เพื่อนๆมีความเห็นว่ายังงัยค่ะ

มีสิครับ คนดี คนไม่ดี

เราจะไม่คบคนพาล

เราจะคบบัณฑิต

ตามมงคลชีวิต ที่พุทธองค์ได้ตรัสไว้

คิดได้ยังว่าโลกนี้ไม่มีคนดีและคนไม่ดี....
อยากรู้ความคิดที่ตั้งคำถาม.....

พิมผิดรึเปล่าค่ะ
อ่านแล้วคุนน้องก็ไปไม่เป็นเลย

คุณลุงสมานเขียน




คือเหมือน....จริงๆแล้ว
ไม่มีใครที่ผิด แล้วก้อไม่มีใครถูก เป็นลักษณะนี้ค่ะ
จะเป็นไปได้หรือปล่าวค่ะ

คุณน้องเขียน



พี่เต้คิดว่า พี่เต้พิมพ์ไม่ผิดนะ
แล้วถ้าพูด ก้อไม่น่าจะพูดผิดนะ
คือ คนดี แล้วก้อ คนไม่ดี
จริงๆแล้วในโลกนี้ไม่มี คือทุกคนมีความเป็นมนุษย์ เท่ากันหมด
แล้วไงต่อล่ะค่ะ

คนมีหลายระดับนะพี่เต้ เหมารวมหมดเลยหรอ ถ้าพูดถึงทางโลกก็คงใช่ มีดีมาก ดีน้อย เลวมาก เลวน้อย ขึ้นอยู่กับกิเลศตนนะค่ะแต่ไม่ใช่ ไม่มีคนดีเลย

อ่อเข้าใจความหมายพี่เต้แล้ว
สรุปคือ ทุกคนเป็นมนุษย์เท่ากันหมด ไม่มีคนดี และคนไม่ดีเนาะ
พระพุทธเจ้าก็มองมนุษย์เป็น มนุษย์เท่ากันหมดค่ะ
ไม่แบ่งแยก คนดี ไม่ดี

คุณน้องเขียน




ถ้ามุมมองของพี่เต้นะค่ะ
ถ้าความแตกต่าง ก้อคงจะเกี่ยวกับเหตุที่สร้างกันมา
แต่พี่เต้ก้อยังไม่เข้าใจ
อยู่ดีนะหล่ะ ว่าทำไม

ใช่ครับ....เป็นเช่นนั้นจริงๆ...จริงโดยปรมัตถ์...นะครับ
คือที่สุดแล้ว...ทุกคน...เข้านิพพานกันได้ทุกคน...(หากไม่เอาช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งมาวัด)..ก็เมื่อเข้าได้ทุกคน...ทุกคนย่อมเหมือนกัน..ครับ...

แต่ถ้า...เราเอาเวลามาเป็นเกณฑ์วัด....เช่น..ถ้าเอาภายในชาตินี้..วัด....คนก็จะถูกแยกเป็น 4 เหล่า
ถ้าเอาพระพุทธเจ้าพระองค์ถัดไปมาวัด...คนก็จะถูกแยก...ด้วยบารมี 3..เป็นต้น

แล้วถ้าเราเอาในช่วงที่มีชีวิต..คือ..ณ..เวลาปัจจุบัน..มาวัด...ก็จะมีคนดี...คนไม่ดี...มีกุศล...อกุศล
มีกัลยาณมิตร...มีคนพาล...มีโจร..มีพระ

เมื่อเรามีชีวิต..ในปัจจุบัน...เราก็ควรอยู่กับปัจจุบัน...ใช้ปัจจุบัน...แต่ก็ต้องเข้าใจสัจจะธรรมว่า...ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอนตลอดไป...ตราบใดยังไม่หมดกิเลส...คนย่อมเป็นแปรเปลี่ยนไปมาได้

ชาติไหน..เป็นคนดีมีศีล...ก็ไปสุคติโลกสวรรค์
แต่หากชาติไหน...กิเลสหนาปัญญาทราม...ทำได้ทุกอย่างเพื่อตัว...ก็เป็นคนทุศีลได้...มีทุคติเป็นที่ไป

เรา..คนคนเดียวนี้แหละ...เดียวก็ดี..เดียวก็ร้าย...ไม่ต้องไปดูคนอื่นเลย...หากระลึกชาติได้มากๆก็จะเห็น..หรือแม้ระลึกไม่ได้..ก็พิจารณาได้ไม่เกินนี้แน่นอน

ดังนั้น....คนดี...คนไม่ดี..มีอยู่...
แต่ก็ไม่ได้มีอยู่โดยเนื้อแท้..จริงจริง..เพราะแปรเปลี่ยนไปมาได้..ตราบใดยังไม่เข้าสายพานอริยะบุคคลผู้เที่ยงต่อพระนิพพาน

คุณกบฯเขียน




ก็คงจะเป็นอย่างนี้ ท่านถึงพูดว่าในโลกนี้
ไม่มีใครที่ดี แล้วก้อไม่มีใครที่ไม่ดี
เริ่มที่จะเข้าใจ ปริศนาคำนี้บ้างแล้วค่ะ

จริงๆนะ มนุษย์เราไม่ต้องไปดูคนอื่น
ดูที่ตัวเรานี่หล่ะ

Re: ในโลกนี้จริงๆแล้วไม่มีคนดีและคนไม่ดี
ขอออกความเห็น นะครับ ต้องแยกคำว่าคนดี หรือคนไม่ดี มาเป็นคำว่าคนที่ทำกุศลกรรมและทำอกุศลกรรม นะปัจจุบัน ทำไมต้องแยกเพราะเราเกิดมามีกรรมเป็นทายาท กรรมนั้นเป็นกรรมขาวกับดำ แล้วคนที่กำหนดว่าคนดีหรือคนไม่ดีนั้นคือใครคนกำหนด ผมคนอ่านพบในพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าท่านใช้คำว่า คนที่มวลชนสมมุติว่าเป็นคนดี ไม่ใช่คนดีหรือคนไม่ดี สิ่งสมมุติว่าดีไม่ดีทำให้เป็น วิมุตได้ก็น่าจะหมดปัญหา นะครับ

นี่แหละครับที่เรียกว่าความเห็น

บางคนเห็นว่าตายแล้วสูญ ไม่ได้กลับไปเกิดใหม่อะไรทั้งนั้น
บางคนมีความเห็นว่าบุญกรรมไม่มี ทำอะไรไปก็จบไม่ต้องกลับมาชดใช้
บางคนมีความเห็นว่าคนตายก็กลับมาเป็นมนุษย์เหมือนเดิม สัตว์ตายก็เกิดมาเป็นสัตว์ชนิดเดิมที่เคยเป็น

เหล่านี้คือความเห็น เมื่อความเห็นเราปรากฎขึ้นมา สิ่งที่จะแก้ความเห็นเหล่านี้ได้คือปัญญา คือทำปัญญาให้เกิด เพื่อตอบโจทย์ความเห็นที่เรามีครับ

บางคนคิดอะไรก็ไม่ออก เขาว่าเกิดมาต้องนั่นนี่ก็ว่าตามเขา ไม่มีข้อสงสัยเกิดขึ้นในใจ
ในกรณีคุณเต้ คือมีข้อสงสัยเกิดขึ้นในใจ ยังพอเปลี่ยนความเห็นตนเองได้

สำหรับผม หากมองว่าไม่มีเราเขาก็จริง แต่มีเหตุและผลเกิดดับตลอดเวลา คือเหตุแห่งอกุศลธรรมและเหตุแห่งกุศลธรรม ผลของอกุศลธรรม (เช่นคนฆ่าไก่มีเหตุอกุศลธรรมคือลงมือฆ่า ก็เกิดผลคือความตายของไก่) และผลของกุศลธรรมตามลำดับ

ถ้าว่าตรงนี้ก็น่าจะต้องคิดตรงที่มนุษย์กำลังปฏิสนธิมากกว่า
คือ มนุษย์ปฏิสนธินั้นใช้กำลังของมหากุศลมาปฏิสนธิเสมอเหมือนกันหมด
จึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ถ้าใช้กำลังของมหากุศลที่มากไปกว่านี้ก็จะเกิดเป็นเทวดา
ถ้าใช้น้อยไปมากว่านี้ คือ อกุศลก็จะไปเกิดในอบายภูมิ

หลังจากเกิดมาเป็นมนุษย์แล้วย่อมรับผลของวิบากของตนบ้างมาและทำเหตุใหม่บ้าง
จึงมีทั้งคนดีและคนไม่ดีต่างกัน ตามเหตุปัจจัยคือกิเลสตัณหาของตนที่สะสมกันมาในชาติก่อนๆ