ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
เจริญสติกรรมฐาน http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=49270 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | รสมน [ 23 ม.ค. 2015, 16:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | เจริญสติกรรมฐาน |
หลวงพ่อปราโมทย์ : ชีวิตคนเราสั้นนิดเดียวนะ เอาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตของเรา คือเอาธรรมะนี่แหล่ะ ไม่มีอะไรดีกว่านี้เลย หลวงพ่อเป็นชาวโลกมาจนแก่นะ กว่าจะบวชนะอายุตั้ง ๔๘ น่ะ เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่อยู่จนแก่ ความสุขในทางโลกรู้จักทั้งนั้นเลย เงินก็มีใช้ ตำแหน่งก็ใหญ่ อะไรก็มีหมด ครอบครัวก็มี แล้วไม่ต้องปวดหัวมีลูกมีปัญหาอะไรนะ เพราะไม่มีลูก สบาย ใครมีลูกเนี่ยพระพุทธเจ้าสอนนะ บอกบัณฑิตไม่ปรารถนาบุตร แต่ถ้ามันเกิดแล้วก็แล้วไปนะ ไม่ต้องไปปรารถนาให้มันตาย เนี่ยเราภาวนาไปนะ เรารู้เลยในโลกนี้ไร้สาระจริงๆ ไม่มีอะไรหรอก เพราะงั้นเราทิ้งโลกซะ เอาธรรม หลวงปู่เทสก์สอน บอกสิ้นโลกเหลือธรรม ธรรมะนี่อยู่กับเราตลอด ธรรมะไม่ทิ้งเรา ธรรมะไม่เคยทอดทิ้งเรานะ มีแต่พวกเราแหล่ะทอดทิ้งธรรมะ พวกเราทอดทิ้งธรรมะเพราะเราชอบอธรรม อะไรคืออธรรม โลภะโทสะโมหะนี่แหล่ะชื่อว่าอธรรม ถ้าเรารู้ทัน เรามีสติขึ้นมานี่ โลภะโทสะโมหะเข้ามาไม่ได้ อธรรมไม่มา มันก็เหลือแต่ธรรมะสิ ใจเราอยู่กับธรรมนะ มีแต่ความสุขล้วนๆเลย มีความสุข คนไหนเค้าดูจิตดูใจเป็นนะ เค้ามาดูจิตเรานะ เค้าบอกโอ๊ยฉ่ำจังเลยนะ ชุ่มฉ่ำนะ ไม่ใช่ฉ่ำแบบเน่าในแล้ว ฉ่ำแฉะไม่ใช่ ชุ่มฉ่ำเบิกบาน ฝึกนะยิ่งแก่ยิ่งมีความสุข คนในโลกยิ่งแก่ยิ่งทุกข์ เรายิ่งแก่ยิ่งมีความสุข เพราะชั่วโมงบินเรามากขึ้นๆ เราฝึกฝนตัวเองไปเรื่อยไม่ท้อถอย ถ้าคนไหนมาฝึกเมื่อแก่ ก็ไม่ต้องเสียใจนะ ดีกว่าไม่ฝึกเลย ฝึกเมื่อแก่ก็ยังดีกว่าไม่ฝึกเลย สำหรับคนแก่นะ หลวงพ่อบอกให้ไปดูพระมหากัสสปะ พระมหากัสสปะออกบวชเมื่ออายุตั้ง ๖๐ แน่ะ ออกบวชเมื่ออายุหกสิบ ปรากฎว่าท่านก็เป็นพระอรหันต์ชั้นเลิศ ถ้าเราแก่ไปแล้วนะ เราก็พากเพียรเอา อดทนเอา ถ้าเรายังไม่แก่ก็บุญแล้วที่ยังไม่ทันจะแก่ รีบภาวนาซะตั้งแต่ตอนนี้ พอภาวนาไปถึงช่วงหนึ่ง อ้อ จะรู้เลยโลกนี้ไร้สาระ คนที่แย่งชิงอะไรกันอยู่ในโลกนะ ไม่ได้ผิดกับหมาแย่งกระดูกกันเลยเท่านั้นแหล่ะ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช พระธรรมเทศนาในโวหารพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร, เพื่อเจริญสติภาวนา พุทโธ -----------------------------------------------------------------------------------------@ " ท่านบอกไว้ในธรรมคุณว่า " เอหิปัสสิโก " พึงเรียกร้องสัตว์ทั้งหลายให้เข้ามาดูธรรม, ดูกุศลธรรมและอกุศลธรรม. กุศลธรรมจิตเราดี จิตเราฉลาด จิตเรามีความสุขสบาย. เราทำการงานทุกอย่างก็ต้องการความสุขสบาย, นี่แหละกุศลธรรม. อกุศลธรรมคือจิตเราไม่ดี ทุกข์ยากวุ่นวายเดืดร้อน. ท่านเรียกร้องให้สัตว์มาดูธรรมอันนี้, ลองเรียกหาความทุกข์จากดินฟ้าอากาศดูซิ. ไม่มี, นอกจากใจที่มีทุกข์แล้ว สุขก็ใจของเรา, จะมีสุขดีนอกจากใจเรามีแล้วที่อื่นไม่มี. "ชั่ว" นอกจากใจเราชั่วแล้วที่อื่นก็ไม่มี, ถ้าจิตเราไม่ดีแล้วก็พากันไม่ดีไปทั้งหมด. จิตเราดีแล้วก็ดีไปทั้งหมด, บิดามารดา สามีภรรยาบุตรธรรมดาก็รักกัน ถ้าจิตเราดีแล้วก็ไม่ทะเลาะกัน. ท่านจึงว่าธรรมะย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม. ถ้าสัตว์ใดปฏิบัติธรรมดี ธรรมย่อมนำความดีมาให้, ถ้าสัตว์นั้นปฏิบัติธรรมชั่ว ธรรมก็นำความชั่วมาให้. ที่เรามานั่งอยู่ที่นี่. ผู้ใดประพฤติธรรมดี ธรรมก็ให้ดีแก่เรา ผู้ใดประพฤติไม่ดี ธรรมก็ให้ไม่ดีแก่เรา. เมื่อได้ยินได้ฟังแล้ว " โอปนะยิโก " น้อมเข้ามารู้ภายใน, รู้เฉพาะตนนั่นแหละ. นี่แหละข้อปฏิบัติที่นำมาเตือนใจ พอเป็นเครื่องประดับสติปัญญาบารมีของท่านทั้งหลาย. เมื่อท่านได้ฟังแล้ว "โยนิ โสมมนสิการ" พากันกำหนดจดจำไว้แล้ว. พากันประพฤติปฏิบัติ ฝึกหัดตนไปตามธรรมคำสั่งสอนดังได้บรรยายแล้ว ขอให้ท่านทั้งหลายมีความสุขความเจริญ.....เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้.- พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ คือใคร (จากพระสุตตันตปิฎก) พุทธประวัติของพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ มีมาในพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ โดยสังเขปดังต่อไปนี้ ๑. พุทธประวัติพระพุทธเจ้ากกุสันธะ พระองค์เป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า กกุสันธะ ทรงถือกำเนิดในสกุลพราหมณ์ ในเขมนคร เป็นตระกูลใหญ่ที่ชาวโลกในขณะนั้นถือว่า ประเสริฐสูงสุดกว่าตระกูลอื่น ที่มีชาติสูงสุดและมียศมาก (เรื่องนี้เป็นธรรมดาของพระโพธิสัตว์ที่จะถือกำเนิดในพระชาติสุดท้ายเพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า จะเลือกถือกำเนิดในตระกูลที่สูงที่สุดในยุคนั้น หากตระกูลพราหมณ์หรือตระกูลกษัตริย์ ตระกูลใดที่มหาชนยกย่องที่สุดก็จะทรงถือกำเนิดในตระกูลนั้น) พุทธบิดาคือ “อัคคิทัตตะ” พุทธมารดาคือ “วิสาขา” มีปราสาท ๓ หลัง คือ “กามวัฑฒะ”, “กามสุทธิ” และรติวัฑฒะ ทรงครอบครองฆราวาสอยู่ ๔ พันปี ภรรยาชื่อว่า “โรปินี” บุตรนามว่า “อุตระ” ทรงเห็นนิมิต ๔ ประการ จึงเสด็จออกผนวชด้วยรถอันเป็นยานพาหนะ บำเพ็ญเพียรอยู่ ๘ เดือนเต็ม จึงตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณที่ไม้โพธิพฤกษ์ชื่อ “ไม้ซึก” ทรงแสดงปฐมเทศนาคือพระธรรมจักร ณ มฤคทายวัน มีอัครสาวกคือ “พระวิธุรเถระ” และ “พระสัญชีวนามเถระ” พระเถระชื่อ “พุทธิชะ” เป็นพุทธอุปัฏฐาก พระอัครสาวิกาคือ “พระสามาเถรี” และ “พระจัมมปนามาเถรี” อุบาสกเป็นอัครอุปัฏฐาก คือ “อัจจคตอุบาสก” และ “สุมนอุบาสก” อุบาสิกาเป็นอัครอุปัฏฐายิกา คือ “นันทาอุบาสิกา” และ “สุนันทาอุบาสิกา” พระพุทธเจ้ากกุสันธะมีพระองค์สูง ๔๐ ศอก พระรัศมีมีสีเปล่งปลั่งดังทองคำ เปล่งออกไป ๑๐ โยชน์โดยรอบ ๒. พุทธประวัติพระพุทธเจ้าโกนาคมนะ พระพุทธเจ้าโกนาคมนะ ทรงถือกำเนิดในตระกูลพราหมณ์แห่งโสภวดีนคร พุทธบิดาคือ “ยัญทัตตพราหมณ์” พุทธมารดาคือ “นางอุตราพราหมณี” มีประสาท ๓ หลัง ชื่อ “ดุสิต”, “สันดุสิต” และ “สันตุฎฐะ” ทรงครอบครองอยู่สามหมื่นปี นาง “รจิคัตตาพราหมณี” เป็นภรรยา “สัตถวาหะ” เป็นบุตร พระองค์ทรงเห็นนิมิต ๔ ประการ จึงออกบวชด้วยยานคือช้าง บำเพ็ญเพียรอยู่ ๖ เดือน จึงได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าที่ไม้โพธิพฤกษ์ชื่อ “ไม้มะเดื่อ” ทรงแสดงปฐมเทศนาธรรมจักรที่มฤคทายวัน พระอัครสาวก คือ “พระภิยโยสเถระ” และ “พระอุตรเถระ” พระอัครสาวิกาชื่อ “พระสมุททาเถรี” และ “พระอุตราเถรี” พุทธอุปัฏฐากคือ “อัคคอุบาสก” และ “โสมเทวอุบาสก” พุทธอุปัฐฐายิกาชื่อ “สีวลาอุบาสิกา” และ “สามาอุบาสิกา” มีพระองค์สูง ๓๐ ศอก ประดับด้วยรัศมีเปล่งปลั่งดังทองที่ปากเบ้า พระองค์มีพระชนมายุสามหมื่นปี ทรงประกาศพระศาสนาโปรดมหาชนให้ข้ามพ้นจากวัฏสงสารหาประมาณมิได้ แล้วเสด็จดับขันธปรินิพพานที่ “ปัพพตาราม” พระบรมสารีริกธาตุของพระองค์แผ่กว้างไปประดิษฐานในประเทศนั้นๆมากมาย ๓. พุทธประวัติของพระพุทธเจ้ากัสสปะ พระกัสสปพุทธเจ้าถือกำเนิดในตระกูลพราหมณ์ในพระนครพาราณสี มีพุทธบิดาชื่อ “พรหมทัตตพราหมณ์” และ “นางธนวดีพราหมณี”เป็นพุทธมารดา ทรงมีประสาท ๓ หลังชื่อ “หังสะ”, “ยสะ” และ “สิริจันทะ” ทรงครอบครองอยู่สองพันปี มี “นางสุนันทาพราหมณี” เป็นภรรยา มีบุตรชายชื่อ “วิชิตเสน” พระองค์ทรงเห็นนิมิต ๔ ประการจึงออกบวช ทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ ๗ วันจึงตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณที่ไม้โพธิพฤกษ์ชื่อ “นิโครธ” ทรงแสดงปฐมเทศนาธรรมจักรที่มฤคทายวัน มี “พระติสสเถระ” และ “พระภารทวาชเถระ” เป็นพระอัครสาวก พระเถระชื่อ “สรรพมิตตะ” เป็นพุทธอุปัฏฐาก “พระอนุลาเถรี” และ “พระอุรุเวลาเถรี” เป็นพระอัครสาวิกา “สุมังคลอุบาสก” และ “ ฆฏิการอุบาสก” เป็นอัครอุปัฏฐาก “วิชิตเสนาอุบาสิกา” และ “อภัททาอุบาสิกา” เป็นอัครอุปัฏฐายิกา” พระองค์ทรงสูง ๒๐ ศอก มีพระรัศมีเปล่งปลั่ง ดังสายฟ้าในอากาศดุจพระจันทร์เต็มดวง มีพระชนมายุสองหมื่นปี ทรงเสด็จนิพพานที่เสตัพยาราม พระสถูปของพระองค์สูงหนึ่งโยชน์ ประดิษฐานอยู่ ณ เสตัพยารามนั้น ๔. พุทธประวัติของพระพุทธเจ้าโคตมะ พระโคตมพุทธเจ้าทรงถือกำเนิดในตระกูลกษัตริย์ ในนครกบิลพัสดุ์ “พระเจ้าสุทโธทนะ” เป็นพุทธบิดา “พระนางมายาเทวี” เป็นพุทธมารดา ทรงมีประสาท ๓ หลัง ชื่อ “สุจันทะ” ,”โกกนุทะ” และ “โกญจะ” ทรงครอบครองอยู่ ๒๙ ปี มีมเหสีทรงพระนามว่า “ยโสธรา” และ “พระราหุล” เป็นพระโอรส ทรงเห็นนิมิต ๔ ประการจึงทรงออกบวชด้วยยานคือม้า ได้บำเพ็ญทุกกรกิริยาอยู่ ๖ ปี และเมื่อทรงบำเพ็ญเพียรด้วยทางสายกลางแล้ว จึงตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณที่ไม้โพธิพฤกษ์ชื่อ “อัสสัตถพฤกษ์” ทรงแสดงปฐมเทศนาธรรมจักรที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี มี “อุปติสสะ (พระสารีบุตรเถระ)” และ “โกลิตตะ (พระโมคคัลลานเถระ)” เป็นอัครสาวก “พระอานนทเถระ”เป็นพุทธอุปัฏฐาก “พระเขมาเถรี” และ “พระอุบลวรรณาเถรี” เป็นอัครสาวิกา “จิตตคฤหบดี” และ “หัตถกอุบาสก ชาวเมืองอาฬวี” เป็นอัครอุปัฏฐาก “นันทมารดา” และ “อุตราอุบาสิกา” เป็นอัครอุปัฏฐายิกา ทรงดับขันธปรินิพพานเมื่อพระชนมายุ ๘๐ พรรษา ที่เมืองกุสินารา พระบรมสารีริกธาตุของพระองค์จำนวน ๑๖ ทะนาน ประดิษฐานตามสถานที่ต่างๆที่มีคนรู้จักและเคารพบูชา ๕. พุทธประวัติพระศรีอาริยเมตไตรย์ พระศรีอาริยเมตไตรย์ทรงถือกำเนิดในตระกูลพราหมณ์ “สุพรหมพราหมณปุโรหิต” เป็นพุทธบิดา “พรหมวดีพราหมณี” เป็นพุทธมารดา ในนครเกตุมวดี ทรงมีปราสาท ๓ หลัง ชื่อ “สิริวัฑฒปราสาท”, “จันทกปราสาท” และ “สิทธัตถปราสาท” “นางจันทรมุขีพราหมณี” เป็นภรรยา “พรหมวัฒนกุมาร” เป็นบุตร ทรงครอบครองฆราวาสได้ ๘๐,๐๐๐ ปี ทรงเห็นนิมิต ๔ ประการ ทรงออกบวช และบำเพ็ญทุกกรกิริยาอยู่ ๗ วัน และเมื่อเสวยข้าวมธุปายาสที่นางสุนันทาพราหมณีนำมาถวายในวันวิสาขปุณมี แล้วเข้าไปในสาลวัน ครั้นเวลาเย็นทรงรับหญ้าคา ๘ กำ ที่โสตถิยมานพนำมาถวาย แล้วเสด็จไปสู่ไม้มหาโพธิพฤกษ์ ชื่อ “กากะทิง” ทรงบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ พระวรกายของพระองค์สูง ๘๘ ศอก มีพระฉัพพัณณรังสีจากพระวรกาย ทำให้สว่างไสวทั้งกลางวันและกลางคืน คนทั้งหลายอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ระลึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ บริโภคข้าวสาลีที่เกิดด้วยพุทธานุภาพ ในสมัยพระพุทธเจ้าพระสมณโคดมพระองค์นี้ ทรงตรัสพยากรณ์พระอชิตภิกษุว่า จะเป็นพระศรีอริยเมตไตรย์ในอนาคตข้างหน้าในมหาภัทรกัปนี้ พระธรรมเสนาบดี สารีบุตร ได้ทูลถามถึงบุญบารมีที่พระศรีอริยเมตไตรย์ได้บำเพ็ญ ซึ่งพระพุทธเจ้าก็ตรัสพยากรณ์ถึงอดีตชาติของพระศรีอริยเมตไตรย เมื่อครั้งเสวยชาติเป็นพระเจ้าสังขจักรพรรดิแห่งอินทปัตถนคร ในสมัยของพระสิริมัตตพุทธเจ้า วันหนึ่งได้พบสามเณรในสำนักพระสิริมัตตพุทธเจ้า จึงเสด็จมาเฝ้าพระพุทธเจ้าซึ่งประทับอยู่ที่บุพพาราม แม้ทรงลำบากพระวรกายก็ไม่ทรงท้อถอย พระพุทธเจ้าเนรมิตเพศเป็นมานพน้อย เนรมิตรถเสด็จออกไปรับพระโพธิสัตว์มาสู่บุพพาราม พระโพธิสัตว์ได้ถวายศีรษะของพระองค์แด่พระพุทธเจ้า บูชาพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่พระองค์ จุติไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต ด้วยอานิสงส์บารมี จึงทำให้ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |