วันเวลาปัจจุบัน 04 ก.ย. 2025, 21:19  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2014, 17:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


เอหิภิกขุอุปสัมปทา เป็นชื่อเรียกวิธีอุปสมบทเป็นภิกษุในสมัยพุทธกาลยุคต้นๆ
โดยพระพุทธเจ้าประทานให้ด้วยพระองค์เอง
ด้วยการตรัสว่า "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" ซึ่งแปลว่า
"จงมาเป็นภิกษุเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว ท่านจงประพฤติพรหมจรรย์
เพื่อทำที่ดีที่สุดแห่งทุกข์โดยชอบเถิด"


คำว่า เอหิ ภิกขุอุปสัมปทา นั้นจะไม่มีสาวกใดๆนำไปใช้ได้เลย
จึงเป็นคำเฉพาะพระพุทธเจ้าทั้งหลายเท่านั้น
เป็นคำพูดที่ศักดิ์สิทธิ ที่ไม่มีใครที่ลอกเลียนแบบได้เลย

ผู้ได้รับการอุปสมบทว่า เอหิภิกขุ
บาตรจีวรสำเร็จด้วยฤทธิ์ จะเกิดมีเฉพาะแก่เอหิภิกขุผู้ที่จะสำเร็จเป็นพระอรหันต์
ในชาติปัจจุบันเท่านั้น ผู้นั้นต้องได้เคยทำบุญถวายอัฐบริขารมาแล้วในอดีต
แม้ขณะที่ขอบวชแบบเอหิภิกขุ จะยังเป็นปุถุชนอยู่ ก็จะมีบาตรจีวรสำเร็จด้วยฤทธิ์เกิดขึ้นเช่นกัน

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2014, 08:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
เอหิภิกขุอุปสัมปทา เป็นชื่อเรียกวิธีอุปสมบทเป็นภิกษุในสมัยพุทธกาลยุคต้นๆ
โดยพระพุทธเจ้าประทานให้ด้วยพระองค์เอง
ด้วยการตรัสว่า "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" ซึ่งแปลว่า
"จงมาเป็นภิกษุเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว ท่านจงประพฤติพรหมจรรย์
เพื่อทำที่ดีที่สุดแห่งทุกข์โดยชอบเถิด"


คำว่า เอหิ ภิกขุอุปสัมปทา นั้นจะไม่มีสาวกใดๆนำไปใช้ได้เลย
จึงเป็นคำเฉพาะพระพุทธเจ้าทั้งหลายเท่านั้น
เป็นคำพูดที่ศักดิ์สิทธิ ที่ไม่มีใครที่ลอกเลียนแบบได้เลย

ผู้ได้รับการอุปสมบทว่า เอหิภิกขุ
บาตรจีวรสำเร็จด้วยฤทธิ์ จะเกิดมีเฉพาะแก่เอหิภิกขุผู้ที่จะสำเร็จเป็นพระอรหันต์
ในชาติปัจจุบันเท่านั้น ผู้นั้นต้องได้เคยทำบุญถวายอัฐบริขารมาแล้วในอดีต
แม้ขณะที่ขอบวชแบบเอหิภิกขุ จะยังเป็นปุถุชนอยู่ ก็จะมีบาตรจีวรสำเร็จด้วยฤทธิ์เกิดขึ้นเช่นกัน


:b8: อนุโมทนาค่ะคุณลุง

ผู้ที่เคยทำบุญถวายอัฐบริขารมาก่อน จะต้องถวายกับพระภิกษุสงฆ์ พระอรหันต์ หรือพระพุทธเจ้า
จึงจะมีบาตรจีวรสำเร็จด้วยฤทธิ์เกิดขึ้นคะ
ขอบคุณค่ะ

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2014, 09:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2813


 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุค่ะ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2014, 18:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


ปลีกวิเวก เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
เอหิภิกขุอุปสัมปทา เป็นชื่อเรียกวิธีอุปสมบทเป็นภิกษุในสมัยพุทธกาลยุคต้นๆ
โดยพระพุทธเจ้าประทานให้ด้วยพระองค์เอง
ด้วยการตรัสว่า "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" ซึ่งแปลว่า
"จงมาเป็นภิกษุเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว ท่านจงประพฤติพรหมจรรย์
เพื่อทำที่ดีที่สุดแห่งทุกข์โดยชอบเถิด"


คำว่า เอหิ ภิกขุอุปสัมปทา นั้นจะไม่มีสาวกใดๆนำไปใช้ได้เลย
จึงเป็นคำเฉพาะพระพุทธเจ้าทั้งหลายเท่านั้น
เป็นคำพูดที่ศักดิ์สิทธิ ที่ไม่มีใครที่ลอกเลียนแบบได้เลย

ผู้ได้รับการอุปสมบทว่า เอหิภิกขุ
บาตรจีวรสำเร็จด้วยฤทธิ์ จะเกิดมีเฉพาะแก่เอหิภิกขุผู้ที่จะสำเร็จเป็นพระอรหันต์
ในชาติปัจจุบันเท่านั้น ผู้นั้นต้องได้เคยทำบุญถวายอัฐบริขารมาแล้วในอดีต
แม้ขณะที่ขอบวชแบบเอหิภิกขุ จะยังเป็นปุถุชนอยู่ ก็จะมีบาตรจีวรสำเร็จด้วยฤทธิ์เกิดขึ้นเช่นกัน


:b8: อนุโมทนาค่ะคุณลุง

ผู้ที่เคยทำบุญถวายอัฐบริขารมาก่อน จะต้องถวายกับพระภิกษุสงฆ์ พระอรหันต์ หรือพระพุทธเจ้า
จึงจะมีบาตรจีวรสำเร็จด้วยฤทธิ์เกิดขึ้นคะ
ขอบคุณค่ะ


ถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ในพระศาสนาในอดีตชาติคงไม่ต้องถึงกับพระอรหันต์
หรือพระพุทธเจ้าหรอก ฤทธิเกิดจากคำที่พระพุทธเจ้ากล่าว

แต่ที่ถ้าผู้ที่ไม่เคยถวายผ้าไตรมาก่อน ผ้าไตรก็จะไม่เกิดขึ้นแก่ผู้นั้น
ดูตัวอย่างพระพาหิยะทารุจีริยะขอบวช พระพุทธเจ้ากล่าวเอหิภิกขุอุปสัมปทา ผ้าไตรก็ไม่ปรากฏขึ้น
พาหิยะ ทารุจีริยะ คือฆราวาสที่ฟังธรรมด้วยธรรมะที่สั้นๆว่า จงอย่ายึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งปวงเลย

เพียงเท่านี้ก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ หลักจากนั้นก็ทูลขอบรรพชากับพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าจึงให้ไปหาบาตร หาจีวรมาก่อน ขณะที่กำลังหาบาตร
หาจีวรอยู่นั้นก็โดนวัวชนตายเสียก่อนบวช จึงปรากฎว่าพระพาหิยะไม่ได้บวชแต่ก็เป็นพระอรหันต์

พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญว่า พาหิยะ เป็นยอดของพระสาวกที่ตรัสรู้เร็วที่สุด

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2014, 20:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5367


 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2018, 13:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss Kiss Kiss

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร