วันเวลาปัจจุบัน 23 เม.ย. 2024, 21:29  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 127 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มี.ค. 2014, 21:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
เหนื่อยที่จะถามแล้วหรือกรัชกาย

ดีแล้วจะได้ไปกันต่อในเรื่องกรรมและวิบาก
smiley
ท่านใดที่ชอบนั่งภาวนาก่อนนอนหรือตอนดึกหลังจากหลับอิ่ม เคยได้สังเกตไหมครับว่าเราจะต้องมาใช้เวลาสลายความนึกคิด ฟุ้งซ่านไปกับเรื่องราวที่เราไปรับมาแต่ละวัน โดยใช้เวลาหลายสิบนาที บางครั้งเป็นชั่วโมงจึงจะข้ามกำแพงอุทธัจจะนิวรณ์นี้ได้

นี่แหละครับคือตัวอย่างของวิบากที่เกิดจากกรรมในตอนกลางวันมาส่งผลให้ในตอนกลางคืน

สำหรับคนที่ไม่ได้ภาวนา เรื่องที่รับและทำมากลางวัน อาจมากลายเป็นเหตุฝันในตอนกลางคืนก็ได้ นี่คือตัวอย่างของวิบากอ่อนๆ

แต่บางท่านที่นอนไม่หลับแทบทั้งคืนอาจเป็นวิบากของกรรมที่ค่อนข้างจะรุนแรง เช่นไปทะเลาะกับใครมาทั้งวันเลยต้องเก็บมาคิดวิตกกังวลทั้งคืน นี่ก็วิบากอีกรูปหนึ่ง

วิบากที่เราจะต้องมาเจริญวิปัสสนาขุดถอนออกนั้น มันฝังอยู่ในจิตข้ามภพข้ามชาติมานานที่ท่านเรียกว่า "อนุสสัยยะกิเลสะ" อันนี้จะต้องศึกษาวิธีการขุดถอนที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้จึงจะใช้ได้ผลเด็ดขาด ชะงัดดี ดังที่เราจะได้สนทนากันต่อไป
onion



อ้างคำพูด:
เหนื่อยที่จะถามแล้วหรือกรัชกาย

onion

เราไม่เหนื่อย เราไม่เมื่อย คิกๆ

ก็ถามแค่ร่างกาย กาย รูป แลเห็นโต้งๆ ยังออกทะเล แน่ะๆยังพร่ำเรื่องนามธรรม :b13: เรียกว่าขยันไม่ถูกเรื่อง

:b34:
ที่ถามอยู่ในกระทู้นี้นี่นะหรือที่ว่าถามแค่ร่างกาย กาย รูป เพี้ยนและผิดกระทู้ละมั้งลองกลับไปดูคำถามในกระทู้นี้ใหม่ใหดีๆก่อนนะกรัชกาย

นี่ตอบด้วยเมตตานะ เดี๋ยวอาจจะเลิกตอบโต้กับกรัชกายอีกก็ได้ เพราะเอาแต่ถาม พอผิดจากที่ตนรู้ก็บอกไม่ใช่แต่ไม่ยอมอธิบาย แสดงหลักฐานและเหตุผล ไม่คิดว่าคูสนทนาจะเบื่อคุยมั่งหรือ
นักวิชาการนี่เอาแต่ได้นะ รู้เยอะแยะแต่ไม่ยอมคาย ระวังจะกระอักความรู้ตายไม่รู้ตัวเน้อ
:b12:


ใจเย็นๆ คิกๆๆ ต้องอดทนนะขอรับ :b1:

ก็อย่างที่บอกเรื่องกาย ร่างกาย รูป ยังเข้าใจคลาดเคลื่อน แล้วจะมาสนทานเรื่อง กรรม เรื่องวิบาก ซึ่งมันลึกกว่ามาก

นำมาให้ดูหน่อยก็ได้

กรรม เป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการแห่งปฏิจจสมุปบาท ซึ่งเห็นได้ชัดเมื่อแยกส่วนในกระบวนการนั้นออกเป็น ๓ วัฏฏะ คือ กิเลส กรรม วิบาก กระบวนการปฏิจจสมุปบาท แสดงถึงกระบวนการทำกรรม และการให้ผลของกรรมทั้งหมด ตั้งแต่กิเลสเป็นเหตุให้ทำกรรม จนถึงวิบากอันเป็นผลที่จะได้รับ เมื่อเข้าใจปฏิจจสมุปบาทดีแล้ว ก็เป็นอันเข้าใจหลักกรรมชัดเจนไปด้วย

Onion_no
เข้าใจปฏิจจสมุปบาท เข้าใจเรื่องกรรมภาคทฤษฎีได้ดีแล้ว ก็รีบลงมือทำ สัมผัสความจริงเลยนะ จะได้ไม่เที่ยวไปถามปัญหา ลองภูมิคนนั้นท่านนี้อยู่ไม่รู้จบไม่รู้วาย อายชาวบ้าน เป็นนักวิชาการแต่แก้ปัญหาไม่ได้
:b7:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มี.ค. 2014, 21:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:



เข้าใจปฏิจจสมุปบาท เข้าใจเรื่องกรรมภาคทฤษฎีได้ดีแล้ว ก็รีบลงมือทำ สัมผัสความจริงเลยนะ จะได้ไม่เที่ยวไปถามปัญหา ลองภูมิคนนั้นท่านนี้อยู่ไม่รู้จบไม่รู้วาย อายชาวบ้าน เป็นนักวิชาการแต่แก้ปัญหาไม่ได้



ภาคปฏิบัติทำไงล่ะ :b1: :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มี.ค. 2014, 18:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:



เข้าใจปฏิจจสมุปบาท เข้าใจเรื่องกรรมภาคทฤษฎีได้ดีแล้ว ก็รีบลงมือทำ สัมผัสความจริงเลยนะ จะได้ไม่เที่ยวไปถามปัญหา ลองภูมิคนนั้นท่านนี้อยู่ไม่รู้จบไม่รู้วาย อายชาวบ้าน เป็นนักวิชาการแต่แก้ปัญหาไม่ได้



ภาคปฏิบัติทำไงล่ะ :b1: :b10:

:b16:
สำรวมกาย ใจ มานิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์จนดับไปต่อหน้าต่อตา
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มี.ค. 2014, 19:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ดับต่อหน้า..ต่อตา..อีกแหละ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2014, 13:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ดับต่อหน้า..ต่อตา..อีกแหละ...

:b12: :b12: :b12:
ก็ลองทำดูจริงๆซิ จะได้เห็น ปัจจุบันธรรมปัจจุบันอารมณ์ดับไปต่อหน้าต่อตาจริงๆ
onion onion onion
นี่เป็นสุดยอดคำสอนย่อภาคปฏิบัติ เพื่อถอนอุปาทาน อัตตา มานะและอวิชชาเชียวนะ ลองตรองดูดีๆและพิสูจน์ด้วยการทำจริงๆ ก็จะเห็นจริงถึงจริง
:b11:
:b36:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2014, 15:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกสัพสิ่งมันก็เกิดดับ..ในตัวมันเองอยู่แล้ว

ที่ว่าดับไปต่อหน้าต่อตา....มันพิเศษกว่าการเกิดดับตามธรรมชาติของมันเอง.มั้ยครับ?

และ...ที่ดับไปต่อหน้าต่อตา....มันมีสิทธิ์จะเกิด..อีกมั้ย?

ถามมาเพื่อให้อโสกะมีโอกาสแสดงธรรมของอโสกะต่อ..นะครับ...จะได้ครอบคลุม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2014, 15:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ทุกสัพสิ่งมันก็เกิดดับ..ในตัวมันเองอยู่แล้ว

ที่ว่าดับไปต่อหน้าต่อตา....มันพิเศษกว่าการเกิดดับตามธรรมชาติของมันเอง.มั้ยครับ?

และ...ที่ดับไปต่อหน้าต่อตา....มันมีสิทธิ์จะเกิด..อีกมั้ย?

ถามมาเพื่อให้อโสกะมีโอกาสแสดงธรรมของอโสกะต่อ..นะครับ...จะได้ครอบคลุม

:b16:

อ้างคำพูด:
ทุกสรรพสิ่งมันก็เกิดดับ..ในตัวมันเองอยู่แล้ว


ที่รู้ ที่พูดมานี้มันเป็นเพียงทฤษฎีที่นึกคิด คาดเดาเอาตามตำรา

อ้างคำพูด:
ที่ว่าดับไปต่อหน้าต่อตา....มันพิเศษกว่าการเกิดดับตามธรรมชาติของมันเอง.มั้ยครับ?


:b12:
วิเศษกว่ากันมากเลยครับ เพราะมันเกิดขึ้นให้เห็นแก่ตาประจักษ์แก่ใจต่อหน้าจริงๆ ไม่ได้คิดนึก วาดภาพ จินตนาการเอาตามคำบอกในตำรา

อุปมาเหมือนคนที่ได้ยินเรื่องกำแพงเมืองจีนว่ายิ่งใหญ่แค่ไหนแล้วก็นึกจินตนาการเอาจนคิดว่ารู้แล้วเข้าใจ
กับคนที่เดินทางไปถึงกำแพงเมืองจีนด้วยตนเอง ได้เห็นแก่ตาประจักษ์แก่ใจ ได้เดินเหยียบย่ำไปบนกำแพงเมืองจีนจริงๆ เห็นทุกสิ่งได้โดยไม่ต้องจินตนาการ คุณค่าของมันจึงต่างกันมาก หมดสงสัยในกำแพงเมืองจีนไปได้จริงๆ

อ้างคำพูด:
ที่ดับไปต่อหน้าต่อตา....มันมีสิทธิ์จะเกิด..อีกมั้ย?


มีสิทธิ์จะเกิดได้ แต่มันจะหมดความหมายและความสำคัญลงไปทุกครั้งที่เกิด จนลบหายไปจากความทรงจำ
:b37:

smiley
ขอบคุณครับที่เปิดโอกาสให้ได้แสดงธรรมต่อ
tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 เม.ย. 2014, 20:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b36:
กรรมที่นิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์จนดับไปต่อหน้าต่อตาโดยไร้ปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆได้นั้น กลายเป็นกรรมที่ได้วิบากเป็นอโหสิกรรม คือไม่เกิดเป็นการสืบต่อของการกระทำเพราะตัณหาไม่เกิด

ถ้าทำเช่นนี้กับทุกปัจจุบันอารมณ์ได้ พอกพูนกรรมเช่นนี้ให้มากขึ้นมากขึ้นได้ วิบากหรือผลที่เป็นกลาง เป็นอโหสิกรรม หรือเป็นสูญก็จะเพิ่มมากขึ้นๆ จนเป็นชีวิตใหม่ที่มีวิบากให้เสวยน้อย หรือหมดวิบากที่จะต้องเวียนว่ายตายเกิดต่อไป

นี่จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งว่าทำไมนักปฏิบัติธรรมจึงต้องเจริญการปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 วิปัสสนาภาวนา ปัจจุบันอารมณ์ มุ ทุกวัน เวลา นาที วินาที ......ที่ระลึกได้.?..และ มีโอกาส
:b36:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 เม.ย. 2014, 10:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ทุกสัพสิ่งมันก็เกิดดับ..ในตัวมันเองอยู่แล้ว

ที่ว่าดับไปต่อหน้าต่อตา....มันพิเศษกว่าการเกิดดับตามธรรมชาติของมันเอง.มั้ยครับ?

และ...ที่ดับไปต่อหน้าต่อตา....มันมีสิทธิ์จะเกิด..อีกมั้ย?

ถามมาเพื่อให้อโสกะมีโอกาสแสดงธรรมของอโสกะต่อ..นะครับ...จะได้ครอบคลุม


เรื่องเกิด..ดับ...นี้....นักวิทยาศาสตร์ก็เห็น..นะครับ....เห็นมากกว่าเราอีกด้วย..
เขาเห็นแม้แต่จักรวาลนี้....หรือ..จักรวาลอื่นๆ....ล้วนมีจุดจบทั้งสิ้น....หรือแม้แต่ระดับเล็กๆ...ระดับ..อะตอม...ระดับอิเล็คตรอน...ระดับควากซ์....ระดับฮิงก์....ระดับพลังงาน....ก็ไม่มีอะไรคงที่....ก็เห็นมันดับต่อหน้าต่อตากล้องอิเล็คตรอน..นั้นแหละ....ไม่ได้จิตนาการเอาจากที่ไหน..

เขาก็ยังรู้ว่า..มันต้องดับแน่....

พวกหมอพยาบาล..คนในโรงพยาบาล...เห็นคนตายมากกว่าใครๆในโลก.....

แต่คนเหล่านี้....ก็ไม่มีใครทำเห็นนั้นให้เกิดปัญญา...อะไร....ยังอยากอยู่ในโลก...อยากในโลกธรรม..อยู่ดี

อะไร...ทำให้การเห็นเกิดดับนั้น...มีผลต่างไปจากที่คนเหล่านี้เห็น?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2014, 11:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ทุกสัพสิ่งมันก็เกิดดับ..ในตัวมันเองอยู่แล้ว

ที่ว่าดับไปต่อหน้าต่อตา....มันพิเศษกว่าการเกิดดับตามธรรมชาติของมันเอง.มั้ยครับ?

และ...ที่ดับไปต่อหน้าต่อตา....มันมีสิทธิ์จะเกิด..อีกมั้ย?

ถามมาเพื่อให้อโสกะมีโอกาสแสดงธรรมของอโสกะต่อ..นะครับ...จะได้ครอบคลุม


เรื่องเกิด..ดับ...นี้....นักวิทยาศาสตร์ก็เห็น..นะครับ....เห็นมากกว่าเราอีกด้วย..
เขาเห็นแม้แต่จักรวาลนี้....หรือ..จักรวาลอื่นๆ....ล้วนมีจุดจบทั้งสิ้น....หรือแม้แต่ระดับเล็กๆ...ระดับ..อะตอม...ระดับอิเล็คตรอน...ระดับควากซ์....ระดับฮิงก์....ระดับพลังงาน....ก็ไม่มีอะไรคงที่....ก็เห็นมันดับต่อหน้าต่อตากล้องอิเล็คตรอน..นั้นแหละ....ไม่ได้จิตนาการเอาจากที่ไหน..

เขาก็ยังรู้ว่า..มันต้องดับแน่....

พวกหมอพยาบาล..คนในโรงพยาบาล...เห็นคนตายมากกว่าใครๆในโลก.....

แต่คนเหล่านี้....ก็ไม่มีใครทำเห็นนั้นให้เกิดปัญญา...อะไร....ยังอยากอยู่ในโลก...อยากในโลกธรรม..อยู่ดี

อะไร...ทำให้การเห็นเกิดดับนั้น...มีผลต่างไปจากที่คนเหล่านี้เห็น?

:b29:
เห็นเกิด ดับ โดยการคิดนึกเอาตามหลักทฤษฎี นั้นเป็นอย่างหนึ่ง

เห็นเกิด ดับที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา นั้นเป็นอย่างที่ 2 ซึ่งจะมีผลให้เกิดการยอมรับและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของจิต

อุปมาเช่นคนหิวข้าวแล้วคิดนึกเอาให้ตนอิ่ม มันไม่อิ่มจริงๆเพราะท้องยังหิวอยู่

แต่คนที่หิวข้าวแล้วลงมือกินข้าวจริงๆจนทัองอิ้่่ม เขาได้พ้นจากความทุกข์ทุรนทุรายเพราะความหิวแล้ว

ความหิวมีสิทธิ์เกิดขึ้นมาอีกเสมอสำหรับคนที่ยังไม่ตาย
แต่ความทุกข์ทุรนทุรายเพราะความหิวจักไม่เกิดขึ้นอีกแล้วกับผู้ที่รู้ว่าต้องกินจริงๆเมื่อหิว

แต่ยังจะเกิดทุข์ทุรนทุรายขึ้นเสมอกับคนที่คิดให้หายหิว
:b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2014, 11:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ทุกสัพสิ่งมันก็เกิดดับ..ในตัวมันเองอยู่แล้ว

ที่ว่าดับไปต่อหน้าต่อตา....มันพิเศษกว่าการเกิดดับตามธรรมชาติของมันเอง.มั้ยครับ?

และ...ที่ดับไปต่อหน้าต่อตา....มันมีสิทธิ์จะเกิด..อีกมั้ย?

ถามมาเพื่อให้อโสกะมีโอกาสแสดงธรรมของอโสกะต่อ..นะครับ...จะได้ครอบคลุม


เรื่องเกิด..ดับ...นี้....นักวิทยาศาสตร์ก็เห็น..นะครับ....เห็นมากกว่าเราอีกด้วย..
เขาเห็นแม้แต่จักรวาลนี้....หรือ..จักรวาลอื่นๆ....ล้วนมีจุดจบทั้งสิ้น....หรือแม้แต่ระดับเล็กๆ...ระดับ..อะตอม...ระดับอิเล็คตรอน...ระดับควากซ์....ระดับฮิงก์....ระดับพลังงาน....ก็ไม่มีอะไรคงที่....ก็เห็นมันดับต่อหน้าต่อตากล้องอิเล็คตรอน..นั้นแหละ....ไม่ได้จิตนาการเอาจากที่ไหน..

เขาก็ยังรู้ว่า..มันต้องดับแน่....

พวกหมอพยาบาล..คนในโรงพยาบาล...เห็นคนตายมากกว่าใครๆในโลก.....

แต่คนเหล่านี้....ก็ไม่มีใครทำเห็นนั้นให้เกิดปัญญา...อะไร....ยังอยากอยู่ในโลก...อยากในโลกธรรม..อยู่ดี

อะไร...ทำให้การเห็นเกิดดับนั้น...มีผลต่างไปจากที่คนเหล่านี้เห็น?

:b29:
เห็นเกิด ดับ โดยการคิดนึกเอาตามหลักทฤษฎี นั้นเป็นอย่างหนึ่ง

เห็นเกิด ดับที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา นั้นเป็นอย่างที่ 2 ซึ่งจะมีผลให้เกิดการยอมรับและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของจิต

อุปมาเช่นคนหิวข้าวแล้วคิดนึกเอาให้ตนอิ่ม มันไม่อิ่มจริงๆเพราะท้องยังหิวอยู่

แต่คนที่หิวข้าวแล้วลงมือกินข้าวจริงๆจนทัองอิ้่่ม เขาได้พ้นจากความทุกข์ทุรนทุรายเพราะความหิวแล้ว

ความหิวมีสิทธิ์เกิดขึ้นมาอีกเสมอสำหรับคนที่ยังไม่ตาย
แต่ความทุกข์ทุรนทุรายเพราะความหิวจักไม่เกิดขึ้นอีกแล้วกับผู้ที่รู้ว่าต้องกินจริงๆเมื่อหิว

แต่ยังจะเกิดทุข์ทุรนทุรายขึ้นเสมอกับคนที่คิดให้หายหิว
:b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2014, 15:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมไม่รู้ว่าอโสกะอายุเท่าไร....จึงคิดว่านักวิทยาศาสตร์...เขาแค่นึกคิดเอา..นะ

อย่างไฟฟ้าบ้านเรา...ความถี่..50 htz..นี้ก็คือ..เกิดดับ 50 ครั้งใน1วินาที..หรือแม้แต่..ระดับอิเล็กตรอน

หรือการเกิดพายุสุริยะบนดวงอาทิตย์...นี้ก็เกิดดับ...

หรือหมอ...ก็เห็นเกิด..เด็กเกิดขึ้นมา...ดับ..ก็คนไม่หายใจตายบนเตียง...นี้ก็เห็นกับตาอีกเหมือนกัน

การแยกไม่ออกว่า..ทำไมคนพวกนี้ก็เห็นเกิดดับหมือนๆครูบาอาจารย์เราๆ...แล้วอะไรที่ทำให้ผลของการเห็นนั้นต่างกันไปได้

หากอธิบายไม่ได้...ก็แสดงว่า..ไม่รู้.นั้นเอง
ไม่รู้...ก็คือไม่รู้....
หากไม่รู้...แล้วก็รู้ว่าตัวไม่รู้....นี้..อาจจะเรียกคนนี้ว่าบัณฑิตได้เลยนะ...
ไม่รู้...แล้วหยิ่งนี้...แล้วจะรู้สิ่งที่ยิ่งกว่าเดิมได้อย่างไร...นี้แหละ...มานะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2014, 20:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ไม่รู้...แล้วหยิ่งนี้...แล้วจะรู้สิ่งที่ยิ่งกว่าเดิมได้อย่างไร...นี้แหละ...มานะ

cool ไม่รู้ แล้วหยิ่ง... ลึกๆ แล้ว เป็นเพราะกลัวจะด้อยกว่า ผู้อื่น, อยากเหนือกว่า ผู้อื่น หรืออยากชนะ ผู้อื่น.

เมื่อมี ผู้อื่น, มีเขามีเรา มีการเปรียบเทียบระหว่างกัน ดังนั้น... มันจึงเป็น สักกายทิฎฐิ ฮับ.
มานะ เป็นกิเลสอย่างละเอียด ไม่ได้เห็นกันชัดๆ แบบนั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2014, 21:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ผมไม่รู้ว่าอโสกะอายุเท่าไร....จึงคิดว่านักวิทยาศาสตร์...เขาแค่นึกคิดเอา..นะ

อย่างไฟฟ้าบ้านเรา...ความถี่..50 htz..นี้ก็คือ..เกิดดับ 50 ครั้งใน1วินาที..หรือแม้แต่..ระดับอิเล็กตรอน

หรือการเกิดพายุสุริยะบนดวงอาทิตย์...นี้ก็เกิดดับ...

หรือหมอ...ก็เห็นเกิด..เด็กเกิดขึ้นมา...ดับ..ก็คนไม่หายใจตายบนเตียง...นี้ก็เห็นกับตาอีกเหมือนกัน

การแยกไม่ออกว่า..ทำไมคนพวกนี้ก็เห็นเกิดดับหมือนๆครูบาอาจารย์เราๆ...แล้วอะไรที่ทำให้ผลของการเห็นนั้นต่างกันไปได้

หากอธิบายไม่ได้...ก็แสดงว่า..ไม่รู้.นั้นเอง
ไม่รู้...ก็คือไม่รู้....
หากไม่รู้...แล้วก็รู้ว่าตัวไม่รู้....นี้..อาจจะเรียกคนนี้ว่าบัณฑิตได้เลยนะ...
ไม่รู้...แล้วหยิ่งนี้...แล้วจะรู้สิ่งที่ยิ่งกว่าเดิมได้อย่างไร...นี้แหละ...มานะ

:b1:
นักวิทยาศาสตร์เข้าห้องทดลองแล้วเห็นความเกิดดับถี่ๆของหลอดไฟนีออนด้วยเครื่องมือวัด

แต่กบ เห็นความเกิดดับถี่ๆ 50 เฮิทซ์ โดยคิดเอาตามทฤษฎีที่นักวิทยาศาสตรสรุปไว้ ความทราบซึ้งจึงต่างกันมาก

ความเกิด ตาย ของทารกหรือคนธรรมดา เป็นความเกิดดับที่ขยายใหญ่ ใช้เวลานาน แต่ความเกิดดับที่เกิดขึ้นถี่ๆทุกขณะจิตในกายในจิตนั้น ถ้าไม่ได้ภาวนา ฝึกฝนสติ ปัญญาให้มีความคมกล้าจริงๆจะมองไม่เห็น สัมผัสรู้ไม่ได้ ได้แต่คิดเอากันตามตำรา

กบคิดเอาตามตำรา หรือได้สัมผัสความเกิด ดับ ในกายในใจจริงๆมาหรือยังล่ะ ถึงกล้ามาบอกว่าใครเป็นบัณฑิต ไม่ใช่บัณฑิต รู้ ไม่รู้ มีมานะ ไม่มีมานะ หยิ่ง ไม่หยิ่ง .........แล้วไอ้ที่ไปเที่ยวพยายามจะไปชี้บอก ตักเตือนใครว่า นี่มานะ นี่สักกายทิฏฐิ อะไรเหล่านี้ ไม่ใช่ทำไปด้วยมานะหรอกหรือ หรือกบเป็นผู้หมดมานะทิฏฐิแล้ว จึงพยากรณ์ใครต่อใครได้ว่าเป็นอย่างไร

s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2014, 22:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เดือดร้อนใจรึเปล่าละ?


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 127 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 57 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร