิงปฏิบัติของคำนี้หรือเปล่า.....หรือเอาไปทำตามคำบอกเล่านี้ได้อย่างไร

"สำรวมกายใจ มานิ่งรู้ นิ่งสังเกต ปัจจุบันอารมณ์"



สำรวม กาย ใจ.........ศีลมรรค.....สัมมาวาจา.....สัมมากัมมันตะ.....สัมมาอาชีวะ

นิ่ง......สัมมาสมาธิ

รู้.......


รู้ทัน....ระลึกได้.....ไม่ลืม.......สัมมาสติ

รู้ตามความเป็นจริง......สัมมาทิฏฐิ......ดู.....เห็น.....รู้

สังเกต.......สัมมาสังกัปปะ.....สังเกต.......พิจารณา

ปัจจุบันอารมณ์.......ที่ตั้งแห่งความจริงที่แก้ไขได้ ที่รวม ที่เกิดแห่งธรรมทั้งปวง จุดหรือที่ทำงานของวิปัสสนาภาวนา

มรรคทั้ง 8 ข้อ สมบูรณ์อยู่ในคำสรุป งานและหน้าที่ของชาวพุทธ

อรรถาธิบายนี้ ขอให้กรัชกายลองพิจารณา ไตร่ตรอง ใคร่ครวญดูให้ดีๆ โดยเทียบจากสภาวะธรรมที่จักเกิดขึ้นจริงๆในการกระทำ

จนละความเห็นผิด.......นี่คือเป้าหมายสำคัญอันดับที่ 1 ของงานเจริญมรรค 8 หรือ วิปัสสนาภาวนา
ถ้าผ่านด่านที่ 1 นี้ได้แล้ว จักถึงด่านที่ 2 คือ

"ความยึดผิด"......มานะทิฏฐิ.....

ยึดกาย.....ละได้ด้วยอนาคามีมรรค

ยึดจิต......ละได้ด้วยอรหัตมรรค

ว่ากายใจนี้เป็นอัตตา ตัวกู ของกู..........เป็นคำแปลให้เข้าใจว่าความเห็นผิดจริงๆคืออะไร

พอกพูนความเห็นถูกต้อง ว่ากาย ใจ นี้เป็น อนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวกู ของกู.....เป็นโอปนะยิโกธรรมดังกล่าวไว้ในธรรมคุณ 6 ประการ
ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส.......เป็นสัมมาวายามะ เป็นการนำวิปัสสนาภาวนาหรือมรรค 8 มาเจริญในชีวิตประจำวัน

สังเกตให้ดี

ที่่ระลึกได้.....เมื่อมีสติระลึกได้ว่าเราต้องนิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์

และมีโอกาส......เมื่อมีช่องว่างเปิดให้ในเวลาทำงานของชีวิตประจำวัน เช่นช่วงพัก ช่วงระหว่างงาน ช่วงวันหยุด ช่วงวันลา ช่วงเจ็บป่วยไม่ได้ทำงานอะไร เป็นต้น

ขยายความ หัวใจวิปัสสนาภาวนาในวันต่อไปนะกรัชกาย

วิธีนี้ไ้้ด้มาแต่ไหนขอรับ


ถามอีกนิดหนึ่ง มรรค ที่อโศกว่าเนี่ย กับ มรรค ในอริยสัจ (ข้อ 4) เหมือนกันหรือต่างกันขอรับน่ะ

ถามว่า มรรคที่อโศกยกมาพูด กับ มรรคในอริยสัจข้อ 4 เหมือนกันหรือต่างกัน เงียบอีกแระ

บางทีก็นึกสงสารอโศกน่ะ ดูๆก็เหมือนช้างที่เข้าสู่สงคราม ถูกลูกศรที่ยิงมาจากทิศทั้ง 4 คิกๆๆ ขนาดกรัชกายคนเดียว ก็เล่นเอาปางตายแล้วนะ ยังมีวลัยพร คน สป. เข้าอีกคน แทบไปไม่เป็นแทบลาบอร์ดลาลานธรรมจักรขึ้นดอยเข้าถ้ำเลยทีเดียวเชียว

อย่าลากเข้าไปร่วม เพราะ ไม่ใช่แบบที่กรัชกาย คิดเอาเอง

อย่างน้อย สิ่งที่โสกะขีดเขียนลงมา ยังเป็นสภาวะของโสกะ

วลัยพรเพียงชี้ขุมทรัพย์ ให้โสกะ ไม่มีเป้าหมายอื่น
ส่วนโสกะ จะมองเห็นหรือไม่ ก็เรื่องของโสกะ

ส่วนกรัชกาย วลัยพรไม่คิดข้องเกี่ยวหรอก
เพราะสิ่งที่กรัชกาย นำมาสนทนา ไม่ใช่สภาวะของกรัชกาย

แม้กระทั่ง คำอธิบายหรือบรรยายต่างๆ ที่กรัชกายใช้อยู่ ก็นำของผู้อื่นมาโพส
แต่ไม่เคยแนบลิงค์ จากที่นำมา

จึงมองเห็น ความไม่มีสาระอันใด ที่จะสนทนาด้วย

สภาวะอีกคนแระ คิกๆๆ

สภาวะ ได้แก่ อะไร ยกตัวอย่างมาดูหน่อยดิ


ตอบไม่ได้ จะไล่่ให้ไปมุดรูปูตายน่ะเออออ

ลุงกำนันสู้ๆ

ชั่วโมงนี้ ขอเชียร์ท่านพี่อิสระจากพระพุทธเจ้าก่อน ที่เมื่อวานเดินไปกรรโชกทรัพย์เขาได้แสนกว่าบาท

http://www.youtube.com/watch?v=FIr2W063hBo

พอมาวันนี้นอนให้น้ำเกลือ

เฝ้าไข้ใกล้เตียง

http://www.youtube.com/watch?v=i4CfT02GVl4

เข้าสู่ยุคที่ว่า ผู้ดีเดินตรอก ขี้ครอกเดินถนน แล้ว