ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
บุญบารมีอาจเป็นการคาดเดา http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=48597 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 02 พ.ย. 2014, 06:31 ] |
หัวข้อกระทู้: | บุญบารมีอาจเป็นการคาดเดา |
เรื่องบุญบารมีนี้ ขอแก้ข้อข้องใจในบางท่านที่ว่าบุญบารมียังน้อยอยู่ นิพพานนั้นอยู่ไกล จึงได้ลังเลใจจนถึงกับละเลยในการที่จะเจริญวิปัสสนาภาวนา พุทธศาสนิกชนผู้มีบุญทั้งหลาย ที่ได้ศึกษาคำสอนของพระพุทธองค์มาจนถึงเพียงนี้แล้ว ไม่เป็นการสมควรเลยที่จะคาดคิดเอาเองว่ายังมีบุญบารมีน้อยอยู่ เพราะการคาดคิดเช่นนี้เป็นการเดา เอาโดยแท้ และเป็นการเดาที่ไม่เป็นคุณแก่ตนเลย แม้จะสมมติว่าบารมียังมีน้อยจริง ก็ไม่เป็นการสมควรละ หรือจะละเลยที่จะเจริญวิปัสสนาภาวนา เพื่อสร้างสมบุญบารมีให้พอกพูน เพิ่มมากยิ่ง ๆ ขึ้นไป จะได้เต็มเปี่ยมในกาลภายหน้าที่ไม่เนิ่นนานนัก จะอุปมาเหมือนนักเดินทางที่จุดมุ่งหมายปลายทาง ความสำเร็จนั้นสำเร็จตั้งแต่ก้าวแรกที่เดิน แม้ในชาตินี้ยังไม่ถึงปลายทาง ก็ได้เป็นการสร้างบารมีไว้ในชาติต่อๆไปจะได้ไม่อ่อนล้า ความสำเร็จก็ได้ใกล้เข้ามาทุกที หรืออาจจะได้พบแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ นักศึกษาผู้มีปัญญาทั้งหลาย คงได้พิจารณาเห็นแล้วว่า สังขารนี้ไม่ยั่งยืน จึงเป็นการสมควรอย่างยิ่ง ที่จะพากเพียรให้ถึงซึ่งธรรมอันไม่จุติ ตัดขาดจากความเยื่อใยในสิ่งที่ผูกมัดอยู่เสียได้จนหมดสิ้นแล้ว ก็ไม่ต้องสืบต่อภพใหม่ชาติใหม่อีก จักเสวยแต่วิมุตติสุข อันประเสริฐสุดกว่าสุขทั้งปวง |
เจ้าของ: | น้องพลอย [ 02 พ.ย. 2014, 12:13 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุญบารมีอาจเป็นการคาดเดา |
ลุงหมาน กล่าวได้ดีคะ ![]() |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 03 พ.ย. 2014, 06:03 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุญบารมีอาจเป็นการคาดเดา |
น้องพลอย เขียน: ลุงหมาน กล่าวได้ดีคะ ![]() มีคำขวัญของผู้ศึกษาพระอภิธรรมว่า ขุมทรัพย์คือปัญญา คือการได้มาเรียนพระอภิธรรม ขุมทรัพย์ที่เลิศล้ำ คือการเอาพระอภิธรรมไปปฏิบัติ |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 03 พ.ย. 2014, 06:51 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุญบารมีอาจเป็นการคาดเดา |
ลุงหมาน เขียน: เรื่องบุญบารมีนี้ ขอแก้ข้อข้องใจในบางท่านที่ว่าบุญบารมียังน้อยอยู่ นิพพานนั้นอยู่ไกล จึงได้ลังเลใจจนถึงกับละเลยในการที่จะเจริญวิปัสสนาภาวนา ...... บารมี...พ่อแม่ครูบาอาจารย์ได้ให้ความหมายว่า....กำลังใจ กำลังใจ....ที่คิดอยากจะนิพพาน...นี้....มันอธิบายด้วยเหตุด้วยผล...ว่าทำไมถึงจะคิด...ทำไมจึงไม่คิดกัน..นั้น...ได้ยาก หนังสือหนังหา...ก็บอกใว้ชัดเจน...บอกใว้หลายๆที่..ว่า...วัฏฏะสงสาร..มันมีแต่ทุกข์..นะ...แม้ในชีวิตประจำวัน..ก็อยู่กับทุกข์..ทั้งนั้น...แล้วทำไมคนจีงไม่นึกเอ๋ะใจ ![]() |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 03 พ.ย. 2014, 09:57 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุญบารมีอาจเป็นการคาดเดา |
กบนอกกะลา เขียน: ลุงหมาน เขียน: เรื่องบุญบารมีนี้ ขอแก้ข้อข้องใจในบางท่านที่ว่าบุญบารมียังน้อยอยู่ นิพพานนั้นอยู่ไกล จึงได้ลังเลใจจนถึงกับละเลยในการที่จะเจริญวิปัสสนาภาวนา ...... บารมี...พ่อแม่ครูบาอาจารย์ได้ให้ความหมายว่า....กำลังใจ กำลังใจ....ที่คิดอยากจะนิพพาน...นี้....มันอธิบายด้วยเหตุด้วยผล...ว่าทำไมถึงจะคิด...ทำไมจึงไม่คิดกัน..นั้น...ได้ยาก หนังสือหนังหา...ก็บอกใว้ชัดเจน...บอกใว้หลายๆที่..ว่า...วัฏฏะสงสาร..มันมีแต่ทุกข์..นะ...แม้ในชีวิตประจำวัน..ก็อยู่กับทุกข์..ทั้งนั้น...แล้วทำไมคนจีงไม่นึกเอ๋ะใจ ![]() บารมี แปลว่า ทำให้เต็ม ทำให้ยิ่งยวด เป็นการกระทำความดีอย่างพิเศษ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายอันสูงสุด มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น...... |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 03 พ.ย. 2014, 21:05 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุญบารมีอาจเป็นการคาดเดา |
ทำให้เต็ม...นี้...ไม่เถียงครับ... แต่...ทำอะไรให้เต็ม..นี้ซิ |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 04 พ.ย. 2014, 06:37 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุญบารมีอาจเป็นการคาดเดา |
กบนอกกะลา เขียน: ทำให้เต็ม...นี้...ไม่เถียงครับ... แต่...ทำอะไรให้เต็ม..นี้ซิ ทศบารมี ๑๐ ประการ ได้แก่ ทานบารมี, ศีลบารมี, เนกขัมมบารมี, ปัญญา บารมี, วิริยบารมี, ขันติบารมี, สัจจบารมี, อธิษฐานบารมี, เมตตาบารมี, อุเบกขาบารมี |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 04 พ.ย. 2014, 21:39 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุญบารมีอาจเป็นการคาดเดา |
เอาข้อแรกก่อน..ละกัน ทานบารมี... ทำให้เต็ม ทำให้ยิ่งยวด....อาการอย่างไร...พอจะบ่งชี้ว่า...ทานบารมีได้ทำอย่างยิ่งยวดแล้ว...ได้ทำให้เต็มแล้ว |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 05 พ.ย. 2014, 06:07 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุญบารมีอาจเป็นการคาดเดา |
กบนอกกะลา เขียน: เอาข้อแรกก่อน..ละกัน ทานบารมี... ทำให้เต็ม ทำให้ยิ่งยวด....อาการอย่างไร...พอจะบ่งชี้ว่า...ทานบารมีได้ทำอย่างยิ่งยวดแล้ว...ได้ทำให้เต็มแล้ว ทานบารมีอย่างยิ่งยวด...ก็ต้องดูตัวอย่างพระพุทธเจ้าสร้างบารมี ในสมัยที่ยังเป็นพระโพธิสัตว์ดำรงค์พระชาติเป็นพระเวสสันดร ![]() ![]() ![]() ในการบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ในชาติหนึ่งๆนั้น มิใช่ว่าจะทรงบำเพ็ญบารมีเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น บำเพ็ญทานบารมี หรือบำเพ็ญศีลบารมีอย่างเดียวเท่านั้น แต่ในชาติเดียวกันนั้น ได้บำเพ็ญบารมีควบคู่กันไปอาจเด่นเพียงบารมีเดียว ที่เหลือก็เป็นลำดับรองๆ ลงไป เช่น ในชาติที่เป็นพระเวสสันดรทรงบำเพ็ญบารมีครบ ๑๐ บารมี คือ เมื่อพระเวสสันดรประสูติไม่นาน พระองค์ก็กราบทูลพระมารดาว่า จะให้ทานขณะพระชนมายุได้ ๘ พรรษา ทรงดำริที่จะบริจาคอวัยวะทั้งหมด ให้เป็นทาน(อัชฌัตติกทาน)เมื่อเสวยราชสมบัติแล้วได้รับพระราชทานพญาช้าง ปัจจัยนาคราชแก่พวกพรามณ์ และทรงบริจาคสัตตสดกมหาทาน ต่อมาเมื่อถูกเนรเทศให้ไปอยู่เขาวงกตก็ไดทรงบริจาคพระโอรส พระธิดา พระมเหสี และเมื่อเสด็จกลับมาครองราชสมบัติก็ได้บริจาคทานตลอดพระชนมายุ การบำเพ็ญบารมีส่วนนี้จัดเป็นทารบารมี ในฐานะเป็นฆาราวาส พระเวสสันดร สมาทานรักษาศีลเป็นนิตย์ และทรงรักสมาทานรักษาอุโบสถศีลทุกวันอุโบสถกึ่งเดือน การบำเพ็ญบารมีในส่วนนี้จัดเป็นศีลบารมี ขณะที่ถือเพศเป็นดาบสอยู่ที่เขาวงกต พระเวสสันดรละกามคุณอย่างเด็ดขาด การพำเพ็ญบารมีส่วนนี้จัดเป็นเนกขัมมบารมี การดำริที่จะบริจาคอวัยวะทั้งหมดให้เป็นทานก็ตาม การบรรเทาความเศร้าโศก อันเกิดจากการบริจาคพระโอรส พระธิดาด้วยปัญญาก็ตาม การบำเพ็ญบารมีส่วนในนี้จัดเป็นปัญญาบารมี ขณะครองราชสมบัติ พระองค์ได้เสด็จโรงทานทั้ง ๖ แห่งทุกกึ่งเดือน และขณะที่ถือเพศที่เขาวงกตนั้น พระองค์ทรงตั้งพระทัยบูชาเพลิง และบำเพ็ญเตโชกสิณอยู่เป็นนิตย์ การบำเพ็ญในส่วนนี้จัดเป็นวิริยะบารมี เมื่อพระราชบิดาทรงเนรเทศให้ออกจากพระนครตามความประสงค์ของชาวเมือง และเมื่อพรามณ์ชูชกเฆี่ยนตีพระโอรสและพระธิดา ณ เบื้องพระพักต์ พระองค์ก็ทรงอดกลั้นความรู้สึกเหล่านี้ได้ การบำเพ็ญบารมีในส่วนนี้จัดเป็นขันติบารมี พระเวสสันดรทรงปฏิญาณที่จะบริจาคอวัยวะทั้งหมด และพระโอรสพระธิดา ให้เป็นทานการบำเพ็ญส่วนนี้จัดเป็นสัจจบารมี เมื่อทรงปฏิญาณอย่างแน่วแน่ ไม่ทำความอาลัยในพระโอรสพระธิดา ที่จะทรงบริจาคให้เป็นทาน แม้จะทรงสะดุ้งกลัวต่อเสียงตำหนิติเตียนของหมู่เสวกามาตย์ จะต้องเสด็จขึ้นไปบนภูเขา แต่เมื่อพระนางมัทรีเสด็จขึ้นไปปลอบแล้ว พระองค์ก็อธิษฐาณใจอย่างมั่นคง การบำเพ็ญบารมีในส่วนนี้เป็นอธิษฐาณบารมี การแผ่เมตตาให้แก่ชาวกาลิงคราษฎร์ที่มาขอพระราชทานพญาช้างปัจจัยนาคก็ตาม การแผ่เมตตาให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายอยู่เป็นนิตย์ ในระหว่างที่ถือทรงเพศเป็นดาบส ประพฤติพรหมจรรย์อยู่ที่เขาวงกตก็ตาม การบำเพ็ญบารมีในส่วนนี้จัดเป็นเมตตาบารมี พระเวสสันดรทรงตัดความเสน่หาในพระโอรสและพระธิดาโดยมิได้โกรธแค้น พราหมชูชกที่มาขอ พร้อมทั้งตั้งพระทัยเป็นกลางโดยมิได้รักได้ชังผู้ใด การบำเพ็ญบารมีส่วนนี้จัดเป็นอุเบกขาบารมี |
เจ้าของ: | sirinpho [ 07 พ.ย. 2014, 16:47 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุญบารมีอาจเป็นการคาดเดา |
![]() ![]() |
เจ้าของ: | ลูกหว้า [ 08 พ.ย. 2015, 17:51 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุญบารมีอาจเป็นการคาดเดา |
![]() ![]() ขออนุโมทนาสาธุค่ะ |
เจ้าของ: | asoka [ 09 พ.ย. 2015, 06:34 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุญบารมีอาจเป็นการคาดเดา |
![]() ไอ้ตอนที่คาดเดาได้ว่าบุญบารมีมีน้อยเลยไม่เพียรเจริญวิปัสสนาภาวนา ปฏิบัติธรรม นั้นคิดได้ แล้วทำไม่คาดเดาเอาบ้างว่า ชาตินี้เกิดมามีบุญบารมีมาก เพราะได้เกิดเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนา ได้คบหากัลยาณมิตร ได้เรียนรู้ข้อธรรมคำสอนอันถูกต้องของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากลานธรรมจักร มีเพื่อนฝูงคอยทักแนะนำตักเตือนและบอกชี้ ชาตินี้คงเหลือแต่การตั้งใจ เอาจริง ทำจริง ปฏิบัติจริงๆ ตามคำสอนที่ถูกต้องของพระพุทธเจ้าเพียงเท่านั้นก็จักได้บรรลุธรรมทันในปัจจุบันชาตินี้ อย่างน้อยที่สุดบารมีที่มีคงส่งถึงโสดาปัตติผล พ้นอบายโดยเด็ดขาดได้ทันก่อนตายเป็นแน่แท้ คิดอย่างนี้ก็มีสิทธิ์คิดคาดเดาได้ไม่ใช่หรือครับ ทำไมจะต้องคอยแต่คิดเรื่องที่บั่นทอนกำลังใจตัวเอง แทนที่จะคิดให้กำลังใจตัวเอง ผมว่าความคิดเรื่องบารมีน้อยบารมีไม่พอไม่ถึงนั้นน่าจะเป็นความคิดของมารที่มาแฝงเกาะกุมใจเรามากกว่านะครับ ![]() ![]() |
เจ้าของ: | เปลี่ยนชื่อใหม่ [ 09 พ.ย. 2015, 08:22 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุญบารมีอาจเป็นการคาดเดา |
ไม่ควรคิดแบบนั้นจริงๆครับ แต่ถึงจะคิด หากคนจะได้ยังไงมันก็ได้ครับ |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 22 พ.ย. 2015, 04:01 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุญบารมีอาจเป็นการคาดเดา |
ลุงหมาน เขียน: เรื่องบุญบารมีนี้ ขอแก้ข้อข้องใจในบางท่านที่ว่าบุญบารมียังน้อยอยู่ นิพพานนั้นอยู่ไกล จึงได้ลังเลใจจนถึงกับละเลยในการที่จะเจริญวิปัสสนาภาวนา พุทธศาสนิกชนผู้มีบุญทั้งหลาย ที่ได้ศึกษาคำสอนของพระพุทธองค์มาจนถึงเพียงนี้แล้ว ไม่เป็นการสมควรเลยที่จะคาดคิดเอาเองว่ายังมีบุญบารมีน้อยอยู่ เพราะการคาดคิดเช่นนี้เป็นการเดา เอาโดยแท้ และเป็นการเดาที่ไม่เป็นคุณแก่ตนเลย แม้จะสมมติว่าบารมียังมีน้อยจริง ก็ไม่เป็นการสมควรละ หรือจะละเลยที่จะเจริญวิปัสสนาภาวนา เพื่อสร้างสมบุญบารมีให้พอกพูน เพิ่มมากยิ่ง ๆ ขึ้นไป จะได้เต็มเปี่ยมในกาลภายหน้าที่ไม่เนิ่นนานนัก จะอุปมาเหมือนนักเดินทางที่จุดมุ่งหมายปลายทาง ความสำเร็จนั้นสำเร็จตั้งแต่ก้าวแรกที่เดิน แม้ในชาตินี้ยังไม่ถึงปลายทาง ก็ได้เป็นการสร้างบารมีไว้ในชาติต่อๆไปจะได้ไม่อ่อนล้า ความสำเร็จก็ได้ใกล้เข้ามาทุกที หรืออาจจะได้พบแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ นักศึกษาผู้มีปัญญาทั้งหลาย คงได้พิจารณาเห็นแล้วว่า สังขารนี้ไม่ยั่งยืน จึงเป็นการสมควรอย่างยิ่ง ที่จะพากเพียรให้ถึงซึ่งธรรมอันไม่จุติ ตัดขาดจากความเยื่อใยในสิ่งที่ผูกมัดอยู่เสียได้จนหมดสิ้นแล้ว ก็ไม่ต้องสืบต่อภพใหม่ชาติใหม่อีก จักเสวยแต่วิมุตติสุข อันประเสริฐสุดกว่าสุขทั้งปวง asoka เขียน: :b13: ทำไมจะต้องคอยแต่คิดเรื่องที่บั่นทอนกำลังใจตัวเอง แทนที่จะคิดให้กำลังใจตัวเอง ผมว่าความคิดเรื่องบารมีน้อยบารมีไม่พอไม่ถึงนั้นน่าจะเป็นความคิดของมารที่มาแฝงเกาะกุมใจเรามากกว่านะครับ ![]() ![]() เห็นด้วยครับว่า....ไม่ควรคิดเลยว่าตนมีบารมีน้อย หากคิดว่าตนมีบารมีน้อย....มีไม่พอ....ถ้าว่าด้วยเรื่องนิวรณ์ก็เป็นนิวรณ์...ถ้าว่าด้วยเรื่องสังโยชน์ก็เป็นมานะสังโยชน์...ไม่ว่าจะว่าด้วยเรื่องอะไร..ก็เป็นกิเลสที่ดึงเราในจมอยู่ในวัฏฏะสงสาร..นี้..ทั้งนั้น |
เจ้าของ: | asoka [ 22 พ.ย. 2015, 06:18 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: บุญบารมีอาจเป็นการคาดเดา | ||
![]() เรื่องบารมีนั้นแพ้คาถานี้ครับ "วิริเยนะ ทุกขมัจเจติ" "บุคคลล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร" ![]()
|
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |