วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 13:59  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ย. 2015, 12:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ม.ค. 2011, 17:26
โพสต์: 353


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b38:
เมื่อ 31 ตค.นี้มีโอกาสได้สนทนาธรรมกับฆราวาสปฏิบัติธรรมท่านหนึ่ง ซึ่งอดีตเคยเป็นผู้บริหารที่มีชื่อเสียงและความสามารถสูง ท่านมาเล่าให้ฟังถึงตารางปฏิบัติธรรม และการใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุของท่าน ท่านทำตารางการบริหารจัดการเวลาชีวิตของท่านไว้เหมือนตารางปฏิบัติงานประจำวันสมัยรับราชการและบังคับตนให้ปฏิบัติตามตารางเวลานั้นอย่างเคร่งครัดการภาวนาของท่านรุดหน้าอย่างรวดเร็วในแง่ของสมถะหรือสมาธิ ได้ความสงบเร็วแต่ปัญญาเห็นธรรมวิเคราะห์ธรรมไม่ค่อยปรากฏ

ผมสอบถามสนทนาดูแล้วเห็นว่าท่านจริงจังเกินไปและปฏิบัติธรรมภายใต้การกำหนด สั่ง บอก ว่าต้องอย่างนั้นอย่างนี้เหมือนเป็นการบังคับธรรมชาติให้เป็นไปตามสั่งตามต้องการ เลยบอกท่านว่าถ้าทำอย่างนี้จะได้พบแต่ธรรมปลอม ผลปลอมเสียเป็นส่วนใหญ่เพราะธรรมะหรือธรรมชาติจริงๆไม่มีโอกาสได้แสดงตัว
จึงบอกให้ท่านตั้งฐานความตั้งใจใหม่ให้อยู่บนฐานธรรมชาติจริงๆ แล้วปรับฐานความรู้เรื่องธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบแล้วนำมาสอนเสียใหม่ด้วยการอธิบายอริยสัจ 4 ในเชิงปฏิบัติพร้อมกับเคล็ดลับการปฏิบัติธรรมอันมีมาในบทสวดธรรมคุณ 6 ประการ รวมทั้งการปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 วิธีธรรมชาติโดยเอาปัจจุบันอารมณ์เป็นกรรมฐานหรือที่ตั้งการทำงานของสติปัญญา

ท่านเข้าใจเร็วมากเพราะสติปัญญาท่านว่องไวเฉลียวฉลาดเหลือเกินสมกับเป็นนักบริหารชั้นเยี่ยมมาก่อน มีอยู่ตอนหนึ่งท่านพูดว่าสภาวะการเกิดของธรรมตามธรรมชาติอย่างที่คุณเล่ามานี้ผมเคยพบเจอในการภาวนามาหมดแต่ตอนเจอนั้นมักเป็นตอนที่เผลอปล่อยสติไปไม่ควบคุมธรรมชาติให้เป็นไปตามกำหนดที่ตั้งไว้
ทุกอย่างมันไหลไปเองตามธรรมของมันบังคับไม่ได้ ผมกลัวเฉออกนอกทางเลยรีบดึงสติปัญญากลับมาเข้าอยู่ในกรอบที่ตั้งกำหนด

ท่านได้ข้อคิดว่าต่อไปจะปรับใหม่ อย่างเช่นที่เคยกำหนดไว้ว่าจะต้องไหว้พระ นั่งสมาธิวันละสามครั้ง ๆละ 1 ชั่วโมง เดินจงกรม 3 ครั้ง ๆครั้งละ ครึ่งชั่วโมง
มาเป็นกำหนดหลวมๆ ไม่ให้ตายตัวว่าต้องนั่ง 1 ชั่วโมงครบปั๊บก็ลุกทันทีตามตั้งไว้ แต่กำหนดเป็นเพดานขั้นต่ำว่า ต้องนั่งให้ได้วันละไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง ครั้งละไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง เดินจงกรมให้ได้อย่างน้อยวันละ 3 ครั้ง โดยไม่กำหนดเวลา

เวลาภาวนาก็ไม่บังคับว่าจะต้องอยู่กับลมหายใจให้ได้ตลอดชั่วโมง ปล่อยให้อารมณ์ตามธรรมชาติได้เกิดบ้างสลับกันไปเพื่อให้ได้มีโอกาสพิจารณาธรรม ถ้าฟุ้งซ่านมากจึงค่อยบังคับและกำหนด

จะพยายามทำตัวเป็นผู้สังเกตการณ์ธรรมชาติให้มากกว่าการกำหนดบังคับธรรมชาติ จะเจริญวิปัสสนาให้มากกว่าการเจริญสมาธิ ดังนี้เป็นต้น

ท่านผู้อ่านลองช่วยกันพิจารณาว่าท่านผู้นี้จะได้บรรลุธรรมทันในปัจจุบันชาตินี้บนทางแห่งฆราวาสปฏิบัติธรรมโดยไม่ต้องไปบวชนุ่งเหลืองห่มเหลืองได้ไหมครับ

s004
s006

ผมก็เคยปฎิบัติ พอง-ยุบ กำหนดนั่ง1ชม เดินจงกรม1 ชม เพื่อจะได้ 1 บังลัง
คงกลายเป็นบังคับธรรมชาติ แบบที่ท่านบอกจริงๆแหละครับ

พึ่งเข้าใจนะเนี่ย ไม่งั้นอาจหลงทางได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ย. 2015, 19:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมคิดว่าอย่าเพิ่งไปสรุป ว่าแบบไหน ดีกว่าแบบไหนเลยนะครับ
มันขึ้นอยู่หลายๆอย่าง ซึ่ง1 ในนั้น คือจริต กับ เนกขัมมะบารมีที่เกิดการปฏิบัติในอดีต :b42:

ในอริยาบถหลักทั้ง4 สำหรับคนที่เป็นนักปฏิบัติจริง ถ้าเกิดจะเหนสภาวะธรรมนั้น
อาจจะเห็นในท่าไหนก้ได้ บางคนถนัดในท่านั่ง บางคนท่ายืน หรือบางคนชอบเดินจงกรม

เมื่อจิตถึง สติ สมาธิ ปัญญา มันลงตัวกันพอดี จะเหนสภาวะธรรมแบบง่ายๆด้วยตัวเราเองครับ

การนั่งแบบหลวมๆ ไม่กำหนดเวลา หรือบังคับเวลา นั่งดูแล้วได้ผลดี นั่นหมายถึง เราอยู่ในภาวะที่ร่างกาย
สบายสุด กายสบาย จิตสบาย ก้เกิดสามัคคีจิต การปล่อยวางและอุเบกขาจะเกิดได้ง่าย ธรรมะจะผุดขึ้นหลังช่วงนี้ ซึ่งเราอาจไปสรุปว่าอย่างนี้ดี


แต่จริงๆ แล้ว นั่ง1 บัลลังก์ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะครับ เดินจงกรมครึ่ง แล้วนั่งอีกครึ่ง ประโยชน์ได้จากการเดิน
ก่อนมานั่ง มีมากมายเหมือนกัน และเมื่อเดินก่อนค่อยมานั่ง สมาธิจากการนั่ง จะมั่นคง ตั้งได้นานกว่าแค่นั่งอย่างเดียว อีกอย่าง การเดินได้แค่ไหน แล้วค่อยนั่งแค่นั้น นั่นหมายถึงผู้ปฏิบัติรู้อย่แล้วว่า นั่งได้แค่ไหน
เช่นรู้ว่านั่งได้แค่ครึ่งชม. ก้ควรจะเดินแค่ครึ่งชม. เพื่อให้นั่งและเดินมันบาล๊านกัน แต่ทำผ่านแล้ว ค่อยไปขยับเดินนั่ง อย่างละชม. จะว่าไปก้จะมีแต่ได้กับได้ มากกว่า เสียกับเสีย

จะช้าไม่ช้า บวชหรือไม่บวช ผมว่าอยู่ที่เรามีอะไรรองรับ ธรรมะและคุณงามความดี ได้มากกว่าเดิมหรือไม่
ถ้ารองรับไม่ได้ จะอย่แบบไหนก้ช้าครับ และก้จะพลอยโทษตัวเองและส่ิงแวดล้อมไป ซึ่งไม่เหมาะสม :b40:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 130 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร