ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
ในช่วงบ้านเมืองแบ่งฝ่ายทะเลาะกันรุนแรง มีวิธีเลี่ยงอย่างไร http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=47525 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 29 มี.ค. 2014, 05:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | ในช่วงบ้านเมืองแบ่งฝ่ายทะเลาะกันรุนแรง มีวิธีเลี่ยงอย่างไร |
ไปเห็นคำถามดีมากๆ เลย ที่ว่าดีมากกก เพราะเขาถาม-ตอบในห้องภาวนา...ที่ลานธรรมจักรนี่ ก็มีนักภาวนา เช่น คุณอโศก เป็นต้น เขาถามว่าอย่างไร ดูครับ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 29 มี.ค. 2014, 05:39 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ในช่วงที่บ้านเมืองแบ่งฝ่ายทะเลาะกันรุนแรง เพื่อนๆนักภาวน |
นี่ครับ ![]() อ้างคำพูด: ในช่วงที่บ้านเมืองแบ่งฝ่ายทะเลาะกันรุนแรง เพื่อน ๆ นักภาวนาที่ยังต้องยุ่งเกี่ยวกับทางโลกมีวิธีหลีกเลี่ยงอย่างไร? พอจะมีใครที่สามารถหลีกเลี่ยงการตกอยู่ในกระแสความเกลียดชัง ความขัดแย้ง โดยที่ไม่ได้ไปบวช หรือถือศึล/จำศีลที่วัด แต่ยังสามารถดำเนินชีวิตทำงานในสังคมเมืองใหญ่ ๆ เช่น ยังอาศัยอยู่ในเขต กทม. และปริมณฑล ได้อย่างเป็นปกติสุข เข้าสังคมเจอหน้าเพื่อนฝูง / ญาติพี่น้อง ก็ไม่นินทา ด่าทอนักการเมือง(ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน) คือว่าง่าย ๆ ก็คือไม่ปล่อยให้ จิตใจ คล้อยตามกระแสการเมือง หรือเปิดทีวี หรืออ่าน นสพ. facebook Social Media ต่าง ๆ แล้วไม่หวั่นไหวไปตามกระแสความขัดแย้งทางการเมือง ที่เพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง หรือสังคมรอบตัวกำลังโหนกระแส มีใคร/นักภาวนาท่านใด ที่ทำได้หรือสอบผ่านสัก 90% + บ้างครับ ช่วยมาแชร์วิธีการยืนอยู่ในสังคมที่กำลังร้อนระอุให้ฟังหน่อยครับ เผื่อจะได้นำไปประยุกต์ใช้บ้าง http://pantip.com/topic/31834665 อ้างคำพูด: ท่านใด ที่ทำได้หรือสอบผ่านสัก 90% + บ้างครับ 90% + มีคนว่าเยอะไป จขกท. ลดเหลือ 80% ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 29 มี.ค. 2014, 07:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ในช่วงที่บ้านเมืองแบ่งฝ่ายทะเลาะกันรุนแรง เพื่อนๆนักภาวน |
จขกท. ก็แสดงความเห็นความคิด....เป็นปฐมหน่อย....พอเป็นแนวทางให้ผู้อื่นศึกษา |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 29 มี.ค. 2014, 07:44 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ในช่วงที่บ้านเมืองแบ่งฝ่ายทะเลาะกันรุนแรง เพื่อนๆนักภาวน |
กบนอกกะลา เขียน: จขกท. ก็แสดงความเห็นความคิด....เป็นปฐมหน่อย....พอเป็นแนวทางให้ผู้อื่นศึกษา ในสภาพการณ์อย่างนี้ เขาถามถึงวิธีของแต่ละคนๆ ว่า อ้างคำพูด: พอจะมีใคร ฯลฯ ใครมีวิธีคิด/วิธีทำยังไงก็ว่าไป ![]() จขกท. เขาแนวนี้ อ้างคำพูด: แหะ แหะ.... ยอมรับว่าช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา มีจิตหลุดตามกระแสไปหลายครั้งเหมือนกัน แบบหลุดที 1-2 สัปดาห์ พอหาเวลาว่างได้ปุ๊ปไปเจริญวิปัสสนากรรมฐานในที่สัปปายะ 3-4 วัน ก็กลับสู่สภาพปกติได้อีก 2 สัปดาห์ แล้วจากนั้นก็หลุดอีก 1-2 สัปดาห์ วน ๆ อย่างนี้มา 3 รอบได้แล้วมั้ง(น่าจะสอบผ่านแค่ 60% อีก 40% ยังวางจิตไว้ผิด เผลอตามกระแสไปบ้าง ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา) ณ ตอนนี้เริ่มตั้งศูนย์ให้ใจเป็นอุเบกขาได้เสร็จอีกรอบ(ติดกันมา 3 วันได้แล้ว ) แต่เกรงว่าจะหลุดอีกเหมือนกันเมื่อผ่านไปอีกสัก 2 สัปดาห์ เพราะสภาพแวดล้อมของการทำงาน/ใช้ชีวิตใน กทม. ไม่เอื้ออำนวยให้วางใจเป็นกลางได้นานเลยจริง ๆ คุณอโศก ฯลฯ ล่ะ ใช้วิธีไหนอย่างไร ![]() |
เจ้าของ: | Hanako [ 29 มี.ค. 2014, 17:41 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ในช่วงบ้านเมืองแบ่งฝ่ายทะเลาะกันรุนแรง มีวิธีเลี่ยงอย่าง |
![]() ระวังกาย วาจา ไม่ให้ไปเย้ยหยัน เสียดสี แช่งชักหักกระดูกอีกฝ่ายด้วยอารมณ์ชั่ววูบ เวลาโดนอีกฝ่ายกระทบกระทั่งก็พยายามระวังใจไว้ค่ะ ไม่ให้เกิดความเกลียดชังพยาบาทขึ้นมา ส่วนทางใจ ก็พยายามระวังการไปยินดียินร้ายที่เกินขอบเขตศีลธรรม สุดท้ายก็คือ ปลงไว้ค่ะ "อะไรๆก็ไม่แน่นอน" เราต้องทำใจไว้ เรื่องจิตของเราสำคัญกว่าการเมือง ส่วนใครกระทำอะไร ก็กรรมของเขาล่ะค่ะ |
เจ้าของ: | asoka [ 29 มี.ค. 2014, 18:07 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ในช่วงที่บ้านเมืองแบ่งฝ่ายทะเลาะกันรุนแรง เพื่อนๆนักภาวน |
กรัชกาย เขียน: กบนอกกะลา เขียน: จขกท. ก็แสดงความเห็นความคิด....เป็นปฐมหน่อย....พอเป็นแนวทางให้ผู้อื่นศึกษา ในสภาพการณ์อย่างนี้ เขาถามถึงวิธีของแต่ละคนๆ ว่า อ้างคำพูด: พอจะมีใคร ฯลฯ ใครมีวิธีคิด/วิธีทำยังไงก็ว่าไป ![]() จขกท. เขาแนวนี้ อ้างคำพูด: แหะ แหะ.... ยอมรับว่าช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา มีจิตหลุดตามกระแสไปหลายครั้งเหมือนกัน แบบหลุดที 1-2 สัปดาห์ พอหาเวลาว่างได้ปุ๊ปไปเจริญวิปัสสนากรรมฐานในที่สัปปายะ 3-4 วัน ก็กลับสู่สภาพปกติได้อีก 2 สัปดาห์ แล้วจากนั้นก็หลุดอีก 1-2 สัปดาห์ วน ๆ อย่างนี้มา 3 รอบได้แล้วมั้ง(น่าจะสอบผ่านแค่ 60% อีก 40% ยังวางจิตไว้ผิด เผลอตามกระแสไปบ้าง ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา) ณ ตอนนี้เริ่มตั้งศูนย์ให้ใจเป็นอุเบกขาได้เสร็จอีกรอบ(ติดกันมา 3 วันได้แล้ว ) แต่เกรงว่าจะหลุดอีกเหมือนกันเมื่อผ่านไปอีกสัก 2 สัปดาห์ เพราะสภาพแวดล้อมของการทำงาน/ใช้ชีวิตใน กทม. ไม่เอื้ออำนวยให้วางใจเป็นกลางได้นานเลยจริง ๆ ![]() คุณอโศก ฯลฯ ล่ะ ใช้วิธีไหนอย่างไร ![]() ![]() หยุดเสพย์ข่าวการเมืองไปเป็นระยะๆ ครับ ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 29 มี.ค. 2014, 19:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ในช่วงบ้านเมืองแบ่งฝ่ายทะเลาะกันรุนแรง มีวิธีเลี่ยงอย่าง |
เห็นท่าว่า..ดับไปต่อหน้าต่อตา....จะไม่ช่วยอะไร..อโสกะ..ซะแล้ว ผมบอกแล้ว..ว่านั้นนะ...สมถะ...ก็ไม่เชื่อ.....ไม่งั้น...ไม่อาศัยการชิ่งหนี...หรอก..อิอิ |
เจ้าของ: | student [ 30 มี.ค. 2014, 02:03 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ในช่วงบ้านเมืองแบ่งฝ่ายทะเลาะกันรุนแรง มีวิธีเลี่ยงอย่าง |
ความเห็นผมนั้น ต้องดูที่อารมณ์เราเอง ว่าอารมณ์นั้นมีเหตุเกิดเพราะอะไร บางทีปรีกวิเวก ปิดทีวี ปิดโซเซียล หลีกเลี่ยงเส้นทางเดิน แต่ใจยังนึกถึงการเมืองอยู่ มันก็กลายเป็นอารมณ์นั่นเอง ขนาดอยู่ห่างต่างประเทศก็ยังคงโซเซียลติดตามกระแส เพราะอารมณ์มันยังยึดเรื่องการเมือง อารมณ์นี้มันไม่ใช่อารมณ์ของนักภาวนา มันเป็นอารมณ์ของผู้ยังยึดกับปัญหา นักภาวนานั้นอารมณ์ต้องเกิดขึ้นเพราะมีเหตุคือจิตตั้งมั่นอยู่กับธรรมตรงหน้า อารมณ์จึงจะเป็น90เปอร์เซ็น หรือมากกว่าที่ไม่ยึดเอาปัญหาการเมืองนั่นเอง |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 30 มี.ค. 2014, 05:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ในช่วงบ้านเมืองแบ่งฝ่ายทะเลาะกันรุนแรง มีวิธีเลี่ยงอย่าง |
student เขียน: ความเห็นผมนั้น ต้องดูที่อารมณ์เราเอง ว่าอารมณ์นั้นมีเหตุเกิดเพราะอะไร บางทีปรีกวิเวก ปิดทีวี ปิดโซเซียล หลีกเลี่ยงเส้นทางเดิน แต่ใจยังนึกถึงการเมืองอยู่ มันก็กลายเป็นอารมณ์นั่นเอง ขนาดอยู่ห่างต่างประเทศก็ยังคงโซเซียลติดตามกระแส เพราะอารมณ์มันยังยึดเรื่องการเมือง อารมณ์นี้มันไม่ใช่อารมณ์ของนักภาวนา มันเป็นอารมณ์ของผู้ยังยึดกับปัญหา นักภาวนานั้นอารมณ์ต้องเกิดขึ้นเพราะมีเหตุคือจิตตั้งมั่นอยู่กับธรรมตรงหน้า อารมณ์จึงจะเป็น90เปอร์เซ็น หรือมากกว่าที่ไม่ยึดเอาปัญหาการเมืองนั่นเอง ถามแทนใจคนอื่นหน่อย อารมณ์ คำว่า "อารมณ์" หมายถึงอะไรกันแน่ครับ ![]() ดูที่คุณ student ว่านั่นแล้ว เหมือนมี 2 อารมณ์ คืออารมณ์นักภาวนา กับ อารมณ์ นักการเมือง |
เจ้าของ: | student [ 30 มี.ค. 2014, 14:35 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ในช่วงบ้านเมืองแบ่งฝ่ายทะเลาะกันรุนแรง มีวิธีเลี่ยงอย่าง |
กรัชกาย เขียน: student เขียน: ความเห็นผมนั้น ต้องดูที่อารมณ์เราเอง ว่าอารมณ์นั้นมีเหตุเกิดเพราะอะไร บางทีปรีกวิเวก ปิดทีวี ปิดโซเซียล หลีกเลี่ยงเส้นทางเดิน แต่ใจยังนึกถึงการเมืองอยู่ มันก็กลายเป็นอารมณ์นั่นเอง ขนาดอยู่ห่างต่างประเทศก็ยังคงโซเซียลติดตามกระแส เพราะอารมณ์มันยังยึดเรื่องการเมือง อารมณ์นี้มันไม่ใช่อารมณ์ของนักภาวนา มันเป็นอารมณ์ของผู้ยังยึดกับปัญหา นักภาวนานั้นอารมณ์ต้องเกิดขึ้นเพราะมีเหตุคือจิตตั้งมั่นอยู่กับธรรมตรงหน้า อารมณ์จึงจะเป็น90เปอร์เซ็น หรือมากกว่าที่ไม่ยึดเอาปัญหาการเมืองนั่นเอง ถามแทนใจคนอื่นหน่อย อารมณ์ คำว่า "อารมณ์" หมายถึงอะไรกันแน่ครับ ![]() ดูที่คุณ student ว่านั่นแล้ว เหมือนมี 2 อารมณ์ คืออารมณ์นักภาวนา กับ อารมณ์ นักการเมือง ความรู้สึกครับ ถ้าจิตอยู่ที่ปัญหานอกตัว ก็คือความรู้สึกที่เกิดเพราะมีเหตุ ถ้าจิตตั้งมั่นอยู่ตรงหน้า ความรู้สึกนี้ก็ปรากฎเฉพาะตรงหน้า |
เจ้าของ: | bbby [ 30 มี.ค. 2014, 17:51 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ในช่วงบ้านเมืองแบ่งฝ่ายทะเลาะกันรุนแรง มีวิธีเลี่ยงอย่าง |
อ้างคำพูด: อ้างคำพูด: ในช่วงที่บ้านเมืองแบ่งฝ่ายทะเลาะกันรุนแรง เพื่อน ๆ นักภาวนาที่ยังต้องยุ่งเกี่ยวกับทางโลกมีวิธีหลีกเลี่ยงอย่างไร? แต่ก่อนเราก็จิตหลุดเหมือนกัน หยุดอ่านหยุดการรับรู้ แต่ทำได้ไม่กี่วัน พอมาตอนหลัง อ่านๆไปรับรู้ไป กลายเป็นว่าดีแฮะ! เพราะได้ฝึกกับของจริง คือการยอมรับในสภาพความเป็นจริงของมนุษย์ ทำให้ได้เห็นว่า สิ่งที่ทำให้มนุษย์จะไม่เห็นธรรมนั้น สิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือความบ้าอำนาจ เพราะคนที่ต้องการอำนาจนั้น ไม่ใช่แค่ทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อนแค่นั้น ไฟนั้นมันก็เผาตัวเองไปด้วย ทำให้ตัวเองไม่มีสติ ไม่สามารถที่จะห้ามมโนกรรมได้ ทุกๆวันไม่มีศีล5เกิดขึ้นในใจ เพราะฉนั้นมุมมองของเรา ไม่เห็นจะต้องไปหลีกเลี่ยงเลย กลายเป็นว่า พอศึกษาพวกเค้าบ่อยๆ ทำให้กลายเป็นว่า จิตของเราปล่อยวาง สมาธิเกิดได้ง่าย แล้วมุมมองของพวกคุณละ คุณมองเค้าแบบไหน ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 30 มี.ค. 2014, 19:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ในช่วงบ้านเมืองแบ่งฝ่ายทะเลาะกันรุนแรง มีวิธีเลี่ยงอย่าง |
พุทธธรรมเนี่ย ก็เรื่องของคนที่ดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี่แหละ ![]() อารมณ์ (ได้แก่, หมายถึง) แปลว่า สิ่งสำหรับยึดหน่วงของจิต แปลง่ายๆว่า สิ่งที่ถูกรับรู้ หรือ สิ่งที่ถูกรู้ นั่นเอง เรียกว่า “อารมณ์” อารมณ์ มี ๖ ได้แก่ 1. รูปารมณ์ (รูปะ+อารมณ์ = สิ่งที่ถูกรู้ คือ รูป) 2. สัททารมณ์ (สัททะ+อารมณ์) 3. คันธารมณ์ (คันธะ+อารมณ์) 4.รสารมณ์ (รสะ+อารมณ์) 5.โผฏฐัพพารมณ์ (โผฏฐัพพะ+อารมณ์) 6.ธรรมารมณ์ (ธรรมะ+อารมณ์ = สิ่งถูกรู้คือเรื่องในใจ) (อายตนะภายนอก) ทวาร (ประตู,ช่องทาง) มี 6 ทวาร 6 ได้แก่ 1.จักขุทวาร (จักขุ+ทวาร) 2.โสตทวาร (โสตะ+ทวาร) 3.ฆานทวาร (ฆานะ+ทวาร) 4.ชิวหาทวาร (ชิวหา+ทวาร) 5.กายทวาร (กายะ+ทวาร) 6.มโนทวาร (มโนทวาร) (อายตนะภายใน) เมื่ออารมณ์มี 6 ทวารมี 6 ก็มีตัวความรู้ คือรู้อารมณ์ ประจำช่องทางแต่ละช่องๆ เรียกว่า วิญญาณ 6 วิญญาณ 6 ได้แก่ 1.จักขุวิญญาณ (จักขุ+วิญญาณ = เห็น) 2.โสตวิญญาณ (โสตะ+วิญญาณ) 3.ฆานวิญญาณ (ฆานะ+วิญญาณ) 4.ชิวหาวิญญาณ (ชิวหา+วิญญาณ) 5.กายวิญญาณ (กายะ+วิญญาณ) 6.มโนวิญญาณ (มโน+วิญญาณ=รู้เรื่องในใจ) |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 30 มี.ค. 2014, 19:36 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ในช่วงบ้านเมืองแบ่งฝ่ายทะเลาะกันรุนแรง มีวิธีเลี่ยงอย่าง |
student เขียน: กรัชกาย เขียน: student เขียน: ความเห็นผมนั้น ต้องดูที่อารมณ์เราเอง ว่าอารมณ์นั้นมีเหตุเกิดเพราะอะไร บางทีปรีกวิเวก ปิดทีวี ปิดโซเซียล หลีกเลี่ยงเส้นทางเดิน แต่ใจยังนึกถึงการเมืองอยู่ มันก็กลายเป็นอารมณ์นั่นเอง ขนาดอยู่ห่างต่างประเทศก็ยังคงโซเซียลติดตามกระแส เพราะอารมณ์มันยังยึดเรื่องการเมือง อารมณ์นี้มันไม่ใช่อารมณ์ของนักภาวนา มันเป็นอารมณ์ของผู้ยังยึดกับปัญหา นักภาวนานั้นอารมณ์ต้องเกิดขึ้นเพราะมีเหตุคือจิตตั้งมั่นอยู่กับธรรมตรงหน้า อารมณ์จึงจะเป็น90เปอร์เซ็น หรือมากกว่าที่ไม่ยึดเอาปัญหาการเมืองนั่นเอง ถามแทนใจคนอื่นหน่อย อารมณ์ คำว่า "อารมณ์" หมายถึงอะไรกันแน่ครับ ![]() ดูที่คุณ student ว่านั่นแล้ว เหมือนมี 2 อารมณ์ คืออารมณ์นักภาวนา กับ อารมณ์ นักการเมือง ความรู้สึกครับ ถ้าจิตอยู่ที่ปัญหานอกตัว ก็คือความรู้สึกที่เกิดเพราะมีเหตุ ถ้าจิตตั้งมั่นอยู่ตรงหน้า ความรู้สึกนี้ก็ปรากฎเฉพาะตรงหน้า อารมณ์ ได้แก่ สิ่งสำหรับยึดหน่วงของจิต แปลง่ายๆว่า สิ่งที่ถูกรับรู้ หรือสิ่งที่ถูกรู้ เรียกว่า “อารมณ์” อารมณ์ มี 6 คือ รูป เสียง กลิ่น รส สิ่งต้องกาย และสิ่งที่ใจนึก (รูปแบบเต็มๆข้างบน) เป็นอายตนะภายนอก ซึ่งคู่กับอายตนะภายใน อายตนะภายใน ที่รู้กันในภาษาไทย คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จับคู่กันก็ ตา+รูป (สิ่งที่ตาแลเห็นทุกอย่าง ภาษาทางธรรมเรียกว่ารูป่ทั้งสิ้น) หู+เสียง จมูก+กลิ่น ลิ้น+รส กาย+สิ่งต้องกาย (โผฏฐัพพะ) ใจ+ธรรมารมณ์ (เรื่องที่ใจคิดนึก) +วิญญาณ 6 ตัวอย่างข้างบน |
เจ้าของ: | student [ 31 มี.ค. 2014, 00:34 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ในช่วงบ้านเมืองแบ่งฝ่ายทะเลาะกันรุนแรง มีวิธีเลี่ยงอย่าง |
กรัชกาย เขียน: student เขียน: กรัชกาย เขียน: student เขียน: ความเห็นผมนั้น ต้องดูที่อารมณ์เราเอง ว่าอารมณ์นั้นมีเหตุเกิดเพราะอะไร บางทีปรีกวิเวก ปิดทีวี ปิดโซเซียล หลีกเลี่ยงเส้นทางเดิน แต่ใจยังนึกถึงการเมืองอยู่ มันก็กลายเป็นอารมณ์นั่นเอง ขนาดอยู่ห่างต่างประเทศก็ยังคงโซเซียลติดตามกระแส เพราะอารมณ์มันยังยึดเรื่องการเมือง อารมณ์นี้มันไม่ใช่อารมณ์ของนักภาวนา มันเป็นอารมณ์ของผู้ยังยึดกับปัญหา นักภาวนานั้นอารมณ์ต้องเกิดขึ้นเพราะมีเหตุคือจิตตั้งมั่นอยู่กับธรรมตรงหน้า อารมณ์จึงจะเป็น90เปอร์เซ็น หรือมากกว่าที่ไม่ยึดเอาปัญหาการเมืองนั่นเอง ถามแทนใจคนอื่นหน่อย อารมณ์ คำว่า "อารมณ์" หมายถึงอะไรกันแน่ครับ ![]() ดูที่คุณ student ว่านั่นแล้ว เหมือนมี 2 อารมณ์ คืออารมณ์นักภาวนา กับ อารมณ์ นักการเมือง ความรู้สึกครับ ถ้าจิตอยู่ที่ปัญหานอกตัว ก็คือความรู้สึกที่เกิดเพราะมีเหตุ ถ้าจิตตั้งมั่นอยู่ตรงหน้า ความรู้สึกนี้ก็ปรากฎเฉพาะตรงหน้า อารมณ์ ได้แก่ สิ่งสำหรับยึดหน่วงของจิต แปลง่ายๆว่า สิ่งที่ถูกรับรู้ หรือสิ่งที่ถูกรู้ เรียกว่า “อารมณ์” อารมณ์ มี 6 คือ รูป เสียง กลิ่น รส สิ่งต้องกาย และสิ่งที่ใจนึก (รูปแบบเต็มๆข้างบน) เป็นอายตนะภายนอก ซึ่งคู่กับอายตนะภายใน อายตนะภายใน ที่รู้กันในภาษาไทย คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จับคู่กันก็ ตา+รูป (สิ่งที่ตาแลเห็นทุกอย่าง ภาษาทางธรรมเรียกว่ารูป่ทั้งสิ้น) หู+เสียง จมูก+กลิ่น ลิ้น+รส กาย+สิ่งต้องกาย (โผฏฐัพพะ) ใจ+ธรรมารมณ์ (เรื่องที่ใจคิดนึก) +วิญญาณ 6 ตัวอย่างข้างบน อนุโมทนาครับ เข้าใจเหมือนกัน แต่ความเป็นอุปทานขันธ์ขันธ์ มันยังมีอำนาจ ยังคงรู้ แต่รู้ชัดเฉพาะผัสสะ แต่ยังไม่รู้แจ้ง ยังเห็นเป็นเราเป็นเขาอยู่ ก็ต้องฝึกต่อๆไป |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 31 มี.ค. 2014, 05:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ในช่วงบ้านเมืองแบ่งฝ่ายทะเลาะกันรุนแรง มีวิธีเลี่ยงอย่าง |
student เขียน: อนุโมทนาครับ เข้าใจเหมือนกัน แต่ความเป็นอุปทานขันธ์ขันธ์ มันยังมีอำนาจ ยังคงรู้ แต่รู้ชัดเฉพาะผัสสะ แต่ยังไม่รู้แจ้ง ยังเห็นเป็นเราเป็นเขาอยู่ ก็ต้องฝึกต่อๆไป อ้างคำพูด: ผัสสะ ผัสสะ หรือสัมผัส หมายถึงหรือได้แก่ หรือแปลตามรูปศัพท์ว่า การกระทบ แต่มีความหมายทางธรรมว่า การประจวบ หรือบรรจบพร้อมกันแห่งอายตนะ + อารมณ์ + และวิญญาณ พูดอย่างเข้าใจง่ายๆว่า ผัสสะ ก็คือ การรับรู้ นั่นแหละ ผัสสะหรือสัมผัส หรือการรับรู้นี้ มีชื่อเรียกแยกเป็นอย่างๆ ไปตามทางรับรู้ คือ อายตนะนั้นๆ ครบจำนวน 6 คือ จักขุสัมผัส โสตสัมผัส ฆานสัมผัส ชิวหาสัมผัส กายสัมผัส มโนสัมผัส ผัสสะ เป็นขั้นตอนสำคัญในกระบวนการรับรู้ เมื่อผัสสะเกิดขึ้นแล้ว กระบวนธรรมก็ดำเนินไป เริ่มแต่ความรู้สึกต่ออารมณ์ที่รับรู้เข้ามานั้น ปฏิกิริยาอย่างอื่นของจิตใจ การจำหมาย การนำอารมณ์นั้นไปคิดปรุงแต่ง ตลอดจนการแสดงออกต่างๆทีสืบเนื่องไปตามลำดับ ดูบาลีประกอบความเข้าใจหน่อย "เพราะผัสสะ (ตา หู ฯลฯ + รูป เสียง ฯลฯ + วิญญาณ) เป็นปัจจัย การเสวยอารมณ์ (เวทนา) จึงมี บุคคลเสวยอารมณ์ใด ย่อมหมายรู้อารมณ์นั้น (สัญญา) หมายรู้อารมณ์ใด ย่อมตริตริอารมณ์นั้น (สังขาร)" |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |