วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 10:35  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 257 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12 ... 18  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2015, 22:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
ท่านลองพิจารณา คำว่าประกอบเนื่องๆนั้นหมายความว่าเป็นประจำ แต่ถ้าครั้งคราวท่านจะให้ความหมายอย่างไร ประกอบเนืองๆน่าจะเป็นประจำ แต่ถ้าเป็นครั้งคราวล่ะคงได้ใช่ป่าว นี่ต่างหากที่เราน่าจะยอมรับกันได้ว่าการพนันนั้นจริงๆแล้วไม่ผิดธรรม [๑๗๘] อริยสาวกย่อมไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖ เป็นไฉน ดูกร คฤหบดีบุตร การประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่ง ความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบเนืองๆ ซึ่งการ เที่ยวไปในตรอกต่างๆ ในกลางคืน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การเที่ยว ดูมหรสพเป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบเนืองๆ ซึ่งการพนันอัน เป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบ เนืองๆ ซึ่งการคบคนชั่วเป็นมิตร เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบ เนืองๆ ซึ่งความเกียจคร้าน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ ฯ

ในเมื่อพระพุทธองค์กล่าวถึงความเสื่อมแห่งโภคะ
6 ประการ..แล้วทำไมถึงตัดเอาแค่สุราของมึนเมาไปจัดลงในศีล5 ในเมื่อพระพุทธองค์กล่าวรวมกันทั้งหมดว่านั้นเป็นที่ตั้งแห่งความเสื่อมความประมาท..ถึงได้บอกบิ๊กทู่โง่..ขนาดพระพุทธองค์ตรัสไว้แล้วยังจะบิดเบือนพระพุทธองค์

ปล. เชิญอริยะสยองบิ๊กตู้ เชิญมโนตามอัธยาศัยว่า การพนันไม่จัดอยู่ในศีล5และไม่ผิดศีล5 :b32: เชิญเล่นการพนันตามสบาย.จะแทงบอล แทงหวย ตีป๊อกเด้ง ..แต่แอบๆหน่อยเด้อบิ๊กตู้..เด่วตำรวจจับติดคุก... :b32: ถ้ามันสุจริตตำรวจมาจับเข้าคุกทำไมฟระ กินเหล้ายังไม่มีคนมาจับติดคุกนะ..ถ้ากินอยู่บ้านไม่ได้ไปอาละวาดหรือเมาแล้วขับ..แต่การพนันนี่ดิเจือกผิดกฏหมาย555


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2015, 23:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
อบายมุก...เป็นทางไปของผู้ที่จะไปอบายภูมิ

ศีล 5 เป็นทางของมนุษย์ภูมิ

อบายมุก...จึงไม่อยู่ในศีล5..เพราะเลวกว่า

ยืนยัน...
:b32: :b32:
ท่านเคยอ่านหรือเปล่าว่าการพนันนั้นจะนำไปสู่อบายได้ต้องเล่นอย่างไร


อ่าน..รึ?

ถ้าแค่อ่าน....ก็รู้ทางไปอบาย
:b16:
อ่านทางไปนิพพาน...ก็ไปนิพพานได้...ซิเน๊าะ.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2015, 23:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
ท่านลองพิจารณา คำว่าประกอบเนื่องๆนั้นหมายความว่าเป็นประจำ แต่ถ้าครั้งคราวท่านจะให้ความหมายอย่างไร ประกอบเนืองๆน่าจะเป็นประจำ แต่ถ้าเป็นครั้งคราวล่ะคงได้ใช่ป่าว นี่ต่างหากที่เราน่าจะยอมรับกันได้ว่าการพนันนั้นจริงๆแล้วไม่ผิดธรรม [๑๗๘] อริยสาวกย่อมไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖ เป็นไฉน ดูกร คฤหบดีบุตร การประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่ง ความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบเนืองๆ ซึ่งการ เที่ยวไปในตรอกต่างๆ ในกลางคืน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การเที่ยว ดูมหรสพเป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบเนืองๆ ซึ่งการพนันอัน เป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบ เนืองๆ ซึ่งการคบคนชั่วเป็นมิตร เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบ เนืองๆ ซึ่งความเกียจคร้าน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ ฯ


ช่วงฝึก....มันก็ต้องต่อเนื่อง...คือประกอบเนืองๆ...ซึ่งก็อาจมีขาดตกบกพร่องไปบ้างก็เป็นธรรมดา...ศีลก็ขาดๆ..ต่อๆ..เป็นปกติของคนที่กำลังฝึกฝนตนเอง

แต่ผมพูดถึงอริยะ....มีมัย..อริยะรักษาศีลเป็นเนืองๆ..รักษาศีลบ่อยๆ...พอเผลอศีลขาดแล้วมาต่อใหม่?
:b9:
มันไม่มี...

เผลอเล่นพนัน...เผลอศีลขาด....ไม่เกิดกับอริยะแม้อริยะเบื้องต้นอย่าโสดาบัน

จะเปรียบ...อริยะก็อาจเหมือนคนต้องหายใจเป็นปกติ...ไม่ต้องมีใครมาบอกว่า.."ต้องหายใจเนืองๆนะ...ต้องหายใจประจำๆนะ"...เขาก็หายใจเป็นปกติ....อริยะมีศีลเป็นปกติก็ด้วยนัยยะเปรียบเทียบอย่างนี้

ปุถุชนกำลังฝึกฝน...มีเผลอได้...ก็กำลังฝึก...จะไปเอาอะไรมาก..จริงมั้ย

555...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2015, 07:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


เดี๋ยวจะไปกันใหญ่กับการวินิจฉัยธรรม. ทางไปอบายท่านกล่าวไว้6อย่าง ต้องประกอบเนื่องๆหมายความว่า6อย่างนั้นต้องทำเป็นประจำหมกหมุ่นถึงได้ไปอบาย. ชีวิตมีพื้นฐานมาจากกามเพราะเราอยู่ในกามาวจรภูมิมนุษย์หมดจรดจากคำว่ากามนั้น ต้องอนาคามีมรรคหมดทางใจ. ทางกายอาจถูกต้องสัมผัส. ส่วนตำ่ลงมาทางใจทางกายก็ยังต้องคลุกเคล้าเกี่ยวคล่องกับโลก. ท่านต้องศึกษาในบริบทอื่นๆอีก. คำว่าทางไปอบายนั้นก็ไม่ได้หมายว่าจะต้องตกอบาย. ตัวการพนันหรืออะไรอีก5อย่างนั้นกระทำได้ครับแต่ต้องไม่เป็นประจำหรือประกอบเนื่องๆตามพุทธวจน. อย่ากล่าวธรรมโดยติดดีอย่างเดียวเอาคำพระองค์เป็นหลักแล้วถึงจะวินิจฉัยธรรมได้ตรงตามความจริง. ผมจะยกตัวอย่างนะครับทำไมพระพุทธเจ้าถึงตำหนิพระสารีบุตรที่ได้บอกกล่าวการเข้าถึงอนาคามีผลแก่พราหมณ์ผู้หนึ่ง. ถึงขนาดว่าถึงความวิบัติของพราหมณ์ท่านนั้นแล้ว. ขนาดความดีขนาดอนาคามีมรรคท่าไมท่านถึงตำหนิล่ะครับ. เพราะพระองค์เห็นการเกิดแม้แต่น้อยนิดนั้นเป็นดังของไม่ดีเป็นดั่งของเน่าเห็น. เช่นเดียวกันอบายมุขนั้นเป็นทางแห่งความเสื่อมคือ ต้องทำประจำหมกมุ่น. โปรดอย่าพยามใช้ความคิดยึดดีเลยจะผิดธรรมไปไกล

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แก้ไขล่าสุดโดย bigtoo เมื่อ 11 มิ.ย. 2015, 07:42, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2015, 07:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:

ช่วงฝึก....มันก็ต้องต่อเนื่อง...คือประกอบเนืองๆ...ซึ่งก็อาจมีขาดตกบกพร่องไปบ้างก็เป็นธรรมดา...ศีลก็ขาดๆ..ต่อๆ..เป็นปกติของคนที่กำลังฝึกฝนตนเอง

แต่ผมพูดถึงอริยะ....มีมัย..อริยะรักษาศีลเป็นเนืองๆ..รักษาศีลบ่อยๆ...พอเผลอศีลขาดแล้วมาต่อใหม่?
:b9:
มันไม่มี...

เผลอเล่นพนัน...เผลอศีลขาด....ไม่เกิดกับอริยะแม้อริยะเบื้องต้นอย่าโสดาบัน

จะเปรียบ...อริยะก็อาจเหมือนคนต้องหายใจเป็นปกติ...ไม่ต้องมีใครมาบอกว่า.."ต้องหายใจเนืองๆนะ...ต้องหายใจประจำๆนะ"...เขาก็หายใจเป็นปกติ....อริยะมีศีลเป็นปกติก็ด้วยนัยยะเปรียบเทียบอย่างนี้

ปุถุชนกำลังฝึกฝน...มีเผลอได้...ก็กำลังฝึก...จะไปเอาอะไรมาก..จริงมั้ย

555...


ยืนยัน....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2015, 07:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:

ช่วงฝึก....มันก็ต้องต่อเนื่อง...คือประกอบเนืองๆ...ซึ่งก็อาจมีขาดตกบกพร่องไปบ้างก็เป็นธรรมดา...ศีลก็ขาดๆ..ต่อๆ..เป็นปกติของคนที่กำลังฝึกฝนตนเอง

แต่ผมพูดถึงอริยะ....มีมัย..อริยะรักษาศีลเป็นเนืองๆ..รักษาศีลบ่อยๆ...พอเผลอศีลขาดแล้วมาต่อใหม่?
:b9:
มันไม่มี...

เผลอเล่นพนัน...เผลอศีลขาด....ไม่เกิดกับอริยะแม้อริยะเบื้องต้นอย่าโสดาบัน

จะเปรียบ...อริยะก็อาจเหมือนคนต้องหายใจเป็นปกติ...ไม่ต้องมีใครมาบอกว่า.."ต้องหายใจเนืองๆนะ...ต้องหายใจประจำๆนะ"...เขาก็หายใจเป็นปกติ....อริยะมีศีลเป็นปกติก็ด้วยนัยยะเปรียบเทียบอย่างนี้

ปุถุชนกำลังฝึกฝน...มีเผลอได้...ก็กำลังฝึก...จะไปเอาอะไรมาก..จริงมั้ย

555...


ยืนยัน....
เอาความเป็นอริยะออกไปก่อน. เอาว่าการพนันไม่ผิดศิลห้า.และการที่จะไปอบายได้ทั้ง6อย่างต้องทำเป็นประจำ. ส่วนจะยืนยันนอนยันนั้นเรื่องการใครจะเป็นอริยะนั้นขอให้ผ่าน

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2015, 08:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


การเล่นการพนันไม่ได้บัญญัติไว้ในศีล ๕ ก็จริง แต่บัญญัติไว้ใน อกุศลกรรมบท ๑๐ ว่าด้วย
การอยากได้ของผู้อื่นมาเป็นของๆตน และ ตรัสไว้ในอริยะสัจจ์ ๔ ซึ่งเป็นตัว สมุทัย และยังกล่าวว่า
หนทางแห่งความเสื่อมของชีวิต....อบายมุข ๖ เราจะต้องเข้าใจคำสอนด้วย จะเอาศีลมาเป็นตัวตั้ง
นั้นคงไม่ถูกต้องทั้งหมด

ถ้าเป็นหลักคำสอน ที่จัดอยู่ในสมุทัย (คือ "ตัณหา" ธรรมที่ควรละ) หมายถึง หนทางหรือช่องทาง
แห่งความเสื่อมและความพินาศของทรัพย์สมบัติและตนเอง พระพุทธศาสนาได้แสดงหนทาง
แห่งความเสื่อมและความพินาศไว้ ๖ ประการ

๑. การชอบเที่ยวกลางคืน หมายถึง การเที่ยวผับ บาร์ หรือสถายเริงอารมณ์อื่นๆในเวลาวิกาล
หรือเวลากลางคืน

๒. การชอบเที่ยวดูการละเล่น หมายถึง มีการละเล่นอะไร ที่ไหน เป็นต้องไปดูทุกครั้ง
ดูอย่างพร่ำเพรื่อ เกินความจำเป็น

๓. การเป็นนักเลงสุรา หมายถึง การติดสุราและของมึนเมาต่างๆ ผู้ที่ติสิ่งเหล่านี้จะต้องดื่มและเสพ
เป็นประจำ ถือว่าเป็นภัยร้ายแรง เท่ากับตกนรกทั้งเป็น

๔. การเป็นนักเลงการพนัน หมายถึง การชอบเล่นการพนันขันต่อมีได้เสีย เช่น เล่นไพ่
เล่นหวย จนถึงขั้นที่เรียกว่า ผีพนันเข้าสิง การเป็นนักเลงการพนัน


๕. การเกียจคร้านทำการงาน หมายถึง การไม่ขยันทำงานตามเวลาและหน้าที่รับผิดชอบ
ปล่อยการงานให้คั่งค้าง เหมือน ดินพอกหางหมู คนเกียจคร้านการงาน ได้ชื่อว่าเป็น คนไม่เอาไหน
หาความเจริญรุ่งเรืองไม่ได้

๖. การคบคนชั่วเป็นมิตร หมายถึง การร่วมกิน ร่วมนอน ร่วมเที่ยว ร่วมพวกหรือไปหาสู่กับคนชั่ว
ผู้ที่คบคนชั่วมิตรจึงเป็นผู้ที่ไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมด้วย อีกทั้งอาจจะนำความเดือดร้อนอื่นๆ
มาสู่ตนเองและครอบครัวได้

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2015, 08:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


กุศลกรรมบถ ๑๐

[๔๘๕] ดูกรพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย ความประพฤติเรียบร้อย
คือความประพฤติธรรมทางกายมี ๓ อย่าง ทางวาจามี ๔ อย่าง ทางใจมี ๓ อย่าง.


ดูกรพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย ก็ความประพฤติเรียบร้อย
คือ ความประพฤติธรรมทางกาย ๓ อย่าง เป็นไฉน?

บุคคลบางคนในโลกนี้ ละการฆ่าสัตว์เว้นขาดการฆ่าสัตว์ วางทัณฑะ
วางศาตราเสียแล้ว มีความละอาย มีความเอ็นดู มีกรุณาหวังประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์
ทั้งปวงอยู่.

ละการถือเอาทรัพย์ที่เขามิได้ให้ เว้นขาดจากการลักทรัพย์ ไม่ลักทรัพย์เป็นอุปกรณ์เครื่อง
ปลื้มใจของผู้อื่น ที่อยู่ในบ้าน หรือที่อยู่ในป่า ที่เจ้าของมิได้ให้ ซึ่งนับว่าเป็นขโมย.

ละการประพฤติผิดในกามทั้งหลาย เว้นขาดจากการประพฤติผิดในกามทั้งหลาย คือ ไม่
ถึงความสมสู่ในพวกหญิง ที่มารดารักษา ที่บิดารักษา ที่มารดาและบิดารักษา ที่พี่ชายรักษา
ที่พี่สาวรักษา ที่ญาติรักษา ที่มีสามี ที่อิสรชนหวงห้าม ที่สุดหญิงที่เขาคล้องแล้วด้วยพวงมาลัย

ดูกรพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย ความประพฤติเรียบร้อย
คือ ความประพฤติธรรมทางกาย ๓ อย่าง เป็นอย่างนี้แล.




ดูกรพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย ก็ความประพฤติเรียบร้อย
คือ ความประพฤติธรรมทางวาจา ๔ อย่าง เป็นไฉน?

บุคคลบางคนในโลกนี้ ละการพูดเท็จ เว้นขาดจากการพูดเท็จ
ไปในทีประชุม หรือไปในหมู่ชน หรือไปในท่ามกลางญาติ หรือไปในท่ามกลางขุนนาง หรือไป
ในท่ามกลางราชสกุล หรือถูกนำไปเป็นพยาน ถูกถามว่า บุรุษผู้เจริญ เชิญเถิด ท่านรู้เรื่องใด
ก็จงบอกเรื่องนั้น เขาเมื่อไม่รู้ก็บอกว่า ไม่รู้ หรือเมื่อรู้ก็บอกว่า รู้ เมื่อไม่เห็นก็บอกว่า ไม่เห็น
หรือเมื่อเห็นก็บอกว่า เห็น ไม่กล่าวเท็จทั้งรู้อยู่ เพราะเหตุตนบ้าง เพราะเหตุผู้อื่นบ้าง เพราะ
เหตุเห็นแก่สิ่งของเล็กน้อยบ้าง.

ละวาจาอันส่อเสียด เว้นขาดจากวาจาส่อเสียด คือได้ฟังข้างนี้แล้วไม่นำไปบอกข้างโน้น
เพื่อทำลายพวกข้างนี้ หรือได้ฟังข้างโน้นแล้ว ไม่นำมาบอกข้างนี้ เพื่อทำลายพวกข้างโน้น
สมานพวกที่แตกกันให้ดีกันบ้าง ส่งเสริมพวกที่ดีกันให้สนิทสนมบ้าง ชอบใจพวกที่พร้อมเพรียง
กัน ยินดีแล้วในพวกที่พร้อมเพรียงกัน ชื่นชมในพวกที่พร้อมเพรียงกัน และกล่าววาจาอันทำให้
พร้อมเพรียงกัน.

ละวาจาหยาบ เว้นขาดจากวาจาหยาบ กล่าววาจาที่ไม่มีโทษ เพราะหูชวนให้รัก จับใจ
เป็นของชาวเมือง คนส่วนมากรักใคร่ ชอบใจ.

ละการพูดเพ้อเจ้อ เว้นขาดจากการพูดเพ้อเจ้อ พูดในเวลาที่ควรพูดตามความจริง พูด
เรื่องที่เป็นประโยชน์ พูดเรื่องที่เป็นธรรม พูดเรื่องที่เป็นวินัยและกล่าววาจามีหลักฐาน มีที่อ้าง
ได้มีที่สุด ประกอบด้วยประโยชน์ โดยกาลอันควร

ดูกรพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย ความประพฤติเรียบร้อย
คือความประพฤติธรรมทางวาจา ๔ อย่าง เป็นอย่างนี้แล.


ดูกรพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย ก็ความประพฤติเรียบร้อย
คือ ความประพฤติธรรมทางใจ ๓ อย่าง เป็นไฉน?

บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ไม่มีความโลภมาก ไม่เพ่งเล็งทรัพย์
อันเป็นอุปกรณ์เครื่องปลื้มใจของผู้อื่นว่า ขอของผู้อื่นพึงเป็นของเราเถิด ดังนี้.

เป็นผู้มีจิตไม่พยาบาท มีความดำริในใจไม่ชั่วช้าว่า ขอสัตว์เหล่านี้ จงเป็นผู้ไม่มีเวร
ไม่มีความเบียดเบียนกัน ไม่มีทุกข์ มีแต่สุข รักษาตนเถิด ดังนี้.

เป็นผู้มีความเห็นชอบ คือมีความเห็นไม่วิปริตว่า ผลแห่งทานที่ให้แล้วมีอยู่ ผลแห่งการ
การบูชามีอยู่ ผลแห่งการเซ่นสรวงมีอยู่ ผลวิบากแห่งกรรมที่ทำดีและทำชั่วมีอยู่ โลกนี้มีอยู่
โลกหน้ามีอยู่ มารดามีอยู่ บิดามีอยู่ สัตว์ทั้งหลายที่เป็นอุปปาติกะมีอยู่ สมณะและพราหมณ์
ทั้งหลาย ผู้ดำเนินชอบ ปฏิบัติชอบผู้ทำโลกนี้ และโลกหน้าให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้วสอน
ให้ผู้อื่นรู้ได้มีอยู่ในโลกนี้ ดังนี้

ดูกรพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย ความประพฤติเรียบร้อย
คือความประพฤติธรรมทางใจ ๓ อย่าง เป็นอย่างนี้แล.



ดูกรพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายบางพวกในโลกนี้ เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก เพราะเหตุประพฤติเรียบร้อย คือ ประพฤติธรรมอย่างนี้แล.


http://www.84000.org/tipitaka/read/?12/485/523





แนบไฟล์:
อภิิ.JPG
อภิิ.JPG [ 16.54 KiB | เปิดดู 2352 ครั้ง ]





แนบไฟล์:
อภิชช.JPG
อภิชช.JPG [ 15.84 KiB | เปิดดู 2352 ครั้ง ]
แนบไฟล์:
อภิช.JPG
อภิช.JPG [ 27.65 KiB | เปิดดู 2352 ครั้ง ]






การฝึกละสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส
การอธิบายความต่างๆ จึงควรมีพระธรรมคำสอน เป็นที่พึ่ง เป็นที่เกาะ เป็นที่อาศัย


กรณีเรื่อง การพนัน เมื่อไม่แน่ใจว่า จะอยู่ในศิล ๕ หรือ ไม่อยู่ แล้วมีในหมวดธรรมข้อไหน

กูเกิ้ลมีอยู่ พิมพ์คำว่า การเพ่งเล็งอยากได้ทรัพย์ของผู้อื่น
จะเจอการอธิบายความเกี่ยวกับการพนัน อยู่ในหมวด อกุศลกรรมบถ ๑๐

หาเกี่ยวกับข้อมูล กุศลกรรมบถ ๑๐ โดยใช้พระธรรมคำสอนในพระไตรปิฎก

หาคำว่า อกุศลกรรมบถ ๑๐ พระไตรปิฎก ก็จะเจอ
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๒ - พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๔
http://www.84000.org/tipitaka/read/?12/485/523
กุศลกรรมบถ ๑๐.
[๔๘๕] ดูกรพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย ความประพฤติเรียบร้อยคือความประพฤติ ธรรมทางกายมี ๓ อย่าง ทางวาจามี ๔ อย่าง ทางใจมี ๓ อย่าง.


เหตุที่ต้องแนบคำว่า พระไตรปิฎก หรือ พุทธวจนะต่อท้าย คำที่จะหานั้น
เพื่อดูพระธรรมคำสอน ที่ทรงแสดงไว้เป็นหลัก

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2015, 10:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
เอาความเป็นอริยะออกไปก่อน. เอาว่าการพนันไม่ผิดศิลห้า.และการที่จะไปอบายได้ทั้ง6อย่างต้องทำเป็นประจำ. ส่วนจะยืนยันนอนยันนั้นเรื่องการใครจะเป็นอริยะนั้นขอให้ผ่าน


ผมกำลังบอก..บิ๊กทูจับโจรให้ได้ต่างหาก

โจร..มันรู้ว่า..อริยะเบื้องต้นนี้..ศีลต้องสมบูรณ์...การพนันอันเป็นอบายมุกไม่ได้อยู่ในศีล5...มันก็ว่า..นี้งัย..ศีล5.ฉันครบ...เพราะอบายมุกไม่ได้อยู่ในศีล5...ฉันก็เป็นอริยะได้งัย....555...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2015, 10:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


คุนน้องกล้าพูดว่า..คนที่เล่นการพนันจะเล่นบ่อยหรือเล่นไม่ย่อย..ย่อมไม่สามารถทำให้แจ้งใน อริยสัจ4ได้..และไม่สามารถได้มรรค ผล นิพพาน
ไม่ใช่ว่าเป็นการติดดี....แต่คนที่เข้ามีสัมมาทิฏฐิ..เค้าย่อมพิจารณาว่าสิ่งใดคือกุศล
สิ่งใดเป็นอกุศล..สิ่งใดควร..สิ่งใดมิควร.รู้จักทุกข์รู้ต้นเหตุของทุกข์..คนที่เล่นการพนันเกิดจากความโลภ..อยากได้ของของผู้อื่นมาเป็นของตนด้วยวิธีง่ายๆ..ด้วยวิธีเดิมพัน..ซึ่งก็รู้อยู่แล้งว่าไม่ตรงกับ สัมมาอาชีวะ..องค์แห่งมรรค..ข้อปฏิบัติเพื่อกระทำให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์.
ย่อมไม่สามารถเจริญมรรคได้บริบูรณ์..
เมื่อยังมีความพอใจ..ยังมีความโลภ..สร้างเหตุแห่งภพเกิดขึ้นเนืองๆ..คือยังสร้างเหตุออกไป..(พวกที่เล่นการพนัน)ย่อมไม่สามารถจะประพฤติพรหมจรรย์ให้ บริบูรณ์ได้..คุนน้องนั่งสมาธิกำหนดจิต..ถามพระพุทธองค์..และก็ได้คำตอบแบบนี้..ปัญญาคุนน้องเกิดจากตัวรู้..รู้ด้วยปัญญาสัมมาทิฐฐิ..คุนน้องไม่ต้องลอกหรืออ่ายตำรา..คนมันคิดได้เอง..รู้เข้าใจด้วยตนเอง..และคุนน้องก็เชื่อมั่นในความดีของตนเอง..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2015, 11:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
การเล่นการพนันไม่ได้บัญญัติไว้ในศีล ๕ ก็จริง แต่บัญญัติไว้ใน อกุศลกรรมบท ๑๐ ว่าด้วย
การอยากได้ของผู้อื่นมาเป็นของๆตน และ ตรัสไว้ในอริยะสัจจ์ ๔ ซึ่งเป็นตัว สมุทัย และยังกล่าวว่า
หนทางแห่งความเสื่อมของชีวิต....อบายมุข ๖ เราจะต้องเข้าใจคำสอนด้วย จะเอาศีลมาเป็นตัวตั้ง
นั้นคงไม่ถูกต้องทั้งหมด

ถ้าเป็นหลักคำสอน ที่จัดอยู่ในสมุทัย (คือ "ตัณหา" ธรรมที่ควรละ) หมายถึง หนทางหรือช่องทาง
แห่งความเสื่อมและความพินาศของทรัพย์สมบัติและตนเอง พระพุทธศาสนาได้แสดงหนทาง
แห่งความเสื่อมและความพินาศไว้ ๖ ประการ

๑. การชอบเที่ยวกลางคืน หมายถึง การเที่ยวผับ บาร์ หรือสถายเริงอารมณ์อื่นๆในเวลาวิกาล
หรือเวลากลางคืน

๒. การชอบเที่ยวดูการละเล่น หมายถึง มีการละเล่นอะไร ที่ไหน เป็นต้องไปดูทุกครั้ง
ดูอย่างพร่ำเพรื่อ เกินความจำเป็น

๓. การเป็นนักเลงสุรา หมายถึง การติดสุราและของมึนเมาต่างๆ ผู้ที่ติสิ่งเหล่านี้จะต้องดื่มและเสพ
เป็นประจำ ถือว่าเป็นภัยร้ายแรง เท่ากับตกนรกทั้งเป็น

๔. การเป็นนักเลงการพนัน หมายถึง การชอบเล่นการพนันขันต่อมีได้เสีย เช่น เล่นไพ่
เล่นหวย จนถึงขั้นที่เรียกว่า ผีพนันเข้าสิง การเป็นนักเลงการพนัน


๕. การเกียจคร้านทำการงาน หมายถึง การไม่ขยันทำงานตามเวลาและหน้าที่รับผิดชอบ
ปล่อยการงานให้คั่งค้าง เหมือน ดินพอกหางหมู คนเกียจคร้านการงาน ได้ชื่อว่าเป็น คนไม่เอา. ไหน
หาความเจริญรุ่งเรืองไม่ได้

๖. การคบคนชั่วเป็นมิตร หมายถึง การร่วมกิน ร่วมนอน ร่วมเที่ยว ร่วมพวกหรือไปหาสู่กับคนชั่ว
ผู้ที่คบคนชั่วมิตรจึงเป็นผู้ที่ไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมด้วย อีกทั้งอาจจะนำความเดือดร้อนอื่นๆ
มาสู่ตนเองและครอบครัวได้

อบายมุข6. จะเป็นอบายมุข6นั้นจะต้องทำประจำดั่งที่พระองค์กล่าวไว้ถึงเรียกว่าอบายมุข6. อะไรที่เป็นบางครั้งครั้งคราวไม่ถือเป็นอบายมุข

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2015, 11:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
การเล่นการพนันไม่ได้บัญญัติไว้ในศีล ๕ ก็จริง แต่บัญญัติไว้ใน อกุศลกรรมบท ๑๐ ว่าด้วย
การอยากได้ของผู้อื่นมาเป็นของๆตน และ ตรัสไว้ในอริยะสัจจ์ ๔ ซึ่งเป็นตัว สมุทัย และยังกล่าวว่า
หนทางแห่งความเสื่อมของชีวิต....อบายมุข ๖ เราจะต้องเข้าใจคำสอนด้วย จะเอาศีลมาเป็นตัวตั้ง
นั้นคงไม่ถูกต้องทั้งหมด

ถ้าเป็นหลักคำสอน ที่จัดอยู่ในสมุทัย (คือ "ตัณหา" ธรรมที่ควรละ) หมายถึง หนทางหรือช่องทาง
แห่งความเสื่อมและความพินาศของทรัพย์สมบัติและตนเอง พระพุทธศาสนาได้แสดงหนทาง
แห่งความเสื่อมและความพินาศไว้ ๖ ประการ

๑. การชอบเที่ยวกลางคืน หมายถึง การเที่ยวผับ บาร์ หรือสถายเริงอารมณ์อื่นๆในเวลาวิกาล
หรือเวลากลางคืน

๒. การชอบเที่ยวดูการละเล่น หมายถึง มีการละเล่นอะไร ที่ไหน เป็นต้องไปดูทุกครั้ง
ดูอย่างพร่ำเพรื่อ เกินความจำเป็น

๓. การเป็นนักเลงสุรา หมายถึง การติดสุราและของมึนเมาต่างๆ ผู้ที่ติสิ่งเหล่านี้จะต้องดื่มและเสพ
เป็นประจำ ถือว่าเป็นภัยร้ายแรง เท่ากับตกนรกทั้งเป็น

๔. การเป็นนักเลงการพนัน หมายถึง การชอบเล่นการพนันขันต่อมีได้เสีย เช่น เล่นไพ่
เล่นหวย จนถึงขั้นที่เรียกว่า ผีพนันเข้าสิง การเป็นนักเลงการพนัน


๕. การเกียจคร้านทำการงาน หมายถึง การไม่ขยันทำงานตามเวลาและหน้าที่รับผิดชอบ
ปล่อยการงานให้คั่งค้าง เหมือน ดินพอกหางหมู คนเกียจคร้านการงาน ได้ชื่อว่าเป็น คนไม่เอา. ไหน
หาความเจริญรุ่งเรืองไม่ได้

๖. การคบคนชั่วเป็นมิตร หมายถึง การร่วมกิน ร่วมนอน ร่วมเที่ยว ร่วมพวกหรือไปหาสู่กับคนชั่ว
ผู้ที่คบคนชั่วมิตรจึงเป็นผู้ที่ไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมด้วย อีกทั้งอาจจะนำความเดือดร้อนอื่นๆ
มาสู่ตนเองและครอบครัวได้

อบายมุข6. จะเป็นอบายมุข6นั้นจะต้องทำประจำดั่งที่พระองค์กล่าวไว้ถึงเรียกว่าอบายมุข6. อะไรที่เป็นบางครั้งครั้งคราวไม่ถือเป็นอบายมุข

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2015, 11:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:
เอาความเป็นอริยะออกไปก่อน. เอาว่าการพนันไม่ผิดศิลห้า.และการที่จะไปอบายได้ทั้ง6อย่างต้องทำเป็นประจำ. ส่วนจะยืนยันนอนยันนั้นเรื่องการใครจะเป็นอริยะนั้นขอให้ผ่าน


ผมกำลังบอก..บิ๊กทูจับโจรให้ได้ต่างหาก

โจร..มันรู้ว่า..อริยะเบื้องต้นนี้..ศีลต้องสมบูรณ์...การพนันอันเป็นอบายมุกไม่ได้อยู่ในศีล5...มันก็ว่า..นี้งัย..ศีล5.ฉันครบ...เพราะอบายมุกไม่ได้อยู่ในศีล5...ฉันก็เป็นอริยะได้งัย....555...

วีรดรรมของบิ๊กทู่..ไปถามห้องพวกฝึกฌานอภิญญาก็รู้..เอาคำว่าอริยะไปข่มพวกเล่นฤทธิ์..แต่ถูกเขาด่ากลับมาซะเสีย...เอาพุธจวน ไปข่มเขา หาว่าเขาปฏิบัติไม่ตรงตามคำสอนพระพุทธเจ้า..คุนน้องอ่านแล้วจะอ้วกแตกอ้วกแตน..แต่มันกล้าบอกว่า เล่นการพนันไม่ผิดศีล...ทั้งที่อริยะบุคคลเขารู้ข้อนี้ดีว่าเป็นมิจฉา..ไม่ตรงกับมรรค เป็นอกุศลกรรม..กิเลศมันบอกให้เข้าข้างตนเองไปเสียหมด..แทนที่จะสำนึกได้..กับแถไปข้างๆคูๆ..คุนน้องไม่ยอมให้โจรเข้าบ้านหรอก!
มาว่าคนอื่นติดดี..มองดูตนเองบ้างนะบิ๊กทู่..เมื่อก่อนคุนก็เคยหลงเคยคิดว่าสิ่งที่ตนทำ..เหนือผู้อื่น..กะอิแค่ไม่นอนกับภรรยา6เดือน
เอามาพูดข่มคนอื่นว่าตนเองทำได้..แถมประกาศตนเป็นสกิทาคามี จะอวกบวชอีก3 ปี โอ้ยยขำ :b32: พอเรามาค้านว่าการพนันไม่ดี..ไม่อยู่ในข้อมรรค..กลับมาว่าเราติดดี..โอ้ยบิ๊กทู่เอ้ย..

ปล.บิ๊กทู่ก่อกรรมหนัก 1.อวดอุตริมนุษยธรรมที่ไม่มีอยู่ในตน 2. มีจิตอิจฉาริษยานักปฏิบัติธรรมที่มีวาสนาไปในทางอภิญญาแล้วยกตนข่มเขา
3.บิดเบือนธรรมของพระพุทธเจ้า..ซึ่งเป็นกรรมหนัก..มีแต่ไปอบายเท่านั้น..


แก้ไขล่าสุดโดย nongkong เมื่อ 11 มิ.ย. 2015, 11:32, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2015, 11:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:
เอาความเป็นอริยะออกไปก่อน. เอาว่าการพนันไม่ผิดศิลห้า.และการที่จะไปอบายได้ทั้ง6อย่างต้องทำเป็นประจำ. ส่วนจะยืนยันนอนยันนั้นเรื่องการใครจะเป็นอริยะนั้นขอให้ผ่าน


ผมกำลังบอก..บิ๊กทูจับโจรให้ได้ต่างหาก

โจร..มันรู้ว่า..อริยะเบื้องต้นนี้..ศีลต้องสมบูรณ์...การพนันอันเป็นอบายมุกไม่ได้อยู่ในศีล5...มันก็ว่า..นี้งัย..ศีล5.ฉันครบ...เพราะอบายมุกไม่ได้อยู่ในศีล5...ฉันก็เป็นอริยะได้งัย....555...
อริยะชั้นตนเพียงแค่ทิฎฐิเท่านั้นนะครับที่เห็นอริยสัจยังไม่ได้ดับโลภะโทษะโมหะเลย การพนันนั้นท่านตีความหมายเป็นอย่างไร. มองไปเพียงจุดเดียวคิดว่าเขาจะเล่นกันเอาเป็นเอาตายแบบลุ่มหลงงมงายเพียงอย่างเดียวก็เกินไป. คนอื่นที่เขาเล่นกันเพื่อความบันเทิงเล่นสนุกสนานเหมือนเกมส์ก็มีเยอะ. ท่านไม่คิดเหรอครับ. ทำไมพระองค์ท่านจึงแยกออกจากศิล. เพราะการพนันนั้นมันมีคนที่เขาเล่นหลายรูปอบบอย่างไรเล่า. ท่านจึงหมายเอาเฉพาะที่เล่นเป็นประจำหมกมุ่นจึงถือเป็นอบายมุข6. พิจารณาด้วย. ผมจึงยอกว่าตัวการพนันนั้นไม่ผิดแต่ผู้ที่หลงงมงายต่างหาก. เหมือนการงานบางวันอาจจะขยัน. บางวันอาจจะรู้สึกขี้เกลียด. เหมือนการดื่มสุราก็เช่นเดียวกัน. ดื่มไปไหนผิดศิลแบบไหนไม่ผิดศิล. ลักษณะการดื่มก็แตกต่างกัน

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แก้ไขล่าสุดโดย bigtoo เมื่อ 11 มิ.ย. 2015, 11:48, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2015, 11:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:
เอาความเป็นอริยะออกไปก่อน. เอาว่าการพนันไม่ผิดศิลห้า.และการที่จะไปอบายได้ทั้ง6อย่างต้องทำเป็นประจำ. ส่วนจะยืนยันนอนยันนั้นเรื่องการใครจะเป็นอริยะนั้นขอให้ผ่าน


ผมกำลังบอก..บิ๊กทูจับโจรให้ได้ต่างหาก

โจร..มันรู้ว่า..อริยะเบื้องต้นนี้..ศีลต้องสมบูรณ์...การพนันอันเป็นอบายมุกไม่ได้อยู่ในศีล5...มันก็ว่า..นี้งัย..ศีล5.ฉันครบ...เพราะอบายมุกไม่ได้อยู่ในศีล5...ฉันก็เป็นอริยะได้งัย....555...

วีรดรรมของบิ๊กทู่..ไปถามห้องพวกฝึกฌานอภิญญาก็รู้..เอาคำว่าอริยะไปข่มพวกเล่นฤทธิ์..แต่ถูกเขาด่ากลับมาซะเสีย...เอาพุธจวน ไปข่มเขา หาว่าเขาปฏิบัติไม่ตรงตามคำสอนพระพุทธเจ้า..คุนน้องอ่านแล้วจะอ้วกแตกอ้วกแตน..แต่มันกล้าบอกว่า เล่นการพนันไม่ผิดศีล...ทั้งที่อริยะบุคคลเขารู้ข้อนี้ดีว่าเป็นมิจฉา..ไม่ตรงกับมรรค เป็นอกุศลกรรม..กิเลศมันบอกให้เข้าข้างตนเองไปเสียหมด..แทนที่จะสำนึกได้..กับแถไปข้างๆคูๆ..คุนน้องไม่ยอมให้โจรเข้าบ้านหรอก!
มาว่าคนอื่นติดดี..มองดูตนเองบ้างนะบิ๊กทู่..เมื่อก่อนคุนก็เคยหลงเคยคิดว่าสิ่งที่ตนทำ..เหนือผู้อื่น..กะอิแค่ไม่นอนกับภรรยา6เดือน
เอามาพูดข่มคนอื่นว่าตนเองทำได้..แถมประกาศตนเป็นสกิทาคามี จะอวกบวชอีก3 ปี โอ้ยยขำ :b32: พอเรามาค้านว่าการพนันไม่ดี..ไม่อยู่ในข้อมรรค..กลับมาว่าเราติดดี..โอ้ยบิ๊กทู่เอ้ย..

ปล.บิ๊กทู่ก่อกรรมหนัก 1.อวดอุตริมนุษยธรรมที่ไม่มีอยู่ในตน 2. มีจิตอิจฉาริษยานักปฏิบัติธรรมที่มีวาสนาไปในทางอภิญญาแล้วยกตนข่มเขา
3.บิดเบือนธรรมของพระพุทธเจ้า..ซึ่งเป็นกรรมหนัก..มีแต่ไปอบายเท่านั้น..
ตกลงเข้าใจใช่มั้นว่าการพนันไม่ได้จัดอยู่ในศิลห้า. อย่ามั่วนะ. อายเขา. ส่วนผมจะเป็นอริยะหรือป่าวไม่ต้องสนใจ. สนใจแต่เพียงอย่าแต่งเติมศิล5ใหม่อย่าเก่งกว่าวพระองค์. ส่วนอบายมุขดูเอาท่านกล่าวไว้ว่าอย่างไร. ยกตัวอย่างพระสูตรชัดเจน. ต้องทำเนื่องๆ. เนื่องแปลว่าอะไร?

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 257 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12 ... 18  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 120 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร