ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
อารมณ์ ไม่ใช่ จิต http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=48991 |
หน้า 16 จากทั้งหมด 17 |
เจ้าของ: | Rosarin [ 14 ก.พ. 2015, 17:18 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: อารมณ์ ไม่ใช่ จิต | ||
อารมณ์ ไม่ใช่ จิต...อารมณ์เป็นสภาวะธรรมที่ปรุงแต่งจิตตามความอยาก... ...จิตเป็นจิตเป็นสภาพรู้เป็นธาตุรู้ทุกสิ่งที่มีที่กำลังปรากฎในชีวิตประจำวัน... ...จิตรู้ รูป แสง สี โดยต้องมีสภาพกำลังมองเห็น...หลับตาก็ไม่มีจิตรู้รูป... ...จิตรู้เสียง โดยต้องมีสภาพได้ยินเสียง...ขณะที่กำลังฟังเสียงจึงมีจิตรู้เสียง... ...จิตรู้กลิ่น โดยต้องมีสภาพดมกลิ่น...ขณะที่กำลังได้กลิ่นจึงมีจิตรู้กลิ่น... ...จิตรู้รส โดยต้องมีสภาพลิ้มรส...ขณะที่กำลังรู้รสทางลิ้นจึงมีจิตรู้รส... ...จิตรู้สัมผัส โดยต้องมีกระทบสัมผัส...ขณะที่กำลังรู้สัมผัสกระทบกายจึงมีจิตรู้สัมผัส... ...จิตรู้อารมณ์ โดยรับรู้ทางใจจากการเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รับสัมผัสที่แตกต่าง... ...และปรุงแต่งเป็นความรู้สึกทางใจหยาบ/ละเอียดเป็นอารมณ์สุข-ทุกข์-เฉยๆ... ...จิตดี...เป็นสภาพรู้กุศลที่กำลังปรากฏแต่ละทางตามเหตุ-ปัจจัย... ...จิตไม่ดี...เป็นสภาพรู้อกุศลที่กำลังปรากฏแต่ละทางตามเหตุ-ปัจจัย... ...จิตสงบ...เป็นความเข้าใจความจริงของจิตสภาพจิตที่ดีแล้วเจริญในกุศลเพื่อละอกุศลที่กำลังปรากฎ...
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 14 ก.พ. 2015, 17:50 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: อารมณ์ ไม่ใช่ จิต | ||
Rosarin เขียน: tongue ...อารมณ์ ไม่ใช่ จิต...อารมณ์เป็นสภาวะธรรมที่ปรุงแต่งจิตตามความอยาก... ...จิตเป็นจิตเป็นสภาพรู้เป็นธาตุรู้ทุกสิ่งที่มีที่กำลังปรากฎในชีวิตประจำวัน... ...จิตรู้ รูป แสง สี โดยต้องมีสภาพกำลังมองเห็น...หลับตาก็ไม่มีจิตรู้รูป... ...จิตรู้เสียง โดยต้องมีสภาพได้ยินเสียง...ขณะที่กำลังฟังเสียงจึงมีจิตรู้เสียง... ...จิตรู้กลิ่น โดยต้องมีสภาพดมกลิ่น...ขณะที่กำลังได้กลิ่นจึงมีจิตรู้กลิ่น... ...จิตรู้รส โดยต้องมีสภาพลิ้มรส...ขณะที่กำลังรู้รสทางลิ้นจึงมีจิตรู้รส... ...จิตรู้สัมผัส โดยต้องมีกระทบสัมผัส...ขณะที่กำลังรู้สัมผัสกระทบกายจึงมีจิตรู้สัมผัส... ...จิตรู้อารมณ์ โดยรับรู้ทางใจจากการเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รับสัมผัสที่แตกต่าง... ...และปรุงแต่งเป็นความรู้สึกทางใจหยาบ/ละเอียดเป็นอารมณ์สุข-ทุกข์-เฉยๆ... ...จิตดี...เป็นสภาพรู้กุศลที่กำลังปรากฏแต่ละทางตามเหตุ-ปัจจัย... ...จิตไม่ดี...เป็นสภาพรู้อกุศลที่กำลังปรากฏแต่ละทางตามเหตุ-ปัจจัย... ...จิตสงบ...เป็นความเข้าใจความจริงของจิตสภาพจิตที่ดีแล้วเจริญในกุศลเพื่อละอกุศลที่กำลังปรากฎ...
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 15 ก.พ. 2015, 06:36 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: อารมณ์ ไม่ใช่ จิต | ||
จะหาคนแบกหินแบกทรายเข้าวัดนั้นไม่ยากเลย แต่จะหาคนไปเรียนธรรมะนั้นยากแท้.....
|
เจ้าของ: | toy1 [ 16 ก.พ. 2015, 10:45 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อารมณ์ ไม่ใช่ จิต |
เข้าวัดข้างนอก จะได้หาแนวทาง ทำวัดข้างในให้สงบร่มเย็นด้วยเกิดบุญกุศล ศึลสมาธิปัญญาหล่อเลี้ยงจิตของตน |
เจ้าของ: | Rosarin [ 16 ก.พ. 2015, 16:31 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อารมณ์ ไม่ใช่ จิต |
...พุทธศาสนาว่าด้วยเรื่องของปัญญาคือความเข้าใจความจริงของชีวิต... ...เป็นหลักคำสอนของผู้สิ้นกิเลสมาบอกเพื่อให้รู้แล้วละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้ผ่องใส... ...พุทธบริษัทสี่จึงหมายถึงกลุ่มคนผู้ที่มีความเข้าใจหลักคำสอนจึงเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า... ...พุทธศาสนิกชนจึงหมายถึงพุทธบริษัทสี่ที่มีความเลื่อมใสและศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้า... |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 17 ก.พ. 2015, 04:35 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: อารมณ์ ไม่ใช่ จิต | ||
Rosarin เขียน: rolleyes ...พุทธศาสนาว่าด้วยเรื่องของปัญญาคือความเข้าใจความจริงของชีวิต... ...เป็นหลักคำสอนของผู้สิ้นกิเลสมาบอกเพื่อให้รู้แล้วละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้ผ่องใส... ...พุทธบริษัทสี่จึงหมายถึงกลุ่มคนผู้ที่มีความเข้าใจหลักคำสอนจึงเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า... ...พุทธศาสนิกชนจึงหมายถึงพุทธบริษัทสี่ที่มีความเลื่อมใสและศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้า... Rosarin
|
เจ้าของ: | Rosarin [ 17 ก.พ. 2015, 11:01 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อารมณ์ ไม่ใช่ จิต |
...จิตต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าของ... ...เพราะยังมีเราและของๆเรารายรอบตัว... ...จึงเพลิดเพลินไม่รู้ตัวว่ายังประมาท... ...กิเลสคือความไม่รู้ความจริง... ...ปัญญาคือเข้าใจความจริง... ...ปัญญาจึงฆ่ากิเลส... ...จะเกิดปัญญาได้ก็ต้องมีการสะสม... ...การศึกษาจึงต้องฟังความจริง... ...เพื่อคิดพิจารณาไตร่ตรอง... ...ซึ่งไม่ใช่บังคับให้เชื่อ... ...ผู้ฟังที่คิดได้เอง... ...เมื่อเข้าใจ... ...แล้วความจริงที่แท้จริงจะมาจากที่ไหน...สัจจะธรรมคงอยู่ไม่หายไปไหน... ...แต่ที่พุทธศาสนาอันตรธานก็คือพุทธศาสนิกชนไม่สนใจศึกษาคำสอน... ...สัจจะธรรมจึงหมดไปจากจิตใจของผู้นั้นเองแต่มิได้หมดไปจากโลก... ...อยู่ที่ว่ายุคนี้พุทธศาสนายังดำรงอยู่เพราะมีผู้สนใจฟังคำสอน... ...พระไตรปิำฎกมิใช่แค่ตัวหนังสือแต่เป็นคำจริงที่ทรงแสดง... ...ให้ผู้รู้ได้รู้ตามคือจิตทุกดวงที่สนใจฟังและไตร่ตรอง... ...ต้องสนใจที่จะฟังและเข้าใจสิ่งที่ได้ฟังอย่างมั่นคง... ...ฟังจากที่ไหนก็ได้ทางวิทยุ โทรทัศน์ วิดีโอ เข้าอินเทอร์เน็ต... ...ฟังเพื่อให้เกิดความเห็นถูกความเข้าใจถูกในสภาพธรรม... ...ที่กำลังมีกำลังปรากฏตามความเป็นจริงตามกำลัง... ...ที่คิดไตร่ตรองเป็นความเข้าใจจากที่นี่... ...รายการบ้านธัมมะและจากเว็บไซด์... ...http://www.dhammahome.com... ...พระพุทธเจ้าน่าอัศจรรย์จริง... ...สาธุ สาธุ สาธุ... |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 08 ธ.ค. 2015, 06:51 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: อารมณ์ ไม่ใช่ จิต | ||
ความเป็นจริงจักขุวิญญาณเป็นสภาพที่เห็นรูป ไม่ใช่จักขุปสาท แต่จักขุวิญญาณจะเห็นรูปได้ต้องผ่านจักขุปสาท จึงกล่าวกันว่าจุกปสาทเห็นรูปได้ เหมือนว่าเราใช้ภาษาอยู่ลักษณะหนึ่งที่ผู้พูดกล่าวถึงสถานที่ แต่เจตนาจริงหมายถึง ผู้ที่อยู่ในสถานที่นั้น เช่นคำว่าโรงเรียนเลิก ความจริงแล้วหมายถึงได้เวลาคน ที่อยู่ในโรงเรียนกลับบ้าน โรงเรียนเขาก็มีอาการตั้งอยู่อย่างนั้นไม่มีอาการใดๆเลย หรือในภาษาที่ใช้กัน เช่น ศาลตัดสิน คำว่า "ศาล" เป็นสถานที่ จะเป็นผู้ตัดสินไม่ได้ ผู้ตัดสินที่แท้จริงคือผู้ที่อยู่ในศาล การใช้คำลักษณะนี้เรียกว่า ฐานูปจาระ คือ ความหมายแฝงที่ได้จากคำแสดงในสถานที่ กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ สำนวนที่กล่าวถึงที่ตั้ง แต่มุ่งหมายถึงสิ่งที่อาศัย ซึ่งในที่นี้เป็นการกล่าวถึงที่ตั้ง คือ จักขุปสาท แต่เจตนานั้นหมายถึงสิ่งที่อาศัยคือจักขุวิญญาณ
|
เจ้าของ: | Rosarin [ 17 มิ.ย. 2016, 10:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อารมณ์ ไม่ใช่ จิต |
อารมณ์ ไม่ใช่ จิต 1000เปอร์เซ็นต์ค่ะ ขอแสดงความเข้าใจที่ได้ศึกษาดังนี้ จิตเป็นจิตเป็นสภาพรู้ จิตที่รู้ๆนั้น ต้องมีทั้งตัวรู้ ทางเดินในการรู้ และสิ่งที่ถูกรู้ จิตไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆเพราะจิตต้องมีที่รองรับในแต่ละภพภูมิที่เป็นไปตามนิมิต พระอภิธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงในพระปริยัติธรรมคือความละเอียดของจิต ทั้งโลกียธรรมและโลกุตตรธรรมคือจิต เจตสิก รูป นิพพาน ทรงแสดงความจริงว่า 1.โลกียธรรมคือการท่องเที่ยวของจิต+เจตสิก+รูป(มหาภูตรูป)ในนิมิตทั้ง31ภพภูมิไม่สิ้นสุด 2.โลกุตรธรรมคือทรงแสดงทุกคำจริงให้เข้าถึงความสิ้นสุดของการท่องเที่ยวเข้าสู่สภาวะนิพพาน ทั้งหมดทั้งปวงเป็นความจริงที่จะรู้ตามได้ตามปกติเพราะมีอยู่แล้วตลอดเวลาแต่ไม่เคยฟังให้เข้าใจ https://www.youtube.com/watch?v=1QiDX0jN9jU |
เจ้าของ: | Rosarin [ 19 มิ.ย. 2016, 04:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อารมณ์ ไม่ใช่ จิต |
ลุงหมาน เขียน: ความเป็นจริงจักขุวิญญาณเป็นสภาพที่เห็นรูป ไม่ใช่จักขุปสาท แต่จักขุวิญญาณจะเห็นรูปได้ต้องผ่านจักขุปสาท จึงกล่าวกันว่าจุกปสาทเห็นรูปได้ เหมือนว่าเราใช้ภาษาอยู่ลักษณะหนึ่งที่ผู้พูดกล่าวถึงสถานที่ แต่เจตนาจริงหมายถึง ผู้ที่อยู่ในสถานที่นั้น เช่นคำว่าโรงเรียนเลิก ความจริงแล้วหมายถึงได้เวลาคน ที่อยู่ในโรงเรียนกลับบ้าน โรงเรียนเขาก็มีอาการตั้งอยู่อย่างนั้นไม่มีอาการใดๆเลย หรือในภาษาที่ใช้กัน เช่น ศาลตัดสิน คำว่า "ศาล" เป็นสถานที่ จะเป็นผู้ตัดสินไม่ได้ ผู้ตัดสินที่แท้จริงคือผู้ที่อยู่ในศาล การใช้คำลักษณะนี้เรียกว่า ฐานูปจาระ คือ ความหมายแฝงที่ได้จากคำแสดงในสถานที่ กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ สำนวนที่กล่าวถึงที่ตั้ง แต่มุ่งหมายถึงสิ่งที่อาศัย ซึ่งในที่นี้เป็นการกล่าวถึงที่ตั้ง คือ จักขุปสาท แต่เจตนานั้นหมายถึงสิ่งที่อาศัยคือจักขุวิญญาณ ขอเพิ่มเติมรายละเอียดให้ทราบแน่ชัดตามความเข้าใจค่ะ พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมให้เข้าใจความจริงที่มีจริงๆ ว่าที่เป็นเรามีตัวตนเป็นธัมมะที่รวมประชุมกันของสภาพธรรม คือธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6ที่กำลังเกิดดับกำลังปรากฏอยู่ตลอดเวลากำลังมีค่ะ ตาเห็นรูปมีสภาพธรรม3อย่างที่ปรากฏให้เห็น/เห็นเป็นธัมมะเดียวที่ปรากฏให้เห็นเท่านั้น ทรงแสดงความจริงของเห็นว่ากำลังเห็นมีจริงๆเป็นธัมมะไม่ใช่เราไม่ใช่ตัวตน องค์ประกอบของธัมมะ3อย่างที่ปรากฏการเกิดดับคือจักขุวิญญาณ(จิตเห็น) อาศัยการเกิดของเห็นผ่านตาตอนกำลังลืมตาและตาไม่บอดเมื่อปรากฏแสง มากระทบที่รูปอายตนะภายในคือจักขุประสาทรูป(รูปๆหนึ่งที่อยู่ตรงกลางตา) และมีรูปภายนอกที่ปรากฏที่มหาภูตรูปเป็นสีสันหลากหลายมากที่เกิดดับรวดเร็ว จนปรากฏเป็นนิมิตของสัตว์บุคคลวัตถุสิ่งของเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ ตาเห็นรูป=จักขุวิญญาณ+จักขุปสาทรูป+รูปที่มหาภูตรูป(แสง/สี) ตาไม่เห็นแต่เป็นจิตเห็นเพราะจิตเห็นเป็นธัมมะเป็นธาตุรู้สภาพรู้สี(ตาและรูปเป็นธาตุไม่รู้ค่ะ) การเกิดของเห็นเป็นการปรากฏของเหตุปัจจัยที่กำลังเกิดดับสืบต่อละเอียดเป็นจิต/เจตสิก/รูปค่ะ |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 22 ก.ค. 2017, 07:02 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: อารมณ์ ไม่ใช่ จิต | ||
ลุงหมาน เขียน: สำหรับเรื่องนี้นั้นได้มีพระอาจารย์ผู้สอนพระอภิธรรม
ได้กล่าวเปรียบเทียบไว้ได้ดีและเข้าใจได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ชนิดใด เมื่อโดดลงไปในน้ำที่เรียกว่าโอฆะ หรือห้วงน้ำ น้ำนั้นจะปิดสนิททันทีก็ได้แก่ ปุถุชนทั้งหลายและรวมถึงสัตว์ทุกชนิดด้วย และในคราใดอาจจะมีสัตว์โผล่หัวขึ้นมาจากน้ำ ก็ย่อมเห็นแสงสว่างกับเขาบ้าง สัตว์นั้นท่านอุปมาได้แก่ พระโสดาบัน และพระโสดาบันก็ย่อมเห็นฝั่งแล้ว ก็พยายามว่ายน้ำเข้าหาฝั่ง ท่านอุปมาว่า ได้แก่ พระสกทาคามี เมื่อสกทาคามีว่ายน้ำจนถึงฝั่งแล้ว ท่านอุปมาว่า ได้แก่ พระอนาคามี เมื่อพระอนาคามีได้ขึ้นฝั่งแล้ว ท่านอุปมาว่า ได้แก่ พระอรหันต์ เช่นนี้แล.
|
เจ้าของ: | Rosarin [ 26 ม.ค. 2018, 11:18 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อารมณ์ ไม่ใช่ จิต |
อารมณ์ ไม่ใช่ จิต เพราะ อารมณ์ เป็นสิ่งที่ถูกจิตรู้ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 29 มิ.ย. 2018, 14:49 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อารมณ์ ไม่ใช่ จิต |
Rosarin เขียน: tongue ...อารมณ์ ไม่ใช่ จิต...อารมณ์เป็นสภาวะธรรมที่ปรุงแต่งจิตตามความอยาก... ...จิตเป็นจิตเป็นสภาพรู้เป็นธาตุรู้ทุกสิ่งที่มีที่กำลังปรากฎในชีวิตประจำวัน... ...จิตรู้ รูป แสง สี โดยต้องมีสภาพกำลังมองเห็น...หลับตาก็ไม่มีจิตรู้รูป... ...จิตรู้เสียง โดยต้องมีสภาพได้ยินเสียง...ขณะที่กำลังฟังเสียงจึงมีจิตรู้เสียง... ...จิตรู้กลิ่น โดยต้องมีสภาพดมกลิ่น...ขณะที่กำลังได้กลิ่นจึงมีจิตรู้กลิ่น... ...จิตรู้รส โดยต้องมีสภาพลิ้มรส...ขณะที่กำลังรู้รสทางลิ้นจึงมีจิตรู้รส... ...จิตรู้สัมผัส โดยต้องมีกระทบสัมผัส...ขณะที่กำลังรู้สัมผัสกระทบกายจึงมีจิตรู้สัมผัส... ...จิตรู้อารมณ์ โดยรับรู้ทางใจจากการเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รับสัมผัสที่แตกต่าง... ...และปรุงแต่งเป็นความรู้สึกทางใจหยาบ/ละเอียดเป็นอารมณ์สุข-ทุกข์-เฉยๆ... ...จิตดี...เป็นสภาพรู้กุศลที่กำลังปรากฏแต่ละทางตามเหตุ-ปัจจัย... ...จิตไม่ดี...เป็นสภาพรู้อกุศลที่กำลังปรากฏแต่ละทางตามเหตุ-ปัจจัย... ...จิตสงบ...เป็นความเข้าใจความจริงของจิตสภาพจิตที่ดีแล้วเจริญในกุศลเพื่อละอกุศลที่กำลังปรากฎ... ขอแก้ไขเป็นข้อความด้านล่างนี้ค่ะ ...อารมณ์ ไม่ใช่ จิต...อารมณ์คือสิ่งที่ถูกจิตรู้ผ่านทางที่ประชุมรวมกันคืออายตนะ6... ...จิตเป็นจิตเป็นสภาพรู้เป็นธาตุรู้ทุกสิ่งที่มีที่กำลังปรากฎในชีวิตประจำวัน... ...จิตรู้ รูป แสง สี โดยต้องมีสภาพกำลังมองเห็น...หลับตาก็ไม่มีจิตรู้รูป... ...จิตรู้เสียง โดยต้องมีสภาพได้ยินเสียง...ขณะที่กำลังฟังเสียงจึงมีจิตรู้เสียง... ...จิตรู้กลิ่น โดยต้องมีสภาพดมกลิ่น...ขณะที่กำลังได้กลิ่นจึงมีจิตรู้กลิ่น... ...จิตรู้รส โดยต้องมีสภาพลิ้มรส...ขณะที่กำลังรู้รสทางลิ้นจึงมีจิตรู้รส... ...จิตรู้สัมผัส โดยต้องมีกระทบสัมผัส...ขณะที่กำลังรู้สัมผัสกระทบกายจึงมีจิตรู้สัมผัส... ...จิตรู้อารมณ์ โดยรับรู้ทางใจจากการเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รับสัมผัสที่แตกต่าง... ...และปรุงแต่งเป็นความรู้สึกทางใจหยาบ/ละเอียดเป็นอารมณ์สุข-ทุกข์-เฉยๆ... ...จิตดี...เป็นสภาพรู้กุศลที่กำลังปรากฏแต่ละทางตามเหตุ-ปัจจัย... ...จิตไม่ดี...เป็นสภาพรู้อกุศลที่กำลังปรากฏแต่ละทางตามเหตุ-ปัจจัย... ...จิตสงบ...เป็นความเข้าใจความจริงของจิตเป็นสภาพจิตที่ดีงามผ่องใสขณะที่สงบจากอกุศลทุกประการ... |
เจ้าของ: | Rosarin [ 29 มิ.ย. 2018, 16:29 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อารมณ์ ไม่ใช่ จิต |
จิตเป็นประธานเป็นสภาพรู้ทุกอย่างที่กำลังปรากฏ โดยมีรูปพิเศษตรงกลางตาที่เกิดจากกรรมทำให้เห็น เป็นสภาพที่รู้แจ้งในสิ่งที่กำลังปรากฏเช่นคนสายตาสั้น ก็รู้แจ้งภาพที่ปรากฏว่ามัวไม่ชัดสวมแว่นจึงรู้ว่าเห็นชัดขึ้น รูปพิเศษตรงกลางตานี้ไม่มีใครเห็นแต่เข้าใจว่ามีจากตถาคตตรัสแสดง จิตรู้อารมณ์โดยไม่มีการปรุงแต่งเพราะพอลืมตาจำทุกอย่างยังไม่เรียกก็จำแล้ว ส่วนการปรุงแต่งจิตนั้นเกิดจากมีเจตสิกที่เป็นสภาพรู้อีกอย่างหนึ่งที่เกิดดับพร้อมจิต ดังนั้นเจตสิกที่ปรุงแต่งจิตทำให้จิตรู้อารมณ์ต่างๆหลากหลายทำให้กลายเป็นจิต89-121ประเภท นอกจากนี้จิตยังรู้รูปและจิตยังรู้นิพพานตามที่ทรงแสดงไว้จากการตรัสรู้ที่แยะแยะไว้ละเอียดเป็นจิเจรุนิ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 29 มิ.ย. 2018, 16:44 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อารมณ์ ไม่ใช่ จิต |
จิตเป็นบัณฑระคือมีสภาพผ่องใสมาแต่เดิมไม่ขุ่นมัว แต่ความไม่รู้ที่มีที่ปกปิดความจริงทำให้เกิดอวิชชา เมื่อมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้จึงแสดงความจริงให้รู้ ว่ามีแต่ธัมมะที่เป็นจิตเจตสิกรูปนิพพานแต่ละ1 หลากหลายตามการสะสมที่เมื่อดับไม่กลับมา เกิดขณะจิตใหม่ตลอดเวลาต้องเพียรฟังเพื่อ รู้สิ่งที่กำลังปรากฏให้จิตรู้แจ้งเดี๋ยวนี้ทันที โดยต้องพึ่งฟังคำตถาคตเพื่อให้คิดถูกตามได้ หนทางลัดไม่มีเพราะปัญญาคือทางรู้เริ่มที่สุตะคือฟัง ถ้าไม่ทำสุตมยปัญญาจะเจริญปัญญาลำดับถัดไปไม่ได้ ทำกรรมใหม่ตลอดเวลาทำให้เกิดกิเลส กรรม วิบาก https://youtu.be/6wAx0H6CQ7A |
หน้า 16 จากทั้งหมด 17 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |