วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 22:38  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มี.ค. 2015, 12:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ม.ค. 2011, 17:26
โพสต์: 353


 ข้อมูลส่วนตัว


ทำไมเวลาจะทำอะไร ต้องขึ้นด้วย นะโม ก่อน

นะ = ธาตุน้ำ
โม = ธาตุดิน :b23:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มี.ค. 2015, 14:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


กัปนี้ชื่อว่า ภัททกัป เป็นกัปที่เจริญที่สุดเพราะมีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกนี้ถึง ๕ พระองค์
จึงเป็นที่มาของ คำว่า “นโมพุทธายะ”
นะ คือ พระกกุสันโธ
โม คือ พระโกนาคมโน
พุท คือ พระกัสสโป
ธา คือ พระโคตโม
ยะ คือ พระศรีอาริยเมตไตรโย
จนเป็นคาถาที่ใช้สืบต่อกันมา
จะทำอะไรจึงกล่าวระลึกนึกถึงพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ก่อน

นะโม ตัสสะ ฯลฯ แปลว่า ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส
ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง

ผู้กล่าวบท นะโม ครั้งแรกในโลก ได้แก่

๑. นะโม …สาตาคิริยักษ์
๒. ตัสสะ …อสุรินทร์ราหู
๓. ภควโต…ท้าวจาตุมหาราช “ทรงเปล่งเสียงพร้อมกันทั้งสี่พระองค์”
๔. อรหโต …ท้าวสักกะจอมเทพ
๕. สัมมาสัมพุทธัสสะ …ท้าวสหัมบดีพรหม

ดังคำบาลีว่า

นโม สาตาคิริยกฺโข
ตสฺส อสุรินฺโท
ภควโต จาตุมหาราชา
อรหโต สกฺโก
สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส มหาพฺรหฺมา

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มี.ค. 2015, 14:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


นะโม..สำหรับคุนน้องคือ การกล่าวนอบน้อมเคารพต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า..หรือพระโพธิสัตว์ที่ปราถนาพุทธภูมิ..อย่างนอบน้อมระลึกถึงพระพุทธเจ้าก็จะสวด นะโม 3 จบ (ที่เรารู้กันดี)
ส่วน นะโมโพธิสัตโต พรหมปัญโญ เป็นบทสวด
ของเหล่าผู้ปราถนาสาวกภูมิ..ที่นอบน้อมต่อพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มี.ค. 2015, 15:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


มีเรื่องเล่าว่า ณ แดนหิมวันต์ประเทศ มีเทือกเขาชื่อว่า สาตาคิรี เป็นรมณียสถาน
ซึ่งเป็นที่อยู่ของพวกยักษ์ภุมเทวา อันมีนามตามที่อยู่ว่า สาตาคิรียักษ์ เป็นบริวารของท้าวเวสสุวัณ
มีหน้าที่เฝ้าทางเข้าหิมวันต์ทางทิศเหนือ สาตาคิรียักษ์มีโอกาสสดับ พระสัทธรรมจากพระบรมศาสดา
จนมีจิตเลื่อมใสศรัทธา เปล่งคำยกย่องบูชาด้วยคำว่า "นะโม" หมายถึง พระผู้มีพระภาคทรงเป็นใหญ่
กว่ามนุษย์ เทพยดา พรหม มาร ยักษ์ และสัตว์ทั้งปวง

ฝ่ายอสุรินทราหู เมื่อได้สดับพระกิตติศัพท์ของพระบรมศาสดา ก็ปรารถนาที่จะฟังธรรมบ้าง
แต่เนื่องจากกายของตนใหญ่โตเท่ากับโลก จึงดูแคลนพระบรมศาสดาว่ามีพระวรกายเล็กดังมด
จึงอดใจรั้งรออยู่ นานวันเข้าพระเกียรติคุณของพระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ยิ่งขจรขจายไป
ทำให้ทนรออยู่ไม่ไหว จึงเหาะมาและตั้งใจว่าจะร่ายเวทย่อกายไปเฝ้า พระพุทธองค์เพื่อขอฟังธรรม
แต่พอมาถึงที่ประทับ อสุรินทราหูกลับต้องแหงนหน้า คอตั้งบ่า เพื่อจะได้ทัศนาพระพักตร์
พระบรมศาสดา ในครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรง แสดงพระสัทธรรมชำระจิตอันหยาบกระด้าง
ของอสุรินทราหูจนมีความเลื่อมใสศรัทธาแสดงตน เป็นอุบาสกผู้ถือพระรัตนตรัยตลอดชีวิต
แล้วกล่าวสรรเสริญพระบรมศาสดาว่า "ตัสสะ" แปลว่า ขอบูชา ขอนอบน้อม ขอนมัสการ

เมื่อครั้งที่ท้าวจาตุมหาราชทั้ง ๔ ผู้ดูแลปกครองสวรรค์ชั้นแรกพร้อมบริวารพากัน
เข้าเฝ้าพระบรมศาสดา แล้วทูลถามปัญหา พระบรมศาสดาทรงแสดงธรรมตอบปัญหา
จนทำให้มหาราชทั้งสี่ และบริวารเกิดธรรมจักษุ ทั้ง ๔ ท่าน จึงเปล่งคำบูชาสาธุการ
ขึ้นว่า "ภะคะวะโต" แปลว่า พระผู้มีพระภาคทรงเป็นผู้จำแนกธรรมอันยิ่ง อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า

"อะระหะโต" เป็นคำกล่าวสรรเสริญของท้าวสักกเทวราชผู้สถิตอยู่ ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ท้าวสักกเทวราชได้ทูลถามปัญหา ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสปริยายธรรม
และทรงตอบปัญหาจนทำให้ท้าวสักกเทวราชได้ดวงตาเห็นธรรม จึงเปล่งอุทานคำบูชา
ขึ้นว่า "อะระหะโต" แปลว่า อรหันต์ เป็นผู้ไกลจากกิเลส ไกลจากเครื่องข้องทั้งปวง

"สัมมาสัมพุทธัสสะ" เป็นคำกล่าวยกย่องสรรเสริญของท้าวมหาพรหม หลังจากได้ฟังธรรม
จนบังเกิดธรรมจักษุ จึงเปล่งคำสาธุการ "สัมมาสัมพุทธัสสะ" หมายถึง ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
ด้วยพระองค์เอง ทรงรู้ดี รู้จริง รู้ยิ่งกว่าผู้รู้อื่นใด รวมเป็นบทเดียวว่า "นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต
อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ" แปลโดยรวมว่า ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มี.ค. 2015, 17:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ม.ค. 2011, 17:26
โพสต์: 353


 ข้อมูลส่วนตัว


ความหมายกว้างใหญ่ไพศาลจริงๆ ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ต่อไปเวลาว่านะโม จะตั้งใจเปล่งวาจาให้ชัดถ้อยชัดคำแล้ว

:b8: :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มี.ค. 2015, 20:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2011, 23:47
โพสต์: 298


 ข้อมูลส่วนตัว


นะโมคือพ่อแม่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มี.ค. 2015, 17:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถามคำแปล : เอาอะไรมาตอบกัน
ถามคำแปล ก็เปิดพจนานุกรมตอบ

นโม ..........น. ความนอบน้อม
จบ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มี.ค. 2015, 18:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ถามคำแปล : เอาอะไรมาตอบกัน
ถามคำแปล ก็เปิดพจนานุกรมตอบ

นโม ..........น. ความนอบน้อม
จบ

:b32: ชัดเจน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2015, 06:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


deecup เขียน:
ความหมายกว้างใหญ่ไพศาลจริงๆ ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ต่อไปเวลาว่านะโม จะตั้งใจเปล่งวาจาให้ชัดถ้อยชัดคำแล้ว

:b8: :b8: :b8: :b8:


นะโม นั้นแปลได้หลายนัย มีความหมายมาก แปลได้ถึง ๑.๗๐๐ นัย
https://www.youtube.com/watch?v=PC9nVorLGSE
สนใจใคร่รู้ เปิดฟังในนาทีที่ ๕๙ นาที เป็นต้นไป จะได้ไม่กล่าวสบประมาทว่า
นะโม แปลว่า ความนอบน้อม แล้วจบ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2015, 13:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 05:25
โพสต์: 621


 ข้อมูลส่วนตัว


สาเหตุของการต้องตั้ง “นโม” (หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต) :b39:
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=28&t=32274


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2015, 14:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จะให้ความหมายกี่หมื่นนัย ก็ปรุงแต่งจากคำแปลทั้งนั้น
จบ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ย. 2015, 19:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอเสริมอีกนิดนึงนะครับ ไปอ่านเจอมาพอดี :b45: :b53:

รวมเป็นบทเดียวว่า "นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ" แปลโดยรวมว่า ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น (3) ด้วยเหตุนี้โบราณท่านจึงว่า หากขึ้นต้นคาถาหรือบทสวดมนต์ใดๆด้วยการตั้งนะโม ๓ จบ คาถานั้นจะมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนักด้วย เพราะเป็นคำสรรเสริญพระพุทธเจ้าที่มีเทพพรหมชั้นหัวหน้าได้กล่าวไว้ แรงครูหรือแรงแห่งเทพ-พรหม และแรงพระรัตนตรัยท่านจึงประสิทธิ์ให้สมประสงค์

ที่มา:
http://www.inwza.com/2012/11/3.html

อีกอย่าง นะโม แปลว่า นอบน้อม หากจิตมีความนอบน้อม ไม่ว่าจะฝึกอะไร จำสำเร็จได้ง่าย
ทำสมาธิ ก็ได้ฌาน ได้วิปัสสนา เร็วขึ้น เพราะนอบน้อมต่อผู้พระคุณและคุณพระรัตนตรัย :b40:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2016, 09:33 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2876


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2016, 04:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
เคยได้ยินว่ามูลไหม
มูลเป็นของสกปรก
คนเกิดมาจากมูล
มูลพ่อ+มูลแม่=อสุจิ+น้ำเลือด
นะคือมูลแม่=น้ำเลือด
โมคือมูลพ่อ=อสุจิ
ล้วนแต่ของไม่สะอาด
เป็นเนื้อหนังเอ็นกระดูกที่ตัวทุกคน
อย่าเอามูลพ่อมูลแม่ที่ท่านให้มาไปขายคือไปทำความชั่ว
พระพุทธเจ้าสอนให้ละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้บริสุทธิ์
จดจำมาจากการฟังเทศนาธรรมของหลวงตาสิริ
แห่งวัดถ้ำผาแดง(ผานิมิตร) อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น
:b12:
onion onion onion


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 52 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร