วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 03:44  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2015, 09:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


เราได้เกิดเป็นมนุษย์อย่างนี้แล้วก็อย่าพากันประมาท ให้ทำความเพียรไป แม้ว่าจะไม่บรรลุนิพพานในปัจจุบันนี้บุญบารมียังไม่เต็ม ก็เป็นอุปนิสัยอันสำคัญ ที่ทำให้เราบรรลุมรรคผลบนสวรรค์ชั้นฟ้าก็ได้"

...หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ...



ประคองจิตอยู่กับพุทโธ -

ไม่ว่ายืน เดิน นั่ง นอน อิริยาบถใดๆ
ก็เห็นจิตใสแจ๋วอยู่กับพุทโธนั้น
เมื่อได้ถึงขนาดนั้นแล้ว
ขอให้ประคองจิตนั้นไว้ในอารมณ์นั้น
นานแสนนานเท่าที่จะนานได้
อย่าเพิ่งอยากเห็นนั่นเห็นนี่
หรืออยากเป็นนั้นเป็นนี้ก่อนเลย


- ผู้ภาวนาบริกรรมพุทโธ -

ผู้ภาวนาบริกรรมพุทโธ
ต้องทำให้ชำนิชำนาญคล่องแคล่าว
ในขณะที่อารมณ์ทั้งดีและชั่วมากระทบเข้า
ต้องทำสมาธิให้ได้ทันที
อย่าให้จิตหวั่นไหวไปตามอารมณ์ได้
นึกถึงคำบริกรรมพุทโธเมื่อไร
จิตก็รวมได้ทันที่
อย่างนี้จิตจึงจะมั่นคงเชื่อตนเองได้

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
วัดหินหมากเป้ง จังหวัดหนองคาย

คัดลอกจากหนังสือ เทสโกวาท



การทำจิตให้สงบ

การทำจิตให้สงบ คือการวางให้พอดี ตั้งใจเกินไปมากมันก็เลยไป ปล่อยเกินไปมันก็ไม่ถึงเพราะขาดความพอดี ธรรมดาจิตเป็นของอยู่ไม่นิ่ง เป็นของมีกิริยาไหวตัวอยู่เรื่อย ฉะนั้นจิตใจของเราจึงไม่มีกำลัง
การทำจิตใจของเราให้มีกำลัง กับการทำกายของเราให้มีกำลังมันต่างกัน การทำกายให้มีกำลังคือ การออกกำลังกายบริหาร มีการกระโดด การวิ่ง นี่คือการทำกายให้มีกำลัง การทำจิตให้มีกำลัง ก็คือทำจิตให้สงบ ไม่ใช่ทำจิตให้คิดนั่นคิดนี่ไปต่างๆ ให้มันอยู่ในของเขตของมัน เพราะว่าจิตของเรานั้น ไม่เคยได้สงบ ไม่เคยมีกำลัง มันจึงไม่มีกำลังทางด้านสมาธิภายใน


พระอาจารย์ชา สุภัทโท




หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ปรารถเรื่องสมาธิ

"สมาธิแปลว่าตั้งมั่น อยู่ในอารมณ์ที่เพ่งอยู่อันเดียวเป็นหลัก แต่เมื่อรวมเข้าไปจริง ๆ แล้วก็พักอยู่ให้รู้จักรสชาติของธรรมในชั้นนี้ แต่เมื่อหมดกำลัง ก็ถอนออกมา ส่วนญาณพิเศษว่าหลุดพ้นยังไม่ปรากฏ เป็นเพียงพักอารมณ์หยาบๆ เรียกว่าจิตใจพักงานอันหยาบของอารมณ์ แต่จะติดอยู่แค่เพียงรสของสมาธิไม่ได้ เพราะรสของสมาธิเป็นรสขนาดกลาง ต้องพิจารณาสติปัญญาลงสู่ธาตุขันธ์ ในส่วนรูปขันธ์ นามขันธ์ผู้มีนิสัยให้เสมอภาคเหมือนหน้ากลอง ทั้งอดีต อนาคต ปัจจุบันใดๆทั้งสิ้น ลงสู่ไตรลักษณ์เสมอหน้ากลองอีกเรื่อยๆ ติดต่ออยู่ไม่ขาดสาย ย่นย่อลงมาเป็นหลักอันเดียวในปัจจุบัน ทรงอยู่ซึ่งหน้าสติ หน้าปัญญา ตราบใดนิพพิทาญาณยังไม่ปรากฏแก่สันดานอันปราณีต ก็พิจารณาติดต่ออยู่ ไม่ขาดวรรคไม่ขาดตอนอยู่อย่างนั้น มีทางเดียวเท่านี้ไม่มีทางอื่น แต่นานๆจึงจะพิจารณาคราวหนึ่งขาดๆวิ่นๆนั้น ผู้มีนิสัยหยาบก็พอประทังไปเท่านั้น ไม่สามารถจะถึงนิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่ายคลายหลงคลายเมาได้ง่าย สมถกรรมฐานทุกประเภท นับตั้งแต่หนังหุ้มอยู่โดยรอบเป็นต้นไปก็ดี หรือล้านๆนัยก็ดีแล ก็ต้องปลงปัญญาลงสู่ไตรลักษณ์ทั้งนั้น เพราะไตรลักษณ์เป็นที่ชุมทางของสมถะ และสมถะเป็นคล้ายๆเมืองขึ้นของไตรลักษณ์แบบตรงๆอยู่แล้ว ไตรลักษณ์เป็นเมืองขึ้นของนิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่าย ความเบื่อหน่ายเป็นเมืองขึ้นของ วิมุตติ วิสุทธิ นิพพาน พระโสดาบันเปิดประตูเข้าพระนิพพานได้แล้ว แต่ยังถึงศูนย์กลางพระนิพพาน ยังไม่ได้เที่ยวรอบในพระนิพพานจริงอยู่ พระนิพพานไม่มีประตูรูป ประตูนาม ศูนย์ขอบศูนย์กลาง ไปๆมาๆอยู่ๆอะไร เป็นเพียงอุทาหรณ์เทียบเฉยๆ พระนิพพานไม่ใช่คำพูดและนึกคิด หรือรสต่างๆ มีรสเกลือ เป็นต้น กระทบจึงจะรู้จักเค็ม เว้นไว้แต่ชิวหาประสาทพิการ แม้ชิวหาประสาทจะพิการก็ตาม รสของเกลือเค็มตามธรรมชาติ ฉันใดก็ดีพระนิพพานก็เป็นธรรมชาติอันไม่ตายอยู่นั้นแล ลิ้นพิการเปรียบเหมือนไม่รู้รสพระนิพพาน"


จากหนังสือชีวประวัติหลวงปู่หล้า เขมปัตโต




"..ในโลกนี้มีตัวเดียว คือ ตัวทุกข์
ถ้าหากว่าได้พ้นจากทุกข์แล้ว ก็เหมือนกับว่า
ได้พ้นไปจากทุกสิ่งทุกอย่าง การที่จะพ้นจากทุกข์นั้น
ขออย่าลืมพุทธภาษิตที่เรารู้อยู่เสมอว่า
วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ
คนจะล่วงทุกข์ได้เพราะมีความเพียร..."


หลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล
ที่มา:ธรรมะจากหลวงปู่

เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย

ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2015, 16:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2789


 ข้อมูลส่วนตัว


:b16: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2015, 21:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


รสมน เขียน:
เราได้เกิดเป็นมนุษย์อย่างนี้แล้วก็อย่าพากันประมาท ให้ทำความเพียรไป แม้ว่าจะไม่บรรลุนิพพานในปัจจุบันนี้บุญบารมียังไม่เต็ม ก็เป็นอุปนิสัยอันสำคัญ ที่ทำให้เราบรรลุมรรคผลบนสวรรค์ชั้นฟ้าก็ได้"

...หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ...



ประคองจิตอยู่กับพุทโธ -

ไม่ว่ายืน เดิน นั่ง นอน อิริยาบถใดๆ
ก็เห็นจิตใสแจ๋วอยู่กับพุทโธนั้น
เมื่อได้ถึงขนาดนั้นแล้ว
ขอให้ประคองจิตนั้นไว้ในอารมณ์นั้น
นานแสนนานเท่าที่จะนานได้
อย่าเพิ่งอยากเห็นนั่นเห็นนี่
หรืออยากเป็นนั้นเป็นนี้ก่อนเลย


- ผู้ภาวนาบริกรรมพุทโธ -

ผู้ภาวนาบริกรรมพุทโธ
ต้องทำให้ชำนิชำนาญคล่องแคล่าว
ในขณะที่อารมณ์ทั้งดีและชั่วมากระทบเข้า
ต้องทำสมาธิให้ได้ทันที
อย่าให้จิตหวั่นไหวไปตามอารมณ์ได้
นึกถึงคำบริกรรมพุทโธเมื่อไร
จิตก็รวมได้ทันที่
อย่างนี้จิตจึงจะมั่นคงเชื่อตนเองได้

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
วัดหินหมากเป้ง จังหวัดหนองคาย

คัดลอกจากหนังสือ เทสโกวาท



การทำจิตให้สงบ

การทำจิตให้สงบ คือการวางให้พอดี ตั้งใจเกินไปมากมันก็เลยไป ปล่อยเกินไปมันก็ไม่ถึงเพราะขาดความพอดี ธรรมดาจิตเป็นของอยู่ไม่นิ่ง เป็นของมีกิริยาไหวตัวอยู่เรื่อย ฉะนั้นจิตใจของเราจึงไม่มีกำลัง
การทำจิตใจของเราให้มีกำลัง กับการทำกายของเราให้มีกำลังมันต่างกัน การทำกายให้มีกำลังคือ การออกกำลังกายบริหาร มีการกระโดด การวิ่ง นี่คือการทำกายให้มีกำลัง การทำจิตให้มีกำลัง ก็คือทำจิตให้สงบ ไม่ใช่ทำจิตให้คิดนั่นคิดนี่ไปต่างๆ ให้มันอยู่ในของเขตของมัน เพราะว่าจิตของเรานั้น ไม่เคยได้สงบ ไม่เคยมีกำลัง มันจึงไม่มีกำลังทางด้านสมาธิภายใน


พระอาจารย์ชา สุภัทโท




หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ปรารถเรื่องสมาธิ

"สมาธิแปลว่าตั้งมั่น อยู่ในอารมณ์ที่เพ่งอยู่อันเดียวเป็นหลัก แต่เมื่อรวมเข้าไปจริง ๆ แล้วก็พักอยู่ให้รู้จักรสชาติของธรรมในชั้นนี้ แต่เมื่อหมดกำลัง ก็ถอนออกมา ส่วนญาณพิเศษว่าหลุดพ้นยังไม่ปรากฏ เป็นเพียงพักอารมณ์หยาบๆ เรียกว่าจิตใจพักงานอันหยาบของอารมณ์ แต่จะติดอยู่แค่เพียงรสของสมาธิไม่ได้ เพราะรสของสมาธิเป็นรสขนาดกลาง ต้องพิจารณาสติปัญญาลงสู่ธาตุขันธ์ ในส่วนรูปขันธ์ นามขันธ์ผู้มีนิสัยให้เสมอภาคเหมือนหน้ากลอง ทั้งอดีต อนาคต ปัจจุบันใดๆทั้งสิ้น ลงสู่ไตรลักษณ์เสมอหน้ากลองอีกเรื่อยๆ ติดต่ออยู่ไม่ขาดสาย ย่นย่อลงมาเป็นหลักอันเดียวในปัจจุบัน ทรงอยู่ซึ่งหน้าสติ หน้าปัญญา ตราบใดนิพพิทาญาณยังไม่ปรากฏแก่สันดานอันปราณีต ก็พิจารณาติดต่ออยู่ ไม่ขาดวรรคไม่ขาดตอนอยู่อย่างนั้น มีทางเดียวเท่านี้ไม่มีทางอื่น แต่นานๆจึงจะพิจารณาคราวหนึ่งขาดๆวิ่นๆนั้น ผู้มีนิสัยหยาบก็พอประทังไปเท่านั้น ไม่สามารถจะถึงนิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่ายคลายหลงคลายเมาได้ง่าย สมถกรรมฐานทุกประเภท นับตั้งแต่หนังหุ้มอยู่โดยรอบเป็นต้นไปก็ดี หรือล้านๆนัยก็ดีแล ก็ต้องปลงปัญญาลงสู่ไตรลักษณ์ทั้งนั้น เพราะไตรลักษณ์เป็นที่ชุมทางของสมถะ และสมถะเป็นคล้ายๆเมืองขึ้นของไตรลักษณ์แบบตรงๆอยู่แล้ว ไตรลักษณ์เป็นเมืองขึ้นของนิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่าย ความเบื่อหน่ายเป็นเมืองขึ้นของ วิมุตติ วิสุทธิ นิพพาน พระโสดาบันเปิดประตูเข้าพระนิพพานได้แล้ว แต่ยังถึงศูนย์กลางพระนิพพาน ยังไม่ได้เที่ยวรอบในพระนิพพานจริงอยู่ พระนิพพานไม่มีประตูรูป ประตูนาม ศูนย์ขอบศูนย์กลาง ไปๆมาๆอยู่ๆอะไร เป็นเพียงอุทาหรณ์เทียบเฉยๆ พระนิพพานไม่ใช่คำพูดและนึกคิด หรือรสต่างๆ มีรสเกลือ เป็นต้น กระทบจึงจะรู้จักเค็ม เว้นไว้แต่ชิวหาประสาทพิการ แม้ชิวหาประสาทจะพิการก็ตาม รสของเกลือเค็มตามธรรมชาติ ฉันใดก็ดีพระนิพพานก็เป็นธรรมชาติอันไม่ตายอยู่นั้นแล ลิ้นพิการเปรียบเหมือนไม่รู้รสพระนิพพาน"


จากหนังสือชีวประวัติหลวงปู่หล้า เขมปัตโต




"..ในโลกนี้มีตัวเดียว คือ ตัวทุกข์
ถ้าหากว่าได้พ้นจากทุกข์แล้ว ก็เหมือนกับว่า
ได้พ้นไปจากทุกสิ่งทุกอย่าง การที่จะพ้นจากทุกข์นั้น
ขออย่าลืมพุทธภาษิตที่เรารู้อยู่เสมอว่า
วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ
คนจะล่วงทุกข์ได้เพราะมีความเพียร..."


หลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล
ที่มา:ธรรมะจากหลวงปู่


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร