วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 21:13  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2015, 10:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2012, 16:46
โพสต์: 412

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


s006 s006 s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2015, 15:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


[๑๘๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อสติสัมปชัญญะไม่มี หิริและโอตตัปปะ
ชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีสติและสัมปชัญญะวิบัติกำจัดเสียแล้ว เมื่อหิริและ
โอตตัปปะไม่มี อินทรียสังวรชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีหิริและโอตตัปปะวิบัติกำจัด
เสียแล้ว เมื่ออินทรียสังวรไม่มี ศีลชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีอินทรียสังวรวิบัติ
กำจัดเสียแล้ว เมื่อศีลไม่มี สัมมาสมาธิชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีศีลวิบัติกำจัด
เสียแล้ว เมื่อสัมมาสมาธิไม่มี ยถาภูตญาณทัสนะชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีสัมมา-
*สมาธิวิบัติกำจัดเสียแล้ว เมื่อยถาภูตญาณทัสนะไม่มี นิพพิทาวิราคะชื่อว่ามีเหตุอัน
บุคคลผู้มียถาภูตญาณทัสนะวิบัติกำจัดเสียแล้ว เมื่อนิพพิทาวิราคะไม่มี วิมุตติญาณ-
*ทัสนะ ชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีนิพพิทาวิราคะวิบัติกำจัดเสียแล้ว เปรียบเหมือน
ต้นไม้มีกิ่งและใบวิบัติแล้ว แม้กะเทาะของต้นไม้นั้น ย่อมไม่บริบูรณ์ แม้เปลือก
แม้กระพี้ แม้แก่นของต้นไม้นั้นก็ย่อมไม่บริบูรณ์ ฉะนั้น ฯ

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อสติสัมปชัญญะมีอยู่ หิริและโอตตัปปะชื่อว่ามี
เหตุสมบูรณ์ ย่อมมีแก่บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยสติและสัมปชัญญะ เมื่อหิริและ
โอตตัปปะมีอยู่ อินทรียสังวรชื่อว่ามีเหตุสมบูรณ์ ย่อมมีแก่บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วย
หิริและโอตตัปปะ เมื่ออินทรียสังวรมีอยู่ ศีลชื่อว่ามีเหตุสมบูรณ์ ย่อมมีแก่
บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยอินทรียสังวร เมื่อศีลมีอยู่ สัมมาสมาธิชื่อว่ามีเหตุสมบูรณ์
ย่อมมีแก่บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยศีล เมื่อสัมมาสมาธิมีอยู่ ยถาภูตญาณทัสนะชื่อว่า
มีเหตุสมบูรณ์ ย่อมมีแก่บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยสัมมาสมาธิ เมื่อยถาภูตญาณทัสนะ
มีอยู่ นิพพิทาวิราคะชื่อว่ามีเหตุสมบูรณ์ ย่อมมีแก่บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยยถาภูตญาณ-
*ทัสนะ เมื่อนิพพิทาวิราคะมีอยู่ วิมุตติญาณทัสนะชื่อว่ามีเหตุสมบูรณ์ ย่อมมีแก่
บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยนิพพิทาวิราคะ เปรียบเหมือนต้นไม้ที่มีกิ่งและใบสมบูรณ์
แม้กะเทาะของต้นไม้นั้นก็ย่อมบริบูรณ์ แม้เปลือก แม้กระพี้ แม้แก่นของต้นไม้นั้น
ก็ย่อมบริบูรณ์ ฉะนั้น ฯ

----------------------------------------------------
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕
อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
สติวรรคที่ ๔ สติสูตร
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... 143&Z=7168


-เมื่อมีสติสัมปชัญญะ หิริโอตตัปปะมี
-เมื่อมีหิริโอตตัปปะ อินทรียสังวรมี
-เมื่อมีอินทรีย์สังวร ศีลมี
-เมื่อมีศีล สัมมาสมาธิมี
-เมื่อมีสัมมาสมาธิ ยถาภูตญาณทัสสนะมี * (จิตตั่งมั่น ย่อมรู้แจ้งตามจริง)
-เมื่อมียถาภูตญาณทัสสนะ นิพพิทาวิราคะมี * (ย่อมเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ย่อมสำรอก)
-เมื่อมีนิพพิทาวิราคะสมบูรณ์ วิมุตติญาณทัศศนะมี * (ย่อมดับ, ย่อมหลุดพ้น)


ยถาภูตญาณทัสสนะ (วิปัสสนาญาณตั้งแต่กำหนดรูปนามจนถึงสังขารุเปกขาญาณ)
นิพพิทาวิราคะ (นิพพิทา = เบื่อหน่าย,คลายกำหนัด,วิปัสสนามีกำลังหรือหยั่งรู้อริยสัจเห็นทุกข์ วิราคะ = ความสำรอกกิเลศออก,ตั้งแต่โสตาปัตติมรรคจนถึงอรหันตมรรค)
วิมุตติญาณทัศศนะ (ตั้งแต่โสตาปัตติผลถึงอรหัตผล)


:b47: :b50: :b43: :b41: :b44:


ขอถามคุณเปลี่ยนชื่อใหม่สั้นๆ สักนิดนะครับ

- พอสติเกิดแล้ว สมถะวิปัสสนาไม่มากไม่น้อยกว่ากัน เกิดความเบื่อหน่ายคลายกำหนัดลงบ้างไหมครับ?
- สติทำให้เกิดสมาธิปัญญากำจัด โลภะโทสะโมหะ ดับไปช่วงนั้นๆ รึเปล่าครับ?
- พอแยกออกไหมครับ ความแตกต่างระหว่าง (๑)นิพพานในอัตภาพ,ในปัจจุบัน กับ(๒)นิพพานที่กำจัดกิเลศสิ้นสังโยชน์


คำถามข้อแรกทำให้ทราบว่า มีสติ มีสมาธิที่ประกอบกับจิตที่ตั้งมั่น เป็นเอกัคคตามีอุเบกขา
คำถามที่สองทำให้ทราบว่า คุณเปลี่ยนชื่อใหม่ ทำมรรคภาวนา
คำถามสุดท้าย ทำให้ทราบว่า แยกออกระหว่างผลโดยอ้อม กับผลโดยตรง เพื่อตอบคำถามของกระทู้ ว่าสติช่วงนั้น ถือเป็นนิพพานได้หรือเปล่า.

ขอบคุณครับผม :b8:

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2015, 16:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2012, 16:46
โพสต์: 412

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมไม่ค่อย แน่ใจในคำตอบนะครับ s002

แต่ข้อสองนี้ เข้าใจครับ และใช่ครับ

ส่วนข้อสาม ผมไม่รู้ว่านิพพานทางตรง นิพพานทางอ้อม เป็นไงนะครับ
s002


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2015, 19:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


ขอบคุณ คุณเปลี่ยนชื่อใหม่มากครับผม :b39:

คือถ้าสมาธิ หรือสมถะ ปฐมฌานถึงจตุตถฌาน อันนี้เรียกว่า นิพพานในปัจจุบันได้ครับผม
แปลว่า ถ้า มีสติแล้วเป็นปัจจัยทำให้เกิด สัมมาสมาธิ ก็แปลว่า ได้นิพพานในอัตภาพ
หรือที่เขาเรียกๆ กันว่า ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นอยู่สุขในปัจจุบัน..(ช่วงนั้น ชั่วคราว)


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมาธิภาวนาอันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็น
ไปเพื่ออยู่เป็นสุขในปัจจุบันเป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจาก
อกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวกอยู่ บรรลุ
ทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก
ไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ มีอุเบกขา
มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกายเพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌานที่พระ
อริยะสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข บรรลุจตุตถฌาน
ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้
มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมาธิภาวนานี้ อันบุคคล
เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน
-----------------------------------------
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓
อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต
โรหิตัสสวรรคที่ ๕ สมาธิสูตร
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... 188&Z=1233

@@@@@


หรือ ที่เราได้ยินกันบ่อยๆ ว่า ไม่อาศัยตัณหาและทิฐิ เป็นนิพพานธาตุในปัจจุบัน
ชื่อว่าสอุปาทิเสส เพราะสิ้นตัณหา เครื่องนำไปสู่ภพ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ
เป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นพระอรหันตขีณาสพ อยู่จบพรหมจรรย์ ทำ
กิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ปลงภาระลงได้แล้ว มีประโยชน์ของตนอันบรรลุแล้ว มี
สังโยชน์ในภพนี้สิ้นรอบแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ ภิกษุนั้นย่อมเสวย
อารมณ์ทั้งที่พึงใจและไม่พึงใจ ยังเสวยสุขและทุกข์อยู่ เพราะความที่อินทรีย์ ๕
เหล่าใดเป็นธรรมชาติไม่บุบสลาย อินทรีย์ ๕ เหล่านั้นของเธอยังตั้งอยู่นั่นเทียว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความสิ้นไปแห่งราคะ ความสิ้นไปแห่งโทสะ ความสิ้นไปแห่ง
โมหะ ของภิกษุนั้น นี้เราเรียกว่า สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ

--------------------------------------------
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
๗. ธาตุสูตร
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... 242&Z=5274

@@@@@


อ้อมๆ ก็คือ ช่วงๆ ชั่วคราว ในปัจจุบันอะไรอย่างนี้นี่แหละครับ ทางอ้อม ฌาน มหัคคตจิต
เป็นจำพวกโดยอ้อม ข้อความจากอรรถกถา ทิฏฺฐธมฺมนิพฺพานํ ได้แก่ นิพพานในอัตภาพนี้
ย่อมเป็นไปเพื่อความอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน รวมความแล้วก็คือ โดยอ้อมทั้งสิ้นครับ :b44:

แต่ต้องเป็นขั้นเป็นตอน ตามความเห็นก่อนที่นำ พระสูตรมาแสดงไว้

-เมื่อมีสติสัมปชัญญะ หิริโอตตัปปะมี
-เมื่อมีหิริโอตตัปปะ อินทรียสังวรมี
-เมื่อมีอินทรีย์สังวร ศีลมี
-เมื่อมีศีล สัมมาสมาธิมี
-เมื่อมีสัมมาสมาธิ ยถาภูตญาณทัสสนะมี * (จิตตั่งมั่น ย่อมรู้แจ้งตามจริง)
-เมื่อมียถาภูตญาณทัสสนะ นิพพิทาวิราคะมี * (ย่อมเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ย่อมสำรอก)
-เมื่อมีนิพพิทาวิราคะสมบูรณ์ วิมุตติญาณทัศศนะมี * (ย่อมดับ, ย่อมหลุดพ้น)

ดังนั้น ถ้าสติที่เกิด ที่ตั้งมั่น เป็นสติสัมโพชฌงค์ สัมมาสติ เพราะอบรมสติปัฏฐาน
สติอันนั้นแหละครับ ก็กล่าวได้ว่า เป็นเครื่องน้อมไปในนิพพาน
ตั้งแต่เกิด สัมมาสมาธิ ก็เป็น นิพพาน เป็นสุขในปัจจุบันตามอัตภาพ
ตั้งแต่เกิด ยถาภูตญาณทัสสนะ รวบความ คำพูดสั้นๆ ของครูบาอาจารย์แล้วก็คือ
(จิตตั่งมั่น ย่อมรู้แจ้งตามจริง) นั่นเองครับ :b44:

อนุโมทนาสาธุครับผม :b8:

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2015, 07:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2012, 16:46
โพสต์: 412

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

ขอบคุณครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2015, 08:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นายฏีกาน้อย เขียน:
ขอบคุณ คุณเปลี่ยนชื่อใหม่มากครับผม :b39:

คือถ้าสมาธิ หรือสมถะ ปฐมฌานถึงจตุตถฌาน อันนี้เรียกว่า นิพพานในปัจจุบันได้ครับผม
แปลว่า ถ้า มีสติแล้วเป็นปัจจัยทำให้เกิด สัมมาสมาธิ ก็แปลว่า ได้นิพพานในอัตภาพ
หรือที่เขาเรียกๆ กันว่า ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นอยู่สุขในปัจจุบัน..(ช่วงนั้น ชั่วคราว)


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมาธิภาวนาอันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็น
ไปเพื่ออยู่เป็นสุขในปัจจุบันเป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจาก
อกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวกอยู่ บรรลุ
ทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก
ไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ มีอุเบกขา
มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกายเพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌานที่พระ
อริยะสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข บรรลุจตุตถฌาน
ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้
มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมาธิภาวนานี้ อันบุคคล
เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน
-----------------------------------------
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓
อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต
โรหิตัสสวรรคที่ ๕ สมาธิสูตร
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... 188&Z=1233

@@@@@


หรือ ที่เราได้ยินกันบ่อยๆ ว่า ไม่อาศัยตัณหาและทิฐิ เป็นนิพพานธาตุในปัจจุบัน
ชื่อว่าสอุปาทิเสส เพราะสิ้นตัณหา เครื่องนำไปสู่ภพ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ
เป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นพระอรหันตขีณาสพ อยู่จบพรหมจรรย์ ทำ
กิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ปลงภาระลงได้แล้ว มีประโยชน์ของตนอันบรรลุแล้ว มี
สังโยชน์ในภพนี้สิ้นรอบแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ ภิกษุนั้นย่อมเสวย
อารมณ์ทั้งที่พึงใจและไม่พึงใจ ยังเสวยสุขและทุกข์อยู่ เพราะความที่อินทรีย์ ๕
เหล่าใดเป็นธรรมชาติไม่บุบสลาย อินทรีย์ ๕ เหล่านั้นของเธอยังตั้งอยู่นั่นเทียว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความสิ้นไปแห่งราคะ ความสิ้นไปแห่งโทสะ ความสิ้นไปแห่ง
โมหะ ของภิกษุนั้น นี้เราเรียกว่า สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ

--------------------------------------------
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
๗. ธาตุสูตร
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... 242&Z=5274

@@@@@


อ้อมๆ ก็คือ ช่วงๆ ชั่วคราว ในปัจจุบันอะไรอย่างนี้นี่แหละครับ ทางอ้อม ฌาน มหัคคตจิต
เป็นจำพวกโดยอ้อม ข้อความจากอรรถกถา ทิฏฺฐธมฺมนิพฺพานํ ได้แก่ นิพพานในอัตภาพนี้
ย่อมเป็นไปเพื่อความอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน รวมความแล้วก็คือ โดยอ้อมทั้งสิ้นครับ :b44:

แต่ต้องเป็นขั้นเป็นตอน ตามความเห็นก่อนที่นำ พระสูตรมาแสดงไว้

-เมื่อมีสติสัมปชัญญะ หิริโอตตัปปะมี
-เมื่อมีหิริโอตตัปปะ อินทรียสังวรมี
-เมื่อมีอินทรีย์สังวร ศีลมี
-เมื่อมีศีล สัมมาสมาธิมี
-เมื่อมีสัมมาสมาธิ ยถาภูตญาณทัสสนะมี * (จิตตั่งมั่น ย่อมรู้แจ้งตามจริง)
-เมื่อมียถาภูตญาณทัสสนะ นิพพิทาวิราคะมี * (ย่อมเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ย่อมสำรอก)
-เมื่อมีนิพพิทาวิราคะสมบูรณ์ วิมุตติญาณทัศศนะมี * (ย่อมดับ, ย่อมหลุดพ้น)

ดังนั้น ถ้าสติที่เกิด ที่ตั้งมั่น เป็นสติสัมโพชฌงค์ สัมมาสติ เพราะอบรมสติปัฏฐาน
สติอันนั้นแหละครับ ก็กล่าวได้ว่า เป็นเครื่องน้อมไปในนิพพาน
ตั้งแต่เกิด สัมมาสมาธิ ก็เป็น นิพพาน เป็นสุขในปัจจุบันตามอัตภาพ
ตั้งแต่เกิด ยถาภูตญาณทัสสนะ รวบความ คำพูดสั้นๆ ของครูบาอาจารย์แล้วก็คือ
(จิตตั่งมั่น ย่อมรู้แจ้งตามจริง) นั่นเองครับ :b44:

อนุโมทนาสาธุครับผม :b8:



อธิบายได้กระจ่างชัดเจนง่ายต่อความเข้าใจ อนุโมทนา :b8: ค่ะ

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2015, 21:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ม.ค. 2015, 21:55
โพสต์: 1067

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ได้ สตินั้นทำหน้าที่ของสติเสร็จแล้วสติก็ดับไป เพราะวิญญาณดับ ตัวรู้ดับ คือนิพพาน จะคิดดับๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2015, 09:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2012, 16:46
โพสต์: 412

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


muisun เขียน:
ไม่ได้ สตินั้นทำหน้าที่ของสติเสร็จแล้วสติก็ดับไป เพราะวิญญาณดับ ตัวรู้ดับ คือนิพพาน จะคิดดับๆ


ช่วยขยายความหน่อยให้หน่อยครับ s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2015, 10:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ม.ค. 2015, 21:55
โพสต์: 1067

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หน้าที่ของเราเพียงเพื่อฝึกความรู้ทันให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของสภาวะธรรมเท่านั้น นั่นแหละคือองค์แห่งการตรัสรู้ เรียกว่าวิปัสสนาญาณ รู้ทันแค่นี้ไม่เพียงพอ ต้องรู้ทันเพิ่มขึ้นไปอีกหลายล้านเท่า จึงเป็นการตรัสรู้ด้วยตนเองโดยที่ไม่ต้องถามใคร ซึ่งเป็นพระดำรัสของพระพุทธเจ้า จะคิดดับๆๆ เห็นต้นเหตุแห่งการเกิดดับได้ชัด ดับความสงสัยเสียได้


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 47 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร