วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 21:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 241 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 13, 14, 15, 16, 17  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2015, 17:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




4562368.png
4562368.png [ 212.23 KiB | เปิดดู 10463 ครั้ง ]
tongue
อารมณ์ ไม่ใช่ จิต...อารมณ์เป็นสภาวะธรรมที่ปรุงแต่งจิตตามความอยาก...
...จิตเป็นจิตเป็นสภาพรู้เป็นธาตุรู้ทุกสิ่งที่มีที่กำลังปรากฎในชีวิตประจำวัน...
...จิตรู้ รูป แสง สี โดยต้องมีสภาพกำลังมองเห็น...หลับตาก็ไม่มีจิตรู้รูป...
...จิตรู้เสียง โดยต้องมีสภาพได้ยินเสียง...ขณะที่กำลังฟังเสียงจึงมีจิตรู้เสียง...
...จิตรู้กลิ่น โดยต้องมีสภาพดมกลิ่น...ขณะที่กำลังได้กลิ่นจึงมีจิตรู้กลิ่น...
...จิตรู้รส โดยต้องมีสภาพลิ้มรส...ขณะที่กำลังรู้รสทางลิ้นจึงมีจิตรู้รส...
...จิตรู้สัมผัส โดยต้องมีกระทบสัมผัส...ขณะที่กำลังรู้สัมผัสกระทบกายจึงมีจิตรู้สัมผัส...
...จิตรู้อารมณ์ โดยรับรู้ทางใจจากการเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รับสัมผัสที่แตกต่าง...
...และปรุงแต่งเป็นความรู้สึกทางใจหยาบ/ละเอียดเป็นอารมณ์สุข-ทุกข์-เฉยๆ...
...จิตดี...เป็นสภาพรู้กุศลที่กำลังปรากฏแต่ละทางตามเหตุ-ปัจจัย...
...จิตไม่ดี...เป็นสภาพรู้อกุศลที่กำลังปรากฏแต่ละทางตามเหตุ-ปัจจัย...
...จิตสงบ...เป็นความเข้าใจความจริงของจิตสภาพจิตที่ดีแล้วเจริญในกุศลเพื่อละอกุศลที่กำลังปรากฎ... rolleyes rolleyes rolleyes


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 20 ม.ค. 2023, 21:10, แก้ไขแล้ว 8 ครั้ง.
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2015, 17:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




4.png
4.png [ 491 KiB | เปิดดู 10463 ครั้ง ]
Rosarin เขียน:
tongue
...อารมณ์ ไม่ใช่ จิต...อารมณ์เป็นสภาวะธรรมที่ปรุงแต่งจิตตามความอยาก...
...จิตเป็นจิตเป็นสภาพรู้เป็นธาตุรู้ทุกสิ่งที่มีที่กำลังปรากฎในชีวิตประจำวัน...
...จิตรู้ รูป แสง สี โดยต้องมีสภาพกำลังมองเห็น...หลับตาก็ไม่มีจิตรู้รูป...
...จิตรู้เสียง โดยต้องมีสภาพได้ยินเสียง...ขณะที่กำลังฟังเสียงจึงมีจิตรู้เสียง...
...จิตรู้กลิ่น โดยต้องมีสภาพดมกลิ่น...ขณะที่กำลังได้กลิ่นจึงมีจิตรู้กลิ่น...
...จิตรู้รส โดยต้องมีสภาพลิ้มรส...ขณะที่กำลังรู้รสทางลิ้นจึงมีจิตรู้รส...
...จิตรู้สัมผัส โดยต้องมีกระทบสัมผัส...ขณะที่กำลังรู้สัมผัสกระทบกายจึงมีจิตรู้สัมผัส...
...จิตรู้อารมณ์ โดยรับรู้ทางใจจากการเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รับสัมผัสที่แตกต่าง...
...และปรุงแต่งเป็นความรู้สึกทางใจหยาบ/ละเอียดเป็นอารมณ์สุข-ทุกข์-เฉยๆ...
...จิตดี...เป็นสภาพรู้กุศลที่กำลังปรากฏแต่ละทางตามเหตุ-ปัจจัย...
...จิตไม่ดี...เป็นสภาพรู้อกุศลที่กำลังปรากฏแต่ละทางตามเหตุ-ปัจจัย...
...จิตสงบ...เป็นความเข้าใจความจริงของจิตสภาพจิตที่ดีแล้วเจริญในกุศลเพื่อละอกุศลที่กำลังปรากฎ... rolleyes rolleyes rolleyes

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2015, 06:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




BURRO.png
BURRO.png [ 81.4 KiB | เปิดดู 10469 ครั้ง ]
จะหาคนแบกหินแบกทรายเข้าวัดนั้นไม่ยากเลย
แต่จะหาคนไปเรียนธรรมะนั้นยากแท้.....

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.พ. 2015, 10:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ย. 2014, 11:55
โพสต์: 123

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เข้าวัดข้างนอก จะได้หาแนวทาง ทำวัดข้างในให้สงบร่มเย็นด้วยเกิดบุญกุศล ศึลสมาธิปัญญาหล่อเลี้ยงจิตของตน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.พ. 2015, 16:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes
...พุทธศาสนาว่าด้วยเรื่องของปัญญาคือความเข้าใจความจริงของชีวิต...
...เป็นหลักคำสอนของผู้สิ้นกิเลสมาบอกเพื่อให้รู้แล้วละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้ผ่องใส...
...พุทธบริษัทสี่จึงหมายถึงกลุ่มคนผู้ที่มีความเข้าใจหลักคำสอนจึงเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า...
...พุทธศาสนิกชนจึงหมายถึงพุทธบริษัทสี่ที่มีความเลื่อมใสและศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้า...
Kiss


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.พ. 2015, 04:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




Madagaskarpalm01L.png
Madagaskarpalm01L.png [ 674.47 KiB | เปิดดู 10459 ครั้ง ]
Rosarin เขียน:
rolleyes
...พุทธศาสนาว่าด้วยเรื่องของปัญญาคือความเข้าใจความจริงของชีวิต...
...เป็นหลักคำสอนของผู้สิ้นกิเลสมาบอกเพื่อให้รู้แล้วละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้ผ่องใส...
...พุทธบริษัทสี่จึงหมายถึงกลุ่มคนผู้ที่มีความเข้าใจหลักคำสอนจึงเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า...
...พุทธศาสนิกชนจึงหมายถึงพุทธบริษัทสี่ที่มีความเลื่อมใสและศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้า...
Kiss

:b8: :b8: :b8: Rosarin

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.พ. 2015, 11:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
...จิตต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าของ...
...เพราะยังมีเราและของๆเรารายรอบตัว...
...จึงเพลิดเพลินไม่รู้ตัวว่ายังประมาท...
...กิเลสคือความไม่รู้ความจริง...
...ปัญญาคือเข้าใจความจริง...
...ปัญญาจึงฆ่ากิเลส...
Kiss
...จะเกิดปัญญาได้ก็ต้องมีการสะสม...
...การศึกษาจึงต้องฟังความจริง...
...เพื่อคิดพิจารณาไตร่ตรอง...
...ซึ่งไม่ใช่บังคับให้เชื่อ...
...ผู้ฟังที่คิดได้เอง...
...เมื่อเข้าใจ...
cool
...แล้วความจริงที่แท้จริงจะมาจากที่ไหน...สัจจะธรรมคงอยู่ไม่หายไปไหน...
...แต่ที่พุทธศาสนาอันตรธานก็คือพุทธศาสนิกชนไม่สนใจศึกษาคำสอน...
...สัจจะธรรมจึงหมดไปจากจิตใจของผู้นั้นเองแต่มิได้หมดไปจากโลก...
...อยู่ที่ว่ายุคนี้พุทธศาสนายังดำรงอยู่เพราะมีผู้สนใจฟังคำสอน...
...พระไตรปิำฎกมิใช่แค่ตัวหนังสือแต่เป็นคำจริงที่ทรงแสดง...
...ให้ผู้รู้ได้รู้ตามคือจิตทุกดวงที่สนใจฟังและไตร่ตรอง...
...ต้องสนใจที่จะฟังและเข้าใจสิ่งที่ได้ฟังอย่างมั่นคง...
rolleyes
...ฟังจากที่ไหนก็ได้ทางวิทยุ โทรทัศน์ วิดีโอ เข้าอินเทอร์เน็ต...
...ฟังเพื่อให้เกิดความเห็นถูกความเข้าใจถูกในสภาพธรรม...
...ที่กำลังมีกำลังปรากฏตามความเป็นจริงตามกำลัง...
...ที่คิดไตร่ตรองเป็นความเข้าใจจากที่นี่...
...รายการบ้านธัมมะและจากเว็บไซด์...
...http://www.dhammahome.com...
...พระพุทธเจ้าน่าอัศจรรย์จริง...
...สาธุ สาธุ สาธุ...
:b40: :b40: :b40:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ธ.ค. 2015, 06:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




cats.jpg
cats.jpg [ 32.92 KiB | เปิดดู 10964 ครั้ง ]
ความเป็นจริงจักขุวิญญาณเป็นสภาพที่เห็นรูป ไม่ใช่จักขุปสาท
แต่จักขุวิญญาณจะเห็นรูปได้ต้องผ่านจักขุปสาท จึงกล่าวกันว่าจุกปสาทเห็นรูปได้
เหมือนว่าเราใช้ภาษาอยู่ลักษณะหนึ่งที่ผู้พูดกล่าวถึงสถานที่ แต่เจตนาจริงหมายถึง
ผู้ที่อยู่ในสถานที่นั้น เช่นคำว่าโรงเรียนเลิก ความจริงแล้วหมายถึงได้เวลาคน
ที่อยู่ในโรงเรียนกลับบ้าน โรงเรียนเขาก็มีอาการตั้งอยู่อย่างนั้นไม่มีอาการใดๆเลย
หรือในภาษาที่ใช้กัน เช่น ศาลตัดสิน คำว่า "ศาล" เป็นสถานที่ จะเป็นผู้ตัดสินไม่ได้
ผู้ตัดสินที่แท้จริงคือผู้ที่อยู่ในศาล

การใช้คำลักษณะนี้เรียกว่า ฐานูปจาระ คือ ความหมายแฝงที่ได้จากคำแสดงในสถานที่
กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ สำนวนที่กล่าวถึงที่ตั้ง แต่มุ่งหมายถึงสิ่งที่อาศัย ซึ่งในที่นี้เป็นการกล่าวถึงที่ตั้ง
คือ จักขุปสาท แต่เจตนานั้นหมายถึงสิ่งที่อาศัยคือจักขุวิญญาณ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2016, 10:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
อารมณ์ ไม่ใช่ จิต 1000เปอร์เซ็นต์ค่ะ ขอแสดงความเข้าใจที่ได้ศึกษาดังนี้
จิตเป็นจิตเป็นสภาพรู้ จิตที่รู้ๆนั้น ต้องมีทั้งตัวรู้ ทางเดินในการรู้ และสิ่งที่ถูกรู้
จิตไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆเพราะจิตต้องมีที่รองรับในแต่ละภพภูมิที่เป็นไปตามนิมิต
พระอภิธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงในพระปริยัติธรรมคือความละเอียดของจิต
ทั้งโลกียธรรมและโลกุตตรธรรมคือจิต เจตสิก รูป นิพพาน ทรงแสดงความจริงว่า
1.โลกียธรรมคือการท่องเที่ยวของจิต+เจตสิก+รูป(มหาภูตรูป)ในนิมิตทั้ง31ภพภูมิไม่สิ้นสุด
2.โลกุตรธรรมคือทรงแสดงทุกคำจริงให้เข้าถึงความสิ้นสุดของการท่องเที่ยวเข้าสู่สภาวะนิพพาน
ทั้งหมดทั้งปวงเป็นความจริงที่จะรู้ตามได้ตามปกติเพราะมีอยู่แล้วตลอดเวลาแต่ไม่เคยฟังให้เข้าใจ
https://www.youtube.com/watch?v=1QiDX0jN9jU
:b39: :b39:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2016, 04:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
ความเป็นจริงจักขุวิญญาณเป็นสภาพที่เห็นรูป ไม่ใช่จักขุปสาท
แต่จักขุวิญญาณจะเห็นรูปได้ต้องผ่านจักขุปสาท จึงกล่าวกันว่าจุกปสาทเห็นรูปได้
เหมือนว่าเราใช้ภาษาอยู่ลักษณะหนึ่งที่ผู้พูดกล่าวถึงสถานที่ แต่เจตนาจริงหมายถึง
ผู้ที่อยู่ในสถานที่นั้น เช่นคำว่าโรงเรียนเลิก ความจริงแล้วหมายถึงได้เวลาคน
ที่อยู่ในโรงเรียนกลับบ้าน โรงเรียนเขาก็มีอาการตั้งอยู่อย่างนั้นไม่มีอาการใดๆเลย
หรือในภาษาที่ใช้กัน เช่น ศาลตัดสิน คำว่า "ศาล" เป็นสถานที่ จะเป็นผู้ตัดสินไม่ได้
ผู้ตัดสินที่แท้จริงคือผู้ที่อยู่ในศาล

การใช้คำลักษณะนี้เรียกว่า ฐานูปจาระ คือ ความหมายแฝงที่ได้จากคำแสดงในสถานที่
กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ สำนวนที่กล่าวถึงที่ตั้ง แต่มุ่งหมายถึงสิ่งที่อาศัย ซึ่งในที่นี้เป็นการกล่าวถึงที่ตั้ง
คือ จักขุปสาท แต่เจตนานั้นหมายถึงสิ่งที่อาศัยคือจักขุวิญญาณ

Kiss
ขอเพิ่มเติมรายละเอียดให้ทราบแน่ชัดตามความเข้าใจค่ะ
พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมให้เข้าใจความจริงที่มีจริงๆ
ว่าที่เป็นเรามีตัวตนเป็นธัมมะที่รวมประชุมกันของสภาพธรรม
คือธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6ที่กำลังเกิดดับกำลังปรากฏอยู่ตลอดเวลากำลังมีค่ะ
:b43:
ตาเห็นรูปมีสภาพธรรม3อย่างที่ปรากฏให้เห็น/เห็นเป็นธัมมะเดียวที่ปรากฏให้เห็นเท่านั้น
ทรงแสดงความจริงของเห็นว่ากำลังเห็นมีจริงๆเป็นธัมมะไม่ใช่เราไม่ใช่ตัวตน
องค์ประกอบของธัมมะ3อย่างที่ปรากฏการเกิดดับคือจักขุวิญญาณ(จิตเห็น)
อาศัยการเกิดของเห็นผ่านตาตอนกำลังลืมตาและตาไม่บอดเมื่อปรากฏแสง
มากระทบที่รูปอายตนะภายในคือจักขุประสาทรูป(รูปๆหนึ่งที่อยู่ตรงกลางตา)
และมีรูปภายนอกที่ปรากฏที่มหาภูตรูปเป็นสีสันหลากหลายมากที่เกิดดับรวดเร็ว
จนปรากฏเป็นนิมิตของสัตว์บุคคลวัตถุสิ่งของเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้
ตาเห็นรูป=จักขุวิญญาณ+จักขุปสาทรูป+รูปที่มหาภูตรูป(แสง/สี)
ตาไม่เห็นแต่เป็นจิตเห็นเพราะจิตเห็นเป็นธัมมะเป็นธาตุรู้สภาพรู้สี(ตาและรูปเป็นธาตุไม่รู้ค่ะ)
การเกิดของเห็นเป็นการปรากฏของเหตุปัจจัยที่กำลังเกิดดับสืบต่อละเอียดเป็นจิต/เจตสิก/รูปค่ะ
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2017, 07:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




baum.png
baum.png [ 135.09 KiB | เปิดดู 10459 ครั้ง ]
ลุงหมาน เขียน:
สำหรับเรื่องนี้นั้นได้มีพระอาจารย์ผู้สอนพระอภิธรรม
ได้กล่าวเปรียบเทียบไว้ได้ดีและเข้าใจได้ง่ายขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ชนิดใด เมื่อโดดลงไปในน้ำที่เรียกว่าโอฆะ หรือห้วงน้ำ
น้ำนั้นจะปิดสนิททันทีก็ได้แก่ ปุถุชนทั้งหลายและรวมถึงสัตว์ทุกชนิดด้วย
และในคราใดอาจจะมีสัตว์โผล่หัวขึ้นมาจากน้ำ ก็ย่อมเห็นแสงสว่างกับเขาบ้าง

สัตว์นั้นท่านอุปมาได้แก่ พระโสดาบัน และพระโสดาบันก็ย่อมเห็นฝั่งแล้ว
ก็พยายามว่ายน้ำเข้าหาฝั่ง ท่านอุปมาว่า ได้แก่ พระสกทาคามี
เมื่อสกทาคามีว่ายน้ำจนถึงฝั่งแล้ว ท่านอุปมาว่า ได้แก่ พระอนาคามี
เมื่อพระอนาคามีได้ขึ้นฝั่งแล้ว ท่านอุปมาว่า ได้แก่ พระอรหันต์ เช่นนี้แล.

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2018, 11:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
อารมณ์ ไม่ใช่ จิต เพราะ
อารมณ์ เป็นสิ่งที่ถูกจิตรู้
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2018, 14:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
tongue
...อารมณ์ ไม่ใช่ จิต...อารมณ์เป็นสภาวะธรรมที่ปรุงแต่งจิตตามความอยาก...
...จิตเป็นจิตเป็นสภาพรู้เป็นธาตุรู้ทุกสิ่งที่มีที่กำลังปรากฎในชีวิตประจำวัน...
...จิตรู้ รูป แสง สี โดยต้องมีสภาพกำลังมองเห็น...หลับตาก็ไม่มีจิตรู้รูป...
...จิตรู้เสียง โดยต้องมีสภาพได้ยินเสียง...ขณะที่กำลังฟังเสียงจึงมีจิตรู้เสียง...
...จิตรู้กลิ่น โดยต้องมีสภาพดมกลิ่น...ขณะที่กำลังได้กลิ่นจึงมีจิตรู้กลิ่น...
...จิตรู้รส โดยต้องมีสภาพลิ้มรส...ขณะที่กำลังรู้รสทางลิ้นจึงมีจิตรู้รส...
...จิตรู้สัมผัส โดยต้องมีกระทบสัมผัส...ขณะที่กำลังรู้สัมผัสกระทบกายจึงมีจิตรู้สัมผัส...
...จิตรู้อารมณ์ โดยรับรู้ทางใจจากการเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รับสัมผัสที่แตกต่าง...
...และปรุงแต่งเป็นความรู้สึกทางใจหยาบ/ละเอียดเป็นอารมณ์สุข-ทุกข์-เฉยๆ...
...จิตดี...เป็นสภาพรู้กุศลที่กำลังปรากฏแต่ละทางตามเหตุ-ปัจจัย...
...จิตไม่ดี...เป็นสภาพรู้อกุศลที่กำลังปรากฏแต่ละทางตามเหตุ-ปัจจัย...
...จิตสงบ...เป็นความเข้าใจความจริงของจิตสภาพจิตที่ดีแล้วเจริญในกุศลเพื่อละอกุศลที่กำลังปรากฎ... rolleyes rolleyes rolleyes

tongue
ขอแก้ไขเป็นข้อความด้านล่างนี้ค่ะ
:b12:
...อารมณ์ ไม่ใช่ จิต...อารมณ์คือสิ่งที่ถูกจิตรู้ผ่านทางที่ประชุมรวมกันคืออายตนะ6...
...จิตเป็นจิตเป็นสภาพรู้เป็นธาตุรู้ทุกสิ่งที่มีที่กำลังปรากฎในชีวิตประจำวัน...
...จิตรู้ รูป แสง สี โดยต้องมีสภาพกำลังมองเห็น...หลับตาก็ไม่มีจิตรู้รูป...
...จิตรู้เสียง โดยต้องมีสภาพได้ยินเสียง...ขณะที่กำลังฟังเสียงจึงมีจิตรู้เสียง...
...จิตรู้กลิ่น โดยต้องมีสภาพดมกลิ่น...ขณะที่กำลังได้กลิ่นจึงมีจิตรู้กลิ่น...
...จิตรู้รส โดยต้องมีสภาพลิ้มรส...ขณะที่กำลังรู้รสทางลิ้นจึงมีจิตรู้รส...
...จิตรู้สัมผัส โดยต้องมีกระทบสัมผัส...ขณะที่กำลังรู้สัมผัสกระทบกายจึงมีจิตรู้สัมผัส...
...จิตรู้อารมณ์ โดยรับรู้ทางใจจากการเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รับสัมผัสที่แตกต่าง...
...และปรุงแต่งเป็นความรู้สึกทางใจหยาบ/ละเอียดเป็นอารมณ์สุข-ทุกข์-เฉยๆ...
...จิตดี...เป็นสภาพรู้กุศลที่กำลังปรากฏแต่ละทางตามเหตุ-ปัจจัย...
...จิตไม่ดี...เป็นสภาพรู้อกุศลที่กำลังปรากฏแต่ละทางตามเหตุ-ปัจจัย...
...จิตสงบ...เป็นความเข้าใจความจริงของจิตเป็นสภาพจิตที่ดีงามผ่องใสขณะที่สงบจากอกุศลทุกประการ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2018, 16:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
:b12:
จิตเป็นประธานเป็นสภาพรู้ทุกอย่างที่กำลังปรากฏ
โดยมีรูปพิเศษตรงกลางตาที่เกิดจากกรรมทำให้เห็น
เป็นสภาพที่รู้แจ้งในสิ่งที่กำลังปรากฏเช่นคนสายตาสั้น
ก็รู้แจ้งภาพที่ปรากฏว่ามัวไม่ชัดสวมแว่นจึงรู้ว่าเห็นชัดขึ้น
รูปพิเศษตรงกลางตานี้ไม่มีใครเห็นแต่เข้าใจว่ามีจากตถาคตตรัสแสดง
จิตรู้อารมณ์โดยไม่มีการปรุงแต่งเพราะพอลืมตาจำทุกอย่างยังไม่เรียกก็จำแล้ว
ส่วนการปรุงแต่งจิตนั้นเกิดจากมีเจตสิกที่เป็นสภาพรู้อีกอย่างหนึ่งที่เกิดดับพร้อมจิต
ดังนั้นเจตสิกที่ปรุงแต่งจิตทำให้จิตรู้อารมณ์ต่างๆหลากหลายทำให้กลายเป็นจิต89-121ประเภท
นอกจากนี้จิตยังรู้รูปและจิตยังรู้นิพพานตามที่ทรงแสดงไว้จากการตรัสรู้ที่แยะแยะไว้ละเอียดเป็นจิเจรุนิ
:b8: :b8: :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 29 มิ.ย. 2018, 17:01, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2018, 16:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
:b1:
จิตเป็นบัณฑระคือมีสภาพผ่องใสมาแต่เดิมไม่ขุ่นมัว
แต่ความไม่รู้ที่มีที่ปกปิดความจริงทำให้เกิดอวิชชา
เมื่อมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้จึงแสดงความจริงให้รู้
ว่ามีแต่ธัมมะที่เป็นจิตเจตสิกรูปนิพพานแต่ละ1
หลากหลายตามการสะสมที่เมื่อดับไม่กลับมา
เกิดขณะจิตใหม่ตลอดเวลาต้องเพียรฟังเพื่อ
รู้สิ่งที่กำลังปรากฏให้จิตรู้แจ้งเดี๋ยวนี้ทันที
โดยต้องพึ่งฟังคำตถาคตเพื่อให้คิดถูกตามได้
หนทางลัดไม่มีเพราะปัญญาคือทางรู้เริ่มที่สุตะคือฟัง
ถ้าไม่ทำสุตมยปัญญาจะเจริญปัญญาลำดับถัดไปไม่ได้
ทำกรรมใหม่ตลอดเวลาทำให้เกิดกิเลส กรรม วิบาก
:b4: :b4:
https://youtu.be/6wAx0H6CQ7A


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 241 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 13, 14, 15, 16, 17  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 31 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร