วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 22:46  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 130 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ย. 2014, 03:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ว่างๆ ก็พิมพ์ มาถามครับ :b12: แก้เหงาตอนเลิกงาน คำถามอาจจะถามติ๊งต๊องกวนๆไม่ได้เจตนานะครับเพราะสงสัยอีกล่ะ :b14: คือ อดีตที่ผ่านไปแล้ว ก็พอจะคำนวณเวลาได้ ว่า ผ่านไป กี่ วัน กี่ เดือน..ปี
อนาคต ยังมาไม่ถึง ก็ยังไม่คำนวณ เวลามันมีตลอด จนกว่าโลกจะหยุดหมุน หรือ เสื่อมสลาย เพราะ โลกเป็น รูป ย่อมเสื่อมสลาย แตก ดับ สักวัน แต่ที่ แน่ๆ เวลา มันฆ่าเราโดยไม่รู้ตัวทีละน้อยๆผ่านไปแป๊บเดียว แก่ แล้ว :b13: แต่ ขณะปัจจุบัน มันจะมีหรือ เพราะ วินาที ที่ผ่านไปเมื่อกี้ ก็ ถือเป็น อดีตไปแล้ว มันผ่านไป ๆ เลยไม่รู้ว่าขณะปัจจุบันที่มันเที่ยง ตั้งอยู่นี่ มันนานเท่าไร ยิ่งคิด ยิ่ง งง :b14: :b9: :b7: :b13: คนถามก็ งง....มาแชร์กันครับ เพื่อน พี่น้อง ชาวพุทธบริษัท เหงาๆ ก็เข้ามา ครับ ขออนุโมทนา
เจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ย. 2014, 07:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


ศรีสมบัติ เขียน:
ว่างๆ ก็พิมพ์ มาถามครับ :b12: แก้เหงาตอนเลิกงาน คำถามอาจจะถามติ๊งต๊องกวนๆไม่ได้เจตนานะครับเพราะสงสัยอีกล่ะ :b14: คือ อดีตที่ผ่านไปแล้ว ก็พอจะคำนวณเวลาได้ ว่า ผ่านไป กี่ วัน กี่ เดือน..ปี
อนาคต ยังมาไม่ถึง ก็ยังไม่คำนวณ เวลามันมีตลอด จนกว่าโลกจะหยุดหมุน หรือ เสื่อมสลาย เพราะ โลกเป็น รูป ย่อมเสื่อมสลาย แตก ดับ สักวัน แต่ที่ แน่ๆ เวลา มันฆ่าเราโดยไม่รู้ตัวทีละน้อยๆผ่านไปแป๊บเดียว แก่ แล้ว :b13: แต่ ขณะปัจจุบัน มันจะมีหรือ เพราะ วินาที ที่ผ่านไปเมื่อกี้ ก็ ถือเป็น อดีตไปแล้ว มันผ่านไป ๆ เลยไม่รู้ว่าขณะปัจจุบันที่มันเที่ยง ตั้งอยู่นี่ มันนานเท่าไร ยิ่งคิด ยิ่ง งง :b14: :b9: :b7: :b13: คนถามก็ งง....มาแชร์กันครับ เพื่อน พี่น้อง ชาวพุทธบริษัท เหงาๆ ก็เข้ามา ครับ ขออนุโมทนา
เจริญในธรรม :b8:


ครับ! ว่างๆ ก็มานั่งตอบสนทนากันแบบหนุกๆ แต่ก็ได้ประโยชน์ทำให้สมองไม่ฝ่อ
ปัจจุบันนั้นเราจะนับจากอะไรล่ะ นับได้หลายอย่าง อาจนับจากวัน จากเดือน จากปี จากโลกนี้
ไปโลกหน้า หรืออาจนับจากชีวิตหนึ่ง เราก็นับชีวิตที่กำลังจะเกิดมาก็นับว่าเป็นอดีต ปัจจุบันก็นับตั้งแต่
เกิดขึ้นมามีชีวิตอยู่ถึงขณะนี้ อนาคตก็นับขณะที่สิ้นชีวิตไป

ถ้านับจากปัจจุบันขณะ ก็นับจากขณะที่อนาคตกำลังมาถึง ขณะที่อนาคตกำลังจะจากไปเป็นอดีต
ถ้านับแบบนี้ปัจจุบันแทบจะหาไม่พบเลย แต่มันก็จะต้องมีปัจจุบันขณะอยู่ที่รอยต่อระหว่างมากับไป

ถ้านับเอาปัจจุบันเป็นตัวตั้ง ถ้าอนาคตพอมาถึงก็เป็นปัจจุบัน พออนาคตที่เป็นปัจจุบันจากไป
ก็เป็นอนาคตที่เป็นอดีต เฮ้อ ! คนตอบก็ งง เอง

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ย. 2014, 07:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ศรีสมบัติ เขียน:
ว่างๆ ก็พิมพ์ มาถามครับ :b12: แก้เหงาตอนเลิกงาน คำถามอาจจะถามติ๊งต๊องกวนๆไม่ได้เจตนานะครับเพราะสงสัยอีกล่ะ :b14: คือ อดีตที่ผ่านไปแล้ว ก็พอจะคำนวณเวลาได้ ว่า ผ่านไป กี่ วัน กี่ เดือน..ปี
อนาคต ยังมาไม่ถึง ก็ยังไม่คำนวณ เวลามันมีตลอด จนกว่าโลกจะหยุดหมุน หรือ เสื่อมสลาย เพราะ โลกเป็น รูป ย่อมเสื่อมสลาย แตก ดับ สักวัน แต่ที่ แน่ๆ เวลา มันฆ่าเราโดยไม่รู้ตัวทีละน้อยๆผ่านไปแป๊บเดียว แก่ แล้ว :b13: แต่ ขณะปัจจุบัน มันจะมีหรือ เพราะ วินาที ที่ผ่านไปเมื่อกี้ ก็ ถือเป็น อดีตไปแล้ว มันผ่านไป ๆ เลยไม่รู้ว่าขณะปัจจุบันที่มันเที่ยง ตั้งอยู่นี่ มันนานเท่าไร ยิ่งคิด ยิ่ง งง :b14: :b9: :b7: :b13: คนถามก็ งง....มาแชร์กันครับ เพื่อน พี่น้อง ชาวพุทธบริษัท เหงาๆ ก็เข้ามา ครับ ขออนุโมทนา
เจริญในธรรม :b8:


ปัจจุบัน นับจากช่วงที่ธรรมที่ปรากฏ

เช่นธรรมทั้งปวงเป็นทุกข์

นั่นแหละครับปัจจุบันขณะ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ย. 2014, 14:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ครับ :b8: ขออนุโมทนาทุกคำตอบ สาธุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ย. 2014, 15:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 พ.ค. 2004, 12:30
โพสต์: 147


 ข้อมูลส่วนตัว www


ปัจจุบันมันมีระยะเวลา ชั่วขณะ นานเท่าไร

- เท่าที่ ความเพียร ตั้งอยู่

แล้วไม่มีความเพียร จะเป็น ปัจจุบันไหม

- ทั้งเป็น และ ไม่เป็น

เป็น สำหรับ ผู้ที่มี ราตรีเดียว (รู้โลก อย่างไม่ติดโลก)

และ ไม่เป็น

- สำหรับที่ยังหลงเมามัวกับ อดีตที่ล่วงผ่านแล้ว และอนาคตที่ยังมาไม่ถึง

แล้ว ช่วงที่ธรรมปรากฏ ล่ะ

- เป็นเพียง ตะครุบเงา ของธรรม เพราะมันสำคัญอยู่ที่ใจ เมื่อไป ติดถือมั่นว่า แวปที่ว่าเป็นปัจจุบัน จิตก็ส่งออกไป อย่างผู้หลงติดโลกแล้ว ก็จึงเป็น ธรรมเมา เข้าใจว่า อดีต นั้นใช่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ย. 2014, 17:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปัจจุบัน ..... ตอบยากนะ
แต่ ปัจจุบันขณะ นี่แป๊ปเดียว
เอาเป็นว่า เร็วกว่าชั่วกระพริบตา
ประมาณว่า การรู้เกิด-ดับ ของสภาวะธรรมที่ปรากฏมากระทบความรับรู้แระกันครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ย. 2014, 22:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณคุณศรีสมบัติเขียน
อ้างคำพูด:
อนาคต ยังมาไม่ถึง ก็ยังไม่คำนวณ เวลามันมีตลอด
จนกว่าโลกจะหยุดหมุน หรือ เสื่



คุณคุยเรื่องอะไรกันเหรอค่ะ
เดี้ยนอ่าน2รอบแล้วค่ะ
ก็ยังงงๆอยู่เลยค่ะ :b32: :b41: :b55: :b49:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ย. 2014, 09:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
คุณคุยเรื่องอะไรกันเหรอค่ะ
เดี้ยนอ่าน2รอบแล้วค่ะ
ก็ยังงงๆอยู่เลยค่ะ

สนทนาเล็กน้อยๆ กะสภาพธรรมครับท่าน bbby :b8: ช่วยนี้แนะด้วยครับ เพราะคนถามก็ งง :b23:
ปัจจุบันขณะ!! มันนานไม๊ บางท่านก็บอก แว็บเดียว แค่ อายตนะ กระทบ จิตเข้าไปรับ สภาพรู้ธรรมในขณะนั้น แล้วมันก็ผ่านไป อิๆ คิดเล่นๆ ครับ หรือท่านบอกปัจจุบันมันแทบไม่มีด้วยซ้ำ เพราะแค่เข็มนาฬิกาขยับแค่วินาทีขยับ กิ๊กเดียว มันก็เป็น อดีตไปแล้ว และเราก็จะพูดว่า " วินาทีที่ผ่านไปแล้ว " ผ่านไปแล้ว ก็คือ อดีต...... :b13: สนทนาเล่นๆ สนุกๆ แก้เหงาน่ะครับ
ขออนุโมทนาทุกคำตอบด้วยครับ :b8:
เจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ย. 2014, 14:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณศรีสมบัติเขียน

อ้างคำพูด:
สนทนาเล็กน้อยๆ กะสภาพธรรมครับท่าน bbby ช่วยนี้แนะด้วยครับ เพราะคนถามก็ งง
ปัจจุบันขณะ!! มันนานไม๊ บางท่านก็บอก แว็บเดียว แค่ อายตนะ กระทบ จิตเข้าไปรับ สภาพรู้ธรรมในขณะนั้น แล้วมันก็ผ่านไป อิๆ


สนใจตรงนี้ค่ะ อายตนะ กระทบจิตเข้าไปรับ
สภาพรู้ธรรมในขณะนั้น แล้วมันก็ผ่านไป
คุณศรีสมบัติ ช่วยเติมความรุ้ตรงนี้
ให้อีกนิดหนึ่งสิค่ะ
คุณลุงสมาน. คุณเช่นนั้นด้วยนะค่ะ :b8: :b41: :b55: :b49:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ย. 2014, 15:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
คุณศรีสมบัติเขียน

อ้างคำพูด:
สนทนาเล็กน้อยๆ กะสภาพธรรมครับท่าน bbby ช่วยนี้แนะด้วยครับ เพราะคนถามก็ งง
ปัจจุบันขณะ!! มันนานไม๊ บางท่านก็บอก แว็บเดียว แค่ อายตนะ กระทบ จิตเข้าไปรับ สภาพรู้ธรรมในขณะนั้น แล้วมันก็ผ่านไป อิๆ


สนใจตรงนี้ค่ะ อายตนะ กระทบจิตเข้าไปรับ
สภาพรู้ธรรมในขณะนั้น แล้วมันก็ผ่านไป
คุณศรีสมบัติ ช่วยเติมความรุ้ตรงนี้
ให้อีกนิดหนึ่งสิค่ะ
คุณลุงสมาน. คุณเช่นนั้นด้วยนะค่ะ :b8: :b41: :b55: :b49:

อายตนะมันต้องมี 2 อายตนะมันมากระทบกัน
คือ จักขายตนะ + รูปายตนะ จึงเกิด มนายตนะ
เมื่อทั้ง 3 อายตนะมาประชุมพร้อมกันการเห็นจึงเกิดขึ้นได้

ถ้าขาดอายตนะใดไปสัก 1 อย่างการเห็นจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย
แต่ก็ใช่ว่าอายตนะมาประชุมพร้อมกัน ก็ใช่ว่าการเห็นจะเกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ ต้องอาศัยปัจจัยเป็นตัวช่วยอีก เช่นต้องแสงสว่าง ต้องอาศัยจักขุปสาทดี ต้องอาศัยรูปารมณ์ที่ชัดเจนที่อยู่ในระยะพอสมควรแก่จักขุปสาทที่จะรับได้ ต้องอาศัยมนสิการที่จะดูด้วยครับ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ย. 2014, 04:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
สนใจตรงนี้ค่ะ อายตนะ กระทบจิตเข้าไปรับ
สภาพรู้ธรรมในขณะนั้น แล้วมันก็ผ่านไป
คุณศรีสมบัติ ช่วยเติมความรุ้ตรงนี้
ให้อีกนิดหนึ่งสิค่ะ

พออธิบายง่ายๆ แบบภูมิปัญญา ตามที่ได้อ่านได้ฟังมา ต่อนึง ถือว่าเป็นเพื่อนกัลณมิตร คุยสนุกๆ แก้เหงานะครับท่าน bbby
เช่นยกตัวอย่าง ท่าน bbby กำลังเดินไป ได้ยินเสียงสุนัขเห่า สภาพธรรมตอนนั้นเกิดขึ้นแล้ว เพราะเสียงมากระทบที่ประสาทหู ได้ยิน ผัสสะเกิดขึ้น ผ่านพ้นไปเพียงแว็บ ระลึกไม่ทัน จิตคิดปรุงแต่งสัญญาความจำตีความหมายได้ว่าเป็นเสียงสุนัข ตอนนี้จิตหรือสภาพธรรมอันใหม่มาแทนที่ จิตวิญญานรู้ ว่าเป็นเสียงสุนัข ต่อมา กิเลสเกิดขึ้นเพราะ สติกำหนดไม่ทัน ก้เกิดความพอใจไม่พอใจ อันนี้คนละอันกันแล้ว สภาวะนึงเกิดอันใหม่ขึ้นมาหยกๆ อันเก่าเป็นอดีตไปล่ะ ปัจจุบันขณะ อันนี้เป็นมโนวิญญาน เกิดขึ้นที่หทัยวัตถุ อยู่ที่ทรวงอก ได้ยินก็เป็นจิต นึกคิดก็เป็นจิต ชอบใจไม่ชอบใจก็เป็นจิตที่ประกอบด้วยเจตสิกฝ่ายอกุศล เป็นจิตเหมือนกัน แต่คนละอันกัน คนละจิตกัน...ในการปฏิบัติธรรม เจริญสติ ให้กำหนดดูจิต ดูเจตสิก ดูรูป ก็เจริญสติไปดูรูปอันใดเกิด นามอันใดเกิด ก็ใส่ใจระลึกไป เช่นได้ยินเสียงเกิดขึ้น ระลึก ระลึก การได้ยิน ซึ่งก็มีเสียงมากระทบ มีการได้ยิน รูว่าเสียงสุนัขไม่ใช่ได้ยิน แต่เป็นความนึกคิด เกิดที่หทัยวัตถุ สติระลึกความนึกคิด โกรธทำเสียงหนวกหู โกรธ รำคาญ ก็เป็นธรรมชาติ ที่เกิดต่อๆ กันมา จากความนึกคิด จากความปรุงแต่ง นี่คือ สภาวะธรรมที่เกิดต่อๆ กันมา จิตมันเกิด มันดับ ความถี่ของมันเร็วมาก มันมีอันใหม่มาแทนที่ เราก็ระลึกรู้อันใหม่ อันเก่าเดินผ่านไป ดับไป ก็อย่าไปหันมองตามมันไป จับสภาวะอันใหม่ปัจจุบันขณะ รู้ปัจจุบัน สภาวะ รูปนามที่มันปรากฏปัจจุบันขณะ นั่นหล่ะ ถือว่าท่านกำลังเจริญสติ ปฏิบัติธรรมระดับขั้นวิปัสสนา จะต้องระลึกรู้ เก็บสะสมหน่วยกิจไปเรื่อยๆ ด้วยความขยัน หมั่นเพียร กายก็รู้ ใจก็รู้ สลับกันไป ในปัจจุบันขณะ หวังว่าคงจะไม่งง :b14: เพราะคนพิมพืก็เริ่มมึนงง :b13: คงได้รับความกระจ่างไม่มากก็น้อยนะครับ
ขอเจริญในธรรมยิ่งขึ้นไป :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ย. 2014, 04:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ศรีสมบัติ เขียน:
bbby เขียน:
สนใจตรงนี้ค่ะ อายตนะ กระทบจิตเข้าไปรับ
สภาพรู้ธรรมในขณะนั้น แล้วมันก็ผ่านไป
คุณศรีสมบัติ ช่วยเติมความรุ้ตรงนี้
ให้อีกนิดหนึ่งสิค่ะ

พออธิบายง่ายๆ แบบภูมิปัญญา ตามที่ได้อ่านได้ฟังมา ต่อนึง ถือว่าเป็นเพื่อนกัลณมิตร คุยสนุกๆ แก้เหงานะครับท่าน bbby
เช่นยกตัวอย่าง ท่าน bbby กำลังเดินไป ได้ยินเสียงสุนัขเห่า สภาพธรรมตอนนั้นเกิดขึ้นแล้ว เพราะเสียงมากระทบที่ประสาทหู ได้ยิน ผัสสะเกิดขึ้น ผ่านพ้นไปเพียงแว็บ ระลึกไม่ทัน จิตคิดปรุงแต่งสัญญาความจำตีความหมายได้ว่าเป็นเสียงสุนัข ตอนนี้จิตหรือสภาพธรรมอันใหม่มาแทนที่ จิตวิญญานรู้ ว่าเป็นเสียงสุนัข ต่อมา กิเลสเกิดขึ้นเพราะ สติกำหนดไม่ทัน ก้เกิดความพอใจไม่พอใจ อันนี้คนละอันกันแล้ว สภาวะนึงเกิดอันใหม่ขึ้นมาหยกๆ อันเก่าเป็นอดีตไปล่ะ ปัจจุบันขณะ อันนี้เป็นมโนวิญญาน เกิดขึ้นที่หทัยวัตถุ อยู่ที่ทรวงอก ได้ยินก็เป็นจิต นึกคิดก็เป็นจิต ชอบใจไม่ชอบใจก็เป็นจิตที่ประกอบด้วยเจตสิกฝ่ายอกุศล เป็นจิตเหมือนกัน แต่คนละอันกัน คนละจิตกัน...ในการปฏิบัติธรรม เจริญสติ ให้กำหนดดูจิต ดูเจตสิก ดูรูป ก็เจริญสติไปดูรูปอันใดเกิด นามอันใดเกิด ก็ใส่ใจระลึกไป เช่นได้ยินเสียงเกิดขึ้น ระลึก ระลึก การได้ยิน ซึ่งก็มีเสียงมากระทบ มีการได้ยิน รูว่าเสียงสุนัขไม่ใช่ได้ยิน แต่เป็นความนึกคิด เกิดที่หทัยวัตถุ สติระลึกความนึกคิด โกรธทำเสียงหนวกหู โกรธ รำคาญ ก็เป็นธรรมชาติ ที่เกิดต่อๆ กันมา จากความนึกคิด จากความปรุงแต่ง นี่คือ สภาวะธรรมที่เกิดต่อๆ กันมา จิตมันเกิด มันดับ ความถี่ของมันเร็วมาก มันมีอันใหม่มาแทนที่ เราก็ระลึกรู้อันใหม่ อันเก่าเดินผ่านไป ดับไป ก็อย่าไปหันมองตามมันไป จับสภาวะอันใหม่ปัจจุบันขณะ รู้ปัจจุบัน สภาวะ รูปนามที่มันปรากฏปัจจุบันขณะ นั่นหล่ะ ถือว่าท่านกำลังเจริญสติ ปฏิบัติธรรมระดับขั้นวิปัสสนา จะต้องระลึกรู้ เก็บสะสมหน่วยกิจไปเรื่อยๆ ด้วยความขยัน หมั่นเพียร กายก็รู้ ใจก็รู้ สลับกันไป ในปัจจุบันขณะ หวังว่าคงจะไม่งง :b14: เพราะคนพิมพืก็เริ่มมึนงง :b13: คงได้รับความกระจ่างไม่มากก็น้อยนะครับ
ขอเจริญในธรรมยิ่งขึ้นไป :b8:


นิดหนึ่งครับ

ก่อนตั้งใจเจริญสตินั้น
หากเราตั้งใจที่จะเจริญสติเพื่อไปกำหนดรู้ธรรมใดธรรมหนึ่งก็คือทำสมาธิให้แน่วแน่นั่นคือเราตั้งใจที่จะกำหนดรู้ธรรมเพราะความเห็นเรามีว่าธรรมทั้งปวงเป็นทุกข์ ไม่เที่ยง เป็นอนัตตา นั่นคือเกิดเป็นสัมมาสมาธิก่อน ก่อนที่ธรรมจะปรากฎ
นั่นคือเราอาจจะเห็นธรรมที่เกิดเพียงฝ่ายเดียว. หรือธรรมที่ดับเพียงฝ่ายเดียว หรือเห็นทั้งการเกิดการตั้งอยู่การดับลง ทั้งสาย อย่างนี้คือสติปัญญาน คือสัมมาสมาธิก็คือกุศลอยู่แล้วคือความตั้งใจ เรารู้ว่าเราเกิดความตั้งใจ เมื่อเสียงสุนัขดังขึ้นจึงเป็นการปรากฎของธรรมฝ่ายโสต ราย่อมจำแนกธรรมนี้ได้ ธรรมที่ปรากฎนั่นแหละเป็นปัจจุบันเพราะจิตตั้งอยู่ที่โสต

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ย. 2014, 13:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


ศรีสมบัติ เขียน:
ว่างๆ ก็พิมพ์ มาถามครับ :b12: แก้เหงาตอนเลิกงาน คำถามอาจจะถามติ๊งต๊องกวนๆไม่ได้เจตนานะครับเพราะสงสัยอีกล่ะ :b14: คือ อดีตที่ผ่านไปแล้ว ก็พอจะคำนวณเวลาได้ ว่า ผ่านไป กี่ วัน กี่ เดือน..ปี
อนาคต ยังมาไม่ถึง ก็ยังไม่คำนวณ เวลามันมีตลอด จนกว่าโลกจะหยุดหมุน หรือ เสื่อมสลาย เพราะ โลกเป็น รูป ย่อมเสื่อมสลาย แตก ดับ สักวัน แต่ที่ แน่ๆ เวลา มันฆ่าเราโดยไม่รู้ตัวทีละน้อยๆผ่านไปแป๊บเดียว แก่ แล้ว :b13: แต่ ขณะปัจจุบัน มันจะมีหรือ เพราะ วินาที ที่ผ่านไปเมื่อกี้ ก็ ถือเป็น อดีตไปแล้ว มันผ่านไป ๆ เลยไม่รู้ว่าขณะปัจจุบันที่มันเที่ยง ตั้งอยู่นี่ มันนานเท่าไร ยิ่งคิด ยิ่ง งง :b14: :b9: :b7: :b13: คนถามก็ งง....มาแชร์กันครับ เพื่อน พี่น้อง ชาวพุทธบริษัท เหงาๆ ก็เข้ามา ครับ ขออนุโมทนา
เจริญในธรรม :b8:


พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ว่า เวลาไม่มีอยู่จริง เวลาเป็นของลวงโลก เวลาที่เป็นปัจจุบันไม่มีอยู่จริง เพราะรอบโลกเรานั้นเวลาก็ไม่เท่ากันในแต่ละประเทศ แม้ในประเทศเดียวกันก็เวลาไม่เท่ากัน แหะๆ คงไม่ค่อยเกี่ยวกับกระทู้เท่าไหร่นะคะ

ในขณะที่เรารับรู้ทางอารมณ์ต่างๆทางปัญจทวารที่เป็นปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส นั้นเราไม่สามารถรู้ได้ทันตรงนี้ได้ ตอนที่เราสามารถรับรู้ได้จริงๆ นั้น มันเป็นแค่รู้อดีต เป็นธัมมารมณ์ เป็นวิถีจิตที่เกิดขึ้นทางมโนทวารมีมโนวิญญาณเป็นผู้รู้ค่ะ เช่น เห็นรูปทางตาแล้วลงสู่ใจ เราถึงจะเห็นได้ค่ะ
เพราะวิถีจิตที่เป็นปัญจทวารวิถีนั้นเราไม่สามารถรับรู้ได้ทัน มีแต่พระพุทธเจ้าและพระพาหิระ เท่านั้นที่รับรู้ได้ทันปัจจุบันทางปัญจวิญญาณในปัญจทวารวิถี ดังนั้นเรารับรู้สีนั้น เรารับอดีตทางมโนทวารวิถี มโนทวารรับได้ ๓ กาลและกาลวิมุตต์

และธัมมารมณ์คืออารมณ์ทางใจนั้นเป็นปัจจุบัน พอมีสติไปรู้ ตัวถูกรู้ก็กลายเป็นอดีีตไป เหมือนเวลาดูโทสะเราก็เปรียบเหมือนเห็นสุนัขวิ่งผ่านไปเห็นหางมันไวไวค่ะ จิตดวงหนึ่งก็เป็นปัจจัยให้จิตดวงใหม่เกิดสืบต่อไปกันไปเรื่อยๆ ไม่ขาดสายค่ะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ย. 2014, 15:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนากับ ทุก คำตอบที่เข้ามาแชร์กันครับ :b8: ได้สาระธรรมยิ่งนัก ที่ยังไม่เคยได้ยิน ได้อ่าน มาก่อน หวังว่า คงจะเป็นประโยชน์ เป็นธรรมทาน กับทุกท่านชาวพุทธบริษัท ที่กำลังเปิดอ่าน สาธุ ครับ :b8:
เจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ย. 2014, 20:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณ คุณลุงสมาน-คุณศรีสมบัติ-คุณstudent ค่ะ
ที่ให้ความรู้เรื่องอาตยะนะ :b8:

คุณโสมฯเขียน
อ้างคำพูด:
พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ว่า เวลาไม่มีอยู่จริง เวลาเป็นของลวงโลก เวลาที่เป็นปัจจุบันไม่มีอยู่จริง เพราะรอบโลกเรานั้นเวลาก็ไม่เท่ากันในแต่ละประเทศ แม้ในประเทศเดียวกันก็เวลาไม่เท่ากัน แหะๆ คงไม่ค่อยเกี่ยวกับกระทู้เท่าไหร่นะคะ

ในขณะที่เรารับรู้ทางอารมณ์ต่างๆทางปัญจทวารที่เป็นปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส นั้นเราไม่สามารถรู้ได้ทันตรงนี้ได้ ตอนที่เราสามารถรับรู้ได้จริงๆ นั้น มันเป็นแค่รู้อดีต เป็นธัมมารมณ์ เป็นวิถีจิตที่เกิดขึ้นทางมโนทวารมีมโนวิญญาณเป็นผู้รู้ค่ะ เช่น เห็นรูปทางตาแล้วลงสู่ใจ เราถึงจะเห็นได้ค่ะ



ดิฉันก็คิดอย่างที่คุณโสมเขียนนะ
คือถ้าทางธรรมไม่น่าจะมีอดีต. ปัจจุบัน
หรืออนาคต. น่าจะมีแค่
(คิดได้แต่พูดไม่ถูก. ไม่รู้ว่าต้องใช้คำว่าอะไร)


แล้วก้อส่วนที่ตรงนี้

อ้างคำพูด:
ในขณะที่เรารับรู้ทางอารมณ์ต่างๆทางปัญจทวารที่เป็นปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส นั้นเราไม่สามารถรู้ได้ทันตรงนี้ได้ ตอนที่เราสามารถรับรู้ได้จริงๆ นั้น มันเป็นแค่รู้อดีต เป็นธัมมารมณ์ เป็นวิถีจิตที่เกิดขึ้นทางมโนทวารมีมโนวิญญาณเป็นผู้รู้ค่ะ เช่น เห็นรูปทางตาแล้วลงสู่ใจ เราถึงจะเห็นได้ค่ะ
[/quote]

ถ้าเป็นอย่างที่คุณโสมเขียนมา
ก็จะต้องเกิดการปรุงแต่งนะสิค่ะ
(เราคุยถูกเรื่องหรือปล่าวค่ะเนี่ยะ) :b1: :b41: :b55: :b47:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 130 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 53 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร