วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 16:52  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ย. 2014, 19:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2011, 23:47
โพสต์: 298


 ข้อมูลส่วนตัว


นอกเหนือจากพระอริยสงฆ์โดนกิเลสหมดเลยทั้งปุถุชนทั้งพระอภิญญาทั้งโพธิสัตว์
ขนาดพระพุทธเจ้ายังเอาชนะแรงแห่งกรรมไม่ได้เลย

กฎของอนิจจังไม่เข้าใครออกใครจริงๆ
รวมทั้งกฎแห่งกรรม พูดง่ายๆตายหมดเลย
พูดง่ายๆโดนทั้งหมดเลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ย. 2014, 20:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณยุทธเขียน
อ้างคำพูด:
กฎของอนิจจังไม่เข้าใครออกใครจริงๆ
รวมทั้งกฎแห่งกรรม พูดง่ายๆตายหมดเลย
พูดง่ายๆโดนทั้งหมดเลย



ถ้าโยนไปให้กฎแห่งกรรม
จะดูเหมือนเป็นการโยนความผิด
ไปให้ผู้อื่นหรือปล่าวค่ะ :b41: :b55: :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ย. 2014, 20:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
คุณยุทธเขียน
อ้างคำพูด:
กฎของอนิจจังไม่เข้าใครออกใครจริงๆ
รวมทั้งกฎแห่งกรรม พูดง่ายๆตายหมดเลย
พูดง่ายๆโดนทั้งหมดเลย



ถ้าโยนไปให้กฎแห่งกรรม
จะดูเหมือนเป็นการโยนความผิด
ไปให้ผู้อื่นหรือปล่าวค่ะ :b41: :b55: :b48:

ไม่หรอกค่ะ คุนยุทพูดถูก กฏของ อนิจจัง ทุกคนมีความเกิดเป็นธรรมดา มีความเจ็บเป็นธรรมดา มีความแก่ .. มีความตายเป็นธรรมดา เลยเป็นกระทู้
โดนหมดเลย :b32: แกบอกว่า ตายหมดเลยนั่นแหละค่ะ กฎ อนิจจัง ของคุนยุท
อั้ยยะทำไมคุนน้องเข้าใจความคิดคุนยุทละเนียะ :b21:
หรือว่าจะเป็นพวกเดียวกัน บ้าๆบอๆ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ย. 2014, 20:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
คุณยุทธเขียน
อ้างคำพูด:
กฎของอนิจจังไม่เข้าใครออกใครจริงๆ
รวมทั้งกฎแห่งกรรม พูดง่ายๆตายหมดเลย
พูดง่ายๆโดนทั้งหมดเลย



ถ้าโยนไปให้กฎแห่งกรรม
จะดูเหมือนเป็นการโยนความผิด
ไปให้ผู้อื่นหรือปล่าวค่ะ :b41: :b55: :b48:

กฏแห่งกรรมไม่ใช่เป็นการโยนความผิดให้ผู้อื่นค่ะ
กฏแก่งกรรม คือเราทำอย่างไรย่อมได้รับผลอย่างนั้นค่ะ เมื่อเรามีกิเลศเราก็ย่อมหนีไม่พ้นกฏแห่งกรรมค่ะ หรือใครจะบอกตนเองหนีกฏแห่งกรรมได้ละค่ะ นี่ไม่ได้พูดถึงเรื่องอจิณไตยนะค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ย. 2014, 20:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณน้องเขียน


อ้างคำพูด:
เมื่อเรามีกิเลศ
เราก็ย่อมหนีไม่พ้นกฏแห่งกรรมค่ะ



คงจะใช่ค่ะ. แต่เหมือนเราเห็นแก่ตัว
เกินไปหรือปล่าว. :b41: :b55: :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ย. 2014, 21:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
คุณน้องเขียน


อ้างคำพูด:
เมื่อเรามีกิเลศ
เราก็ย่อมหนีไม่พ้นกฏแห่งกรรมค่ะ



คงจะใช่ค่ะ. แต่เหมือนเราเห็นแก่ตัว
เกินไปหรือปล่าว. :b41: :b55: :b48:

ไม่เห็นแก่ตัวหรอกค่ะ เพราะกฏแห่งกรรมยุติธรรมเสมอนะค่ะ กฏแห่งกรรมตามความเข้าใจพี่เต้เป็นลักษณะใดค่ะ?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2014, 06:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2011, 10:18
โพสต์: 590

โฮมเพจ: www.bhuddhakhun.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


bbby เขียน:
คุณน้องเขียน


อ้างคำพูด:
เมื่อเรามีกิเลศ
เราก็ย่อมหนีไม่พ้นกฏแห่งกรรมค่ะ



คงจะใช่ค่ะ. แต่เหมือนเราเห็นแก่ตัว
เกินไปหรือปล่าว. :b41: :b55: :b48:


คำว่ากรรมนี้ไม่ได้หมายถึงใครที่ไหน กรรมคือผลลัพท์ที่เกิดจากการกระทำของตัวเรา

ยกตัวอย่างกรรมนะครับ

หากคุณเรียนแพทย์ นั่นคือคุณกำลังก่อกรรมแล้ว และคุณต้องมาชดใช้กรรมโดยการเป็นคุณหมอรักษาคนไข้

หากคุณเรียนวิชาชีพครู ในอนาคตคุณต้องไปรับผลกรรมโดยการเป็นคุณครูสอนนักเรียน

หากคุณกินข้าว ผลกรรมของคุณคือ อร่อยและอิ่ม หากคุณดื่มน้ำ ผลกรรมจากการดื่มน้ำนั้นคือดับกระหาย

หากคุณก่อกรรมโดยการฝากเงินไว้ที่ธนาคาร คุณต้องชดใช้กรรมโดยการได้รับเงินดอกเบี้ย

นี่คือการรับผลของกรรม

กรรม คือ ผลที่เกิดจากการกระทำของเรา อย่าไปคิดว่ากรรมเป็นผู้อื่น อย่างอื่น สิ่งอื่น กรรมไม่ใช่สิ่งที่ซับซ้อนอะไร ไม่ได้เข้าใจยากเลยครับ

ขอให้ท่านโชคดีครับ

.....................................................
รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2014, 15:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


yoottapong เขียน:
นอกเหนือจากพระอริยสงฆ์โดนกิเลสหมดเลยทั้งปุถุชนทั้งพระอภิญญาทั้งโพธิสัตว์
ขนาดพระพุทธเจ้ายังเอาชนะแรงแห่งกรรมไม่ได้เลย

กฎของอนิจจังไม่เข้าใครออกใครจริงๆ
รวมทั้งกฎแห่งกรรม พูดง่ายๆตายหมดเลย
พูดง่ายๆโดนทั้งหมดเลย


ผิดครับ

การที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ไม่ใช่พระพุทธองค์พ่ายแพ้

แต่พระพุทธองค์ชนะกฎแห่งกรรมได้ด้วยปัญญาครับ

เพราะพระพุทธเจ้าไม่ได้ยึดถือว่านี่เรานี่เขา

ร่างกายที่เสื่อมสลายจึงเป็นแค่กฎสามัญลักษณะ

คนที่แพ้ต่อกฎแห่งกรรมจึงต้องเวียนว่ายตายเกิดนั่นเอง

พูดง่ายๆ คุณยังไม่ตายจากความยึดถือ ยังต้องเกิดใหม่อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้ดับขันธ์จริง

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2014, 15:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2011, 23:47
โพสต์: 298


 ข้อมูลส่วนตัว


เอหรือว่าพระพุทธเจ้าอธิษฐานด้วยฤทธิ์ให้มีขันธ์ก็ได้ไม่มีก็ได้
ผมพูดถึงหลังปรินิพพาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2014, 15:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2012, 16:46
โพสต์: 412

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
yoottapong เขียน:
นอกเหนือจากพระอริยสงฆ์โดนกิเลสหมดเลยทั้งปุถุชนทั้งพระอภิญญาทั้งโพธิสัตว์
ขนาดพระพุทธเจ้ายังเอาชนะแรงแห่งกรรมไม่ได้เลย

กฎของอนิจจังไม่เข้าใครออกใครจริงๆ
รวมทั้งกฎแห่งกรรม พูดง่ายๆตายหมดเลย
พูดง่ายๆโดนทั้งหมดเลย


ผิดครับ

การที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ไม่ใช่พระพุทธองค์พ่ายแพ้

แต่พระพุทธองค์ชนะกฎแห่งกรรมได้ด้วยปัญญาครับ

เพราะพระพุทธเจ้าไม่ได้ยึดถือว่านี่เรานี่เขา

ร่างกายที่เสื่อมสลายจึงเป็นแค่กฎสามัญลักษณะ

คนที่แพ้ต่อกฎแห่งกรรมจึงต้องเวียนว่ายตายเกิดนั่นเอง

พูดง่ายๆ คุณยังไม่ตายจากความยึดถือ ยังต้องเกิดใหม่อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้ดับขันธ์จริง


Kiss ตายโดยไม่กลัวตาย ตายก่อนตาย ตายโดยไม่มีใครตาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2014, 16:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


หลายคนเกิดความสงสัยในความเป็นไปของชีวิต ว่าเป็นไปตามกรรม
ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเกิดจากเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นอย่างที่เราหวัง หรือ
อย่างที่เราอยากจะได้ จึงคิดว่าชีวิตเรานั้นเป็นไปตามดวงบ้าง พรหมลิขิตบ้าง
ขณะที่บางคนคิดว่า กรรมลิขิตบ้าง

แท้จริงแล้ว ชีวิตเราใครกำหนดใครลิขิต ก็หนีไม่พ้นเราเองที่เป็นผู้กำนดขึ้นมาเองทั้งสิ้น
กรรมที่เป็นวิบากไม่ใช่จะเกิดขึ้นมาได้ลอยๆ ต้องอาศัย จิต อุตุ อาหาร เป็นปัจจัยช่วยสนับสนุน
จะเห็นจากผู้ป่วย เกิดจาก จิตบ้าง อุตุบ้าง อาหารบ้าง จิตไม่ดี เสียใจ ก็เกิดอาการป่วย
อากาศร้อน อากาศเย็น อากศหนาว ก็ป่วย อาหารไม่ดี เป็นพิษ ก็ป่วย

เหตุการณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้นเรามักจะโทษกรรมที่ทำมาไม่ดี เป็นการเหมาปัดความรับผิดชอบ
เพื่อจะพิจารณาแก้ไข อาจเห็นเด็กตกน้ำใกล้จะจมน้ำตาย ไม่ช่วยเหลือถือว่ากรรมของเขา
เห็นคนถูกรถชนไม่ช่วยเหลือส่งโรงพยาบาลถือว่ากรรมของเขา หรือเห็นไฟไหม้บ้านตัวเอง
ก็ไม่คิดที่จะดับเพราะถือว่าเป็นกรรมของเราเอง

ความเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมเช่นนี้ ก็ถูกต้องเพียงบางส่วน คือเชื่อว่ามีกฎแห่งกรรม
แต่หากเราเข้าใจ กฎแห่งกรรมอย่างถ่องแท้แล้วเราจะไม่ปล่อยชีวิตให้เป็นไปตามกระแสกรรม
หรือให้กรรมลิขิตชีวิตเรา แนวคิดเรื่องกฎแห่งกรรมในทางพระพุทธศาสนา
จะเชื่อว่ากระทำเช่นไรจะได้รับผลเช่นนั้นอย่างยุติธรรม

โดยการให้ผลของกรรมหรือวิบากกรรมสามารถให้ผลข้ามภพข้ามชาติได้
ถ้ายังไม่หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดคือนิพพาน โดยถือว่าจิตวิญญาณมิได้สิ้นสุด
แต่พระพุทธศาสนาเชื่อว่าถ้ายังมีกิเลสจะต้องกลับมาเกิดใหม่

กฎแห่งกรรมที่กระทำดีก็มีอยู่ ที่ยังพอที่จะแก้ไขกรรมที่เลวได้ไม่ใช่หรือ
พระอรหันต์ทั้งหลายที่ปรินิพพานไปนั้น ก็อาศัยหลักนี้เท่านั้นที่ก้าวพ้นกรรมที่เลวได้
ก้าวข้ามเข้าสู่ปรินิพพานได้อย่างไม่ต้องสงสัย

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2014, 01:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


yoottapong เขียน:
เอหรือว่าพระพุทธเจ้าอธิษฐานด้วยฤทธิ์ให้มีขันธ์ก็ได้ไม่มีก็ได้
ผมพูดถึงหลังปรินิพพาน



คุณพง เคยได้ยินคำนี้ไหมครับว่า

"พรหมจรรย์อยู่จบ กิจที่ทำยิ่งกว่านี้ไม่มี"

พระพุทธเจ้าเสร็จสิ้นภาระกิจแล้ว ไม่จำเป็นต้องอธิษฐานให้มีหรือไม่มีอะไรทั้งนั้นครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 147 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร