วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 13:28  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2015, 18:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2011, 23:47
โพสต์: 298


 ข้อมูลส่วนตัว


สมมุติกรรมที่เคยทำในอดีตกับพระอริยเจ้าพระอรหันต์ ในสมัยท่านเป็นปุถุชนธรรมดาชาติก่อนๆของท่านที่เราทำไว้กับชาติก่อนๆของท่าน ขอถามความเห็นทุกท่านหน่อยครับ กรรมจะส่งผลในรูปแบบใดบ้างครับหรือว่าจะกลายเป็นอโหสิกรรมก็ยังไม่รู้ครับ ทุกท่านคิดว่าไง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2015, 00:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2011, 23:47
โพสต์: 298


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมว่าควรสวดแผ่เมตตาให้พระอริยะเจ้า กรรมที่เคยทำกับท่านในอดีตตอนที่ท่านเป็นปุถุชนจะได้เบาบาง

บทแผ่เมตตาให้พระอริยะเจ้าทั้งปวง
อะหัง สัพพะ อะริยัง สุขิโตโหมิ ขอให้พระอริยะเจ้าทั้งปวง มีความสุข
อะหัง สัพพะ อะริยัง นิททุกโข โหมิ ขอให้พระอริยะเจ้าทั้งปวง จงปราศจากความทุกข์
อะหัง สัพพะ อะริยัง อเวโรโหมิ ขอให้พระอริยะเจ้าทั้งปวง จงปราศจากเวร
อะหัง สัพพะ อะริยัง อัพยาปัชโชโหมิ ขอให้พระอริยะเจ้าทั้งปวง จงปราศจากความลำบาก
อะหัง สัพพะ อะริยัง อนีโฆ โหมิ ขอให้พระอริยะเจ้าทั้งปวง จงปราศจากอุปสรรค
สุขี สัพพะ อะริยัง ปะริหะรามิ ขอให้พระอริยะเจ้าทั้งปวง มีความสุขกายสุขใจ
รักษตนให้พ้นจากทุกข์ภัย อยู่เย็นเป็นสุขเถิด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2015, 12:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


cool สำหรับไอเดียนะคะคุณยุทธ
หลายครั้งที่ตั้งใจ..ลุกขึ้นมานั่งสมาธิ ทำจิตให้สงบ
เพียงเพื่อหวังว่าจะเกิดตัวบุญ...เพียงเพื่อจะได้แผ่เมตตาไปให้สัพสัตว์ทั้งหลายที่เป็นทุกข์
เมื่อก่อนช่วงหนึ่ง..เมื่อเริ่มเชื่อมั่นในเรื่องของกรรม ก็เฝ้าคิด..ตัวเรานี้ไปทำอะไรมาบ้าง :b5: :b5:
กรรมจะส่งผลยังไง ละถ้าเคยทำกรรมหนัก มิต้องใช้กรรมแย่เหรอ :b5: คิดถึงแต่ตัวเอง
แต่คิดไปก็เท่านั้น..เพราะมันยิ่งมากเรื่องขึ้นเรื่อยๆ เพราะเราคงจะไปหยั่งรู้ได้ไม่หมด
กี่ภพกี่ชาติ เคยใช้กรรมหนักมาแล้วก็อาจจะนับไม่ถ้วน
ถ้าคุณยุทธมีโอกาสไปรู้เห็นอดีตมาแล้วบ้างก็ดี,หรือจะไม่ก็ได้..แค่นึก :b1:
ไอเดียคิดว่าทุกอย่างสำเร็จ..ที่ใจ หากรู้แล้ว..สำนึกแล้วว่าผิด..ใจมันปล่อยเอง..สบายใจ
หากกรรมยังจะส่งผล..ก็เป็นเรื่องของกรรม เพราะทุกวันนี้..เราก็อยู่ได้ด้วยผลของกรรม
ที่ว่าเคยทำกรรมไว้กับพระอริยเจ้าในสมัยครั้งที่ท่านยังเป็นปุถุชน
เดี๋ยวนี้ก็ระวัง กาย,วาจา,ใจให้ดี เพราะคนที่เราต้องพบ ต้องเจอ ต้องสนทนาด้วย
ก็อาจจะเป็นพระอริยเจ้าอีกต่อไป เรื่องของกรรมซับซ้อนมากค่ะ ยิ่งค้นยิ่งเจอ
เพราะกาย,วาจา,ใจของเราเกิดได้ทุกวินาที อยากพ้นกรรม ก็คงต้องระงับกาย,วาจา,ใจให้สนิท
พร้อมหรือยังคะ :b20: :b20:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2015, 17:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2011, 23:47
โพสต์: 298


 ข้อมูลส่วนตัว


พร้อมเผชิญกับทุกอย่างยกเว้นความตาย
เอาเป็นว่าพร้อมแล้วนะครับ เย้..........


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2015, 18:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2015, 20:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


yoottapong เขียน:
สมมุติกรรมที่เคยทำในอดีตกับพระอริยเจ้าพระอรหันต์ ในสมัยท่านเป็นปุถุชนธรรมดาชาติก่อนๆของท่านที่เราทำไว้กับชาติก่อนๆของท่าน ขอถามความเห็นทุกท่านหน่อยครับ กรรมจะส่งผลในรูปแบบใดบ้างครับหรือว่าจะกลายเป็นอโหสิกรรมก็ยังไม่รู้ครับ ทุกท่านคิดว่าไง


กรรม...ทุกชนิด...เราใช้มันมาหมดแล้ว...ในนรก(ถ้าตกนรก)
ที่เหลือมาถึงเรา...มันเศษกรรม
แต่..เศษกรรม..เราก็บ่นว่าสาหัสกันแล้ว...ละครับ

แต่ถ้า...ยังไม่ได้ตกนรก...เพราะอาศัยบุญเก่าก่อน...ยังนึกไม่ออกเลยว่า..จะเป็นอย่างไร

กรรม....ไม่ต้องรอให้เจ้าของกรรม..มาจองเวร...กรรมก็ส่งผลของมันเองได้
บางที...นานแสนนาน..มันก็ยังมาถึง..

ดังเช่น...(ย่า)ปฏาจาราเถรี...กรรมในอดีตอันไกลโพ้น...ยังมาถึงจนได้...

อ้างคำพูด:
ประวัติพระปฏาจาราเถรี
เป็นธิดาของเศรษฐีชาวเมืองสาวัตถี แคว้นโกศล บิดามารดาเป็นคนมั่งคั่งร่ำรวยนางจึงได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี นางเป็นหญิงรูปร่างงดงามแต่นางหลงรักชายคนใช้ของนางเอง เมื่อบิดามารดาจะหาชายหนึ่งในชนชั้นเดียวกันมาแต่งงานด้วย นางจึงนัดแนะให้คนใช้พาหนีแล้วไปสร้างบ้านเรือนอยู่อาศัยในชนบทอันทุรกันดารแห่งหนึ่ง เริ่มแรกชีวิตในชนบทปฏาจารามีความสุขมากเพราะได้อยู่ใกล้ชิดกับชายคนรัก เวลาผ่านไปไม่นานนางก็ตั้งครรภ์ ในเวลาใกล้คลอดนางมีความกังวลใจเพราะไม่มีบิดามารดและญาติอยู่ใกล้ นางจึงขอร้องให้สามีพากลับไปหาบิดามารดา เมื่อสามีปฏิเสธการขอร้องเพราะกลัวเกรงบิดามารดาของนางจะเอาโทษ นางจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านเพียงลำพัง นางคลอดบุตรคนแรกในระหว่างทาง เมื่อสามีตามไปพบเข้าได้ชี้แจงเหตุผลต่างๆ จนพานางกลับบ้านได้สำเร็จ ในเวลาต่อมาปฏาจาราตั้งครรภ์อีกเป็นครั้งที่สองและขอร้องสามีเหมือนครั้งก่อน เมื่อสามีปฏิเสธคำขอร้องเหมือนครั้งที่แล้ว นางจึงพาบุตรน้อยผู้กำลังหัดเดินหนีออกจากบ้าน ในระหว่างทางนางปวดท้องอย่างรุนแรงเพราะกำลังจะคลอดบุตรและฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก
สามีตามไปพบนางกำลังดิ้นทุรนทุรายอยู่ท่ามกลางสายฝนจึงไปตัดไม้เพื่อมาทำที่กำบังฝนชั่วคราว แต่เขาถูกงูพิษร้ายกัดถึงแก่ความตาย ปฏาจาราคลอดบุตรด้วยความยากลำบาก แล้วนางอุ้มทารกและจูงบุตรน้อยตามไปพบศพสามีจึงมีความเศร้าโศกเสียใจมาก นางตัดสินใจจะพาบุตรไปหาบิดามารดาในเมือง เมื่อมาถึงลำธารใหญ่ที่น้ำกำลังไหลเชี่ยว นางไม่อาจพาบุตรข้ามน้ำพร้อมกันได้ จึงให้บุตรคนโตยืนรอที่ฝั่งข้างหนึ่ง แล้วนางก็อุ้มทารกแรกเกิดเดินข้ามน้ำไปอีกฝั่งหนึ่ง

หลังจากจัดแจงวางทารกน้อยไว้ในที่อันเหมาะสมแล้วนางได้เดินข้ามน้ำเพื่อกลับมารับบุตรคนโต ในขณะที่นางกลับมาถึงกลางน้ำนางเห็นเหยี่ยวตัวหนึ่งกำลังบินโฉบลงเพื่อจิกทารกเพราะมันเข้าใจว่าเป็นก้อนเนื้อ นางจึงยกมือขึ้นไล่เหยี่ยวแต่ก็ไม่อาจช่วยชีวิตทารกน้อยได้เพราะเหยี่ยวมองไม่เห็นอาการที่นางขับไล่จึงเฉี่ยวลูกน้อยไป บุตรคนโตมองเห็นนางยกมือขึ้นทั้งสองข้างเข้าใจว่ามารดาเรียกตนจึงก้าวลงสู่แม่น้ำอันเชี่ยวและถูกน้ำพัดพาหายไป ปฏาจาราสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในเวลาใกล้กันแต่นางยังยั้งสติได้ นางเดินร้องไห้เข้าสู่เมืองสาวัตถี และได้ทราบข่าวจากชาวเมืองคนหนึ่งในระหว่างทางว่าลมฝนได้พัดเรือนบิดามารดาของนางพังทลายและเจ้าของเรือนก็ตายไปด้วย เมื่อนางทราบข่าวนี้นางไมอาจตั้งสติได้ นางสลัดผ้านุ่งทิ้งแล้ววิ่งบ่นเพ้อด้วยร่างกายอันเปล่าเปลือยเข้าไปในพระวิหารเชตวัน ในขณะที่พระพุทธเจ้ากำลังทรงแสดงธรรมอยู่ท่ามกลางบริษัท ประชาชนเห็นนางแล้วร้องบอกกันว่า คนบ้าๆ อย่าให้เข้ามา พระพุทธเจ้าตรัสว่า ปล่อยให้นางเข้ามาเถิด แล้วตรัสให้นางได้สติ นางกลับได้สติดังเดิม ใครคนหนึ่งในที่ประชุมนั้นโยนผ้าให้นางนุ่งห่ม นางนั่งฟังพระธรรมเทศนาอันแสดงถึงความไม่เที่ยงแท้ของสรรพสิ่งพิจารณาไปตามพระธรรมเทศนานั้นแล้วได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน ทูลขอบวชพระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้นางบวชในสำนักของภิกษุณี หลังจากบวชแล้วไม่นาน นางได้เพียรบำเพ็ญสมณธรรมด้วยความตั้งใจจริง และได้บรรลุอรหัตผลในที่สุด
พระปฏาจาราเถรีมีความสนใจในพระวินัยเป็นพิเศษ ตั้งใจศึกษาพระวินัยจนมีความรู้ความเชี่ยวชาญ ได้รับแต่งตั้งในตำแหน่งเอตทัคคะ (เป็นเลิศกว่าผู้อื่น) นางเป็นผู้ทรงพระวินัย เป็นกำลังในการเผยแพร่พระพุทธศาสนา ดำรงอยู่ในภาวะภิกษุณีจนพอสมควรแก่อายุขัยแล้วก็นิพพาน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 142 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร