วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 11:54  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 70 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 เม.ย. 2014, 05:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มนุษย์ยุคนี้ดุขึ้น ก้าวร้าวขึ้น โลภะ โมหะ โทสะ เยอะขึ้น
ใช้คำหยาบเยอะขึ้น ยกย่องเรื่องไม่ดีมากขึ้น

ทุกท่านเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย เชิญออกความเห็น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 เม.ย. 2014, 05:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ร่วมแสดงความเห็นหัวข้อนี้กัน ที่นั่นมีผู้แสดงความเห็นไม่กี่คน ซึ่งต่างหัวข้อเรื่องธรรมะ ธรรโม อื่นๆ เช่น เรื่องฌาน เรื่องขันธ์ ๕ เรื่องอภิญญา คิกๆ ทั้งๆที่มนุษย์หรือคน (จะบัญญัติชื่อเรียกอย่างอื่นอีกก็ได้ตามชาติชนอื่นๆ) เป็นธรรมะเห็นๆ .....ระยะนี้หน้าลานมีผู้แสดงทัศนะน้อยลงๆ โฮฮับก็ลาแล้วลาลับไม่กลับมา :b1: จุดธูปเรียกก็ไม่มา อเมสซิ่งก็เงียบฉี่ :b1: นั่งทางในดูก็ไม่เห็น เลยขาดสีสรรบันเทิงไปเยอะเลย คิกๆๆ

เหลือแต่อโศก ก็ธรรมะตีเลขตีหวย :b32: พูดถึงชีวิตถึงคนก็ว่าไม่ใช่ธรรมะ พูดเรื่องจริงๆก็ผละหนี :b9:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 เม.ย. 2014, 07:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่มีอะไรไม่เกิดแต่เหตุ...และ..เหตุอันนั้น...เราเอง..เป็นผู้ก่อด้วยตนเองทั้งสิ้น

ดุร้าย..นี้..เป็นนิสัยของ...สัตว์ในอบายภูมิ..มีเดรัจฉาน..อสุรกาย..เปรต...สัตว์นรก....แต่ทุกๆคนต่างเคยเป็นสิ่งเหล่านี้มาหมดแล้วทั้งนั้น..ในวัฏสงสารที่หาเบื้องต้นไม่ได้

อยู่ที่ว่า...เป็นชาติใกล้ๆ....หรือชาติไกลๆ....ถ้าชาติใกล้ๆ...ก็แสดงนิสัยของภพภูมินั้นง่าย....

แต่มีอย่างหนึ่งคือ..ทุกๆคน..มีนิสัยเก่าที่พร้อม..จะปะทุขึ้นมาได้กันทุกคน....ทีนี้ก็อยู่ที่กรรมปัจจุบันแล้วละว่า...กำลังอยู่ในภาวะแวดล้อมอย่างไร....กำลังเสริมสร้างสติปัญญาหรือว่ากำลังทำลายสติ....

สภาพแวดล้อม....ที่การค้าเสรี...ต่างคนก็อยากขายของได้.ขายของดี..มีเงินทองร่ำรวย..เพื่อที่จะซื้อลาภ....ได้รับคำยกย่อง..เป็นใหญ่ในพวกพ้อง...เห็นสิ่งเหล่านี้ว่าคือสุข...คือเครื่องวัดความสำเร็จ...จึงต่างพากันมุ่งแต่สะสมสิ่งนอกกาย...เพราะเข้าใจผิดว่านี้คือสุข....หรือจะนำความสุขมาให้...[.นี้แหละความอาภัพของจิตอวิชชา.คือ..ทุกข์ก็ไม่รู้ว่าตัวเองทุกข์...กำลังทุกข์อยู่(สุขเวทนา)ก็คิดว่าเป็นสุข...]...

เพราะทุกวันนี้เงินทอง...กลายเป็นจุดศูนย์กลางแลกเปลี่ยนให้ได้มาซึ่งโลกธรรมคือ..ลาภ..ยศ..สรรเสริญ...และซื้อสุขเวทนาต่างๆ... เมื่อต้องการมีเงินมีทองมากๆ....จึงทำได้ทุกอย่าง...เหตุคือคิดว่าจะใช้แลกความสุขทั้งหลายมาได้..จึงเป็นเหตุให้ต้องทำทุกทาง....บางคนหรือหลายๆคนก็ไม่เลือกวิธีการ...ว่าจะสุจริตหรือทุจริต....ว่าจะผิดศีลธรรมหรือไม่....เพราะก็ไม่คิดว่านรกสวรรค์จะมีจริงหรือไม่...เป็นฐานในใจอยู่ก่อนแล้ว...จึงไม่ยากที่จะทำไม่ดี

ลองคิดดู....ถ้าคนเราต้องการเงินมาก...ขายของให้ได้มากๆ...โดยไม่สนว่าจะผิดคุณธรรม..จริยธรรมหรือไม่...แฝง้วจะเกิดอะไรขึ้น?

พ่อค้า...ก็ทำการตลาดทุกทางให้ของขายดี....
นักการตลาด....ก็เสาะหาวิธีจะให้สินค้าติดหูติดตาผู้คน
นักโฆษณา....ก็ทำโฆษณาล่อตาล่อกิเลส....สร้างค้านิยมว่ามีสินค้าของผู้มาว่าจ้างให้ทำโฆษณา ชิ้นนี้แล้ว...คุณคือคนเก่ง..คุณคือคนมีระดับ....คุณคือคนที่ใครๆก็ต้องมอง...ฯลฯ...

เมื่อโฆษณาออกมาแล้ว...ทำให้สินค้าขายดี....พ่อค้าก็ชอบ...หากมีสินค้าตัวใหม่พ่อค้าก็ว่าจ้างนักโฆษณานี้อีก..นักโฆษณาก็มีรายได้มาก..เมื่อเห็นว่าวิธียั่วกิเลสนี้ทำให้ขายสินค้านั้นดี...ก็ทำซ่ำ..ทำอีก...ทำทุกที...ทำไปเรื่อยๆ...

ก็แน่ละ.....เพราะทุกคนมีกิเลสพร้อมให้ถูกกระตุ้นอยู่แล้ว

ทุกวันนี้...ผู้คนในโลกจึงตกอยู่ภายใต้การกระตุ้นกิเลส..ตัณหา...ราคะ...อยู่ตลอดเวลา

น้ำมัน...ที่ถูกไฟนอกเผาอยู่ตลอดเวลาอย่างนี้..มีรึจะไม่เดือด

ผู้ที่..กรรมปัจจุบัน...ทำดี...รักษาศีล..รักษาสติ...ไม่เป็นผู้ทำลายสติ...ศึกษาสร้างเสริมปัญญา...มีเป้าประสงค์พื่อความพ้นทุกข์....ก็อาจสามารถประคับประคองน้ำมันภายใน...ไม่ให้เดือด..ไม่ให้ติดไฟ...ได้....หรือถึงจะติดไฟไปบ้างก็มีสติปัญญาระงับดับเหตุได้ทัน...ไม่ให้ลุกลามเผาบ้านเผาเรือนจนไม่มีที่ให้อาศัย

แต่กับ..ผู้ที่....กรรมปัจจุบัน...ทำไม่ดี....ไม่รักษาสติ...ทำลายสติเป็นประจำ...ไม่ศึกษาสร้างเสริมปัญญา...มีแต่ความปรารถณาในโลกธรรมอย่างไม่ลืมหูลืมตา...เมื่อถูกไฟภายนอกรุมเร้า...ก็ไม่อาจสกัดกั้นไฟภายในที่มีน้ำมันเก่าเป็นเชื่อเผาไหม้ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 เม.ย. 2014, 08:14 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ยุคแห่งการเสวยอกุศลวิบาก :b12: จิตใจก็เป็นแบบนี้ล่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 เม.ย. 2014, 11:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ กบฯ เขียน

อ้างคำพูด:
เพราะทุกวันนี้เงินทอง...กลายเป็นจุดศูนย์กลางแลกเปลี่ยนให้ได้มาซึ่งโลกธรรมคือ..ลาภ..ยศ..สรรเสริญ...และซื้อสุขเวทนาต่างๆ... เมื่อต้องการมีเงินมีทองมากๆ....จึงทำได้ทุกอย่าง...เหตุคือคิดว่าจะใช้แลกความสุขทั้งหลายมาได้..จึงเป็นเหตุให้ต้องทำทุกทาง....บางคนหรือหลายๆคนก็ไม่เลือกวิธีการ...ว่าจะสุจริตหรือทุจริต....ว่าจะผิดศีลธรรมหรือไม่....เพราะก็ไม่คิดว่านรกสวรรค์จะมีจริงหรือไม่...เป็นฐานในใจอยู่ก่อนแล้ว...จึงไม่ยากที่จะทำไม่ดี




เราก็คิดเหมือนกันว่าทำไม คนช่างมีแต่ความโหดร้ายกันยิ่งขึ้นจริงๆ
เราก็คิดอย่างที่คุณกบฯเขียนมาทั้งหมดนั่นแหละ
มันเป็นอย่างที่คุณกบฯเขียนมาจริงๆ
สรุปคือ มนุษย์ไปยึดติดกับสิ่งที่ตายไปก็เอาไปไม่ได้
ยึดติดกับสิ่งนั้นมากไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตัณหา-เรื่องทรัพย์-อำนาจ คือมันเยอะไปหมด :b12:

เรื่องอย่างนี้ อยากจะฟังความคิดเห็นของคุณโฮฮับเหมือนกันนะ
สงสัยไปปลีกวิเวกสร้างบุญ-บารมีที่ไหนซะล่ะมั้ง :b1:

:b41: :b55: :b49:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 เม.ย. 2014, 16:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณเต้ วิจารณ์นิทานชาดกเรื่องนกแขกเต้าสองตัวพี่น้อง โยงเข้ากับหลักธรรมกระทู้นี้สิครับ


นิทานชาดกเรื่องนกแขกเต้า

มีนกแขกเต้าสองตัวพี่น้องร่วมท้องมารดาเดียวกัน อาศัยอยู่ในป่างิ้วแทบข้างแห่งภูเขา ข้างเหนือลมมีบ้านโจรอยู่ ๕๐๐ ข้างใต้ลมมีอาศรมฤๅษีอยู่ ๕๐๐ ในกาล เมื่อลูกนกแขกเต้าทั้งสอง มีขนปีกยังอ่อนเกิดลมพายุใหญ่พัดมาพารังนกทั้งสองลอยไปในอากาศ

ลูกนกตัวหนึ่ง ไปตกอยู่ในหมู่โจร ๆ เลี้ยงไว้ให้ชื่อว่า เจ้าสัตติคุมพะ เพราะตกอยู่ในระหว่างกองอาวุธ ลูกนกแขกเต้าอีกตัวหนึ่ง ไปตกอยู่ในหมู่ฤๅษีๆ เลี้ยงไว้ให้ชื่อว่า เจ้าปุปผกะ เพราะไปตกอยู่ในระหว่างกองดอกไม้

ลูกนกที่ตกอยู่กับโจรก็เจริญขึ้นในหมู่โจรๆ สั่งสอนในทางพาล ลูกนกที่ตกอยู่กับฤๅษีก็เจริญขึ้นในหมู่ฤๅษีๆ ก็สั่งสอนในทางนักปราชญ์ ฯ

ครั้นกาลล่วงมา ยังมีพระมหากษัตริย์ครองราชย์สมบัติอยู่ในเมืองปัญจาลราช เสด็จออกเที่ยวประพาสยิงเนื้อในป่า จึงรับสั่งแก่หมู่เสนาข้าราชการว่า เนื้อหนีออกไปด้านใครจะปรับไหมแก่ผู้นั้น รับสั่งแล้วให้ล้อมซึ่งพุ่มป่า ครั้งนั้น ยังมีเนื้อทรายตัวหนึ่ง แลเห็นพวกเสนาเข้ามาล้อมก็ตกใจวิ่งออกมาตรงหน้าพระมหากษัตริย์ พระองค์ก็ขัดพระทัยเสด็จขึ้นสู่รถกับนายสารถีขับไล่เพื่อจะจับมฤคีในป่าใหญ่ ครั้นเนื้อทรายหายไป จึงกลับมาหยุดสรงคงคา เสวยวารีที่ริมธารใกล้บ้านพวกโจร แล้วทรงบรรทมใต้ร่มไม้สาขา

ครั้งนั้น โจรทั้งหลายไปเที่ยวป่า ยังอยู่แต่นกแขกเต้ากับพ่อครัว นกแขกเต้าจึงบินออกจากบ้าน เห็นพระยาทรงเครื่องประดับบรรทมหลับอยู่ จึงบินกลับมาบ้านบอกแก่พ่อครัวว่า บุรุษผู้หนึ่งมีเครื่องประดับ มานอนหลับอยู่ เราจะฆ่าให้ตายแล้วเปลื้องเอาเครื่องประดับ จับสองเท้าลากไปทิ้งในที่ไกล

พระมหากษัตริย์นั้นตื่นขึ้น ได้ยินนกพูดกับพ่อครัว ก็มีความกลัวแก่อันตราย รีบเสด็จขึ้นรถกับนายสารถี หนีมาถึงอาศรมศาลาแห่งฤๅษีทั้งหลาย

วันนั้นพระดาบสทั้งหลายไปเที่ยวป่าหาผลไม้ อยู่แต่นกแขกเต้าเฝ้าศาลา นกแขกเต้าเห็นพระมหากษัตริย์เสด็จมา จึงมีวาจาปฏิสันถาร การต้อนรับว่า มหาราชะ ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นพระยาอันประเสริฐ พระองค์เสด็จมาครั้งนี้ดีนักหนา เชิญพระองค์เสด็จมาสู่อาราม ทรงประทับพักพระกายให้สบายอารมณ์ แล้วจึงเสด็จไปเบื้องหน้า ฯ

พระราชา ได้ฟังวาจานกแขกเต้ากล่าวดังนี้ ก็มีพระทัยโสมนัส ทรงสรรเสริญนกแขกเต้าที่อยู่กับฤๅษีมีประการต่างๆ ตรัสติเตียนนกแขกเต้าที่อยู่กับโจรเป็นอันมาก ฯ นกแขกเต้าได้ฟังพระยากล่าวสรรเสริญและนินทาครั้งนั้น จึงกราบทูลว่า ข้าแต่พระยาผู้ประเสริฐ นกแขกเต้าที่ไปอยู่กับโจรนั้น เป็นพี่น้องท้องเดียวกันกับข้าพเจ้า แต่ไปอยู่ในหมู่โจรๆ ก็สั่งสอนด้วยทางพาล นกนั้นก็เป็นพาลใจบาปหยาบช้า ตัวข้าพเจ้ามาตกอยู่ในหมู่ฤๅษีๆ ก็สั่งสอนในทางปราชญ์ ข้าพเจ้าก็เป็นนักปราชญ์ฉลาดในทางธรรม

ดูก่อนพระยาผู้ประเสริฐ บุคคลใดคบหาสมาคมด้วยนักปราชญ์แล้ว ก็จะเป็นนักปราชญ์ บุคคลคบหาสมาคมกับคนพาลแล้วก็คงจะเป็นพาล อาจารย์เป็นพาลแล้วศิษย์ก็จะเป็นพาล คนพาลเปรียบเหมือนยาพิษ บุคคลใดบริโภคเข้าไปแล้วก็คงจะมัวเมา คนพาลเปรียบเหมือนปลาเน่า เอาใบไม้มาห่อก็พาใบไม้ให้เหม็นเช่นปลาเน่า คบคนพาลพาสันดานให้เป็นบาปหยาบช้า ย่อมชักพาให้ไปสู่อบายภูมิทั้ง ๔ คน พาลย่อมนำมาซึ่งความพินาศ ทั้งชาตินี้และชาติหน้า เมื่อนกแขกเต้ากล่าวซึ่งโทษแห่งคนพาล พระยาปัญจาลราชได้ฟังก็เลื่อมใส สรรเสริญด้วยถ้อยคำมีประการต่างๆ นานา ฯ

ขณะนั้น พระฤๅษีทั้งหลายก็กลับมาแต่ป่า พระมหากษัตริย์ก็ถวายอภิวันทนา แล้วก็พูดวาจาให้เป็นที่ยินดี พระราชาจึงอาราธนาพระฤๅษีทั้งหลายให้เข้าไปในสวนอุทยาน ฤๅษีทั้งหลายก็รับอาราธนา พระราชาก็ลาดาบสไปขึ้นสู่รถกลับยังพระนคร รับสั่งให้อภัยแก่นกแขกเต้าทั้งหลาย ไม่ให้ผู้ใดผู้หนึ่งเบียดเบียนบีฑา ครั้งนั้น พระฤๅษีทั้งหลายก็พากันมาอยู่ในสวนพระราชอุทยาน พระองค์ก็ทรงถวายปัจจัยทานมีอาหารเป็นต้น ครั้นพระองค์สิ้นพระชนม์ก็ไปบังเกิดในสวรรค์ เสวยสุขตามกุศลวาสนา ดังวิสัชนามาฉะนั้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 เม.ย. 2014, 19:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


เข้าทำนองที่ว่า คบคนพาล พาลพาไปหาผิด
คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล ใช่หรือปล่าวค่ะ :b1:

ถ้าจะให้เราวิจารณ์ในทางธรรมนะ เรามองในด้านของเหตุ ที่พวกเค้าสร้างกันมาค่ะ
แล้วในความเห็นของคุณกรัชกาย หรือคนอื่นๆล่ะ มุมมองแบบไหน :b41: :b55: :b49:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 เม.ย. 2014, 19:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณกรัชกายเคยเห็นคนตาย ที่เป็นบุคคลธรรมดา แต่ถึงเวลาตาย
มีคนไปส่งให้เค้าขึ้นสวรรค์เยอะอย่างนี้หรือปล่าวค่ะ
เราเพิ่งจะรู้ว่า คนดีนั้นอยู่ที่การกระทำ
ไม่ใช่สักแต่ว่ายกตัวเอง

ไปดูภาพของ

SDr. Karpal Singh

ที่นี่ค่ะ :b41: :b55: :b49:

http://says.com/my/news/photos-karpal-s ... d-farewell


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 เม.ย. 2014, 21:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ร่วมแสดงความเห็นหัวข้อนี้กัน ที่นั่นมีผู้แสดงความเห็นไม่กี่คน ซึ่งต่างหัวข้อเรื่องธรรมะ ธรรโม อื่นๆ เช่น เรื่องฌาน เรื่องขันธ์ ๕ เรื่องอภิญญา คิกๆ ทั้งๆที่มนุษย์หรือคน (จะบัญญัติชื่อเรียกอย่างอื่นอีกก็ได้ตามชาติชนอื่นๆ) เป็นธรรมะเห็นๆ .....ระยะนี้หน้าลานมีผู้แสดงทัศนะน้อยลงๆ โฮฮับก็ลาแล้วลาลับไม่กลับมา :b1: จุดธูปเรียกก็ไม่มา อเมสซิ่งก็เงียบฉี่ :b1: นั่งทางในดูก็ไม่เห็น เลยขาดสีสรรบันเทิงไปเยอะเลย คิกๆๆ

เหลือแต่อโศก ก็ธรรมะตีเลขตีหวย :b32: พูดถึงชีวิตถึงคนก็ว่าไม่ใช่ธรรมะ พูดเรื่องจริงๆก็ผละหนี :b9:

:b12:
แขวะเขาไปทั่ว สรุปมั่วๆแบบยกตนข่มท่าน ยึดมั่นอยู่แต่เรื่องชีวิต ๆ ติดแน่นอยู่แต่เรื่องขันธ์ 5 บ้าแต่คัดลอกปัญหาคนอื่นมาถาม ไม่ยอมเปลี่ยนเลยนะ

แล้วตนเองมีดีอะไรบ้าง มีคำพูดคำแนะนำอะไรดีๆ มีผลปฏิบัติอะไรเจ๋งๆบ้างล่ะ ลองสรุปมาให้ฟังเป็นข้อๆซิ
:b34:
มาตั้งกระทู้ใส่ร้ายว่าคนสมัยนี้ดุ แสดงว่าไม่เคยศึกษาชีวิตมนุษย์ในประวัติศาสตร์ ดุยิ่งกว่านี้อีก
:b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 เม.ย. 2014, 22:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ร่วมแสดงความเห็นหัวข้อนี้กัน ที่นั่นมีผู้แสดงความเห็นไม่กี่คน ซึ่งต่างหัวข้อเรื่องธรรมะ ธรรโม อื่นๆ เช่น เรื่องฌาน เรื่องขันธ์ ๕ เรื่องอภิญญา คิกๆ ทั้งๆที่มนุษย์หรือคน (จะบัญญัติชื่อเรียกอย่างอื่นอีกก็ได้ตามชาติชนอื่นๆ) เป็นธรรมะเห็นๆ .....ระยะนี้หน้าลานมีผู้แสดงทัศนะน้อยลงๆ โฮฮับก็ลาแล้วลาลับไม่กลับมา :b1: จุดธูปเรียกก็ไม่มา อเมสซิ่งก็เงียบฉี่ :b1: นั่งทางในดูก็ไม่เห็น เลยขาดสีสรรบันเทิงไปเยอะเลย คิกๆๆ

เหลือแต่อโศก ก็ธรรมะตีเลขตีหวย :b32: พูดถึงชีวิตถึงคนก็ว่าไม่ใช่ธรรมะ พูดเรื่องจริงๆก็ผละหนี :b9:

:b12:
แขวะเขาไปทั่ว สรุปมั่วๆแบบยกตนข่มท่าน ยึดมั่นอยู่แต่เรื่องชีวิต ๆ ติดแน่นอยู่แต่เรื่องขันธ์ 5 บ้าแต่คัดลอกปัญหาคนอื่นมาถาม ไม่ยอมเปลี่ยนเลยนะ

แล้วตนเองมีดีอะไรบ้าง มีคำพูดคำแนะนำอะไรดีๆ มีผลปฏิบัติอะไรเจ๋งๆบ้างล่ะ ลองสรุปมาให้ฟังเป็นข้อๆซิ
:b34:
มาตั้งกระทู้ใส่ร้ายว่าคนสมัยนี้ดุ แสดงว่าไม่เคยศึกษาชีวิตมนุษย์ในประวัติศาสตร์ ดุยิ่งกว่านี้อีก
:b16:


อโศกนี่ไม่เข้าใจธรรมะ จึงไม่เข้าใจชีวิต คิกๆๆ มองชีวิตไม่ออก

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 เม.ย. 2014, 22:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
เข้าทำนองที่ว่า คบคนพาล พาลพาไปหาผิด
คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล ใช่หรือปล่าวค่ะ :b1:

ถ้าจะให้เราวิจารณ์ในทางธรรมนะ เรามองในด้านของเหตุ ที่พวกเค้าสร้างกันมาค่ะ
แล้วในความเห็นของคุณกรัชกาย หรือคนอื่นๆล่ะ มุมมองแบบไหน :b41: :b55: :b49:


คบพาล (= ปาปมิตร) กับบัณฑิต (= กัลยาณมิตร) ก็ถูกครับ

แต่เมื่อให้พูดคลุมทั้งกระบวนธรรม คือ สภาพแวดล้อมครับ ตัวอย่างนกสองตัวพี่น้อง ตกอยู่ในสภาพแวดล้อมและการเลี้่ยงดูที่ต่างกัน ตัวหนึ่งอยู่ในดงโจร ซึ่งเป็นปาปมิตร ตัวนี้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี (= ปรโตโฆสะไม่ดี) อีกทั้งตนเองก็ขาดปัญญา (อโยนิโสมนสิการ)

อีกตัวหนึ่งอยู่อาศรมของฤๅษี ตัวนี้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี (=ปรโตโฆสะที่ดี) แถมได้ฤๅษีที่เป็นกัลยาณมิตร อีกทั้งตนเองก็มีปัญญา (โยนิโสมนสิการ)


ดังหลักที่ว่า

กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ = ชีวิต (สํ.สฬ.18/217/166) เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัย ปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และ โยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"

อย่างอโศกเนี่ยะ ต่อให้พระพุทธเจ้าแสดงธรรมอยุ่ตรงหน้าก็ฟังไม่เข้าใจ คิกๆๆ เพราะว่าเข้าใจหลักธรรม (ชีวิต) ผิดพลาด :b32:

http://dangdd.com/threads/%E0%B8%AA%E0% ... %A3.52221/

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2014, 09:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กัลยาณมิตร...สำคัญมาก...

การบรรลุธรรมในแต่ละขั้น..ๆ...ขาดกัลยาณมิตร...ก็เป็นไปไม่ได้เลย....ใครคิดว่าตนทำเองได้...นั้นมันหลง..แล้ว...

ว่ามั่ยครับอโสกะ..

อิอิ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2014, 11:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณกบเขียน

อ้างคำพูด:
กัลยาณมิตร...สำคัญมาก...

การบรรลุธรรมในแต่ละขั้น..ๆ...ขาดกัลยาณมิตร...ก็เป็นไปไม่ได้เลย....




ตอนที่เราอ่านคุณกรัชกายเขียน ใจเราก็คิดว่า กัลยามิตรสำคัญกว่าสภาพแวดล้อม
พอเลื่อนมาอ่านของคุณกบฯเขียน เขียนตรงกับใจเราเลยค่ะ :b12:

แต่...ที่เรารู้นะคะ คำว่ากัลยามิตรนั้น ผู้ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์
แล้วจะได้มาพบเจอ ผู้ที่เคยเป็นกัลยามิตรหรือผู้ที่เคยให้ความรู้เกี่ยวกับธรรมนั้น
ไม่ใช่ง่ายๆค่ะ อย่างเรานี่ เวียนว่ายตายเกิดมาหลายสิบชาติแล้วค่ะ ถึงได้เจอ
แต่ทีนี้ทำไมถึงต้องมาเจอทางภาษาที่เขียนล่ะ
ก้อเพราะกรรมของตัวเราเองไงล่ะ :b1: :b41: :b55: :b49:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2014, 12:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
คุณกบเขียน

อ้างคำพูด:
กัลยาณมิตร...สำคัญมาก...

การบรรลุธรรมในแต่ละขั้น..ๆ...ขาดกัลยาณมิตร...ก็เป็นไปไม่ได้เลย....




ตอนที่เราอ่านคุณกรัชกายเขียน ใจเราก็คิดว่า กัลยามิตรสำคัญกว่าสภาพแวดล้อม
พอเลื่อนมาอ่านของคุณกบฯเขียน เขียนตรงกับใจเราเลยค่ะ :b12:

แต่...ที่เรารู้นะคะ คำว่ากัลยามิตรนั้น ผู้ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์
แล้วจะได้มาพบเจอ ผู้ที่เคยเป็นกัลยามิตรหรือผู้ที่เคยให้ความรู้เกี่ยวกับธรรมนั้น
ไม่ใช่ง่ายๆค่ะ อย่างเรานี่ เวียนว่ายตายเกิดมาหลายสิบชาติแล้วค่ะ ถึงได้เจอ
แต่ทีนี้ทำไมถึงต้องมาเจอทางภาษาที่เขียนล่ะ
ก้อเพราะกรรมของตัวเราเองไงล่ะ



อ้างคำพูด:
ตอนที่เราอ่านคุณกรัชกายเขียน ใจเราก็คิดว่า กัลยามิตรสำคัญกว่าสภาพแวดล้อม



คุณเต้นึกดูนะครับ

สมมติว่า คุณเต้เกิดมาในครอบครัว ตนจำความได้ ก็รู้เห็นพ่อขี้เหล้าเมายา แม่ก็ติดการพนัน เมาได้ที่ก็ทะเลาะตบตีกันเป็นประจำ ด่าทอกันด้วยคำหยาบคาย ลามมาถึงลูก ไล่ออกจากบ้าน เราก็ไม่รู้จะไปไหน เพราะยังเด็ก ฯลฯ คุณเต้ตกอยู่ในสภาพแวดล้อมยังงี้ ตั้งแต่เล็กจนโต คุณเต้ว่าพื้นจิตใจตัวเองจะเป็นยังไง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2014, 13:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณกรัชกายเขียน

อ้างคำพูด:
คุณเต้นึกดูนะครับ

สมมติว่า คุณเต้เกิดมาในครอบครัว ตนจำความได้ ก็รู้เห็นพ่อขี้เหล้าเมายา แม่ก็ติดการพนัน เมาได้ที่ก็ทะเลาะตบตีกันเป็นประจำ ด่าทอกันด้วยคำหยาบคาย ลามมาถึงลูก ไล่ออกจากบ้าน เราก็ไม่รู้จะไปไหน เพราะยังเด็ก ฯลฯ คุณเต้ตกอยู่ในสภาพแวดล้อมยังงี้ ตั้งแต่เล็กจนโต คุณเต้ว่าพื้นจิตใจตัวเองจะเป็นยังไง



นี่คือส่วนหนึ่งค่ะ ที่ทำให้สังคมในยุคนี้หรือมนุษย์ในยุคนี้ มีแต่ความเห็นแก่ตัว
ซึ่งเรามองว่า ที่คุณกรัชกายเขียนมาก็คล้ายๆกับนกแขกเต้านั่นแหละ

ถ้าเค้าออกมาจากบ้าน มาเจอกลุ่มคนพาลค้ายาเลี้ยงดูเค้า โดยผลประโยชน์
เค้าก็จะซึมซับแต่เรื่องร้ายๆเข้าไป โดยมียาเสพติดเป็นตัวกระตุ้น
แต่บางคนมีความโชคดีของชีวิต ออกจากบ้านมา ได้มาเจอกับผู้ที่เคยเป็นกัลยามิตรกันมา
ให้ความอุปถัม เค้าก็เป็นคนดีได้


คุณกรัชกาย เคยอ่านเรื่องของผู้ชายคนหนึ่ง รู้สึกว่าเค้าจะจบปริญญาโทหรือปริญญาเอกก็ไม่รู้นะ
เค้าเล่าถึงชีวิตของเค้าว่า ตั้งแต่เค้าเด็กๆ เค้าไม่มีพ่อแม่ เค้าต้องอาศัยนอนข้างถนน
หาของตามถังขยะกิน เพื่อประทังชีวิต

จนมีวันหนึ่ง เค้าได้เจอกับเจ้าของร้านขายของร้านหนึ่ง ชายเจ้าของร้านนี้
ชวนให้เค้าไปทำงานด้วย เค้าก็ไปทำงานที่ร้านนี้
พอเค้าเริ่มโต เจ้าของร้านให้เค้าไปเรียนภาคค่ำ เค้าก็ไปเรียน

รู้สึกว่าเค้าทำงานเกี่ยวกับงานด้านสังคมนะ คือช่วยอะไรนี่หล่ะค่ะ
คุณกรัชกายหรือใครเคยอ่านเจอหรือปล่าวค่ะ นานแล้วล่ะ
ถ้าเค้าไม่ได้เจอกับผู้ที่เคยเป็นกัลยามิตร เค้าจะมายืนอยู่ในจุดนี้ได้หรือปล่าว :b1: :b41: :b55: :b48:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 70 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 127 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร