ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
ความริษยายังโลกให้ฉิบหาย http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=49858 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | muisun [ 08 เม.ย. 2015, 14:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | ความริษยายังโลกให้ฉิบหาย |
มีคนบอกพระพุทธเจ้าว่า พระพุทธเจ้าบิณฑบาตเป็นการเบียดเบียนสัตว์ พอพระพุทธเจ้าตรวจดูอดีตย้อนไปกว่า 90 กัปป์ ก็ไม่พบว่าเป็นการเบียดเบียนสัตว์ มีแต่ส่งเสริมสัตว์ให้ทำความดี ให้ได้บุญ ให้ได้ไปสวรรค์ บางคนว่าพระไปบิณฑบาตสายทำลายศาสนา บางคนบอกว่าพระไปบิณฑบาตเช้าทำลายศาสนา แต่คนที่รู้ไม่ทันนั่นแหละทำลายศาสนา เพราะพระเค้ารู้ทัน เค้ารักษาความดีอยู่เค้าไม่ได้ทำลายศาสนา เพราะพระไม่ได้ทำให้ตัวเองเดือดร้อนและไม่ได้ทำให้ผู้อื่นเดือร้อน..แต่คนรู้ไม่ทันมาอิจฉาและเดือดร้อนเอง เดือดร้อนไม่พอพาคนอื่นมาเดือดร้อนอีก...จึงทำให้เดือดร้อนตลอดชีวิต....ตราบใดที่ยังไม่รู้ทันและดับความริษยาด้วยการกำหนดจะคิดหนอๆๆ ความริษยายังโลกให้ฉิบหาย.. |
เจ้าของ: | น้องพลอย [ 09 เม.ย. 2015, 17:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความริษยายังโลกให้ฉิบหาย |
muisun เขียน: ความริษยายังโลกให้ฉิบหาย.. ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 10 เม.ย. 2015, 07:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความริษยายังโลกให้ฉิบหาย |
muisun เขียน: มีคนบอกพระพุทธเจ้าว่า พระพุทธเจ้าบิณฑบาตเป็นการเบียดเบียนสัตว์ พอพระพุทธเจ้าตรวจดูอดีตย้อนไปกว่า 90 กัปป์ ก็ไม่พบว่าเป็นการเบียดเบียนสัตว์ มีแต่ส่งเสริมสัตว์ให้ทำความดี ให้ได้บุญ ให้ได้ไปสวรรค์ บางคนว่าพระไปบิณฑบาตสายทำลายศาสนา บางคนบอกว่าพระไปบิณฑบาตเช้าทำลายศาสนา แต่คนที่รู้ไม่ทันนั่นแหละทำลายศาสนา เพราะพระเค้ารู้ทัน เค้ารักษาความดีอยู่เค้าไม่ได้ทำลายศาสนา เพราะพระไม่ได้ทำให้ตัวเองเดือดร้อนและไม่ได้ทำให้ผู้อื่นเดือร้อน..แต่คนรู้ไม่ทันมาอิจฉาและเดือดร้อนเอง เดือดร้อนไม่พอพาคนอื่นมาเดือดร้อนอีก...จึงทำให้เดือดร้อนตลอดชีวิต....ตราบใดที่ยังไม่รู้ทันและดับความริษยาด้วยการกำหนดจะคิดหนอๆๆ ความริษยายังโลกให้ฉิบหาย.. คนรู้ไม่เท่าทัน...ย่อมเดือดร้อน....เห็นด้วยอย่างยิ่งคับ จะบิณฑบาตเช้าไป..สายไป...คนที่ยึดในสิ่งที่ตนรู้ว่า..ต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ถึงจะถูกต้อง...แบบนี้ไม่ถูกต้อง...เมื่อยึดความรู้ที่ตนรู้มาแล้วก็ยังอุเบกขาไม่เป็น...ก็ย่อมเกิดอารมณ์...ไม่ชอบ..รังเกียจ...ขุ่นเคือง...ตำหนิ.....โกรธ...ที่สุดก็โมโห.. ที่เป็นอย่างนี้..เพราะมีทิฏฐิ...แล้วก็ยึดทิฎฐินั้น..แน่นหนา... ตนทุกข์เพราะทิฎฐินั้น..ก็ดูไม่ทัน..ดูไม่ออก... ทิฎฐิมานะ...นี้เป็นบ่อเกิดอะไรอะไรตามมาหลายอย่าง...ดีไม่ดี...สังโยชน์ตั้งกะ ข้อ1 ยันข้อ 9 ก็มาจากมานะทิฏฐินี้แหละ.. |
เจ้าของ: | muisun [ 02 พ.ค. 2015, 21:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความริษยายังโลกให้ฉิบหาย |
414 การบิณฑบาตไม่ใช่เบียดเบียนชาวบ้าน ปัญหา นายคามณี อสิพันธกบุตรกราบ ทูลถามพระพุทธองค์ตามคำแนะนำของนิครนถ์นาฏบุตรว่า ขณะที่หมู่บ้านนาฬันทคามเกิดข้าวยากหมากแพง ประชาชนเลี้ยงชีพโดยฝืดเคือง ต้องจับจ่ายด้วยบัตรปันส่วน ไฉนพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ จึงยังคงจาริกไปเพื่อภิกษาในนาฬันทคาม จะไม่เป็นการเบียดเบียนชาวบ้านหรือ ? พุทธดำรัสตอบ “ดูก่อนนายคามณี แต่ภัทรกัปนี้ไป ๙๑ กัปที่เราระลึกได้ เราไม่รู้สึกว่าเคยเบียดเบียนครอบครัวไหนๆ ด้วยการถือเอาภักษาที่สุกแล้วเลย “อนึ่งเล่า ครอบครัวใดมีฐานะมั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก มีเงินและทองมาก มีทรัพย์คืออุปกรณ์มาก มีทรัพย์คือข้าวเปลือกมาก ครอบครัวทั้งปวงนั้นเจริญขึ้นเพราะการให้ทาน เพราะมีสัจจะ เพราะมีสำรวมระวัง “ดูก่อนนายคามณี มีเหตุปัจจัย ๘ อย่างเพื่อความคับแค้นแห่งครอบคัวทั้งหลาย คือ สกุลทั้งหลายถึงความคับแค้นจากพระราชา ๑ จากโจร ๑ จากไฟ ๑ จากน้ำ ๑ ทรัพย์ที่เก็บไว้เคลื่อนไปจากที่ ๑ ทรัพย์วิบัติไปเพราะประกอบการงานชั่ว ๑ คนทำลายทรัพย์แห่งสกุล ผู้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยทำลาย กำจัดโภคะเหล่านั้น เกิดขึ้นในครอบครัว ๑ ความไม่เที่ยงแท้แน่นอนเป็นปัจจัย ๘ “ดูก่อนนายคามณี ทั้งที่เหตุปัจจัย ๘ อย่างเหล่านี้มีอยู่ ผู้ใดพึงกล่าวหาเราอย่างนี้ว่า พระผู้มีพระภาคปฏิบัติเพื่อให้ครอบครัวขาดสูญ เพื่อให้ครอบครัวเสื่อม เพื่อให้ครอบครัวคับแค้น ดังนี้ ผู้นั้น หากไม่ละวาจานั้น ไม่ละความคิดนั้น ไม่ละความเห็นนั้น ต้องดิ่งลงในนรกแน่แท้...” กุลสูตร สฬา. สํ. (๖๒๑-๖๒๒) ความริษยายังโลกให้ฉิบหาย http://www.84000.org/true/414.html |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |