วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 05:04  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 257 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10 ... 18  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2015, 12:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


muisun เขียน:
ถ้ากินด้วยความรู้ทัน ไม่บาป กินด้วยความรู้ไม่ทัน บาป

ขอประธานโทษจริงๆค่ะ รู้สึกคุนจะเป็นพวก รณรงค์เรื่องบาปบุญซะเหลือเกิน แต่ขาดความรู้ไปหน่อย นึกอยากจะพูดอะไรก็พูดโดยขาดการพิจารณาธรรม กระทู้นึงก็พูดความกลัวเป็นบาป
กระทู้นี้เอาอีก การกินเป็นบาป พุทโธ่ พุธถัง กะละมัง หม้อ ไห! ขออุทานหน่อยเหอะ!
ชาวพุทธขาดสติปัญญาขนาดนี้เลยหรอ..
ถามจริงๆค่ะ คุนmuisun คงบาปเยอะน่าดู เพราะมีความกลัวก็บาป กินรู้ไม่ทันก็บาป โอ้ยเวรกรรม!
คุนน้องขอใช้คำว่า การกินที่ยังติดใจในรสอาหาร
ขอเรียกว่า มีกิเลศแล้วกัน เพราะบาปนี้ ค่อนข้างจะโหดร้ายเกินไป.. เด่วไม่ได้หลับได้นอนมาระแวงเรื่องบาปบุญ..
คุนน้องเป็นคนติดรสชาติค่ะ ยอมรับ พูดง่ายๆเสพติดรสอาหาร คุนน้องชอบกิน ชอกโกแลตมากๆๆๆ
ขอถาม คุนน้องชอบกิน ชอกโกแลต บาปไหมค่ะ
บังเอิญกินแบบรู้ไม่ทัน ก็ของมันชอบนิค่ะ!!
จะว่าไปมันก็ไม่ได้ทำมาจาก เนื้อสัตว์ คงไม่มีวิญญานพยาบาทสิงอยู่ในชอคโกแลตแน่นอนเจ้าค่ะ :b32: ก็ไม่รู้ว่าบาปยังไง
ส้มตำก็เหมือนกันค่ะ ก็ไม่ได้มีเนื้อหมู เห็ดเป็ดไก่
มีแค่น้ำปลาร้าที่เป็นส่วนผสมของซากปลาเน่า...
บาปด้วยหรอค่ะ แถาคุนน้องชอบกินอะไรที่ออกแนวมังสวิรัส แบบรู้ไม่ทัน คงบาปกระมังค่ะ!!
เช่นแกงหน่อไม้ ซุปหน่อไม้ น้ำพริกกะปิ อะไรพวกนี้ ชอบกินมากกกก สงสัยจะบาปแหงเลย เพราะกินแบบรู้ไม่ทันเป็นบาป หุหุ มาอธิบายทีนะเจ้าค่ะ ทำไมคุนน้องบาป ถ้าคุนน้องชอบกิน ชอคโกแลต ส้มตำ แกงหน่อไม้ น้ำพริกกะปิ เหอๆ :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2015, 23:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2006, 09:43
โพสต์: 180

ที่อยู่: กทม

 ข้อมูลส่วนตัว


อ๋อ!... ก็ไม่ต้องกลัวบาปกันเกินไปนะครับ พระพุทธเจ้าก็มีสอนว่า
+++++++++++++++++++++++++++++++
ปาปญฺเจ ปุริโส กยิรา.....น นํ กยิรา ปุนปฺปุนํ
น ตมฺหิ ฉนฺทํ กยิราถ..... ทุกฺโข ปาปสฺส อุจฺจโย.
“ถ้าบุรุษพึงทำบาปไซร้ ไม่ควรทำบาปนั้นบ่อย ๆ ไม่ควรทำความพอใจในบาปนั้น เพราะว่า ความสั่งสมบาปเป็นเหตุให้เกิดทุกข์.”
ธมฺมปทฏฺฐกถา ๕/๕
++++++++++++++++++++++++++++++++
"ความสั่งสมบาปเป็นเหตุให้เกิดทุกข์" นั้นก็คือ ไม่ใช่ทำบาปปุปก็เป็นทุกข์เลย ต้องสั่งสมๆๆ... สั่งสมแค่ไหนก็ขึ้นอยู่หลายๆปัจจัย ไปทำบาปอะไร ทำบ่อยแค่ไหน ...
ก็คงเป็นว่า "อย่าประมาท"
กินกันอย่างมีสติ อย่าเอาแต่กินตามความอยาก เพราะโรคต่างๆมันก็รออยู่นะถ้ากินเนื้อกันเยอะๆเนี๊ย เห็นเคยมีรณรงค์ กินผักครึ่งนึง เนื้อครึ่งนึง
http://www.thaihealth.or.th/Content/9780-%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B6%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B6%E0%B9%88%E0%B8%87%20%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B6%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B6%E0%B9%88%E0%B8%87%20%20.html

.....................................................
โคตมะพุทธ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ผู้รู้แจ้งโลก อัจฉริยมนุษย์ ยอดครูของครูทั้งหลาย
ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ผู้ก่อตั้ง ผู้ค้นพบ คำสอนถูกบรรจุอยู่ในพระไตรปิฏก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2015, 00:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2006, 09:43
โพสต์: 180

ที่อยู่: กทม

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา --- "ผมดู..คุณwakeup จะเข้าใจว่าเป็นอันเดียวกัน..นะครับ"
เปล่านะครับ มันก็เห็นๆอยู่ว่า "กินอาหารด้วยความติดใจในรส และทำกรรมอันเป็นบาปไว้ในโลกนี้"

แต่บางคนดูเหมือนยังสับสน ระหว่าง การทำผิดศีล กับ การทำบาป
ไม่ต้องผิดศีลก็บาปได้นะ อันนี้ไม่รู้เข้าใจเหมือนกันยังหรือยังเข้าใจอยู่ว่า ไม่ผิดศีลก็ไม่บาป

.....................................................
โคตมะพุทธ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ผู้รู้แจ้งโลก อัจฉริยมนุษย์ ยอดครูของครูทั้งหลาย
ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ผู้ก่อตั้ง ผู้ค้นพบ คำสอนถูกบรรจุอยู่ในพระไตรปิฏก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2015, 06:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b32: :b32:
ผมพูดในสิ่งที่คุณ wakeup ยกมา

บาปคืออะไร..
อกุศล คืออะไร...

คุณ wakeup แยกกันออกมัย...ต่างกันยังงัย...เหมือนกันยังงัย?

แล้ว..กินเนื้อสัตว์แล้วบาป....นี้พระพุทธเจ้ามีบอกใว้..รึว่าบอกเป็นนัยๆ...ตรงนัยมั้ยครับ?

ขนาดที่ว่า..พระองค์ตรัสให้พระภิกษุฉันเนื้ออย่างไรจึงจะไม่มีโทษ..คือ

เป็นเนื้อที่..ไม่ได้เห็นการฆ่า...ไม่ได้ยินการฆ่า..ไม่ได้รังเกียจว่าเขาฆ่าเพื่อตน(การได้มาเนื้อนั้น)

ที่มาที่ไป..ย่อๆ มีดังนี้
http://www.crs.mahidol.ac.th/thai/theravade36.htm
อ้างคำพูด:
เรื่องนี้ปรากฏในคัมภีร์พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๑ และมีกรณีตัวอย่างอีกเรื่องหนึ่งคือ สีหเสนาบดี เดิมนับถือศาสนาเชน เมื่อมีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ฟังธรรม บรรลุธรรมเป็นโสดาบัน นิมนต์พระพุทธองค์พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ฉันภัตตาหารในเรือนพวกนิครนถ์(เชน)เที่ยวกล่าวหาว่า สีหเสนาบดีฆ่าสัตว์มาทำเป็นอาหารถวายพระสงฆ์ พระสมณโคดมก็ฉันเนื้อสัตว์นั้น ครั้นสีหเสนาบดีทราบคำกล่าวหาก็ชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง

พระพุทธเจ้าทรงทราบข้อกล่าวหาของพวกนิครนถ์ จึงทรงบัญญัติพระวินัย ห้ามฉันเนื้อสัตว์ที่เขาฆ่าทำถวาย เจาะจงภิกษุ ทรงปรับอาบัติทุกกฏแก่ภิกษุที่ฉันเนื้อสัตว์ที่เขาเจาะจงฆ่าทำถวาย ในขณะเดียวกันก็ทรงอนุญาตให้ฉันปลาและเนื้อที่บริสุทธิ์ โดยเงื่อนไข ๓ ประการ คือ (๑) ไม่ได้เห็น (๒)ไม่ได้ยิน (๓)ไม่ได้นึกรังเกียจว่าเขาฆ่าเพื่อให้ตนบริโภค เรื่องนี้ปรากฏในคัมภีร์พระวินัยปิฎก มหาวรรค ภาค ๒ เล่ม ๕


ก็ขนาดเป็นภิกษุ....ถือศีล 227 ...ยังทานเนื้อได้...ก็แสดงง่ายๆเลยว่า..การทานเนื้อไม่บาป
เพราะ....พระพุทธเจ้าคงไม่ยินดีให้สาวกของพระองค์ทำบาปแน่ๆ


นอกเสียจากคุณ wakeup นับถืออย่างอื่นที่เขามีความคิดว่า..ทานเนื้อบาป...อันนี้ก็แล้วแต่ลัทธินั้นไป....คงไปบังคับให้มาเชื่อพระพุทธเจ้าเราๆ..คงไม่ใช้ฐานะผม..อะคับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2015, 20:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2006, 09:43
โพสต์: 180

ที่อยู่: กทม

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
บาปคืออะไร..
อกุศล คืออะไร...
คุณ wakeup แยกกันออกมัย...ต่างกันยังงัย...เหมือนกันยังงัย?

ไม่ต้องนอกเรื่องครับ คือที่ผมอยากจะกล่าว และกล่าวแล้ว และจะกล่าวอีกครั้งคือ
อย่าเข้าใจผิดว่าไม่ผิดศีลแล้วจะไม่บาป
กบนอกกะลา เขียน:
แล้ว..กินเนื้อสัตว์แล้วบาป....นี้พระพุทธเจ้ามีบอกใว้..รึว่าบอกเป็นนัยๆ...ตรงนัยมั้ยครับ?

นัยๆก็นี่ไง
++++++++++++++++++++++
ภิกษุทั้งหลาย ! ในเบื้องต้นคนพาลนั้นนั่นแล
เป็นผู้กินอาหารด้วยความติดใจในรส และทำกรรมอัน
เป็นบาปไว้ในโลกนี้ เมื่อตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงความ
เป็นสหายของสัตว์จำพวกที่มีหญ้าเป็นภักษาเหล่านั้น.
++++++++++++++++++++++++ๅ
ซึ่งกินเนื้อสัตว์ก็รวมอยู่ด้วย กินด้วยความติดใจในรส ซึ่งกินผักก็คงรวมอยู่ด้วยแต่กระทู้นี้เกี่ยวกับพวกที่เข้าใจผิดๆว่ากินเนื้อสัตว์ไม่บาป อ้างโน่นนี้มาสนับสนุนการทำบาปของตน แต่ถ้าใครกินเนื้อสัตว์ด้วยความไม่ติดใจในรส กินก็สักแต่ว่ากิน ทำได้แบบนี้จริงๆ ก็ผ่านคำสอนของพระพุทธเจ้าข้อนี้ไปได้ ซึ่งทั่วไปไม่ใช่อย่างนั้น ถึงเวลากินก็จะหาร้านอร่อยไปกินกันแระ ข้าวขาหมูร้านนั้นร้านนี้ ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ/หมูร้านไหนร้านนี้ ข้าวมันไก่ร้านนั้นร้านนี้ ฯลฯ ติดใจในรสชาดมันก็เป็นปัจจัยสำคัญอันนึง
กบนอกกะลา เขียน:
...ทรงปรับอาบัติทุกกฏแก่ภิกษุที่ฉันเนื้อสัตว์ที่เขาเจาะจงฆ่าทำถวาย ในขณะเดียวกันก็ทรงอนุญาตให้ฉันปลาและเนื้อที่บริสุทธิ์ โดยเงื่อนไข ๓ ประการ คือ (๑) ไม่ได้เห็น (๒)ไม่ได้ยิน (๓)ไม่ได้นึกรังเกียจว่าเขาฆ่าเพื่อให้ตนบริโภค เรื่องนี้ปรากฏในคัมภีร์พระวินัยปิฎก มหาวรรค ภาค ๒ เล่ม ๕
ก็ขนาดเป็นภิกษุ....ถือศีล 227 ...ยังทานเนื้อได้...ก็แสดงง่ายๆเลยว่า..การทานเนื้อไม่บาป เพราะ....พระพุทธเจ้าคงไม่ยินดีให้สาวกของพระองค์ทำบาปแน่ๆ

แย้งกันมาตั้งนาน แล้วผมเข้าใจว่า พระพุทธเจ้าและพระสงฆ์ไม่กินเนื้อสัตว์หรือไง????? ผมก็รู้และหลายๆคนก็รู้ว่าท่านก็กินเนื้อ แต่ประเด็นสำคัญคือกินแบบไหนถึงไม่บาป อย่างที่คุณกบนอก... ยกพระสูตรมา ก็มีเงื่อนไข ๓ ประการนี้แล้วไง (๑) ไม่ได้เห็น (๒)ไม่ได้ยิน (๓)ไม่ได้นึกรังเกียจ
แต่ที่ผมจะเสริมก็คือ ไม่ใช่แค่ 3ข้อนี้ ไม่ใช่ทำแค่ยกคำสอนมาแค่บางส่วน เพราะพระสูตรนี้พระพุทธเจ้าท่านสอนพระ และมีความจริงว่าพระนั้นท่านไม่ได้สั่ง ขนาดท่านไม่ได้สั่ง มีคนมาถวายเอง พระพุทธเจ้ายังให้เพิ่ม3 ข้อนี้เลย ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่รังเกียจ ถึงจะกินได้ การที่จะเอามาปรับใช้กับฆราวาสต้องระวัง ผมจึงตั้งชื่อกระทู้นี้ว่า "กินเนื้อสัตว์ไม่บาปจริงๆ หรือ?" แน่ใจกันได้อย่างไรว่ากินเนื้อสัตว์ไม่บาป ไม่มีพระสูตรที่สอนฆราวาสจะๆซะหน่อย ตีความกันเอาเอง กินได้ไม่บาปมันต้องมีกฏเกณ์ อยู่ดีเอาคำสอนที่พระพุทธเจ้าสอนพระ มาสอนฆราวาส มันไม่เหมาะสม และพระสูตรทีคุณกบนอก...ยกมาบางส่วน ฉบับเต็มก็ย้อนไปดูที่ต้นๆของกระทู้นี้ได้เลย ซึ่งก็จะมีต่ออีกด้วยว่า "ดูกรชีวก..." ก็จะเข้าใจขึ้นว่ากินอย่างไรไม่บาป
กบนอกกะลา เขียน:
นอกเสียจากคุณ wakeup นับถืออย่างอื่นที่เขามีความคิดว่า..ทานเนื้อบาป...อันนี้ก็แล้วแต่ลัทธินั้นไป....คงไปบังคับให้มาเชื่อพระพุทธเจ้าเราๆ..คงไม่ใช้ฐานะผม..อะคับ

เอานิสัยไม่ดีๆมาใช้อีกแล้ว กล่าวหาคนอื่นๆผิดๆ หาว่าผมเป็นลัทธิอื่น แล้วพวกที่ทำให้ศาสนาพุทธเพี้ยนด้วยการตีความผิดๆก็กลัวนรกกลัวบาปกันด้วยครับ

.....................................................
โคตมะพุทธ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ผู้รู้แจ้งโลก อัจฉริยมนุษย์ ยอดครูของครูทั้งหลาย
ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ผู้ก่อตั้ง ผู้ค้นพบ คำสอนถูกบรรจุอยู่ในพระไตรปิฏก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2015, 22:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b32:
ยังอยู่ดี....ใช่มัยคับ...

ดีใจ..นะ..ที่กลับมา
:b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ค. 2015, 15:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ม.ค. 2015, 21:55
โพสต์: 1067

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บาปตั้งแต่เป็นทาสของชอบ ชัง เฉย แล้ว ถ้าไม่อยากจะบาปต้องกำหนด จะชอบหนอ จะชังหนอ จะเฉยหนอ รู้ทันตัวจะ จะได้ไม่บาป จะกินอะไรก็รู้ตัวจะซะ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2015, 04:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


wakeup เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
บาปคืออะไร..
อกุศล คืออะไร...
คุณ wakeup แยกกันออกมัย...ต่างกันยังงัย...เหมือนกันยังงัย?

ไม่ต้องนอกเรื่องครับ คือที่ผมอยากจะกล่าว และกล่าวแล้ว และจะกล่าวอีกครั้งคือ
อย่าเข้าใจผิดว่าไม่ผิดศีลแล้วจะไม่บาป


เพราะ..แยกไม่ออก..งัย...ถึง...พูดเป็นแผ่นเสียงตกร่อง..ว่า..บาป..บาป...บาป...บาป...บาป
:b32:

และ...ผมก็ไม่ได้เข้าใจว่า..ต้องผิดศีล เท่านั้นถึงจะบาป นะ :b13:
ตัวอย่าง....เล่นการพนัน...ศีล5ไม่มี..แต่..บาปและเป็นอกุศล..ชัวร์ rolleyes
wakeup..ช่วยบอกหน่อย..ว่าทำไมมันถึงบาป?

(เพิ่มเติมจากประเด็น)
แล้ว...การกระทำอันเดียวกัน...คนถือศีล8 กลับบาป...ส่วนคนถือศีล 5 กลับไม่บาป
ทำไม..ในเมื่อก็ทำอย่างเดียวกัน...คนหนึ่งบาป...อีกคนไม่บาป?
ความเป็นบาป...หรือไม่บาป...นี้...อยู่การกระทำหรืออยู่ที่ไหน? ..

wakeup เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
แล้ว..กินเนื้อสัตว์แล้วบาป....นี้พระพุทธเจ้ามีบอกใว้..รึว่าบอกเป็นนัยๆ...ตรงนัยมั้ยครับ?

นัยๆก็นี่ไง
++++++++++++++++++++++
ภิกษุทั้งหลาย ! ในเบื้องต้นคนพาลนั้นนั่นแล
เป็นผู้กินอาหารด้วยความติดใจในรส และทำกรรมอัน
เป็นบาปไว้ในโลกนี้
เมื่อตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงความ
เป็นสหายของสัตว์จำพวกที่มีหญ้าเป็นภักษาเหล่านั้น.
++++++++++++++++++++++++ๅ
ซึ่งกินเนื้อสัตว์ก็รวมอยู่ด้วย กินด้วยความติดใจในรส ซึ่งกินผักก็คงรวมอยู่ด้วยแต่กระทู้นี้เกี่ยวกับพวกที่เข้าใจผิดๆว่ากินเนื้อสัตว์ไม่บาป อ้างโน่นนี้มาสนับสนุนการทำบาปของตน แต่ถ้าใครกินเนื้อสัตว์ด้วยความไม่ติดใจในรส กินก็สักแต่ว่ากิน ทำได้แบบนี้จริงๆ ก็ผ่านคำสอนของพระพุทธเจ้าข้อนี้ไปได้ ซึ่งทั่วไปไม่ใช่อย่างนั้น


ภิกษุทั้งหลาย ! ในเบื้องต้นคนพาลนั้นนั่นแล
เป็นผู้กินอาหารด้วยความติดใจในรส และทำกรรมอัน
เป็นบาปไว้ในโลกนี้
เมื่อตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงความ
เป็นสหายของสัตว์จำพวกที่มีหญ้าเป็นภักษาเหล่านั้น.
......

เพราะ..wakeup...มีธงในใจ...ทำให้มองไม่เห็นความหมายของภาษา
และ....นี้หมายความว่าอะไรคับ....และ..นี้...เป็นการแยกประโยคข้างหน้า..กับประโยคข้างหลัง..ออกจากกัน

ในที่นี้...แยก...เป็นผู้กินอาหารด้วยความติดใจในรส ..กับ..ทำกรรมอันเป็นบาปไว้ในโลกนี้...เป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระกัน..คือมีทั้ง...การกินที่ติดในรส...กรรมหนึ่ง...กับ...ทำกรรมอันเป็บาป...ก็อีกกรรมหนึ่ง..

คือมีทั้ง....การกระทำติดใจในรส ..และ/กับ...การกระทำที่เป็นบาป...เป็นการกระทำ 2 การกระทำ..คับ

ถ้าจะให้หมายความอย่างที่wakeup ตรง..กินเนื้อเป็นบาป...นี้นะ..ตรงและ...นี้ก็ควรจะเป็นคำอื่นเพื่อเชื่อมประโยค..อย่างเช่น..อัน..หรือ..เป็น..เป็นต้น

wakeup...อย่าบอกนะว่า....อย่าเอาแต่เล่นคำ :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2015, 04:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
...ทรงปรับอาบัติทุกกฏแก่ภิกษุที่ฉันเนื้อสัตว์ที่เขาเจาะจงฆ่าทำถวาย ในขณะเดียวกันก็ทรงอนุญาตให้ฉันปลาและเนื้อที่บริสุทธิ์ โดยเงื่อนไข ๓ ประการ คือ (๑) ไม่ได้เห็น (๒)ไม่ได้ยิน (๓)ไม่ได้นึกรังเกียจว่าเขาฆ่าเพื่อให้ตนบริโภค เรื่องนี้ปรากฏในคัมภีร์พระวินัยปิฎก มหาวรรค ภาค ๒ เล่ม ๕
ก็ขนาดเป็นภิกษุ....ถือศีล 227 ...ยังทานเนื้อได้...ก็แสดงง่ายๆเลยว่า..การทานเนื้อไม่บาป เพราะ....พระพุทธเจ้าคงไม่ยินดีให้สาวกของพระองค์ทำบาปแน่ๆ


wakeup เขียน:
แย้งกันมาตั้งนาน แล้วผมเข้าใจว่า พระพุทธเจ้าและพระสงฆ์ไม่กินเนื้อสัตว์หรือไง????? ผมก็รู้และหลายๆคนก็รู้ว่าท่านก็กินเนื้อ แต่ประเด็นสำคัญคือกินแบบไหนถึงไม่บาป อย่างที่คุณกบนอก... ยกพระสูตรมา ก็มีเงื่อนไข ๓ ประการนี้แล้วไง (๑) ไม่ได้เห็น (๒)ไม่ได้ยิน (๓)ไม่ได้นึกรังเกียจ
แต่ที่ผมจะเสริมก็คือ ไม่ใช่แค่ 3ข้อนี้ ไม่ใช่ทำแค่ยกคำสอนมาแค่บางส่วน เพราะพระสูตรนี้พระพุทธเจ้าท่านสอนพระ และมีความจริงว่าพระนั้นท่านไม่ได้สั่ง ขนาดท่านไม่ได้สั่ง มีคนมาถวายเอง พระพุทธเจ้ายังให้เพิ่ม3 ข้อนี้เลย ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่รังเกียจ ถึงจะกินได้ การที่จะเอามาปรับใช้กับฆราวาสต้องระวัง ผมจึงตั้งชื่อกระทู้นี้ว่า "กินเนื้อสัตว์ไม่บาปจริงๆ หรือ?" แน่ใจกันได้อย่างไรว่ากินเนื้อสัตว์ไม่บาป ไม่มีพระสูตรที่สอนฆราวาสจะๆซะหน่อย ตีความกันเอาเอง กินได้ไม่บาปมันต้องมีกฏเกณ์ อยู่ดีเอาคำสอนที่พระพุทธเจ้าสอนพระ มาสอนฆราวาส มันไม่เหมาะสม และพระสูตรทีคุณกบนอก...ยกมาบางส่วน ฉบับเต็มก็ย้อนไปดูที่ต้นๆของกระทู้นี้ได้เลย ซึ่งก็จะมีต่ออีกด้วยว่า "ดูกรชีวก..." ก็จะเข้าใจขึ้นว่ากินอย่างไรไม่บาป


ขนาดพระ..ทำได้ยังไม่บาป...
แล้ว...ฆราวาส..ต้องทำยิ่งกว่าพระ..หรือคับ..wakeup :b9: :b9:

ถ้าwakeup ว่า..อยู่ดีเอาคำสอนที่พระพุทธเจ้าสอนพระ มาสอนฆราวาส มันไม่เหมาะสม....คุณwakeup ก็ยกพระสูตรมา...ไม่ได้หรอกกระมัง

แล้ว..ก็ลองไปดูที่ผมเกริ่น..ว่า...การกระทำอย่างเดียวกัน..คนถือศีลหนึ่ง..บาป..แต่คนที่ถือศีลอีกอย่างหนึ่ง..ไม่บาป

แล้วก็อย่าลืม...wakeup ไปดู..อกุศล..กับ..บาป...มีส่วนไหนเหมือนกัน..ส่วนไหนต่างกัน?

จะได้เลิกพูดได้แต่คำว่า..บาป..อย่างเดียวเป็นแผ่นเสียงตกร่อง
บางอย่าง...ไม่บาป...แต่เป็นอกุศล
แต่ทุก..บาป...เป็นอกุศลหมด

ทำความเข้าใจ..ดีดี..ครับ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2015, 22:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2006, 09:43
โพสต์: 180

ที่อยู่: กทม

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา
"ขนาดพระ..ทำได้ยังไม่บาป...แล้ว...ฆราวาส..ต้องทำยิ่งกว่าพระ..หรือคับ..wakeup"
ก็ต้องว่าเป็นเรื่องๆไป อย่างกินเนื้อนี้ พระเขาไม่ได้สั่งไง มีคนมาถวายเนื้อเอง พระพุทธเจ้ายังต้องบอกเพิ่ม ว่าต้องไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่รังเกียจ ด้วยนะเนื้อนั้นจึงกินได้
แต่เราๆท่านๆเราสั่งเอาเนื้อนั่นเนื้อนี่ มันเป็นเงื่อนไงที่ต่างกันกับในชีวกสูตร แล้วจะมาตัดตอนเอามาเฉพาะ ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่รังเกียจ มันจะผิดเอาได้
ผมว่าหลายคนเขาเข้าใจนะ แต่คุณกบนอกไม่เข้าใจก็ไม่รู้เหมือนกัน

และเราๆท่านๆยังกินด้วยความอร่อย ก็ยังมีพระสูตรข้างล่างนี้อีก
+++++++++++++++++++++++++++++
ภิกษุทั้งหลาย ! มีเหล่าสัตว์เดรัจฉานจำพวก
มีหญ้าเป็นภักษา สัตว์เดรัจฉานเหล่านั้นย่อมใช้ฟันแทะ
เล็มกินหญ้าสด ก็เหล่าสัตว์เดรัจฉานจำพวกมีหญ้าเป็นภักษา
คืออะไร ? คือ ม้า โค ลา แพะ เนื้อ หรือแม้จำพวกอื่นๆ
ไม่ว่าชนิดไรๆ ที่มีหญ้าเป็นภักษา.
ภิกษุทั้งหลาย ! ในเบื้องต้นคนพาลนั้นนั่นแล
เป็นผู้กินอาหารด้วยความติดใจในรส และทำกรรมอัน
เป็นบาปไว้ในโลกนี้ เมื่อตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงความ
เป็นสหายของสัตว์จำพวกที่มีหญ้าเป็นภักษาเหล่านั้น.
++++++++++++++++++++++++++++++
แล้วก็อีกว่า จริงๆแล้วผลของกรรมน่าจะเห็นชัดในปัจจุบันนี้ เช่น ถึงต้องพยายามรณรงค์การกินผัก เพราะกินเนื้อกันมากไปแล้ว เป็นบ่อเกิดแห่งโรงหลายโรคตามหลักการแพทย์ด้วย โรคความดัน โรคอ้วน โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด และอื่นๆ ที่ฮิตกันในสมัยนี้
ผมก็พยายามยกเหตุผลต่างๆมา เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ครับ กินเนื้อกันเยอะๆผลจะเป็นยังไงก็ไม่แปลกถ้าต้องทุกข์ในภายหลัง
+++++++++++++++++++++++++++++++
ปาปญฺเจ ปุริโส กยิรา.....น นํ กยิรา ปุนปฺปุนํ
น ตมฺหิ ฉนฺทํ กยิราถ..... ทุกฺโข ปาปสฺส อุจฺจโย.
“ถ้าบุรุษพึงทำบาปไซร้ ไม่ควรทำบาปนั้นบ่อย ๆ ไม่ควรทำความพอใจในบาปนั้น เพราะว่า ความสั่งสมบาปเป็นเหตุให้เกิดทุกข์.”
ธมฺมปทฏฺฐกถา ๕/๕
++++++++++++++++++++++++++++++++
คุณกบนอกกะลาจะคิดว่าการกินเนื้อสัตว์ไม่บาปอะไรเลยสักนิด ก็กินตามสบายครับ ผมไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว

.....................................................
โคตมะพุทธ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ผู้รู้แจ้งโลก อัจฉริยมนุษย์ ยอดครูของครูทั้งหลาย
ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ผู้ก่อตั้ง ผู้ค้นพบ คำสอนถูกบรรจุอยู่ในพระไตรปิฏก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2015, 12:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
...ศีลแปลว่าปกติ...
...ศีล5คือปกติเว้นการฆ่า/การลักขโมย/ผิดกาม/พูดเท็จส่อเสียด/ดื่มของมึนเมาเล่นพนัน...
...ปุถุชนคือผู้หนาแน่นด้วยกิเลสย่อมมีปกติอยู่ในอกุศลศีล(ศีล5ไม่บริสุทธิ์)...
...คือทำบาปปนบุญเป็นประจำด้วยความไม่รู้...จับปลามาลงมือฆ่าเพื่อทำอาหาร...
...ก็ต้องพิจารณาความเป็นไปต่างๆนานาในแต่ละขณะ...เช่นตอนฆ่าเจตนาผิดศีลข้อ1...
...ตอนกำลังบริโภคกินอาหารที่ปรุงเสร็จแล้วก็คนละขณะกับตอนที่กำลังฆ่าบาปไม่เท่ากัน...
...พระภิกษุคนละกรณีเพราะท่านไม่ทำทั้งฆ่าและปรุงอาหารแต่เป็นการบริโภคเพื่อยังอัตภาพ...
...บริโภคเพื่อสงเคราะห์ในทานที่มีผู้ศรัทธาถวาย...ไม่บริโภคแบบหิวโหยแต่บริโภคเพื่อประทังความหิว...
...และจะต้องทำความดีและมานะบากบั่นพากเพียรฆ่ากิเลสอยู่ในเพศแห่งการประพฤติพรหมจรรย์...
...มีปกติเป็นไปในการดำรงชีพตามหลักอริยสัจจ์4และอริยมรรค8...มีปกติดำรงตนไม่ล่วงในศีล227ข้อ...
:b8: :b8: :b8:
:b42: :b42: :b42:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มิ.ย. 2015, 06:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


wakeup เขียน:

คุณกบนอกกะลาจะคิดว่าการกินเนื้อสัตว์ไม่บาปอะไรเลยสักนิด ก็กินตามสบายครับ ผมไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว


ยัง...ยังไม่หลุดจากบ่วง..กินเนื้อสัตว์แล้วบาป....อีกรึคับ
:b32:
กินเนื้อสัตว์แล้วบาป....ตายไปตกนรกขุมไหนบ้างครับคัณ wakeup ?? s006

:b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2015, 20:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


สั่งมาเต็มโต๊ะไม่เห็นมีสัตว์สักอย่าง. เห็นมีแต่ธาตุสี่. จะกินก็กินไม่กินก็ไม่ว่ากัน. สั่งผักมากินหรือจะนั่งหิวก็แล้วแต่. อิอิ ไม่กินก็อย่าให้เป็นวัตรเพื่อการรังเกลียดนะมันจะยุ่ง

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แก้ไขล่าสุดโดย bigtoo เมื่อ 09 มิ.ย. 2015, 21:00, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2015, 20:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
...ศีลแปลว่าปกติ...
...ศีล5คือปกติเว้นการฆ่า/การลักขโมย/ผิดกาม/พูดเท็จส่อเสียด/ดื่มของมึนเมาเล่นพนัน...
...ปุถุชนคือผู้หนาแน่นด้วยกิเลสย่อมมีปกติอยู่ในอกุศลศีล(ศีล5ไม่บริสุทธิ์)...
...คือทำบาปปนบุญเป็นประจำด้วยความไม่รู้...จับปลามาลงมือฆ่าเพื่อทำอาหาร...
...ก็ต้องพิจารณาความเป็นไปต่างๆนานาในแต่ละขณะ...เช่นตอนฆ่าเจตนาผิดศีลข้อ1...
...ตอนกำลังบริโภคกินอาหารที่ปรุงเสร็จแล้วก็คนละขณะกับตอนที่กำลังฆ่าบาปไม่เท่ากัน...
...พระภิกษุคนละกรณีเพราะท่านไม่ทำทั้งฆ่าและปรุงอาหารแต่เป็นการบริโภคเพื่อยังอัตภาพ...
...บริโภคเพื่อสงเคราะห์ในทานที่มีผู้ศรัทธาถวาย...ไม่บริโภคแบบหิวโหยแต่บริโภคเพื่อประทังความหิว...
...และจะต้องทำความดีและมานะบากบั่นพากเพียรฆ่ากิเลสอยู่ในเพศแห่งการประพฤติพรหมจรรย์...
...มีปกติเป็นไปในการดำรงชีพตามหลักอริยสัจจ์4และอริยมรรค8...มีปกติดำรงตนไม่ล่วงในศีล227ข้อ...
:b8: :b8: :b8:
:b42: :b42: :b42:

การพนันไม่จัดอยู่ในศิลห้าครับ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2015, 21:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b13: :b13: :b13:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 257 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10 ... 18  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 43 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร