ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
พระในบ้าน http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=50090 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | รสมน [ 15 พ.ค. 2015, 05:16 ] |
หัวข้อกระทู้: | พระในบ้าน |
คุณนายคนหนึ่ง….. ใจบุญสุนทาน ตักบาตรทุกเช้า ตักบาตรเสร็จ ก็แต่งสำรับกับข้าว อย่างบรรจงประณีต เพื่อเอาไปถวายท่านเจ้าประคุณสมเด็จ ผู้เป็นเจ้าอาวาส ด้วยความเคารพนับถือ ในจริยวัตรของท่าน ....................... คุณนายชอบฟังท่านคุย เล่าเรื่องต่าง ๆเรียกว่าตักบาตรเสร็จ คุณนายต้องมาวัดทุกวันถวายอาหารเสร็จก็คุยกับพระสมเด็จ ....................... วันหนึ่ง… หลังจากคุณนายกลับแล้ว พระหนุ่มรูปหนึ่ง ซึ่งเป็นศิษย์ก้นกุฏิของสมเด็จ เข้าไปกราบเรียนว่า... " คุณนายคนนี้ใจบุญสุนทานจริง ๆแต่เคยได้ยินว่า เป็นคนใจแคบ เหลือแม่อยู่คนเดียว ปล่อยให้อดๆ อยากๆ ไม่เอาใจใส่ ปล่อยให้อยู่ห้องแคบๆหลังบ้าน " ..................... " ส่วนตัวเองและลูก ๆ อยู่ตึกใหญ่โต สะดวกสบาย เวลาพูดจากับแม่ ก็ฟังไม่ได้ หยาบคาย ขู่ตะคอก กระแทกกระทั้น ผิดกับตอนมาคุยกับสมเด็จที่วัด ชนิดหน้ามือ เป็นหลังมือ " ..................... " แม่จะออกมาเดินเล่นหน้าบ้าน ก็ไม่ได้ ไม่ยอมให้ออก มีแม่แก่ หลงๆ ลืม ๆ สติไม่สมประกอบคงอายเขา มีคนเขาเล่าให้ฟัง หลายรายแล้ว เท็จจริงอย่างไรไม่ทราบได้ " สมเด็จนั่งฟังเฉยไม่พูดว่าอะไร ...................... วันหนึ่งมีกิจนิมนต์ ไปทำบุญบ้าน ขากลับ เดินผ่านหน้าบ้านคุณนาย ท่านก็แวะบ้านคุณนายก่อน คุณนายดีใจมาก ที่สมเด็จมาเยี่ยมถึงบ้าน ถือเป็นมงคลอย่างสูง ที่พระขั้นสมเด็จ มาเยี่ยมบ้าน จึงเรียกลูกหลานมากราบเท้าท่านเป็นการใหญ่ แล้วก็คุยกันเรื่องต่างๆ มากมาย .................... ในตอนหนึ่ง… สมเด็จท่าน ถามคุณนายว่า " พระในบ้าน " มีไหม " มีเจ้าค่ะ…พระในบ้าน มีหลายองค์ เป็นพระเก่า ๆ ทั้งนั้น สมัยสุโขทัยก็มี เชียงแสนก็มี อาราธนาท่านสมเด็จ ขึ้นไปดูข้างบนเจ้าค่ะ " สมเด็จท่านเฉย แล้วถามต่อว่า... " ได้ทราบข่าวว่า คุณนายมีแม่อีกคนเดี๋ยวนี้อยู่เสียที่ไหน? " คุณนายสะอึก เสียวแปลบเข้าไปในหัวใจ จะตอบตามตรง ก็กลัวว่า สมเด็จจะเดินไปดู หากเห็นสภาพความเป็นอยู่ของแม่แล้ว ท่านจะติเตียน ....................... อึกๆ อักๆ อยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงตอบว่า " ตอนนี้ท่านไม่อยู่เจ้าค่ะ ออกไปเยี่ยมญาติ อีกนานจึงจะกลับ " สมเด็จท่านนั่งนิ่งอยู่สักครู่ แล้วจึงลากลับ คุณนายก็ยังคงไปวัด เป็นปกติ ...................... วันหนึ่ง…. สมเด็จท่านเห็นว่า วันนี้ คุณนายยิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาร่าเริง อารมณ์ดีหลังการทำบุญทำทาน สมเด็จจึงถามว่า… " พระในบ้านของโยม โยมดูแลเรียบร้อยแล้วหรือยัง " " เรียบร้อยเจ้าค่ะ ดิฉันจุดธูปเทียน ถวายอาหารบูชาเสร็จแล้ว จึงมาที่วัด ท่านไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ " " อาตมาไม่ได้หมายถึง พระพุทธรูป พระในบ้านที่อาตมาถามถึงนี่ เป็นพระที่ยังมีลมหายใจ คือ แม่พระ ผู้มีพระคุณสูงสุดแก่โยม " ..................... " แม่..ให้ชีวิตเรามา…โดยเอาชีวิตตัวเองเขาแลก เลี้ยงดูเรามา..ตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย….จนได้ดิบได้ดีทุกวันนี้ แม่เหน็ดเหนื่อย….ทุกข์ทรมาน…แสนสาหัส แม่…ทนหิว…เพื่อให้ลูกอิ่ม แม่…ทนหนาว เพื่อให้ลูกอุ่น แม่..ไม่เคยนอน..ถ้าลูกของแม่…ยังไม่หลับ " ...................... " ยามลูกเจ็บป่วย…..ร้องไห้ หัวใจแม่ก็เจ็บปวด…และร้องไห้พร้อมกับลูกด้วย แม่อยากเอาความเจ็บปวดทั้งหมด…ของลูก…มาไว้ที่แม่ ถ้าทำได้ แม่…ยอมตายเพื่อลูกได้ พระคุณของแม่นี้…..ใหญ่หลวงเกินกว่าจะคณานับ….เราต้องตอบแทนบุญคุณท่านบ้างน่ะโยม " ..................... " เอาตาดู…หูใส่…เอาใจใส่ท่านบ้าง ไม่ใช้ปล่อยให้ท่าน …อด ๆ…อยากๆ เจ็บไข้ได้ป่วย….ก็ดูแลท่านบ้าง " .................. " อาตมาได้ข่าวว่า….คุณโยมเหลือแม่อยู่คนเดียว และ…ไม่ค่อยสนใจความเป็นอยู่ของท่าน ปล่อยให้อยู่ในห้องแคบๆ อดๆ อยาก ๆ ไม่สงสารท่านบ้างหรือ….โยม " .................. " โยมจัดอาหารมาถวายพระได้ทุกวัน…. แต่พระในบ้านอีกองค์…..โยมไม่เคยจัดให้…. และตอนที่โยมจัดมาให้อาตมา….. สังเกตดู….โยมจัดมาให้อย่างดี…..ประณีตบรรจง แต่ก่อน…..อาตมาไม่รู้ว่า…อะไรเป็นอะไร ก็ฉันของโยมตามปกติ….แต่ตอนนี้…บอกตรงๆ…เลยว่า กลืนไม่ค่อยลง…มาหลายวันแล้ว " ................. " อาตมาเป็นพระในวัด…ไม่ควรเอาเปรียบพระในบ้าน….ของโยมเกินไป ถ้าพระในบ้าน…ยังอด…พระในวัด…ก็…กลืนไม่ลง การทำบุญให้ได้บุญมานะโยม…เลี้ยงพ่อแม่…ให้อิ่มหนำสำราญเสียก่อน แล้วจึงถวายพระ " ................. คุณนาย….ไม่พูดอะไร…. นั่งน้ำตาไหล…. ลูกๆที่รักทุกคน…ได้ดูแลพระในบ้านของลูกๆ…แล้วหรือยัง ถึงแม้ว่า…จะเพียงเล็กน้อย….ก็ยังดี บางคน…..กว่าจะรู้…พ่อแม่เป็นพระในบ้านผู้ประเสริฐ… ก็สายเสียแล้ว… คือ..รู้เมื่อท่านทั้งสอง…..ไม่มีตัวตนอยู่ในโลกนี้แล้ว " ธรรมะกับสิ่งสมมุติ " สิ่งสมมุติที่มนุษย์เราชอบคิดชอบกระทำนั้นมันจะดีจริงหรือ ทำไมต้องชอบสมมุติกันด้วย และในทางธรรมะล่ะ การสมมุตินั้นควรพึ่งกระทำหรือไมเพราะเหตุอันไหน ธรรมะจะตอบเราได้หรือไม่ ลองไปอ่านธรรมะเกี่ยวกับสิ่งสมมุติที่ "หลวงปู่ชา สุภัทโท" ได้กล่าวไว้ สิ่งทั้งหลายในโลกนี้... ล้วนแต่เป็นสิ่งสมมุติ ที่เราสมมุติขึ้นมาเองทั้งสิ้น สมมุติแล้ว...ก็หลงสมมุติของตัวเอง เลยไม่มีใครวาง มันเป็นทิฏฐิ...ความเห็นไม่ตรง มันเป็นมานะ...ความถือตัว ความยึดมั่นถือมั่น... อันความยึดมั่นถือมั่นนี้ ไม่ใช่เรื่องที่จะจบได้ มันจบไม่ได้สักที...เป็นวัฏฏสงสาร เวียนว่ายตายเกิดที่ไหลไปไม่ขาด...ไม่มีทางสิ้นสุด หลวงปู่ชา สุภัทโท สิ่งสมมุติทั้งหลายเป็นการปรุงแต่งจากอดีตและอนาคตมาผสมกัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าสิ่งสมมุตินี้ไม่ใช่สิ่งปัจจุบันไม่ได้เป็นปัจจุบันสิ่งที่สมมุติไว้อาจไม่เป็นดังหวัง ยิ่งเราสมมุติมากเราก็ยิ่งติดบ่วงของกิเลสต่างๆ เราทั้งหลายควรทิ้งการสมมุตินี้ให้ผ่านไปแบบลมพัดผ่านมา อย่าได้ยิ่บดึ่งฝุ่นดินที่ลอยมาตามลมเลย เราท่านทั้งหลายควรมั่นศึกษาธรรมะและปฎิบัติธรรมเถอ ธรรมเป็นโอสถสำคัญสำหรับแก้ความคะนองทางกาย วาจา ใจอันเป็นสาเหตุแห่งความบ่นเพ้อได้เป็นอย่างดี ผู้สนใจและยึดธรรมเป็นหลักใจ จึงเป็นผู้รู้จักสภาพการณ์ของสิ่งต่าง ๆ ได้ดี ไม่ค่อยมีความตื่นเต้น และดีใจเสียใจจนเลยความพอดี รู้จักวิธีปฏิบัติตัวเองต่อสิ่งต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปตามเหตุการณ์ แล้วสลายตัวลงตามหลักอนิจจัง อันมีระยะสั้นและระยะยาวได้เป็นอย่างดี ไม่ค่อยมีการห้อยโหนโยนตัวไปตามความดีใจและเสียใจ เพราะสิ่งที่รักชอบพลัดพรากจากไป และสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาผ่านเข้ามา สามารถวางตัวได้อย่างน่าดูน่าชม และเป็นคติตัวอย่างอันดีแก่คนอื่นได้ด้วย เพราะธรรมเครื่องหักห้ามใจ ย่อมเป็นเช่นกับเบรกเครื่องห้ามล้อรถ ซึ่งจะนำมาใช้ได้ตามเวลาต้องการและจำเป็น ใจที่ไม่มีธรรมเครื่องหักห้าม ย่อมหมุนตัวไปทางผิดได้อย่างง่ายดาย และไม่มีสิ่งใดจะมีกำลังเรี่ยวแรงสามารถหักห้ามจิต ให้ดำรงตนอยู่โดยถูกต้องได้ นอกจากธรรม แม้จะมีความรู้ ความฉลาดจากการศึกษาและสมาคมมามาก ก็เป็นเพียงบริวารหรือเครื่องมือซึ่งจะคอยปฏิบัติตามคำสั่งของตัณหาอยู่นั่นเอง ดังนั้นผู้มีความรู้ความฉลาดเสมอท่าน ๆ เรา ๆ จึงตกอยู่ในอำนาจแห่งความผิด ๆ ถูก ๆ ตามอำนาจของสิ่งขับพาให้เป็นไป ธรรมเมื่อนำมาใช้ย่อมเป็นเครื่องมือต้านทาน และหักห้ามสิ่งเป็นภัยต่อจิตได้ดี ตามกำลังของผู้มีธรรมมากน้อย ถ้ามีเพียงพอก็สามารถหักล้างกันได้อย่างไม่มีปัญหา เช่น ท่านผู้ถึงธรรมอันสูงสุดแล้ว ชื่อว่าเป็นผู้หมดภัยทางใจโดยสิ้นเชิง ไม่มีปัญหาใด ๆ ตกค้างอยู่ในใจของท่านเลย นี่คือท่านผู้หยุดเดินและหมดภัยจริง ๆ ........................................................................ หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ ๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๐๘ "ยึดธรรมให้มั่นคง" เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |