ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
เรียนถามนักภาวนา http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=49849 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | nongkong [ 07 เม.ย. 2015, 15:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | เรียนถามนักภาวนา |
อยากเรียนถามว่า..สภาวะที่คุนน้องกำลังจะเล่ารายละเอียดให้ฟัง...คุนน้องมีสมาธิกับการภาวนาไหม..หรือคุนน้องเกิดวิปัสนูปกิเลศ..หรือคุนน้องเป็นอะไรในขณะภาวนาอยู่.. ![]() คุนน้องนอนทำสมาธิโดยการปิดไฟ และภาวนา...จนหลับ..แต่รู้สึกว่าสติมันแจ่มชัดจนไม่รู้สึกอยากหลับ..คือตอนแรกนั่งสมาธิก่อนซักพักแล้วถึงเปลี่ยนอริยบถเป็นนอน..รู้สึกว่าภาวนาในความมืด..มันเห็นโอภาสแสงต่างๆลอยมากระทบม่านตาตลอด (ไม่เห็นจะมืดตึดตื๋อดำสนิทเหมือนแต่ก่อน) รู้สึกเพลินดีเหมือนกันกับการเพ่งโอภาสลอยไปลอยมา..ความรู้สึกเหมือนล่องลอยในมิติ..จักวาลยังไงอย่างงั้น..ตอนนั้นในหัวไม่มีความคิดไรผุดออกมา..มีแต่เพียงรู้อยู่ภายใน..รู้ว่าล่องลอยไปกับเเสงเรืองรองสว่าง..อบอุ่นบอกไม่ถูก..ในความมืดที่หลับตา..กลับมีแสงเหลืองนวลสุกสว่างเหมือนละอองหรือกลุ่มพลังงานบางอย่าง รวมตัวกันตรงจุดนี้..พอซักครู่คุนน้องเปลี่ยนจากนอนหงายไปนอนตะแคงทางขวา(ท่าประจำตัว) อยู่ๆในม่านตาก็เกิดการ..กระพริบเรืองแสงด้วยความถี่.. (รู้สึกแปลกนิดหน่อยเหมือนหลอดไฟเวลาเรา ปิดไฟแล้วมีไฟตกค้างที่หลอดมันจะกระพริบถี่ๆๆซึ้งมีกระแสไฟตกค้าง ซึ่งตอนกลางวันจะมองไม่เห็นแต่ตอนกลางคืนจะเห็น ประมาณนี้น่ะค่ะ) ซึ่งคุนน้องแค่อยากหาคำอธิบายว่า..เกิดจากอะไร ทำให้ม่านตาที่เราหลับตาและอยู่ในความมืด.. เกิดการกระพริบด้วยความถี่(วัดเป็นวินาทีก็นับไม่ได้ถึงการกระพริบอย่างถี่..นี่คือสภาวะที่เราเข้าไปเห็นการเกิดดับของจิตหรือเปล่า)..เพิ่งเคยเกิดครั้งแรก..เมื่อคืนเกิดการกระพริบสองครั้ง..และหายไป และกลับเข้าสู่สภาวะรู้ปกติ..และในความสงบ..อาตนะภายใน..ยังรู้และเชื่อมต่อกับอายตนะภายนอก..คือยังมีสติรู้การเกิดเสียงดังขึ้น(ทั้งที่เงียบสนิทแล้วมีเสียงดังแบบไม่ตั้งตัว)ก็เกิดการไหวของจิตคือสะดุดกับเสียง..แต่ความสงบภายในมีอยู่..คือสงบภายในแต่รู้ในเสียงภายนอก..คือยังไม่เคยทำสมาธิจน..ดับขาดจากอาตนะภายนอก..คือไม่รับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกรู้แค่ภายใน..เช่นมีเสียงนกร้องก็ไม่ได้ยิน..มีเสียงรถแล่น..ก็ไม่รู้..ใครตะโกนเรียกก็ไม่รู้..ยังไม่เคยเป็นค่ะ..แต่คุนน้องจะรับรู้ผัสสะ ความเคลื่อนไหวภายนอก..ที่กระทบทำให้รู้..แต่อยู่ในอารมณ์สงบ.. ปล.รบกวนผู้รู้มาอธิบาย สภาวะอารมณ์จิตคุนน้องตอนภาวนาครั้งนี้ด้วยค่ะ..ต้องมีคนสอบอารมณ์..คุนน้องสอบอารมณ์ตนเองไม่ได้..กลัวกิเลศจะลำเอียงไม่เป็นกลาง..ต้องพึ่งกีลยามิตรที่มีประสบการณ์ภาวนาชี้แนะด้วยค่ะ ![]() |
เจ้าของ: | เปลี่ยนชื่อใหม่ [ 07 เม.ย. 2015, 16:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เรียนถามนักภาวนา |
สภาวะที่เกิดขึ้น มันผ่านไปแล้วครับ ถ้ามัวแต่ไปคิดหาคำตอบ จะพลาดการดูปัจจุบันขณะไปครับ เช่นตอนนี้สงสัย แต่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังสงสัย ก็มองไม่เห็นสภาวะที่เกิด ณ ปัจจุบันแล้ว แต่ผมเองก็พลาดชอบอยากจะหาคำตอบเหมือนกัน จนพลาดการรู้ ปัจจุบันขณะไป เลยไม่เห็นไตรลักษณ์ ซะอย่างนั้น เพราะมันวนเวียนแต่จะหาคำตอบให้ได้ ให้กลับมาอยู่กับสติ ความรู้สึกตัว แล้วน่าจะหาคำตอบได้ด้วยตัวเองครับ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | nongkong [ 07 เม.ย. 2015, 16:30 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เรียนถามนักภาวนา |
แต่คุนน้องไม่คิดว่า การสงสัยในการภาวนาเป็นสิ่งที่พลาดจากการรู้ปัจจุบัน.เพราะอารมณ์ใดที่เกิดในขณะปัจจุบันนั้นแหละที่เรารู้ทันไม่ทัน.ก็เมื่อเราสงสัยในสภาวะเราเป็น..เราไม่เคยเกิด..เราย่อมอยากได้คำชี้แนะจากคนที่ผ่านมาก่อน..เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับไตรลักษณ์..พระไตรลักษณ์ไม่ได้บอกห้ามสงสัย..ความสงสัยมันจัดเป็นสังขาร..มันสงสัยเมื่อได้คำตอบก็หายสงสัย..แต่ถ้าไม่ได้คำตอบคุนน้องก็รู้ว่าต้องเข้าสู่ความสงบ...แต่ถ้ารู้มันก็จะดีกว่า..มันจะเพิกถอนสิ่งนั้นออกไป..โดยไม่กลับมากำเริบอีก..ถ้าเราไม่มีความสงสัยในสิ่งที่เกิดกับเรา..แล้วเราแน่ใจได้อย่างไร..ว่าเราปฏิบัติถูก..ไม่อย่างงั้นเราจะมีครูบาอาจารย์ทำไม..ถ้าไม่มีคนมาสอบอารมณ์กรรมฐาน..ถ้าในขณะนั้นคุนน้องภาวนาแล้วเกิดวิปัสนูกิเลส..เราไม่ต้องสงสัยว่าเราเกิดวิปัสนูกิเลศ..แต่เราคิดว่าสิ่งที่เราเห็นเป็นเพราะจิตเราแสดงภพ..ภาวะนั้น..เราจะไม่หลงหรือค่ะ..เผื่อหลงว่าเป็นผู้มีญานวิเศษ..เพราะไม่เคยสงสัย..แต่ปักใจเชื่อในสิ่งที่รู้หมดในการภาวนา.. คุนน้องว่า..คนสงสัยน่าจะเอาตัวรอดได้ง่ายกว่านะ คนที่ปักใจเขื่อทุกอย่างที่รู้นั่น แหละ..อันตราย..ขนาดนักวิทยาศาสตร์เค้ายังสงสัย..ทำสิ่งที่สงสัยให้เกิดเป็นความรู้ยิ่ง สร้างผลงานสู่สายตาชาวโลก..แล้วการภาวนา..ห้ามสงสัยแบบนี้จะให้เก็บคำถามไว้..และหาทางพิสูจน์เองอย่างงั้นหรือเจ้าค่ะ ![]() |
เจ้าของ: | เช่นนั้น [ 07 เม.ย. 2015, 16:50 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เรียนถามนักภาวนา |
nongkong เขียน: อยากเรียนถามว่า..สภาวะที่คุนน้องกำลังจะเล่ารายละเอียดให้ฟัง...คุนน้องมีสมาธิกับการภาวนาไหม..หรือคุนน้องเกิดวิปัสนูปกิเลศ..หรือคุนน้องเป็นอะไรในขณะภาวนาอยู่.. ![]() คุนน้องนอนทำสมาธิโดยการปิดไฟ และภาวนา...จนหลับ..แต่รู้สึกว่าสติมันแจ่มชัดจนไม่รู้สึกอยากหลับ..คือตอนแรกนั่งสมาธิก่อนซักพักแล้วถึงเปลี่ยนอริยบถเป็นนอน..รู้สึกว่าภาวนาในความมืด..มันเห็นโอภาสแสงต่างๆลอยมากระทบม่านตาตลอด (ไม่เห็นจะมืดตึดตื๋อดำสนิทเหมือนแต่ก่อน) รู้สึกเพลินดีเหมือนกันกับการเพ่งโอภาสลอยไปลอยมา..ความรู้สึกเหมือนล่องลอยในมิติ..จักวาลยังไงอย่างงั้น..ตอนนั้นในหัวไม่มีความคิดไรผุดออกมา..มีแต่เพียงรู้อยู่ภายใน..รู้ว่าล่องลอยไปกับเเสงเรืองรองสว่าง..อบอุ่นบอกไม่ถูก..ในความมืดที่หลับตา..กลับมีแสงเหลืองนวลสุกสว่างเหมือนละอองหรือกลุ่มพลังงานบางอย่าง รวมตัวกันตรงจุดนี้..พอซักครู่คุนน้องเปลี่ยนจากนอนหงายไปนอนตะแคงทางขวา(ท่าประจำตัว) อยู่ๆในม่านตาก็เกิดการ..กระพริบเรืองแสงด้วยความถี่.. (รู้สึกแปลกนิดหน่อยเหมือนหลอดไฟเวลาเรา ปิดไฟแล้วมีไฟตกค้างที่หลอดมันจะกระพริบถี่ๆๆซึ้งมีกระแสไฟตกค้าง ซึ่งตอนกลางวันจะมองไม่เห็นแต่ตอนกลางคืนจะเห็น ประมาณนี้น่ะค่ะ) ซึ่งคุนน้องแค่อยากหาคำอธิบายว่า..เกิดจากอะไร ทำให้ม่านตาที่เราหลับตาและอยู่ในความมืด.. เกิดการกระพริบด้วยความถี่(วัดเป็นวินาทีก็นับไม่ได้ถึงการกระพริบอย่างถี่..นี่คือสภาวะที่เราเข้าไปเห็นการเกิดดับของจิตหรือเปล่า)..เพิ่งเคยเกิดครั้งแรก..เมื่อคืนเกิดการกระพริบสองครั้ง..และหายไป และกลับเข้าสู่สภาวะรู้ปกติ..และในความสงบ..อาตนะภายใน..ยังรู้และเชื่อมต่อกับอายตนะภายนอก..คือยังมีสติรู้การเกิดเสียงดังขึ้น(ทั้งที่เงียบสนิทแล้วมีเสียงดังแบบไม่ตั้งตัว)ก็เกิดการไหวของจิตคือสะดุดกับเสียง..แต่ความสงบภายในมีอยู่..คือสงบภายในแต่รู้ในเสียงภายนอก..คือยังไม่เคยทำสมาธิจน..ดับขาดจากอาตนะภายนอก..คือไม่รับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกรู้แค่ภายใน..เช่นมีเสียงนกร้องก็ไม่ได้ยิน..มีเสียงรถแล่น..ก็ไม่รู้..ใครตะโกนเรียกก็ไม่รู้..ยังไม่เคยเป็นค่ะ..แต่คุนน้องจะรับรู้ผัสสะ ความเคลื่อนไหวภายนอก..ที่กระทบทำให้รู้..แต่อยู่ในอารมณ์สงบ.. ปล.รบกวนผู้รู้มาอธิบาย สภาวะอารมณ์จิตคุนน้องตอนภาวนาครั้งนี้ด้วยค่ะ..ต้องมีคนสอบอารมณ์..คุนน้องสอบอารมณ์ตนเองไม่ได้..กลัวกิเลศจะลำเอียงไม่เป็นกลาง..ต้องพึ่งกีลยามิตรที่มีประสบการณ์ภาวนาชี้แนะด้วยค่ะ ![]() สติ มีเพราะจิตกำหนดขึ้น ภาวนาจนหลับ จึงไม่ใช่เป็นการภาวนา สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงปฏิกิริยาของเคมีในสมอง เมื่อสมองตื่นตัว v |
เจ้าของ: | nongkong [ 07 เม.ย. 2015, 16:58 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เรียนถามนักภาวนา |
เช่นนั้น เขียน: nongkong เขียน: อยากเรียนถามว่า..สภาวะที่คุนน้องกำลังจะเล่ารายละเอียดให้ฟัง...คุนน้องมีสมาธิกับการภาวนาไหม..หรือคุนน้องเกิดวิปัสนูปกิเลศ..หรือคุนน้องเป็นอะไรในขณะภาวนาอยู่.. ![]() คุนน้องนอนทำสมาธิโดยการปิดไฟ และภาวนา...จนหลับ..แต่รู้สึกว่าสติมันแจ่มชัดจนไม่รู้สึกอยากหลับ..คือตอนแรกนั่งสมาธิก่อนซักพักแล้วถึงเปลี่ยนอริยบถเป็นนอน..รู้สึกว่าภาวนาในความมืด..มันเห็นโอภาสแสงต่างๆลอยมากระทบม่านตาตลอด (ไม่เห็นจะมืดตึดตื๋อดำสนิทเหมือนแต่ก่อน) รู้สึกเพลินดีเหมือนกันกับการเพ่งโอภาสลอยไปลอยมา..ความรู้สึกเหมือนล่องลอยในมิติ..จักวาลยังไงอย่างงั้น..ตอนนั้นในหัวไม่มีความคิดไรผุดออกมา..มีแต่เพียงรู้อยู่ภายใน..รู้ว่าล่องลอยไปกับเเสงเรืองรองสว่าง..อบอุ่นบอกไม่ถูก..ในความมืดที่หลับตา..กลับมีแสงเหลืองนวลสุกสว่างเหมือนละอองหรือกลุ่มพลังงานบางอย่าง รวมตัวกันตรงจุดนี้..พอซักครู่คุนน้องเปลี่ยนจากนอนหงายไปนอนตะแคงทางขวา(ท่าประจำตัว) อยู่ๆในม่านตาก็เกิดการ..กระพริบเรืองแสงด้วยความถี่.. (รู้สึกแปลกนิดหน่อยเหมือนหลอดไฟเวลาเรา ปิดไฟแล้วมีไฟตกค้างที่หลอดมันจะกระพริบถี่ๆๆซึ้งมีกระแสไฟตกค้าง ซึ่งตอนกลางวันจะมองไม่เห็นแต่ตอนกลางคืนจะเห็น ประมาณนี้น่ะค่ะ) ซึ่งคุนน้องแค่อยากหาคำอธิบายว่า..เกิดจากอะไร ทำให้ม่านตาที่เราหลับตาและอยู่ในความมืด.. เกิดการกระพริบด้วยความถี่(วัดเป็นวินาทีก็นับไม่ได้ถึงการกระพริบอย่างถี่..นี่คือสภาวะที่เราเข้าไปเห็นการเกิดดับของจิตหรือเปล่า)..เพิ่งเคยเกิดครั้งแรก..เมื่อคืนเกิดการกระพริบสองครั้ง..และหายไป และกลับเข้าสู่สภาวะรู้ปกติ..และในความสงบ..อาตนะภายใน..ยังรู้และเชื่อมต่อกับอายตนะภายนอก..คือยังมีสติรู้การเกิดเสียงดังขึ้น(ทั้งที่เงียบสนิทแล้วมีเสียงดังแบบไม่ตั้งตัว)ก็เกิดการไหวของจิตคือสะดุดกับเสียง..แต่ความสงบภายในมีอยู่..คือสงบภายในแต่รู้ในเสียงภายนอก..คือยังไม่เคยทำสมาธิจน..ดับขาดจากอาตนะภายนอก..คือไม่รับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกรู้แค่ภายใน..เช่นมีเสียงนกร้องก็ไม่ได้ยิน..มีเสียงรถแล่น..ก็ไม่รู้..ใครตะโกนเรียกก็ไม่รู้..ยังไม่เคยเป็นค่ะ..แต่คุนน้องจะรับรู้ผัสสะ ความเคลื่อนไหวภายนอก..ที่กระทบทำให้รู้..แต่อยู่ในอารมณ์สงบ.. ปล.รบกวนผู้รู้มาอธิบาย สภาวะอารมณ์จิตคุนน้องตอนภาวนาครั้งนี้ด้วยค่ะ..ต้องมีคนสอบอารมณ์..คุนน้องสอบอารมณ์ตนเองไม่ได้..กลัวกิเลศจะลำเอียงไม่เป็นกลาง..ต้องพึ่งกีลยามิตรที่มีประสบการณ์ภาวนาชี้แนะด้วยค่ะ ![]() สติ มีเพราะจิตกำหนดขึ้น ภาวนาจนหลับ จึงไม่ใช่เป็นการภาวนา สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงปฏิกิริยาของเคมีในสมอง เมื่อสมองตื่นตัว v แล้วตรงตัวสีแดง..แปลว่าสมองตื่นตัวหรือ การมีสติค่ะ...คือคุนน้องคิดว่าจะภาวนาให้หลับ..แต่มันไม่หลับค่ะ..อธิบายคลาดเคลื่อน..เลยสงสัยคุนน้องมีสติรึว่า เคมีในสมองตื่นตัวกันแน่...แล้วมันแตกต่างกันยังไงระหว่าง สติ กับ เคมีในสมองตื่นตัว..คือคุนน้องไม่ทราบจริงๆ..แล้วคุนน้องจะแยกออกจากกันได้ไงเจ้าค่ะ.. ![]() |
เจ้าของ: | nongkong [ 07 เม.ย. 2015, 18:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เรียนถามนักภาวนา |
yoottapong เขียน: ไม่รู้ว่าผมเริ่มเก่งแล้วหรือเปล่าคนที่แผงพระฝันเห็นผมติดต่อกัน2วันติดกัน เค้าฝัน ครั้งแรกเห็นผมแต่งชุดขาวลอยไปในอากาศไปพบกับพระอินทร์ไปปุจฉาวิสัชนากับพระอินทร์ ครั้งที่2เห็นผมแต่งชุดขาวท่านั่งสมาธิลอยอยู่บนอากาศมีรัศมีสีขาวเปล่งประกายรอบตัวในฝันเค้าว่าผมเป็นพรหมอนาคามี ปล.ไม่มีอะไรหลอกคุณน้องฝึกเป็นประสบการณ์ปฏิบัติธรรม พรหมอนาคามี..ท่านละกามราคะได้แล้ว..เผลอๆออกบวช..เพราะตัดเรื่องรักๆใคร่ๆได้..ไม่เสพเมถุน คุนยุทรหัดตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูกิเลศตนเองหน่อยนะ...คือคนอย่างคุนยุทร..ต้องเตือนสติแรงๆไม่งั้นก็โง่ดักดานเพ้อว่าตนเป็นโน่นเป็นนี่!! |
เจ้าของ: | yoottapong [ 07 เม.ย. 2015, 19:22 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เรียนถามนักภาวนา |
คำพูดของคุณน้องมันปลาแร่มเหมือนน้ำพริกใส่ปลาร้าซะงั้น...อยากพยากรณ์ให้อยู่แต่กลัวน้ำพริกใส่ปลาร้า ผมยังไม่ได้ว่าไรคุณน้องเลย มาว่าผม ซะงั้น |
เจ้าของ: | nongkong [ 07 เม.ย. 2015, 19:36 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เรียนถามนักภาวนา |
yoottapong เขียน: คำพูดของคุณน้องมันปลาแร่มเหมือนน้ำพริกใส่ปลาร้าซะงั้น...อยากพยากรณ์ให้อยู่แต่กลัวน้ำพริกใส่ปลาร้า ผมยังไม่ได้ว่าไรคุณน้องเลย มาว่าผม ซะงั้น เป็นนักปฏิบัติธรรมมันต้องหัดยอมรับ..ความจริงในสิ่งที่ตนเองเป็น..มาประกาศว่าตนเป็นพรหมอนาคามี..โดนด่าแค่นี้ทำเป็นรับไม่ได้..จะหลอกตนเองไปทำไมคุนยุทร..ตนเองก็น่าจะรู้ดี.. แล้วอยู่ดีไม่ว่าดี มาประกาศใน กระทู้คนอื่น..คุนน้องไม่ได้ไปหาเรื่องใน กระทู้คุนซะหน่อย.. ![]() |
เจ้าของ: | nongkong [ 07 เม.ย. 2015, 19:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เรียนถามนักภาวนา |
yoottapong เขียน: คำพูดของคุณน้องมันปลาแร่มเหมือนน้ำพริกใส่ปลาร้าซะงั้น...อยากพยากรณ์ให้อยู่แต่กลัวน้ำพริกใส่ปลาร้า ผมยังไม่ได้ว่าไรคุณน้องเลย มาว่าผม ซะงั้น ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | idea [ 07 เม.ย. 2015, 20:32 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เรียนถามนักภาวนา |
ขอแสดงความเห็นนะคะ ![]() ![]() เท่าที่ทราบ การทำสมาธิ ก็มักจะมีนิมิตอยู่แล้ว แต่ละคนก็แตกต่างกันไปบ้าง และที่คุนน้องว่า..ม่านตากระพริบ ก็น่าจะเกิดจากจิตที่กระเพื่อม ที่เผลอไปใส่ความพยายามจ้องมอง..หรือตอนที่พลิกตัว..หรือด้วยอาจจะรู้สึกยินดีฯฯฯ สมาธิก็ลดระดับ แต่ด้วยสมาธิที่ฝึกต่อเนื่องมีกำลังมากอยู่ ก็ยังประคองความสงบไว้ได้ ^^นิมิต..ไม่เที่ยงค่ะ ![]() ![]() ถ้าสอบอารมณ์.. ก็ประมานนี้ ตอนทำสมาธิมาเยอะเลยค่ะ.. เราคิดว่า.. น่าสนใจ อะไรๆที่ว่าแปลกจะมีมาเรื่อยๆ คิดว่าใช่ละ..ถูกละ ตื่นเต้น รีบนำเสนอ พระอ.ไป ท่านกลับเห็นเป็นปกติ ทำเหมือนไม่พิเศษอะไรเลย ไม่ให้สนใจอะไรสักอย่างค่ะ ![]() ![]() อะไรๆก็ไม่สำคัญเลย(ที่ไอเดียเคยนะ) |
เจ้าของ: | nongkong [ 07 เม.ย. 2015, 20:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เรียนถามนักภาวนา |
idea เขียน: ขอแสดงความเห็นนะคะ ![]() ![]() เท่าที่ทราบ การทำสมาธิ ก็มักจะมีนิมิตอยู่แล้ว แต่ละคนก็แตกต่างกันไปบ้าง และที่คุนน้องว่า..ม่านตากระพริบ ก็น่าจะเกิดจากจิตที่กระเพื่อม ที่เผลอไปใส่ความพยายามจ้องมอง..หรือตอนที่พลิกตัว..หรือด้วยอาจจะรู้สึกยินดีฯฯฯ สมาธิก็ลดระดับ แต่ด้วยสมาธิที่ฝึกต่อเนื่องมีกำลังมากกว่า ก็ยังประคองความสงบไว้ได้ แสดงว่าคุนไอเดียเคยเจอสภาวะนี้ใช่มั้ยค่ะ ![]() น่าจะจริงตอนม่านตากระพริบ คุนน้องขยับพลิกตัวเปลี่ยนอริยบถ... ![]() ค่อยยังชั่ว...ตอนแรกนึกว่าประสาทตาผิดปกติรึปล่าวเพราะ ความมืดมันมีแสงกระพริบในม่านตาเราน่ะเจ้าค่ะ แถมกระพริบอย่างถี่เหมือนหลอดไฟมันตกแล้วไฟกระพริบผึบผับๆๆในม่านตา คุนไอเดียมาอธิบาย..คุนน้องก็คลายหายสงสัยแล้วค่ะ..การสอบอารมณ์ทำให้เราเดินต่อไป..โดนไม่สงสัยนี่เอง ![]() |
เจ้าของ: | idea [ 07 เม.ย. 2015, 21:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เรียนถามนักภาวนา |
อ้างคำพูด: แสดงว่าคุนไอเดียเคยเจอสภาวะนี้ใช่มั้ยค่ะ น่าจะจริงตอนม่านตากระพริบ คุนน้องขยับพลิกตัวเปลี่ยนอริยบถ... ค่อยยังชั่ว...ตอนแรกนึกว่าประสาทตาผิดปกติรึปล่าวเพราะ ความมืดมันมีแสงกระพริบในม่านตาเราน่ะเจ้าค่ะ ไอเดียเจอ...แมวมาเลียที่มือค่ะ ![]() ![]() ![]() ตอนที่รู้สึกนั้นเหมือนเห็นฟ้าแลบ พริบๆๆๆๆๆๆ เหมือนกายกับใจจะกลับมาประสานกัน แต่ก็ไปต่อได้ ฝึกสมาธิบ่อยๆ...การเกิดขึ้นแบบนี้จะเป็นเรื่องปกติ...แม้ขณะลืมตาค่ะ ![]() อาจจะทุกข้อหรือแค่หลายข้อ ![]() ![]() แต่จะสำคัญตรงที่ว่าเราติดใจ พอใจ หรือหลงในสภาวะนั้นว่าใช่!!!!หรือเปล่า(ความเข้าใจชองไอเดียนะ) |
เจ้าของ: | suttiyan [ 08 เม.ย. 2015, 10:20 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เรียนถามนักภาวนา |
การบำเพ็ญบารมีของบางท่าน ไม่ได้เฉพาะเพื่อตนเองแต่เผื่อแผ่ถึงผู้อี่น เมื่อสั่งสมเจตนาเช่นนี้บ่อยๆ เป็นเหตุให้ไปต้องรวบรวมความรู้ต่างๆ ให้สามารถทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ดังนี้นสิ่งที่ตนพบในชาติปัจจุบันจึงแตกต่างจากผู้อื่น ซึ่งเป็นร่องรอยจากอดีต ทั่งที่บางครั้งหาเหตุผลเพี่อจะยุติ แต่จิตไม่ยอม มีสิ่งเดียวคือทำให้กระจ่าง เวลามันยอมอาจยอมจนแปลกใจ สภาวะที่เกิดในช่วงขณิกสมาธิ หากเป็นการภาวนาในท่านอนหรือผ่านการนั่งสมาธิแล้วมาอยู่ในท่านอนสบายๆ ซึ่งเป็นช่วงที่เป็นธรรมชาติ จะมีการคลายสังขารออก ซึ่ง็คือวิปัสนูกิเลส และในเวลาดั่งกล่าว หากมีการเปลี่ยนอารมณ์หรืออริยบท ก็จะพบสภาวะความเกิดดับ เช่นแสงที่เห็นเปลี่ยนไป วับๆแล้วเหมือนตากระพริบถี่ๆ ในขั้นี้ถีงแม้จะพบความเกิดดับบ้างแล้ว แต่จัดในเขตสมถะ(สัมมสนญาณ)ที่ยังไม่จัดอยู่ในวิปัสสนาเพราะความเกิดดับยังเกิดแบบไม่เป็นระบบ สำคัญอยู่ที่จะทำอย่างไรให้เกิดไตรลักษณ์อย่างเป็นระบบ |
เจ้าของ: | idea [ 08 เม.ย. 2015, 12:46 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เรียนถามนักภาวนา |
อ้างคำพูด: การบำเพ็ญบารมีของบางท่าน ไม่ได้เฉพาะเพื่อตนเองแต่เผื่อแผ่ถึงผู้อี่น เมื่อสั่งสมเจตนาเช่นนี้บ่อยๆ เป็นเหตุให้ไปต้องรวบรวมความรู้ต่างๆ ให้สามารถทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ดังนี้นสิ่งที่ตนพบในชาติปัจจุบันจึงแตกต่างจากผู้อื่น ซึ่งเป็นร่องรอยจากอดีต ทั่งที่บางครั้งหาเหตุผลเพี่อจะยุติ แต่จิตไม่ยอม มีสิ่งเดียวคือทำให้กระจ่าง เวลามันยอมอาจยอมจนแปลกใจ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | nongkong [ 08 เม.ย. 2015, 13:05 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เรียนถามนักภาวนา |
suttiyan เขียน: การบำเพ็ญบารมีของบางท่าน ไม่ได้เฉพาะเพื่อตนเองแต่เผื่อแผ่ถึงผู้อี่น เมื่อสั่งสมเจตนาเช่นนี้บ่อยๆ เป็นเหตุให้ไปต้องรวบรวมความรู้ต่างๆ ให้สามารถทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ดังนี้นสิ่งที่ตนพบในชาติปัจจุบันจึงแตกต่างจากผู้อื่น ซึ่งเป็นร่องรอยจากอดีต ทั่งที่บางครั้งหาเหตุผลเพี่อจะยุติ แต่จิตไม่ยอม มีสิ่งเดียวคือทำให้กระจ่าง เวลามันยอมอาจยอมจนแปลกใจ สภาวะที่เกิดในช่วงขณิกสมาธิ หากเป็นการภาวนาในท่านอนหรือผ่านการนั่งสมาธิแล้วมาอยู่ในท่านอนสบายๆ ซึ่งเป็นช่วงที่เป็นธรรมชาติ จะมีการคลายสังขารออก ซึ่ง็คือวิปัสนูกิเลส และในเวลาดั่งกล่าว หากมีการเปลี่ยนอารมณ์หรืออริยบท ก็จะพบสภาวะความเกิดดับ เช่นแสงที่เห็นเปลี่ยนไป วับๆแล้วเหมือนตากระพริบถี่ๆ ในขั้นี้ถีงแม้จะพบความเกิดดับบ้างแล้ว แต่จัดในเขตสมถะ(สัมมสนญาณ)ที่ยังไม่จัดอยู่ในวิปัสสนาเพราะความเกิดดับยังเกิดแบบไม่เป็นระบบ สำคัญอยู่ที่จะทำอย่างไรให้เกิดไตรลักษณ์อย่างเป็นระบบ สาธุๆ...คุนน้องจะเอาไปพิจารณาตามนั้น.. ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |