ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
ทุ่มเทจิตใจให้กระทำแต่กรรมดี http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=48813 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | รสมน [ 20 พ.ย. 2014, 17:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | ทุ่มเทจิตใจให้กระทำแต่กรรมดี |
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก #ทุ่มเทจิตใจให้กระทำแต่กรรมดี ความยึดมั่นถือมั่น;เป็นความไม่ถูกต้อง.พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนให้ละ,แต่เมื่อยังละความยึดทุกอย่างไม่ได้,ก็พึงทุ่มเทจิตใจให้ยึดมั่นการทำกรรมดี,ยึดมั่นความเชื่อในผลของการทำความดี;ว่าทำดีจักได้ดีจริง,มีความยึดมั่นความเชื่อในผลของการทำความชั่ว;ว่าทำชั่วจักได้ชั่วจริง. ความยึดมั่นเช่นนี้จักเป็นทางนำไปดี;ให้ได้ทำดี,ไม่ทำไม่ดี,ซึ่งก็ย่อมจักนำให้พ้นทุกข์พ้นโทษภัยของกรรมไม่ดี,ได้รับแต่คุณประโยชน์สารพัดของกรรมดี.¤ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก #พึงละความยึดมั่นในผลของกรรมทั้งปวง สิ่งทั้งปวงเกิดแล้วต้องดับคือมีลักษณะสาม;มีลักษณะเป็นไตรลักษณ์.โลกธรรมฝ่ายดีก็เช่นเดียวกัน;เกิดแล้วต้องดับ.โลกธรรมฝ่ายไม่ดี;คือผลของกรรมไม่ดีก็เช่นกัน,เกิดแล้วต้องดับ.เมื่อเป็นเช่นนั้น,เมื่อรู้เช่นนี้ตามความเป็นจริงแล้ว;ก็พึงละความยึดมั่นในผลของกรรมที่ได้ประสบอยู่,ไม่ว่าจะประสบผลดีหรือเมื่อได้ประสบผลชั่วก็ตาม.¤ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก #ผลของกรรมเป็นอนิจจังทุกขังอนัตตา ทั้งผลของกรรมดีและกรรมชั่ว;ล้วนมีลักษณะสามคือไม่เที่ยง,ทนทุกข์,อยู่ไม่ได่ต้องแปรปรวนเปลี่ยนแปลง,ไม่เป็นไปตามความปรารถนาต้องการของผู้ใด. กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ;ผลของกรรมดีและกรรมชั่วนั้น,เมื่อเกิดแล้วต้องดับ,ไม่มีที่จะยั่งยืนอยู่ได้ตลอดไป สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก #การทำใจเมื่อได้รับผลของกรรมชั่วอย่างถูกต้อง ได้รับผลของกรรมชั่วคือได้รับโลกธรรมฝ่ายไม่ดี;ก็ควรต้องทำใจให้รับให้ถูกเช่นเดียวกับการทำใจรับโลกธรรมฝ่ายดีเหมือนกัน,ไม่ใช่ว่าจะปล่อยใจให้ตกอยู่ในอำนาจของความทุกข์,ความเศร้าเสียใจหรือความโกรธแค้นอาฆาตพยาบาท. รับผลไม่ดีของกรรมไม่ดีด้วยวิธีคิดเช่นเดียวกับเมื่อได้รับผลของกรรมดี;คือคิดถึงไตรลักษณ์:อนิจจัง,ทุกขัง,อนัตตา,ไม่เที่ยง,เป็นทุกข์ทนอยู่ไม่ได้,ต้องแปนปรวนเปลี่ยนแปลงและไม่เป็นไปตามความปรารถนาต้องการของผู้ใดทั้งสิ้น,ทุกข์แล้วก็สุข,ธรรมดา #ขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์ -พุทธทาสภิกขุ- #ว่าด้วยการทุศีล:#๓งูเปื้อนคูถ ภิกษุท!นักบวชบางคนในกรณีนี้;เป็นคนทุศีล,มีความเป็นอยู่เลวทราม,ไม่สะอาด,มีความประพฤติชนิดที่ตนเองนึกแล้วก็กินแหนงตัวเอง,ในการกระทำที่ต้องปกปิดซ่อนเร้น,ไม่ใช่สมณะก็ปฏิญญาว่าเป็นสมณะ,ไม่ใช่คนประพฤติพรหมจรรย์ก็ปฏิญญาว่าประพฤติพรหมจรรย์,เป็นคนเน่าใน,เปียกแฉะ,มีสัญชาติหมักหมมเหมือนบ่อที่เทขยะมูลฝอย.ภิกษุท!นักบวชชนิดนี้แลที่ทุกๆคนควรขยะแขยง,ไม่ควรสมาคม,ไม่ควรคบ,ไม่ควรเข้าใกล้.ข้อนั้นเพราะะไร?ภิกษุท!เพราะเหตุว่า,ถึงแม้ผู้ที่เข้าใกล้ชิด,จะไม่ถือเอานักบวชชนิดนี้,เป็นตัวอย่างก็ตาม,แต่ว่า,เสียงล่ำลืออันเสื่อมเสียจะระบือไปว่า"คนคนนี้,มีมิตรเลว,มีเพื่อนทราม,มีเกลอลามก."ดังนี้. ภิกษุท!เปรียบเหมือน,งูที่ตกลงไปจมอยู่ในหลุมคูถ,กัดไม่ได้ก็จริงแล,แต่มันอาจทำให้คนที่เข้าไปช่วยยกมันขึ้นจากหลุมคูถให้เปื้อนด้วยคูถได้(ด้วยการดิ้นของมัน)นี้ฉันใด;ภิกษุท!แม้ผู้ที่เข้าใกล้ชิดจะไม่ถือเอานักบวชชนิดนี้,เป็นตัวอย่างก็จริงแล,แต่ว่า,เสียงล่ำลืออันเสื่อมเสียจะระบือไปว่า"คนคนนี้,มีมิตรเลว,มีเกลอลามก"ดังนี้ฉันนั้น,เหมือนกัน.เพราะเหตุนั้น,นักบวชชนิดนี้,จึงเป็นคนที่ทุกๆคนควรขยะแขยง,ไม่ควรสมาคม,ไม่ควรคบ,ไม่ควรเข้าใกล้.¤ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก #การทำใจให้รับผลของกรรมดีอย่างถูกต้อง ผู้ได้รับผลของกรรมดีคือการได้ประสบโลกธรรมฝ่ายดีคือลาภยศสรรเสริญสุขนั้นเอง;ต้องรับให้ดี,ต้องรับให้ถูก. วิธีทำใจให้รับโลกธรรมอย่างถูกต้องที่สุดก็คือ;ให้คิดว่า;ลาภก็ตาม,ยศก็ตาม,สรรเสริญก็ตาม,สุขก็ตาม,ล้วนอยู่ในลักษณะของไตรลักษณ์คือไม่เที่ยง,ทนอยู่ไม่ได้ต้องเปลี่ยนแปลง,และไม่เป็นไปตามความปรารถนาต้องการ.ได้รับผลดีของกรรมคือได้ประสบโลกธรรมฝ่ายดีเมื่อไร,เมื่อนั้นให้คิดถึงไตรลักษณ์ให้ทันที;จะได้รับผลของกรรมดีที่ยิ่งกว่าผลดีทั้งนั้น. การคิดถึงไตรลักษณ์,ความไม่เที่ยง,ทนอยู่ไม่ได้,ต้องแปรปรวนเปลี่ยนแปลงและไม่เป็นไปตามปรารถนาต้องการคือการทำความดีทางใจ,เป็นมโนกรรมที่ดี,จึงย่อมได้รับผลเป็นความดีตรงตามเหตุที่ได้กระทำ. ที่จริงมโนกรรม;กรรมทางใจคือคิดดีนั้น.แม้ตั้งใจจริงที่จะทำ,ก็น่าจะง่ายกว่ากรรมทางกาย,ทางวาจา,เพราะเรื่องของความคิดเป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจของเราอย่างแท้จริง,ไม่เกี่ยวกับผู้ใดหรืออะไรเลย,ความคิดอยู่กับเราจริงๆ,ไม่มีผู้ใดอาจล่วงล้ำก้ำเกินไปบังคับบัญชาได้.¤ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก #ผลของกรรมดีและกรรมชั่วมีคุณและโทษในตัว ผลของกรรมดีและผลของกรรมชั่ว;มีทั้งคุณและโทษอยู่ในตัว.คุณหรือโทษจะปรากฏตามการวางใจรับผลนั้น.ผลของกรรมดีที่เกิดมาแก่ผู้ใดก็ตาม,แม้ผู้นั้นวางใจรับไม่ถูก,ไม่ประกอบด้วยปัญญา,ผลดีก็จะไม่สมบูรณ์,ทั้งผลร้ายก็จะต้องตามมาอีกด้วย.¤ อ.วศิน อินทสระ :อธิบายความ คนพูดมากคือคนที่แม้ไม่มีเรื่องอันควรจะพูดก็พูด๑,และคนที่หมดเรื่องอันควรจะพูดแล้วก็ไม่หยุดพูด๑,ส่วนคนพูดน้อยเกินไปก็คือคนที่มีลักษณะอันตรงกันข้ามกับคนพูดมากคือมีเรื่องอันควรจะพูดก็ไม่พูด๑,ยังไม่หมดเรื่องอันควรจะพูดก็หยุดพูดเสีย๑. ส่วนคนพูดพอประมาณนั้นคือคนที่มีเรื่องอันควรจะพูดก็พูด๑,หมดเรื่องที่ควรจะพูดแล้วก็หยุดพูด๑. คนพูดมากกับคนพูดเก่งนั้นไม่เหมือนกัน;คนพูดเก่งคือคนรู้จักพูดให้ถูกกาละ,เทศะ,บุคคลและเรื่องราว.ควรพูดก็พูด,ควรฟังก็ฟัง,พูดเป็นที่ถูกหูถูกใจของคนอื่น.ส่วนคนพูดมากไม่ประกอบด้วยลักษณะนี้,เขาอยากจะพูดก็พูดไปเรื่อยๆ,หาเรื่องมาพูดได้เสมอ,แต่ไม่สนใจว่าใครจะอยากฟังหรือไม่อยากฟัง.เรื่องที่พูดนั้นเป็นประโยชน์แก่ใครบ้างหรือไม่เป็น,ผู้ฟังมีความสุขจากการฟังเขาพูดหรือไม่,ไม่สำคัญ,สำคัญตรงที่เขาพูด,อย่างที่สำนวนไทยเรียกว่า"พูดน้ำท่วมทุ่ง"ไม่มีเนื้อหาสาระอะไร. คนจะเป็นบัณฑิตเพราะเหตุที่พูดมากนั้นหามิได้. ผู้ใดเป็นผู้เกษม(เขมี),เป็นผู้ไม่มีเวร(อเวรี),เป็นผู้ไม่มีภัย(อภโย),ผู้นั้นแหละพระพุทธเจ้าตรัสยกย่องว่าเป็น"เป็นบัณฑิต". ผู้เกษมคือท่านผู้ปลอดโปร่งเพราะไม่ยึดมั่นถือมั่นสิ่งไรๆว่าเป็นตัวตนหรือของตนและมองโลกโดยความเป็นของว่างเปล่า,ยึดถืออะไรไม่ได้,ความปลอดโปร่งเกิดจากความไม่ยึดมั่นถือมั่นนี้. ผู้ไม่มีเวรคือท่านผู้ไม่ได้ทำเวร๕ไว้กับใครๆที่ไหน,เวร๕คือการฆ่า๑,การลักขโมย๑,การประพฤติผิดในกาม๑,การพูดเท็จ๑และการดื่มสุราเมรัยจนเมามาย๑. ผู้ไม่มีภัยเพราะเหตุที่เป็นผู้ไม่ก่อเวรไว้,จึงเป็นผู้ไม่มีภัยในที่ไหนๆ,เอาธรรมนั้นแหละเป็นเกราะเครื่องป้องกันตน. บุคคลผู้ปลอดโปร่ง,ไม่มีเวร,ไม่มีภัย,พระพุทธองค์ตรัสว่าเป็นบัณฑิต. พระศาสดาทรงแสดงเรื่องนี้,ขณะประทับอยู่ที่เชตวันวิหาร,ทรงปรารถภิกษุฉัพพัคคีย์.¤ เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |