วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 03:32  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 404 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11 ... 27  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.พ. 2015, 23:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




Tg1Wu1NDPEgMrcpDD9FLc7XKUiY.png
Tg1Wu1NDPEgMrcpDD9FLc7XKUiY.png [ 122.58 KiB | เปิดดู 2989 ครั้ง ]
tongue
มียายข้างบ้านชอบไหว้พระสวดมนต์เป็นประจำ..เคยถามว่ายายไม่ทำสมาธิบ้างเหรอ
ยายบอกว่า..เคยไปปฏิบัติธรรมมาครั้งหนึ่ง..นั่งๆไปแล้วเห็นวิญญานหรือผี..คงเห็นแบบเป็นนิมิต
ยายกลัว..เลยไม่กล้าทำอีก
แต่ก่อน..ไอเดีย..คิดว่านี่..ก็..สำคัญ..เสียดายแทน :b9:
นั่งจนได้เห็นนิมิตอะไรนี่..สมาธิต้องได้แล้วในระดับหนึ่ง..ไม่น่าเลิกล้มง่ายๆ
ที่นำเสนอในเรื่องของตัวเอง..ก็อยากให้เห็น..ว่าไอเดียก็กลัวในระดับมากๆๆๆๆๆ
..แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้..เพียงแต่มีความเห็นผิด..คือ..เพราะยังไม่เห็นถูก :b12: :b20:
s005 สมัยก่อนที่ว่าเคยได้ทำสมาธิจริงจังแล้วหยุดไป..
ระหว่างนั้นมีโอกาสทำบุญวันเกิด ร่วมสมทบบุญ,ให้ทาน,ไปวัด(แบบเที่ยวส่วนมาก)
จะกราบพระ..มีอธิษฐาน..ขอ :b12:
คือใครจะขอนั่นขอนี่ก็ขอไป..ไอเดียนี่ไม่ขออะไร..ไม่ขอมาก..ขอแค่3ข้อ
ทุกครั้งจะภาวนาแน่วแน่..ขอให้ลูกมีศีล...สติ...สมาธิ..ไม่มีหวั่นไหวอยากขออะไรเหมือนตอนโต :b32: :b9:
... คิดได้ไง..ขอแบบนั้น :b14: อยู่เรื่อยๆ เหมือนมีอะไรดลใจรึเปล่า
ตอนนี้จนบางครั้งก็อดคิดไม่ได้..ถ้าคำภาวนาส่งผล..ถึงว่า..เหมือนหาปัญญาไม่ได้เลย..รู้ว่าตัวไม่รู้อะไรเลย..โง่ :b9:
อยากจะให้เข้าใจถึงความรู้สึก..ว่าตอนมารู้ว่าต้องมีคำว่าปัญญา(ไม่นานนี้).......แหะๆๆ
ทุกวันนี้..บางทีก็ไม่เข้าใจตัวเอง..ที่ผ่านมาทำไมมีใจอยากจะเข้ามาทำสมาธิ
เหมือนมี2ด้านในตัวเอง...1ก็เหมือนอยากทำๆ..2ก็ตามๆไปแบบไม่รู้เหตุผลอะไรเลย..กว่าจะรู้ตามก็ช้าเหลือเกิน
เหมือนเท้ามันเดินๆไป..แต่ตาคอยจะปิดไม่ยอมมอง..มือเลยต้องประคับประคองสัมผัสช่วยไป
เมื่อไหร่สมอง..มันจะออกมาทำงานก็ไม่รู้
s002 จุดเริ่มต้น..เหมือนสะเปะสะปะ..มาตามทางเรื่อยๆ..ทำไปเรื่อย..ก็ตามที่เล่าๆผ่านมานี่แหละ
การทำสมาธิของไอเดีย..จึงแบบไปเรื่อยๆ..เหมือนคนเพ้อเจ้อ..
ยิ่งพยายามทำมากขึ้น...ต่อไปนี้ก็จะยิ่งยุ่งเหยิง..
ก็กว่าจะได้เข้ามาในลานธรรมนี้..ถึงได้ยินคำว่า..สมาธิ..ก็มี..คำว่าสัมมาสมาธิ :b8: (ไว้ค่อยเล่าในตอนต่อไปค่ะ)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.พ. 2015, 06:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




unnamed (2).png
unnamed (2).png [ 171.63 KiB | เปิดดู 2989 ครั้ง ]
s002 s005 ..เล่าอ้อมไปอ้อมมา มีแอบหนักใจที่เล่าต่อนิดๆ
ถ้าที่ผ่านมาคิดว่าทำแล้วเพ้อๆ..ต่อไปจะยิ่งเพ้อ :b5: :b5:
ทำไปเรื่อย..ทำให้เป็นไปได้นะเรา :b9: :b9:
แต่ไม่ยอมแพ้..จะเล่าต่อให้จบ :b26:
เห็นตัวเองที่เล่ามาถึงตอนนี้..จนต่อมาจนถึงวันนี้ ไม่คิดจะสู้กับความกลัวให้ถูกวิธี..
เอาแต่หนีท่าเดียว..ตอนนี้เริ่มมีแรงฮึด..ปฏิวัติตัวเอง..
อ้อ..มีหนักใจ..รายละเอียดมันเยอะด้วย
ทุกสภาวะที่จะเล่าคือเรื่องจริง..แน่นอน..เกิดขึ้นจริงๆ
แต่รายละเอียดมันเยอะ..จึงกังวล..ว่ามันอาจจะเรียงลำดับเลื่อมซ้อนมีคลาดเคลื่อนสักนิด
ก็ไม่ใช่อะไรมาก..หรืออาจจะไม่มี..เผื่อไว้..เพราะปกติจะเป๊ะมาก..แต่นี่รายละเอียดมันเยอะ
ก็ยังงง..ประมานเดือนเดียว..กับสิ่งที่ทำ..ผลมันจะดูเวอร์ไปรึเปล่า
เลยจำเป็นต้องลงรายละเอียดที่เกิดขึ้นเยอะหน่อย :b8: ..จะทำให้ดีที่สุดค่ะ :b1:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2015, 13:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ม.ค. 2011, 09:13
โพสต์: 73


 ข้อมูลส่วนตัว




77813262_p.png
77813262_p.png [ 148.17 KiB | เปิดดู 2989 ครั้ง ]
อ้างคำพูด:
มียายข้างบ้านชอบไหว้พระสวดมนต์เป็นประจำ..เคยถามว่ายายไม่ทำสมาธิบ้างเหรอ
ยายบอกว่า..เคยไปปฏิบัติธรรมมาครั้งหนึ่ง..นั่งๆไปแล้วเห็นวิญญานหรือผี..คงเห็นแบบเป็นนิมิต
ยายกลัว..เลยไม่กล้าทำอีก

ความเห็นส่วนตัว เสียดายแทนยายครับ เกิดกลัวซะก่อน จะได้เห็นสภาวะของจริง ว่า เมื่อร่างกายตายแล้ว จิตไม่ได้ดับสลายไปด้วย ไปจุติยังอีกภพ พรหม เทพ เปรต อสุรกาย สัตว์นรก จะได้นำการเห็นนั้นมา พิจารณาธรรมว่าเมื่อเป็นเรา จะเป็นยังไง ยังพอใจในการเกิดอีกหรือเปล่า ที่ไม่เห็นเพราะกิเลส บังไว้ไม่ให้รับรู้เรื่องเหล่านี้ ว่า นรกมีจริง สวรรค์มีจริง เราทำเหตุเพื่อไป ณ ที่ใด
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2015, 18:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




Fa1niSE8eoSLB0IqimZSRhB5clI.png
Fa1niSE8eoSLB0IqimZSRhB5clI.png [ 800.06 KiB | เปิดดู 2989 ครั้ง ]
อ้างคำพูด:
เราทำเหตุเพื่อไป ณ ที่ใด

Kiss
:b27: :b27:
:b8: :b8: :b8:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2015, 14:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




2103487-20160118-E3mpX0.png
2103487-20160118-E3mpX0.png [ 559.04 KiB | เปิดดู 2989 ครั้ง ]
cool
ที่บ้านมีระเบียง4ด้าน กว้างๆมากก็มี แต่ความรู้สึกโล่งๆก็ทำไม่ได้
ต้องเป็นฝั่งแคบๆ...นั่งหันหลังชนกำแพง หน้าตักห่างจากราวระเบียงสัก2คืบ :b9:
เลือกเอาความสบายใจก่อน :b1: ..นั่งตรงนี้หลับตาแล้วรู้สึกสบายใจขึ้นมาก
เพราะได้ยินเสียงคนข้างล่างด้วย..รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย :b27: :b27: หลับตาแล้วไม่คิดกลัวทันทีได้ :b16:
(ก็ไม่รู้ไปทำกรรมอะไรมา...บ้านออกจะกว้างขวาง ต้องมานั่งอยู่ที่แคบๆ นึกๆแล้วสังเวชตัวเอง) :b9:

เรื่องสมาธิ..ก็พยายามภาวนาพุท-โธ รู้ตามลมตลอดสาย พอนั่งหลับตาได้..
ใหม่ๆหลับตาไม่สนิท..กระพริบยิบๆตลอด..เกร็งที่หน้า..ที่ตัวเป็นจุดๆ ก็จะพยายามผ่อนคลาย
ด้วยการสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ3รอบ..ทำความรู้ตัวขึ้นมาใหม่ แล้วเข้าไปรู้แบบเบาๆ..ไม่ใช่เข้าไปจับแน่น
ซึ่งบางที..ทำให้หายใจลำบากอึดอัด ก็เลยจะเน้นปรับกายกับใจให้สัมพันธ์กันก่อน
ความกลัวก็มีบ้างอยู่ แต่ก็เริ่มอยู่ไม่นาน อาจจะด้วยอุ่นใจว่ามีเสียงคนหรือมีคนอยู่ไม่ไกล
ความกลัวเริ่มเบา แต่ความฟุ้งเริ่มชัด :b5: :b5:

เดียวกลับมาต่อตอนเย็นค่ะ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2015, 17:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




rusavhnkk2z2dqm4mcal2ec3cd0.png
rusavhnkk2z2dqm4mcal2ec3cd0.png [ 200.63 KiB | เปิดดู 2989 ครั้ง ]
นั่งหลับตา..คิดนั่น..คิดนี่ตลอดเวลา ไม่รู้จะเอาอะไรมาคิดได้มากมาย
จากเรื่องนั้นไม่ทันไร..กระโดดไปเรื่องโน้น...เรื่องลูกเรื่องแฟน พ่อแม่พี่น้อง รู้จักใครๆขนตามมาเป็นพรวน
สารพัดเรื่องไม่เป็นเรื่อง :b7: ..คิดตลอดเวลา เข้าไปรู้..ก็ไหลไปอีก เข้าไปรู้..ก็ไหลไปอีก
ช่วงนั้น ไอเดียไม่ได้ตั้งเวลาทำหรอก...จะตั้งใจเอา... :b12:
เอาให้ได้ปิติ..ลมละเอียด(ปล่อยพุทโธ)..ตั้งมั่น อะไรก็แล้วแต่ เอาให้รู้ว่าได้ความสงบบ้างแล้วนะ
ถึงเวลามากแล้วจะเบื่อ..ก็จะออกจากสมาธิ ดูเวลาแต่ละรอบจะประมาน40-60นาที
และช่วงนี้..ก็จะไหลไปตามความฟุ้งซะจนจะเกือบหมดเวลา :b5: :b5:
ก็ไม่รู้..จะเกี่ยวกับความอยากหรือเปล่านะ..คงนั่นแหละ..แต่เนียนกว่า
เพราะเริ่มเข้าไปหาอ่านแต่ละสภาวะ,ขั้นตอนสมาธิในเวบ,ลำดับขั้น
มันจึงเหมือนคอยตรวจสอบตัวเอง เป็นแบบไม่ใช่รู้อยู่..แต่เข้าไปพยายามรู้
เดี๋ยวจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้..ถึงนั่น..ถึงนี่ :b32: :b32: :b9: :b9:
เพราะส่วนมากที่หาๆดูก็จะเป็นวิธี,สภาวะ,อารมณ์ และก็เลยได้ทำความเข้าใจกับนิวรณ์ธรรม :b27: :b27:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2015, 20:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




unnamed (1).png
unnamed (1).png [ 87.65 KiB | เปิดดู 2989 ครั้ง ]
ปกตินั่งสมาธิไม่เคยฟุ้งซ่านมากขนาดนี้....แทบไม่ได้ความสงบเลย จนหมดเวลายังไม่ทันได้ปล่อยพุท-โธหรอก
แค่ลมพอละเอียดเบาขึ้นบ้างก็ออกละ มันนาน มันเบื่อ
นั่งเป็นชม. ไม่ได้อะไรเลย
(จากที่เคยคิดว่า...ถ้าผ่านความกลัว...จนนั่งหลับตาได้...ก็คงดี...มันก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันนักเลย...)

แต่ก็ไม่ยอมแพ้นะ...ยังสู้...ด้วยการเพิ่มรอบ วันละ2-3รอบบ้าง
ที่เสริมมา...15-20นาที...มีเวลาก็แวบไปทำ...ไม่ได้อะไรก็ทำ...
ผลก็คือ...นั่งหลับตาความคิดก็เกิดทันที..เกิดแบบไหลเลื่อนอย่างกะสายน้ำ

:b9: :b9: ก็น่าจะเพราะเป็นคนใจเร็ว..ใจด่วน..คิดทำอะไรก็จะทำให้เห็นสำเร็จเร็วๆ
เมื่อมันคิดๆไปเรื่อยๆ...ฟุ้งซ่านอยู่ได้...เหมือนวิ่งไล่จับอะไรก็คอยแต่จะหลุดมืออยู่นั่น :b33:
ไม่อยากเสียเวลาอีก..:b9: :b9:
ก็เลยคิดใช้วิธี...ตั้งใจคิด...เมื่ออยากจะคิดไปเรื่อย...เมื่ออยากจะทำงานนัก...
ก็เลยหางานอะไรมาให้มันทำซะเลย :b12:
ก็อย่างที่บอก เริ่มทำความเข้าใจกับคำว่านิวรณ์5
และฟุ้งซ่านก็เป็น1ในนั้น :b27: :b27:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2015, 16:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




3bfd220a.png
3bfd220a.png [ 361.69 KiB | เปิดดู 2989 ครั้ง ]
อ้างคำพูด:
คุณเช่นนั้นเขียน
การปฏิบัติ ตั้งแต่เริ่มแรกจนกระทั่งปัจจุบันที่เล่ามานี้
คือ สมาธิที่ได้จากความฟุ้งเป็นหลักใหญ่ ไม่ใช่สัมมาสมาธิ
ยิ่งปฏิบัติไป ก็จะแป๊กเหมือนตอนต้น เหมือนงูกินหาง
ความสงบที่เกิดขึ้น เพราะอาศัยความอยากเวทนาคือสุขที่เกิดเป็นตัวหล่อเลี้ยง

เป็นการปฏิบัติที่ขาดสติขาดปัญญา อาศัยเพียงตั้งมั่นในอารมณ์ถ่ายเดียว

การปฏิบัติธรรม ในพระศาสนานี้ไม่ใช่การจับเจ่าเฝ้าอารมณ์ เรียกว่าจิตตภาวนา
แต่ต้องประกอบด้วย ความเพียร สติ ปัญญา และสมาธิ องค์ประกอบสี่ประการนี้ตลอดเวลา


คิดๆ ย้อนไปมองตัวเองเท่าไหร่..ไม่พ้นคำนี้ :b8:
หลงแล้วหลงอีก :b5:
ซ้ำไปเห็น..ในความหลงความฟุ้ง..ยังมีความเพียร
เมื่อยังไม่รู้..ยังมีความพยายาม
แล้วเมื่อรู้ตอนนี้...ความพยายามหายไปไหน
cry ไปต่อไม่เป็นเลย :b9: :b9: รู้สึกละอายตัวเอง :b3:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2015, 19:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2013, 06:03
โพสต์: 95

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การปฏิบัติภาวนา หมายถึง การทำให้เจริญขึ้น

เปรียบเหมือนการเดินทางในรูปแบบหนึ่ง

เมื่อมีความเพียร การเดินทางก็ยังดำเนินต่อไป

ของผมนี่ ล้มแล้วลุกขึ้นสู้ใหม่ตลอดครับ

เป็นกำลังใจให้ สู้ สู้ นะครับ ./


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.พ. 2015, 17:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




03808119.gif
03808119.gif [ 39.57 KiB | เปิดดู 2989 ครั้ง ]
อ้างคำพูด:
การปฏิบัติภาวนา หมายถึง การทำให้เจริญขึ้น 

เปรียบเหมือนการเดินทางในรูปแบบหนึ่ง

เมื่อมีความเพียร การเดินทางก็ยังดำเนินต่อไป

ของผมนี่ ล้มแล้วลุกขึ้นสู้ใหม่ตลอดครับ

เป็นกำลังใจให้ สู้ สู้ นะครับ ./


Kiss
:b27: :b27: ขอบคุณค่ะ :b39: :b39:
:b8: :b8: สาธุ ในความเพียรด้วยค่ะ rolleyes rolleyes
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2015, 20:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




4s9y2mpn.png
4s9y2mpn.png [ 192.53 KiB | เปิดดู 2989 ครั้ง ]
cool เรื่องที่เล่าค้างไว้..ขอพักไปก่อน..แต่วันนี้ได้คำตอบแล้ว ค้นหาตัวเองเจอแล้ว :b27: :b27:
ไม่ใช่ว่าไปถึงไหน..ได้อะไร..แต่แค่กำลังจะเริ่มออกเดินทาง..เดินทางอย่างคนมีเป้าหมาย
ปล่อยความเห็นผิด,คิดผิด,ทำผิด :b1: เริ่มต้นใหม่
s005 ก่อนอื่นจะเล่าถึงความรู้สึก..สำหรับคนที่มีความรู้ทางธรรม ทั้งปริยัติ,ปฏิบัติ มาน้อยมาก คือแทบจะไม่มีเลย
พอมีโอกาสได้ไปปฏิบัติในเวลาแค่5วัน(อีกวันเป็นวันปิดพิธี)
แล้วเจอสภาวะที่ตัวรู้ดับไปนานเกือบ25นาที บวกกับหลังจากนั้นหลังจากเปลี่ยนไปเดิน1ชม.และกลับมานั่งต่อ
พอเริ่มหลับตา..กำหนดรู้ปัจจุบันอารมณ์ ความรู้สึกเบาๆพริ้วๆเกิดขึ้น..เหมือนจะดับ..เหมือนจะหายไป
ก็ตามรู้ไป..เปรียบเทียบคล้ายแสงตะเกียงที่หรี่ลงเรื่อยๆจนจะดับไปอยู่แล้ว..ก็จะขืนไว้..ไม่ปล่อย :b9:
แล้วก็จะเริ่มกำหนดนิ่งรู้อีก..ก็ขืนไว้อีก..ก็จะเป็นแบบนี้ทั้งชั่วโมง
:b27: จำได้ว่าได้เห็นนิมิตเกิดขึ้น..ซึ่งปกติไม่ค่อยจะเกิดกับไอเดียเท่าไหร่..นิมิตแบบมานิ่งๆ ชัดเจนแบบนี้ คือนิ่งรู้ได้
เคยแค่2ครั้ง ครั้งแรก..ก็ที่นี่..ตอนมาครั้งแรกในนิมิตเห็นหลวงปู่ เดินเข้ามา สถานที่ไม่ปรากฏ
ทุกอย่างว่างมีเพียงเก้าอี้ตัวเดียว แล้วหลวงปู่ก็เดินเข้ามา หน้าตาท่านเฉยๆ และทรุดนั่งเก้าอี้
ที่หันหน้ามาเผชิญกัน (ตอนนั้นยังไม่เคยเจอหลวงปู่ค่ะ)
:b55: และอีกครั้งที่เห็นคือครั้งนี้..แสงเทียนอยู่ตรงหน้าแบบชิดมาก :b44: เหมือนภาพซูม :b9:
ตามด้วยภาพถอยไปโดยรวม มีเทียนน่าจะหลายร้อยเล่มถูกจุดไว้สว่างไสว :b44: :b44: เต็มพื้นที่ไปหมด
แต่จิตรู้เห็นไปเฉพาะที่เปลวเทียนมากมายเป็นหลัก แล้วเสียงนาฬิกาก็ดัง :b1:
ตอนนั้นไม่ได้สนใจอะไร..ไม่คิดว่าสำคัญแล้ว :b27:
นอกจากรีบลุกทันที รู้สึกสับสน สงสัยแต่..ทำไมตัวเองทำไม่ได้..ติดอะไร..กลัวอะไร :b15:
ก็รีบลุกไปปรึกษาแม่ชี/แม่ครู แต่ก็ไม่ได้ความชัดเจนอะไร :b20:
สุดท้ายจึงตัดสินใจเข้าไปถามพระอ. ก็..เหมือน..จะเข้าใจ :b12: :b9:
แต่หลังจากนั้นก็ยังมีทั้งความอยาก,ความกลัว สับสนจนกลายเป็นฟุ้ง
และคืนสุดท้ายนี้ก็จบด้วยการ...ได้รู้ได้เห็นได้สัมผัส..การนั่งแล้วหลับขณะทำสมาธิ :b3:
ล้มโครมเลย คนหัวเราะกันตรึม :b9: :b9:

:b39: ยาวไปหน่อย แต่ยังมีต่ออีกนะคะ :b18:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2015, 00:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2013, 06:03
โพสต์: 95

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีครับ คุณ idea


......ธรรมเปรียบเหมือนแพ……


ขอยกบทธรรมบางส่วน

“......ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษผู้เดินทางไกล พบห้วงน้ำใหญ่

......ฝั่งข้างนี้ น่ารังเกียจ มีภัยตั้งอยู่เฉพาะหน้า
......ฝั่งข้างโน้นเกษม ไม่มีภัย
......ไม่มีเรือ หรือ สะพาน สำหรับข้าม เพื่อจะไปฝั่งโน้น

......บุรุษนั้นพึงดำริอย่างนี้ว่า......เราพึงรวบรวมหญ้า ไม้ กิ่งไม้ และ ใบไม้
มาผูกเป็นแพ แล้วอาศัยแพนั้น พยายามด้วยมือ และ เท้า พึงข้ามถึงฝั่งได้โดยสวัสดี

......ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราแสดงธรรมมีอุปมาด้วยแพ......”


ในการปฏิบัติภาวนา ผมเป็นบุคคลที่มีความฟุ้งซ่านมาก ต้องหาธรรมบทใดบทหนึ่ง
เพื่อเป็นกรรมฐานในการภาวนา เช่น สัมมากัมมันตะ ศีล เมตตา กตัญญู ฯลฯ

สามารถทำให้จิตตั้งมั่น ในกรรมฐานนั้น เป็นสมาธิ ได้รวดเร็ว


:b8: ผมขออนุโมทนาในความเพียรของ คุณ idea ด้วยนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2015, 23:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




woman-1060898__340.png
woman-1060898__340.png [ 59.19 KiB | เปิดดู 2989 ครั้ง ]
อ้างคำพูด:
สวัสดีครับ คุณ idea 


......ธรรมเปรียบเหมือนแพ……


ขอยกบทธรรมบางส่วน

“......ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษผู้เดินทางไกล พบห้วงน้ำใหญ่ 

......ฝั่งข้างนี้ น่ารังเกียจ มีภัยตั้งอยู่เฉพาะหน้า 
......ฝั่งข้างโน้นเกษม ไม่มีภัย 
......ไม่มีเรือ หรือ สะพาน สำหรับข้าม เพื่อจะไปฝั่งโน้น

......บุรุษนั้นพึงดำริอย่างนี้ว่า......เราพึงรวบรวมหญ้า ไม้ กิ่งไม้ และ ใบไม้
มาผูกเป็นแพ แล้วอาศัยแพนั้น พยายามด้วยมือ และ เท้า พึงข้ามถึงฝั่งได้โดยสวัสดี

......ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราแสดงธรรมมีอุปมาด้วยแพ......”


ในการปฏิบัติภาวนา ผมเป็นบุคคลที่มีความฟุ้งซ่านมาก ต้องหาธรรมบทใดบทหนึ่ง 
เพื่อเป็นกรรมฐานในการภาวนา เช่น สัมมากัมมันตะ ศีล เมตตา กตัญญู ฯลฯ

สามารถทำให้จิตตั้งมั่น ในกรรมฐานนั้น เป็นสมาธิ ได้รวดเร็ว


 ผมขออนุโมทนาในความเพียรของ คุณ idea ด้วยนะครับ


สวัสดีค่ะ คุณสัมมาทิฏฐิ
:b8: :b8: :b8:
สาธุในธรรมด้วยค่ะ_/][\_
แต่ว่าไม่ค่อยเข้าใจนะคะ :b9: พยายามทำความเข้าใจอยู่ค่ะ
ไอเดียความรู้น้อย..ถ้ามีอะไร..เมตตาชี้แนะด้วยค่ะ tongue
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2015, 23:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




0_edfd9_f09f5742_L.png
0_edfd9_f09f5742_L.png [ 162.17 KiB | เปิดดู 2989 ครั้ง ]
ต่อนะคะ :b1:
คือ..ที่เกิดขึ้น..อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนอื่นก็ได้นะ แต่จากที่..ไอเดียค่อยเดินทางมาแบบสะเปะสะปะ :b5:
เพราะจากที่เคยทำสมาธิ ก็จะพยายามรู้อารมณ์เดียว พอถึงจุดหนึ่ง ก็จะรู้สึก ถึงตัวรู้ สว่างไสว
แต่พอมาที่นี่..จะให้ตามรู้ในอารมณ์ปัจจุบัน อันไหนเด่น ก็ให้กำหนดรู้ไปตามธรรมชาติ
ก็ด้วยความโง่มาก..ไปใหม่ๆ..เคยถามพระอ.ทำแบบนี้..แล้วปัญญาจะเกิดขึ้นได้ยังไงคะ
:b9: :b9: คือ..อึดอัดมากกับทางสายนี้ แต่ไม่มีทางเลือก เพราะว่าภาวนามาตลอด :b8:
...ให้มีโอกาสได้ไปปฏิบัติธรรม เจอครูบาอ. แต่ด้วยติดหลายเหตุผล..ข้อแม้เยอะมาตลอด :b14: :b14:
:b55: แล้วจู่ๆสถานที่นี้ก็มาเปิด..ใกล้ๆบ้าน(เดินไปได้) :b27: :b27: :b12:
จริงๆ..ไม่เข้าใจนักหรอก คำว่าไปปฏิบัติธรรม..ก็นึกว่า ไปปฏิบัติแบบไหนก็ได้(กรรมฐาน40)
เพียงแต่มีครูบาอาจารย์คอยชี้แนะเท่านั้น :b3: ...ก็เพิ่งรู้ แต่ละที่ก็มีแตกต่างกันไป
แต่เมื่อมาแล้ว..ก็ทำตามหน้าที่หรือสัจจะที่ได้รับจากพระอ.มาแล้วให้ดีที่สุด :b8:
ก็เพิ่งมารู้ว่า..การที่เราเป็นคนชอบฟุ้งปรุงแต่งเยอะ :b34: พอมาทางนี้..เจริญสติปัฏฐาน4..
ก็เหมือนปราบพยศเลยทีเดียว แม้จะอึดอัดทั้งน่าเบื่อและคิดว่าไม่ใช่มากๆ
(คนชอบไปๆเรื่อย..ชอบทดลอง..ขี้สงสัย..ลังเล..มาให้หยุด คิดดูค่ะ :b9: :b9: )
แต่อย่างที่บอก..เมื่อมาแล้ว..หน้าที่หรือสัจจะที่รับมาสำคัญกว่า การจะยอมแพ้ไปง่ายๆ
และก็ทำให้รู้ว่า..เมื่อปฏิบัติจริง ก็เห็นผลจริง ไม่เกี่ยวกับระยะเวลา..เอาให้จริง ให้ต่อเนื่องเถอะ :b1:

:b26: มีต่อนะคะ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2015, 15:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




22f9f910.png
22f9f910.png [ 170.16 KiB | เปิดดู 2989 ครั้ง ]
ต่อค่ะ :b1:
คือ ธรรมที่มาแสดงให้ดูชัดถึง..การเกิดขึ้น..ตั้งอยู่..ดับไป เป็นธรรมดา เหนือคำว่าเรา มีเรา เข้าไปควบคุม
มักเกิดขึ้นในคืนสุดท้าย ไม่ทันได้ปรึกษาใครหรือสอบอารมณ์
1 ขณะนิ่งรู้..เคยเกิดอาการคล้ายสัปหงกวูบไป ดับมืด แล้วสว่าง เหมือนคนเปิดปิดไฟเร็วๆ
แต่เมื่อสว่างก็จะสัมผัสถึงความสุขสดชื่นมาก ก็จะเกิดบ่อยๆ
2 กำหนดรู้ที่พองยุบอยู่ แล้วมีการขาดช่วงไป ไม่ทันจับได้ว่าไปตอนพองหรือยุบ แต่เมื่อรู้ขึ้นมา
ก็รู้ที่พองยุบต่อไปอัตโนมัติ(ถ้าเข้าใจไม่ผิดเรียกว่าภวังคจิตรึเปล่า) แบบนี้จะไปแบบนิ่งๆ แต่ไม่ได้เข้าไปพิจารณาหรอก เพราะหน้าที่คือ กำหนดรู้ปัจจุบันอารมณ์ ทั้ง2ครั้งก็ไม่ติดใจเท่าไหร่ :b9:
3 ก็ตอนดับไปครั้งล่าสุด ทันได้ปรึกษา และฟังคำอธิบาย
แต่....กลับไม่ยอมรับ มีแต่ความวุ่นวายในใจ มากที่สุดความกลัว(กรรม!!!!)
:b44: รอบนี้ ตอนกลับถึงบ้านอีกวัน ระหว่างนั่งรถกลับ..เหมือนรู้ขึ้นมาในใจ..มันบอกตัวเองขึ้นมาเลย..มันรู้ขึ้นมาเลย
"ฉันไม่กลัวอะไรอีกแล้ว..นอกจากปฏิบัติผิดทางพุทธศาสนา"
"ฉันไม่ไปอีกแล้ว หาหมอเจ้าเข้าทรง" ไม่ได้คิดอะไรทำนองนี้อยู่เลยนะ แต่มันผุดขึ้นมาแบบนี้
ปกติชอบ แต่ไม่เชื่อ100% เพราะเชื่อเรื่องการกระทำและผลของกรรมมากกว่า
และเกี่ยวกับวาระจิต..ที่ไปรู้อะไร มันมีทั้งจริง/ไม่จริง เรื่องความเชื่อไม่มีผล...แต่ความชอบก็อีกแบบ :b9: :b12:
"ฉันยึดมั่นในศีล5"(มั่นใจไม่เหมือนว่าต้องไปแบกให้เป็นภาระ..แต่เป็นฉันหรือฉันเป็นจริงๆ)
โห.......มันผุดๆๆๆๆ รู้ขึ้นมาเลยค่ะ รู้แบบนี้จริงๆนะ เหมือนดังอยู่ในใจ ไม่มีการตั้งใจคิดนำ มันผุดมาเลย..
เหมือนแสงสว่างวาบขึ้นมาภายในค่ะ..มันชื่นใจ
แต่ก็ไม่ได้ติดยินดี..กับรู้อันนี้นะคะ
กลับมุ่งหน้าค้นหาสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน..เกิดอะไร..เราหลงไปที่ไหนรึเปล่า..ทำไมทุกอย่างดับไป..
เราหายไปไหน..เราหายไปได้ไง :b14:
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 404 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11 ... 27  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 139 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron