| ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
| ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนอันแท้จริง http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=49422 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
| เจ้าของ: | JIT TREE [ 11 ก.พ. 2015, 16:23 ] |
| หัวข้อกระทู้: | ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนอันแท้จริง |
วัดท่ามะโอ จนกาย ไม่จนใจ จนเงิน ไม่จนบุญ ชายผู้ยากจนถามพระพุทธเจ้าว่า "เหตุใดข้าพระองค์จึงยากจนยิ่งนัก?" พระพุทธองค์ตรัสตอบ "เธอไม่รู้จักการให้และวิธีให้" ดังนั้นชายผู้ยากจนจึงพูดต่อว่า "ทั้งๆที่ข้าพระองค์ไม่มีสิ่งใดให้นี่นะ?" พระพุทธองค์ตรัสว่า "เธอนั้นมีอยู่ไม่น้อยเลย" ใบหน้า : ซึ่งสามารถให้รอยยิ้ม, ความสดใส, สดชื่น, เบิกบาน ปาก : เธอสามารถชื่นชม, ให้กำลังใจ หรือปลอบประโลม หัวใจ : มันสามารถเปิดอกกับผู้อื่น, ให้ความจริงใจ, ใสบริสุทธิ์, ให้ความเมตตา ดวงตา : ที่สามารถมองดูผู้อื่นด้วย สายตาแห่งความหวังดี, ด้วยความโอบอ้อมอารี ร่างกาย : ซึ่งสามารถใช้เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ฉะนั้น แท้จริงแล้วเธอมิได้ยากจนเลย "ความยากจนในจิตใจ คือ ความยากจนอันแท้จริง" Credit:วัดท่ามะโอ อนุโมทนา สาธุค่ะ
|
|
| เจ้าของ: | ธรรมมา [ 11 ก.พ. 2015, 17:41 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนอันแท้จริง |
|
|
| เจ้าของ: | JIT TREE [ 12 ก.พ. 2015, 10:30 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนอันแท้จริง |
ธรรมมา เขียน: ![]()
|
|
| เจ้าของ: | JIT TREE [ 12 ก.พ. 2015, 10:38 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนอันแท้จริง |
วัดท่ามะโอ มงคลที่ ๒๓ (ตอน ๑) กตญฺญุตา (ความกตัญญู) ความกตัญญู คือ การรู้จักบุญคุณที่ผู้อื่นกระทำต่อตนเอง เช่น การให้ทรัพย์ ให้วิชาความรู้ อบรมสั่งสอน หรือช่วยเหลือ ความกตัญญูนี้ยังรวมไปถึงกตเวที คือ การตอบแทนบุญคุณอีกด้วย ดังนั้น การรู้จักบุญคุณแล้วไม่ได้ตอบแทน ไม่นับเป็นความกตัญญู เพราะทุกคนก็รู้จักบุญคุณที่ผู้อื่นกระทำต่อตนเหมือนกัน แต่ถ้าไม่ตอบแทน ก็ไม่นับว่าเป็นความกตัญญู ความกตัญญูเป็นมงคลที่สำคัญมาก ส่งผลให้เราเจริญรุ่งเรืองในชีวิตต่อไป เพราะการตอบแทนบุญคุณผู้อื่นจะทำให้เราพัฒนาศักยภาพทางจิตให้มีคุณธรรมสูงส่งยิ่งๆ ขึ้นไป ชาวพุทธล้วนทราบว่าธรรมะแรกสุดของพระพุทธเจ้า คือ ธัมมจักัปปวัตนสูตร แต่สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนชาวพุทธเป็นครั้งแรก คือ ความกตัญญู กล่าวคือ หลังจากตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์แล้ว ทรงประทับนั่งเสวยวิมุตติสุข ๗ วัน หลังจากนั้นจึงเสด็จลุกขึ้นจากต้นโพธิ์ แล้วทอดพระเนตรมองดูต้นโพธิ์และโพธิบัลลังก์ ๗ วันโดยไม่กระพริบพระเนตร ในขณะนั้นพระองค์ระลึกถึงบุญคุณของต้นโพธิ์และโพธิบัลลังก์ที่ให้ร่มเงาและที่ประทับนั่ง จึงมองด้วยจิตที่ประกอบด้วยปีติปราโมทย์ตลอด ๗ วัน คนที่จะรู้จักบุญคุณและตอบแทนได้นั้น ต้องเป็นคนดีจริงๆ เพราะคนทั่วไปมักลืมบุญคุณของคนอื่น หรือแม้จะระลึกได้ก็ไม่ต้องการจะตอบแทน บางคนอาจตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้นอีกด้วย เช่น ในสมัยหนึ่งพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นวานร พบพราหมณ์คนหนึ่งหลงทางในป่าแล้วตกเหว จึงช่วยขึ้นมาจากเหว แต่พราหมณ์กลับเอาก้อนหินทุบหัวเพื่อต้องการจะกินเนื้อและดื่มเลือดของลิง นี้คือตัวอย่างของการตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้น ต่อมาพราหมณ์เกิดโรคเรื้อนจนเน่าไปทั้งตัว แล้วถูกสูบลงอเวจีมหานรก พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในอังคุตตรนิกาย ทุกนิบาตว่า "ภิกษุทั้งหลาย บุคคลที่หาได้ยากมี ๒ จำพวก คือ ๑. คนที่ทำบุญคุณก่อน ๒. คนที่รู้จักและตอบแทนบุญคุณ ในคัมภีร์อรรถกถาอธิบายว่า คนที่ทำบุญคุณก่อน เหมือนเจ้าหนี้ ส่วนคนที่รู้จักและตอบแทนบุญคุณ เหมือนลูกหนี้ หมายความว่า ถ้าเราได้รับบุญคุณจากผู้อื่น ไม่จำกัดเพียงเงินทองสิ่งของ แม้กระทั่งการเลี้ยงดูจากบิดามารดา หรือการอบรมสั่งสอนจากครูบาอาจารย์ ก็ต้องรู้จักบุญคุณและตอบแทนในเวลาที่เหมาะสม จึงจะเป็นการปลดหนี้ของตัวเอง คนที่ยังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณของผู้อื่น ก็เหมือนคนที่มีหนี้อยู่ ไม่อาจเป็นอิสระไปได้เลย เครดิต:วัดท่ามะโอ อนุโมทนาสาธุค่ะ
|
|
| เจ้าของ: | JIT TREE [ 12 ก.พ. 2015, 11:26 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนอันแท้จริง |
วัดท่ามะโอ มงคลที่๒๒ ตอนที่๑ ความสันโดษ มงคลที่ ๒๒ (ตอน ๑) สนฺตุฏฺฐิ (ความสันโดษ) บางคนเข้าใจว่า ความพอเพียงหรือสันโดษคือการเฉื่อยชาไม่ขวนขวายหาวิชาความรู้ หรือทรัพย์ โดยรู้สึกยินดีกับสิ่งที่เรามีอยู่ ไม่ต้องพยายามหาเพิ่มให้มากขึ้น แต่ความเข้าใจเช่นนั้นยังไม่ถูกต้อง เพราะการเฉื่อยชานั้นเป็นความเกียจคร้าน ไม่ใช่ความพอเพียงหรือสันโดษ ความพอเพียงเป็นการยินดีพอใจกับสิ่งที่เรามีอยู่และหาได้อย่างสุดความสามารถ เมื่อเราแสวงหาอย่างเต็มกำลังแล้วได้รับเพียงใด ก็ใช้จ่ายเพียงนั้น ไม่แสวงหาจนเกินขอบเขต หรือใช้จ่ายจนเกินกำลังทรัพย์ เพราะการแสวงหาหรือใช้จ่ายเกินกำลังนั้นไม่่ใช่ความพอเพียง ชาวโลกทุกวันนี้เป็นทุกข์อยู่กับคำว่า ไม่พอ ถ้าเราพอ เราก็จะมีความสุขตามมีตามได้ คนสันโดษเป็นคนร่ำรวย คนไม่สันโดษเป็นคนจน ดังพระพุทธพจน์ว่า สนฺตุฏฺฐิปรมํ ธนํ (ความสันโดษเป็นทรัพย์อันประเสริฐ) คนละโมบแม้จะร่ำรวยเพียงใดก็เป็นคนจน เพราะเขาไม่รู้จักพอ จึงต้องเหน็ดเหนื่อยกับการแสวงหาและทำชั่วเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการด้วยการคดโกงหลอกลวงหรือข่มขู่ผู้อื่นที่ไม่มีทางสู้ แต่กรรมของเขาก็จะตามสนองในอีกไม่นาน เพราะเขาก็ต้องถูกคนอื่นหลอกลวงต่อไป และมีอบายรออยู่ในภพหน้า นิติศาสตร์กล่าวว่า สนฺโตสมูลํ หิ สุขํ (สุขมีความสันโดษเป็นมูลเหตุ) หมายความว่า คนไม่รู้จักพอชื่อว่าเป็นคนจน เพราะเขาต้องขวนขวายอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งในเวลากินดื่มก็ย่อมเป็นทุกข์ เช่น เมื่อพบอาหารรสจืด ก็บอกว่าอยากกินอาหารรสเค็ม หรือเปรี้ยว เป็นต้น ทำให้ต้องขวนขวายแสวงหาโดยไม่จำเป็น ที่ประเทศพม่ามีพระเถระรูปหนึ่งชื่อว่า มัตตยาสยาดอ ท่านมีความสันโดษเป็นที่เลื่องลือ เมื่อโยมหุงอาหารรสเค็มมาถวาย ท่านบอกว่า อาหารเค็มก็ดี ทำให้ย่อยง่าย เมื่อพบอาหารจืด ก็บอกว่า อาหารจืดก็ดี ไม่ต้องดื่มน้ำบ่อย พอฉันข้าวแฉะ ก็บอกว่าข้าวแฉะก็ดี ย่อยง่าย หรือถ้าฉันข้าวแข็ง ท่านก็บอกว่า ข้าวแข็งก็ดี เคี้ยวกรอบ ในคัมภีร์ชาดกมีเรื่องเล่าว่า มีพราหมณ์คนหนึ่งตายแล้วไปเกิดเป็นหงส์ทอง เขาทราบว่าลูกเมียลำบาก จึงมาหาแล้วสลัดขนทองให้วันละหนึ่งเส้น ทำให้ลูกเมียเขามีกินมีใช้ แต่ลูกเมียเขาไม่รู้จักพอ จึงจับหงส์ถอนขนจนหมด แต่ขนที่ถอนกลายเป็นขนนกธรรมดา แม้จะจับไว้เลี้ยงไว้ในสุ่ม ขนที่เกิดขึ้นก็กลายเป็นขนนกธรรมดา นี้คือตัวอย่างของคนโลภมากลาภหาย เป็นโทษของความไม่รู้จักพอเพียง คนที่มีทรัพย์สามารถได้รับสมบัติทั้งหมดได้ แม้คนที่มีความสันโดษถึงจะยากจน ก็สามารถได้รับสมบัติทั้งหมดเช่นกัน เพราะเขารู้จักพอเพียงกับสิ่งที่มีอยู่และหาได้ จึงเห็นสิ่งอื่นว่าเหมือนกับสิ่งที่เขามีอยู่ ดัง นิติศาสตร์กล่าวว่า "จิตของผู้ใดรู้จักพอเพียง เขาชื่อว่ามีสมบัติทุกอย่าง บุคคลที่สวมรองเท้าไว้ ก็เหมือนกับแผ่นดินทั้งหมดถูกหนังห่อหุ้มไว้" นอกจากนั้น อริยทรัพย์เป็นสิ่งที่เกิดแก่คนสันโดษเท่านั้น ไม่เกิดแก่คนโลภมากไม่รู้จักพอที่ขวนขวายสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ คนสันโดษจึงได้รับสมบัติที่คนโลภมากแม้จะร่ำรวยก็ไม่อาจมีได้ เครดิต:วัดท่ามะโอ อนุโมทนาสาธุค่ะ
|
|
| เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 16 ก.พ. 2015, 06:23 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนอันแท้จริง |
คนที่จนใจเป็นคนที่จนจริงๆ จนแม้กระทั้งที่จะคิดอะไรได้ คิดอะไรก็ไม่ออก |
|
| หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
| Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |
|