วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 16:58  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 36 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2015, 14:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ถ้ามีปัญญาเฉพาะตนเข้าถึงกระแสพระนิพพานแล้ว
ที่ผ่านมาเป็นเพียงวิบากที่ให้ผลต่อร่างกายเข้าไม่ถึงจิต
พระองคุลีมาลทำบาปฆ่าคนชาติปัจจุบันมิใช่หรือท่านคิดให้ถ้วน
:b8:
:b44: :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2015, 14:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2758


 ข้อมูลส่วนตัว


พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

รูปภาพ

“พระบวชใหม่” กราบโยมแม่ สมควรหรือไม่

ถาม : โยมเห็นผู้คนถกเถียงกันเรื่องภาพพระบวชใหม่รูปหนึ่ง ในภาพนั้นโยมแม่ของท่านได้กราบพระลูกชาย หลังจากนั้นพระรูปนั้นท่านก็ได้กราบโยมแม่ของท่านบ้าง ทำให้ผู้คนถกเถียงกันว่าสมควรหรือไม่

ตอบ : การกราบกันนั้นตามธรรมเนียมเรากราบผู้ใหญ่ ผู้น้อยกราบผู้ใหญ่ แต่ผู้ใหญ่ไม่กราบผู้น้อย ทีนี้ปัญหาของพระนั้นมีอยู่ตรงที่ว่า ตอนที่ไม่ได้บวชนั้นถือพ่อแม่เป็นผู้ใหญ่ ตนเป็นผู้น้อย ก็ติดการกราบพ่อกราบแม่มา แต่พอมาบวชนี้ ทางธรรมเราให้ถือการมีศีลเป็นผู้ใหญ่ ผู้ที่มีศีลมากกว่าเป็นผู้ใหญ่ ผู้ที่มีศีลน้อยกว่าเป็นผู้น้อย

ดังนั้น เวลาพอมาบวชเป็นพระ แม่ผู้รู้ว่าตนเองมีศีลน้อยกว่าลูกก็กราบลูก แต่ลูกนี้อาจจะไม่ได้รู้ ไม่เข้าใจว่าการมาบวชนี้บวชเพื่ออะไร อาจจะคิดว่าเป็นเพียงการห่มผ้าเหลืองโกนศีรษะ ก็เลยคิดว่าตนยังเป็นลูกอยู่ เห็นแม่ก็เลยรู้สึกกระดากใจที่ปล่อยให้แม่กราบตนเอง ก็เลยต้องไปกราบแม่อีกครั้งหนึ่ง

อันนี้เป็นความไม่รู้จักฐานะของตน คือไม่รู้ว่าตนในตอนนี้เป็นพระแล้ว เป็นผู้ทรงศีล มีศีลถึง ๒๒๗ ข้อด้วยกัน ทางธรรมนี้ถือว่าเป็นผู้สูงกว่าผู้ที่มีศีล ๕ ข้อ หรือไม่ถึง ๕ ข้อ จึงเป็นธรรมเนียมของฆราวาสที่จะกราบพระ ไม่ว่าพระนั้นจะเป็นลูกชายหรือเป็นใครก็ตาม

อย่างสมัยพระพุทธกาล มีการบวชพร้อมกัน ๕ รูป ๖ รูปด้วยกัน คือเป็นพระญาติของพระพุทธเจ้า เป็นเจ้าชายอยู่ ๕ รูป หลังจากที่ได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าก็เกิดศรัทธาอยากจะออกบวชกัน แล้วก็มีลูกน้องที่เป็นช่างตัดผมคนหนึ่งขอตามเสด็จบวชด้วย

ทีนี้พวกเจ้าชายที่จะมาบวชนี้เขารู้ว่า การมาบวชนี้คือการมาทำลายอัตตาตัวตน ก็เลยปรึกษากันว่าจะให้ลูกน้องเป็นผู้บวชก่อน เพราะว่าเวลาบวชแล้ว ใครบวชก่อนถือว่าเป็นผู้อาวุโสกว่าผู้บวชหลัง เวลาเจอกัน เวลาทำความเคารพกัน ผู้ที่บวชหลังนี้จะต้องกราบผู้ที่บวชก่อน ผู้ที่อาวุโสกว่า เจ้าชายทั้ง ๕ รูปเคยให้ลูกน้องกราบไหว้อยู่ตลอดเวลา ทีนี้เวลาจะบวชนี้รู้ว่า การมาบวชนี้เพื่อมาละอัตตาตัวตน มาทำตัวให้ต่ำให้ต้อย ให้เป็นเหมือนปฐพี ก็เลยมีมติตกลงให้ลูกน้องบวชก่อน ให้ช่างตัดผมบวชก่อน เพื่อที่เวลาบวชแล้ว พวกเขาเหล่านั้นจะต้องกราบลูกน้อง

อย่างในสมัยปัจจุบันนี้ เมื่อสมัยที่พระเจ้าอยู่หัวทรงอายุครบ ๖๐ พรรษา มีข้าราชการที่รับใช้งานในโครงการพระราชดำริของวัดญาณฯ นี้ เช่น อธิบดีกรมชลประทาน แล้วก็ผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนด้วยกันที่รับใช้ในหลวงมาตลอด ก็บวชถวายเป็นพระราชกุศลให้แก่ในหลวง แล้วพอท่านเหล่านี้บวชแล้ว ในหลวงก็นิมนต์ไปรับสังฆทานที่ในวัง ในหลวงก็ต้องมากราบข้าราชการเหล่านี้ทุกคน

อันนี้ก็เป็นการแสดงคุณธรรมของใจของแต่ละคนว่า คนที่มีคุณธรรมสูงจะไม่หลงไหลยึดติดกับสมมติต่างๆ เช่น ความสูงต่ำความใหญ่ความโตในฐานะทางโลก แต่จะยึดถือความสูงต่ำในทางธรรม เป็นความสูงต่ำที่แท้จริง คนเราจะสูงจะต่ำก็อยู่ที่ศีลนี้ ถ้าศีลมีมากก็จะสูง ศีลมีน้อยก็จะต่ำ


พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๘
:b8: :b8: :b8:

:b47: รวมคำสอน “พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=47981


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2015, 15:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ม.ค. 2015, 21:55
โพสต์: 1067

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เพราะพระองค์คุลีมาลท่านละความคิดเห็นเช่นนั้นได้จึงไม่ต้องตกนรก เพราะจิตคนละดวง ชั่วพริบตาเดียวจิตดวงเก่าดับไปและจิตดวงใหม่เกิดขึ้นเป็นอย่างนั้นทั้งวันและทั้งคืน กิเลสจะเกิดก็เกิดพร้อมจิต จะดับก็ดับพร้อมจิต เราควรรู้ทันในจิตนั้นๆ นั่นแหละคือการบรรลุและหลุดพ้น หลุดพ้นได้เพราะรู้ทันต้นจิต ควรฝึกสัมปชัญญะปัพพะ คือทำความรู้สึกตัวตลอดเวลา จะเผลอดับ จะคิดดับ จะหลับดับ จะตื่นดับ สังเกตให้เป็นอย่างนั้นทั้งวันและทั้งคืนไม่ว่างไม่เว้น เพียงแต่ขยันละลึกรู้ไม่ต้องท่อง เพราะมันจะไม่ทัน ใช้จิตสัมผัส สังเกตรู้ทันตัวจะคิด ตัวจะทำ ตัวจะหลับ ตัวจะตื่น แล้วก็ภาวนาไปตามความเป็นจริง เพื่ออบรมอินทรีย์ให้แก่กล้า เพียงพอต่อมรรคสมังคีเพื่อการรู้ทันแห่งปรมัตธรรมในขณะจิตปัจจุบันนั้นๆ จะเผลอดับๆ

จากสายสืบสั่งสอนนิสัยศาสตร์

Facebook รู้ทันรวย สำนักรู้ทัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2015, 15:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2012, 16:46
โพสต์: 412

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ยึดพระธรรมวินัย ไว้ดีที่สุดครับ

สิ่งที่พระพุทธเจ้า ตรัสได้ ถูกต้อง และดีแล้วครับ

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2015, 17:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ศรีสมบัติ เขียน:
ไม่ได้โพสต์สร้างกระแสนะครับ TV ช่องหนึ่งเผยแพร่ภาพ ก็เลยอยากถาม หรือ ขอคอมเม้นท์ท่านผู้รู้ว่า เหมาะสมหรือไม่ อาบัติหรือ ผิดกฏ พระธรรมวินัย หรือไม่ สนทนากันตามความเห็น หรือ ท่านคิดว่า อย่างไร และ TV ช่องนั้น นำเสนอ เพื่อเป็นไปในทาง ลบ หรือ บวก อันนี้ไม่มีบทสรุปนะครับ แต่ได้นำคลิปมาเผยแพร่และ TV ช่องนั้นยังตามไป สัมภาษณ์ พระสงฆ์รูปนั้น หลัง จากที่สึกแล้ว และ มารดาเขาด้วย ส่วนท่าก้มกราบเท้ามารดา น่าจะตรงกับวันแม่ อนุโมทนา ในทุกๆ คำตอบ หรือ คำวิจารณ์ :b8: เจริญในธรรม

:b9:
ข้าพเจ้าก็สันนิษฐานแสดงความคิดเห็นจากการประเมิน
มันก็น่าคิดน๊าที่มีเหตุมาให้ศึกษาได้เป็นแบบทดสอบ
ที่ให้แต่ละคนได้มาสร้างสถานการณ์ตามแต่จะคิด
ย่อมมีความคิดเห็นไปอาจจะตรงหรือไม่ตรง
กับสถานการณ์ของบุคคลตัวอย่าง
ที่จริงคุณศรีสมบัติต้องโพสต์
ข้อความที่สนทนาด้วย
จะละเอียดกว่านี้ค่ะ
:b20:
ถ้าจะให้อ้างครั้งพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์
พระพุทธเจ้าเคยให้ภิกษุในธรรมวินัย
ไปขอโทษฆราวาสจริงไหม
:b17:
:b44: :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2015, 17:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


มีตาไว้ดู มีหูไว้ฟัง แล้วถ้ารู้จักใช้สติพิจารณาด้วยปัญญา จะเห็นเป็นเรื่องธรรมดา..คนเราชอบหลงไปกับสมมุติที่ยึดติดกัน โดยปราศจากการเข้าถึงธรรมรู้ตามความเป็นจริง..ไม่รู้จักสำรวมอินทรีย์ ก็ต้องเพ่งโทษเหตุนอกตัว...พระจะก้มกราบมารดาตนจะผิดตรงไหน..ในเมื่อพร่ำสอนประกาศปาวๆ พ่อแม่คือพระอรหันต์ของลูก..พุธโท่ แค่เห็นคนธรรมดาในคราบผ้าเหลืองก้มกราบแม่..ทำเป็นเรื่องใหญ่..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2015, 18:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


murano เขียน:
onion ไม่มีใคร ควรกราบใคร.

ตามคติยูโทเปีย การกราบเป็นการขัดต่อหลักความเท่าเทียมกันของมนุษย์.
จะมีข้อยกเว้นก็ได้, กราบได้เฉพาะบิดามารดาที่เลี้ยงดูมา.

อาเมน... onion


grin grin grin

รู้สึกเราจะไปด้วยกันได้อยู่นะ ในเรื่องนี้ :b12: ..รู้มั้ยคุนน้องยกให้ การทักทายแบบสากลในคติของตน
คือการจับมือและส่งยิ้ม..ประเพณีไทยบางอย่างคุนน้องไม่เห็นด้วยหรอก ที่ว่าอายุน้อยต้องยกมือไหว้
ถือเป็นการนอบน้อม..น้อบน้อมตรงไหน?? ประเภทไม่เต็มใจแล้วโดนบังคับ..คนที่เป็นผู้อาวุโส รู้สึกดีมั่ย?? คุนน้องไม่ชอบสังคมตีหน้าเศร้า เล่าความเท็จ ดัดจริต ใส่หน้ากากเข้าหากัน..
การไหว้ ไม่ใช่สิ่งที่วัดว่า คนนั้นเคารพนอบน้อมจริง..มันเป็นแค่ความเชื่อที่ปลูกฝัง..ว่าผู้น้อยต้องกราบ ต้องไหว้ผู้ใหญ่..แต่ผู้ใหญ่ ห้ามไหว้คนอายุน้อยกว่า :b6:
แถม แบ่งแยกชนชั้น เคยเห็นผู้น้อย ที่มียศฐาบรรดาศักดิ์ ยกมือไหว้ คนรับใช้ แม่บ้านตนเอง ที่แก่รุ่นราวคราวแม่ตนบ้างป่ะ ปัทโธ่ !


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2015, 21:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
มีตาไว้ดู มีหูไว้ฟัง แล้วถ้ารู้จักใช้สติพิจารณาด้วยปัญญา จะเห็นเป็นเรื่องธรรมดา..คนเราชอบหลงไปกับสมมุติที่ยึดติดกัน โดยปราศจากการเข้าถึงธรรมรู้ตามความเป็นจริง..ไม่รู้จักสำรวมอินทรีย์ ก็ต้องเพ่งโทษเหตุนอกตัว...พระจะก้มกราบมารดาตนจะผิดตรงไหน..ในเมื่อพร่ำสอนประกาศปาวๆ พ่อแม่คือพระอรหันต์ของลูก..พุธโท่ แค่เห็นคนธรรมดาในคราบผ้าเหลืองก้มกราบแม่..ทำเป็นเรื่องใหญ่..

:b20:
ตรงมาก ตรงฝุดๆ สาธุ๊ดังมากๆ
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2015, 21:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
murano เขียน:
onion ไม่มีใคร ควรกราบใคร.

ตามคติยูโทเปีย การกราบเป็นการขัดต่อหลักความเท่าเทียมกันของมนุษย์.
จะมีข้อยกเว้นก็ได้, กราบได้เฉพาะบิดามารดาที่เลี้ยงดูมา.

อาเมน... onion


grin grin grin

รู้สึกเราจะไปด้วยกันได้อยู่นะ ในเรื่องนี้ :b12: ..รู้มั้ยคุนน้องยกให้ การทักทายแบบสากลในคติของตน
คือการจับมือและส่งยิ้ม..ประเพณีไทยบางอย่างคุนน้องไม่เห็นด้วยหรอก ที่ว่าอายุน้อยต้องยกมือไหว้
ถือเป็นการนอบน้อม..น้อบน้อมตรงไหน?? ประเภทไม่เต็มใจแล้วโดนบังคับ..คนที่เป็นผู้อาวุโส รู้สึกดีมั่ย?? คุนน้องไม่ชอบสังคมตีหน้าเศร้า เล่าความเท็จ ดัดจริต ใส่หน้ากากเข้าหากัน..
การไหว้ ไม่ใช่สิ่งที่วัดว่า คนนั้นเคารพนอบน้อมจริง..มันเป็นแค่ความเชื่อที่ปลูกฝัง..ว่าผู้น้อยต้องกราบ ต้องไหว้ผู้ใหญ่..แต่ผู้ใหญ่ ห้ามไหว้คนอายุน้อยกว่า :b6:
แถม แบ่งแยกชนชั้น เคยเห็นผู้น้อย ที่มียศฐาบรรดาศักดิ์ ยกมือไหว้ คนรับใช้ แม่บ้านตนเอง ที่แก่รุ่นราวคราวแม่ตนบ้างป่ะ ปัทโธ่ !

:b12:
อีกด้านที่ควรคำนึงความหยาบละเอียดของจิตมีผลต่อภพชาติจริงไหม
สามเณรบรรลุอรหันต์ไม่โกรธที่ถูกหลวงปู่ทำให้ตาบอดต้องโทษวัฏฏะ
ถ้าเป็นเหตุอย่างนี้หลวงปู่ก็น่าจะต้องกราบขอโทษสามเณรใช่หรือเปล่า
:b16:
:b55: :b55:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2015, 22:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว



สมัยที่พระองค์ตรัสรู้ใหม่ ๆ ทรงตรวจดูว่า มีใครในสามโลกที่พระองค์ควรให้ความเคารพ ปรากฎว่า ไม่มี ดังนั้น พระองค์จึงเคารพแต่พระธรรม ..

สมัยต่อมา ครั้งไปโปรดพระประยูรญาติทั้งหลาย ปรากฎว่า พี่ป้าน้าอาลุง ล้วนยืนอยู่แถวหลังไม่ได้แสดงความเคารพ พระองค์จึงแสดงฤทธิ์เดินจรงกรมให้ละอองพระบาทโปรยลงมาโดนพระญาติเหล่านั้น รวมทั้งพุทธบิดา เพื่อลดทิฏฐิของเหล่าพระญาติ ..

+++

570 เหตุที่พระไม่ไหว้ฆราวาส

ปัญหา เพราะเหตุไรพระภิกษุแม้ยังหนุ่ม จึงไม่กราบไหว้หรือแสดงความเคารพต่อคฤหัสถ์ที่แก่ชรา เจริญวัยหรือมียศศักดิ์สูง?

พระมหากัจจานะตอบ ..

“ดูก่อนพราหมณ์ ภูมิแห่งคนแก่และภูมิแห่งคนหนุ่ม ที่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงรู้ ทรงเห็นตรัสแสดงไว้มีอยู่ ดูก่อนพราหมณ์ ถึงแม้คนบางคนจะเป็นคนแก่มีอายุแปดสิบปีเก้าสิบปี หรือหนึ่งร้อยปี ตั้งแต่เกิดก็ดี แต่เขายังบริโภคกาม อยู่ท่ามกลางกาม ถูกความเร่าร้อนเพราะกามแผดเผา ถูกกามวิตกเคี้ยวกินอยู่ ยังขวนขวายแสวงหากาม ย่อมนับได้ว่ายังเป็นเด็ก ไม่ใช้ผู้ใหญ่โดยแท้

“ดูก่อนพราหมณ์ ถึงแม้จะยังเป็นเด็กหนุ่ม มีผมดำสนิท ประกอบด้วยความเป็นหนุ่มอันเจริญ ตั้งอยู่ในปฐมวัย แต่เขาไม่บริโภคกาม ไม่อยู่ในท่อมกลางกาม ไม่ถูกความเร่าร้อนเพราะกามแผดเผา ไม่ถูกกามวิตกเคี้ยวกินไม่ขวนขวายแสวงหากาม เขาย่อมนับได้ว่าเป็นบัณฑิต เป็นผู้ใหญ่ได้โดยแท้....”


ป. ทุก. อํ. (๒๘๓)
ตบ. ๒๐ : ๘๖ ตท. ๒๐ : ๗๗
ตอ. G.S. ๑ : ๑๓

+++

ถามว่า กรณีที่พระองค์ตรัสว่า "มารดาบิดาเป็นพระอรหันต์ของบุตร" ใช้กรณีใด
ตอบ ใช้ในกรณีที่ทั้งสองฝ่ายเป็นฆราวาส ..

ถ้าฆราวาสทั้งสองฝ่ายบรรลุธรรม ก็ถือคุณธรรมที่บรรลุ เช่น เรื่องของท่านอนาถปิณฑิกเศรษฐีกับลูกสาว ลูกสาวป่วยเรียกบิดาว่า น้องชาย

"สุมนาเทวี" ทำหน้าที่ด้วยความขยันเข้มแข็ง งานสำเร็จลงด้วยความเรียบร้อยทุกวัน ทั้ง ๆ ที่นางอายุยังน้อย จากการที่นางได้ทำบุญถวายภัตตาหาร พระภิกษุสงฆ์และได้ฟังธรรมเป็นประจำ นางก็ได้บรรลุเป็นพระสกทาคามี แต่ต่อมานางได้ล้มป่วยลงมีอาการหนัก ใคร่อยากจะพบบิดา จึงให้คนไปเชิญบิดามา

ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี พอได้ทราบว่าลูกสาวป่วยหนักก็รีบมาเยี่ยมโดยเร็ว พอมาถึงได้ถามลูกสาวว่า

“แม่สุมนา เจ้าเป็นอะไร ?”
“อะไรเล่า น้องชาย ?” ลูกสาวตอบ
“เจ้าเพ้อหรือ แม่สุมนา ?” บิดาถาม
“ไม่เพ้อหรอก น้องชาย” ลูกสาวตอบ
“แม่สุมนา ถ้าอย่างนั้น เจ้ากลัวหรือ ?” บิดาถาม
“ไม่กลัวหรอก น้องชาย”

นางสุมนาเทวี พูดโต้ตอบกับบิดาได้เพียงเท่านั้นก็ถึงแก่กรรม

ท่านเศรษฐีก็นำเรื่องนี้ไปเรียนพระพุทธเจ้า พระองค์ตรัสว่าถูกแล้ว เพราะลูกสาวสุมนาเธอบรรลุธรรมขั้นสกิทาคามี แต่ท่านเศรษฐีบรรลุธรรมขั้นโสดาบัน ..

+++

เรื่องพระภิกษุกับนางมาติกมาตา ผู้บรรลุธรรมขั้นพระอนาคามี ก็ยังให้ความเคารพและปรนิบัติรับใช้พระภิกษุผู้ยังเป็นสมมุติสงฆ์ จนพระภิกษุเหล่านั้นบรรลุพระอรหันต์ในที่สุด ..

http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=13&p=2

+++

หากเป็นพระหรือบรรพชิตด้วยกัน พระวินัยบัญญัติไว้ ท่านให้เคารพตามอาวุโสพรรษา แม้พระอาวุโสน้อยจะบรรลุธรรมขั้นใดก็ตาม ..

ในครุธรรมของภิกษุณี
ภิกษุณีอุปสมบทแล้ว ๑๐๐ ปี ต้องกราบไหว้ ลุกรับ ทำอัญชลีกรรมสามีจิกรรม แก่ภิกษุที่อุปสมบทในวันนั้น ..

โปรดพิจารณาโดยรอบคอบ

:b1:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2015, 22:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วิริยะ เขียน:

สมัยที่พระองค์ตรัสรู้ใหม่ ๆ ทรงตรวจดูว่า มีใครในสามโลกที่พระองค์ควรให้ความเคารพ ปรากฎว่า ไม่มี ดังนั้น พระองค์จึงเคารพแต่พระธรรม ..

สมัยต่อมา ครั้งไปโปรดพระประยูรญาติทั้งหลาย ปรากฎว่า พี่ป้าน้าอาลุง ล้วนยืนอยู่แถวหลังไม่ได้แสดงความเคารพ พระองค์จึงแสดงฤทธิ์เดินจรงกรมให้ละอองพระบาทโปรยลงมาโดนพระญาติเหล่านั้น รวมทั้งพุทธบิดา เพื่อลดทิฏฐิของเหล่าพระญาติ ..

+++

570 เหตุที่พระไม่ไหว้ฆราวาส

ปัญหา เพราะเหตุไรพระภิกษุแม้ยังหนุ่ม จึงไม่กราบไหว้หรือแสดงความเคารพต่อคฤหัสถ์ที่แก่ชรา เจริญวัยหรือมียศศักดิ์สูง?

พระมหากัจจานะตอบ ..

“ดูก่อนพราหมณ์ ภูมิแห่งคนแก่และภูมิแห่งคนหนุ่ม ที่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงรู้ ทรงเห็นตรัสแสดงไว้มีอยู่ ดูก่อนพราหมณ์ ถึงแม้คนบางคนจะเป็นคนแก่มีอายุแปดสิบปีเก้าสิบปี หรือหนึ่งร้อยปี ตั้งแต่เกิดก็ดี แต่เขายังบริโภคกาม อยู่ท่ามกลางกาม ถูกความเร่าร้อนเพราะกามแผดเผา ถูกกามวิตกเคี้ยวกินอยู่ ยังขวนขวายแสวงหากาม ย่อมนับได้ว่ายังเป็นเด็ก ไม่ใช้ผู้ใหญ่โดยแท้

“ดูก่อนพราหมณ์ ถึงแม้จะยังเป็นเด็กหนุ่ม มีผมดำสนิท ประกอบด้วยความเป็นหนุ่มอันเจริญ ตั้งอยู่ในปฐมวัย แต่เขาไม่บริโภคกาม ไม่อยู่ในท่อมกลางกาม ไม่ถูกความเร่าร้อนเพราะกามแผดเผา ไม่ถูกกามวิตกเคี้ยวกินไม่ขวนขวายแสวงหากาม เขาย่อมนับได้ว่าเป็นบัณฑิต เป็นผู้ใหญ่ได้โดยแท้....”


ป. ทุก. อํ. (๒๘๓)
ตบ. ๒๐ : ๘๖ ตท. ๒๐ : ๗๗
ตอ. G.S. ๑ : ๑๓

+++

ถามว่า กรณีที่พระองค์ตรัสว่า "มารดาบิดาเป็นพระอรหันต์ของบุตร" ใช้กรณีใด
ตอบ ใช้ในกรณีที่ทั้งสองฝ่ายเป็นฆราวาส ..

ถ้าฆราวาสทั้งสองฝ่ายบรรลุธรรม ก็ถือคุณธรรมที่บรรลุ เช่น เรื่องของท่านอนาถปิณฑิกเศรษฐีกับลูกสาว ลูกสาวป่วยเรียกบิดาว่า น้องชาย

"สุมนาเทวี" ทำหน้าที่ด้วยความขยันเข้มแข็ง งานสำเร็จลงด้วยความเรียบร้อยทุกวัน ทั้ง ๆ ที่นางอายุยังน้อย จากการที่นางได้ทำบุญถวายภัตตาหาร พระภิกษุสงฆ์และได้ฟังธรรมเป็นประจำ นางก็ได้บรรลุเป็นพระสกทาคามี แต่ต่อมานางได้ล้มป่วยลงมีอาการหนัก ใคร่อยากจะพบบิดา จึงให้คนไปเชิญบิดามา

ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี พอได้ทราบว่าลูกสาวป่วยหนักก็รีบมาเยี่ยมโดยเร็ว พอมาถึงได้ถามลูกสาวว่า

“แม่สุมนา เจ้าเป็นอะไร ?”
“อะไรเล่า น้องชาย ?” ลูกสาวตอบ
“เจ้าเพ้อหรือ แม่สุมนา ?” บิดาถาม
“ไม่เพ้อหรอก น้องชาย” ลูกสาวตอบ
“แม่สุมนา ถ้าอย่างนั้น เจ้ากลัวหรือ ?” บิดาถาม
“ไม่กลัวหรอก น้องชาย”

นางสุมนาเทวี พูดโต้ตอบกับบิดาได้เพียงเท่านั้นก็ถึงแก่กรรม

ท่านเศรษฐีก็นำเรื่องนี้ไปเรียนพระพุทธเจ้า พระองค์ตรัสว่าถูกแล้ว เพราะลูกสาวสุมนาเธอบรรลุธรรมขั้นสกิทาคามี แต่ท่านเศรษฐีบรรลุธรรมขั้นโสดาบัน ..

+++

เรื่องพระภิกษุกับนางมาติกมาตา ผู้บรรลุธรรมขั้นพระอนาคามี ก็ยังให้ความเคารพและปรนิบัติรับใช้พระภิกษุผู้ยังเป็นสมมุติสงฆ์ จนพระภิกษุเหล่านั้นบรรลุพระอรหันต์ในที่สุด ..

http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=13&p=2

+++

หากเป็นพระหรือบรรพชิตด้วยกัน พระวินัยบัญญัติไว้ ท่านให้เคารพตามอาวุโสพรรษา แม้พระอาวุโสน้อยจะบรรลุธรรมขั้นใดก็ตาม ..

ในครุธรรมของภิกษุณี
ภิกษุณีอุปสมบทแล้ว ๑๐๐ ปี ต้องกราบไหว้ ลุกรับ ทำอัญชลีกรรมสามีจิกรรม แก่ภิกษุที่อุปสมบทในวันนั้น ..

โปรดพิจารณาโดยรอบคอบ

:b1:

:b8: :b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2015, 03:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
ศรีสมบัติ เขียน:
ไม่ได้โพสต์สร้างกระแสนะครับ TV ช่องหนึ่งเผยแพร่ภาพ ก็เลยอยากถาม หรือ ขอคอมเม้นท์ท่านผู้รู้ว่า เหมาะสมหรือไม่ อาบัติหรือ ผิดกฏ พระธรรมวินัย หรือไม่ สนทนากันตามความเห็น หรือ ท่านคิดว่า อย่างไร และ TV ช่องนั้น นำเสนอ เพื่อเป็นไปในทาง ลบ หรือ บวก อันนี้ไม่มีบทสรุปนะครับ แต่ได้นำคลิปมาเผยแพร่และ TV ช่องนั้นยังตามไป สัมภาษณ์ พระสงฆ์รูปนั้น หลัง จากที่สึกแล้ว และ มารดาเขาด้วย ส่วนท่าก้มกราบเท้ามารดา น่าจะตรงกับวันแม่ อนุโมทนา ในทุกๆ คำตอบ หรือ คำวิจารณ์ เจริญในธรรม


ข้าพเจ้าก็สันนิษฐานแสดงความคิดเห็นจากการประเมิน
มันก็น่าคิดน๊าที่มีเหตุมาให้ศึกษาได้เป็นแบบทดสอบ
ที่ให้แต่ละคนได้มาสร้างสถานการณ์ตามแต่จะคิด
ย่อมมีความคิดเห็นไปอาจจะตรงหรือไม่ตรง
กับสถานการณ์ของบุคคลตัวอย่าง
ที่จริงคุณศรีสมบัติต้องโพสต์
ข้อความที่สนทนาด้วย
จะละเอียดกว่านี้ค่ะ

ถ้าจะให้อ้างครั้งพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์
พระพุทธเจ้าเคยให้ภิกษุในธรรมวินัย
ไปขอโทษฆราวาสจริงไหม

ขออนุโมทนา สาธุ กับความคิดเห็นทุกๆ ท่าน นะครับ ชาวกัลยาณมิตรลานธรรมของเรา ก็ นาๆ จิตตัง นะครับ ในที่นี้ ไม่มีอะไรผิดอะไรถูก เป็นแต่เพียงสภาพธรรม นำมาชวนคุยแก้เหงา.. ท่านใด ออกจากสมมติได้ ออกจากบัญญัติได้ ก็น่าจะรู้คำตอบได้เอง...ส่วนท่านที่เข้าถึงปรมัต..แล้ว ก็คงเห็นเป็นเรื่องธรรมดาเป็น ธรรมชาติ ไม่มีบทบัญญัติ ผิด หรือ ถูกใดๆ :b8: ขอเจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2015, 03:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วิริยะ เขียน:
สมัยที่พระองค์ตรัสรู้ใหม่ ๆ ทรงตรวจดูว่า มีใครในสามโลกที่พระองค์ควรให้ความเคารพ ปรากฎว่า ไม่มี ดังนั้น พระองค์จึงเคารพแต่พระธรรม ..

สมัยต่อมา ครั้งไปโปรดพระประยูรญาติทั้งหลาย ปรากฎว่า พี่ป้าน้าอาลุง ล้วนยืนอยู่แถวหลังไม่ได้แสดงความเคารพ พระองค์จึงแสดงฤทธิ์เดินจรงกรมให้ละอองพระบาทโปรยลงมาโดนพระญาติเหล่านั้น รวมทั้งพุทธบิดา เพื่อลดทิฏฐิของเหล่าพระญาติ ..

+++

570 เหตุที่พระไม่ไหว้ฆราวาส

ปัญหา เพราะเหตุไรพระภิกษุแม้ยังหนุ่ม จึงไม่กราบไหว้หรือแสดงความเคารพต่อคฤหัสถ์ที่แก่ชรา เจริญวัยหรือมียศศักดิ์สูง?

พระมหากัจจานะตอบ ..

“ดูก่อนพราหมณ์ ภูมิแห่งคนแก่และภูมิแห่งคนหนุ่ม ที่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงรู้ ทรงเห็นตรัสแสดงไว้มีอยู่ ดูก่อนพราหมณ์ ถึงแม้คนบางคนจะเป็นคนแก่มีอายุแปดสิบปีเก้าสิบปี หรือหนึ่งร้อยปี ตั้งแต่เกิดก็ดี แต่เขายังบริโภคกาม อยู่ท่ามกลางกาม ถูกความเร่าร้อนเพราะกามแผดเผา ถูกกามวิตกเคี้ยวกินอยู่ ยังขวนขวายแสวงหากาม ย่อมนับได้ว่ายังเป็นเด็ก ไม่ใช้ผู้ใหญ่โดยแท้

“ดูก่อนพราหมณ์ ถึงแม้จะยังเป็นเด็กหนุ่ม มีผมดำสนิท ประกอบด้วยความเป็นหนุ่มอันเจริญ ตั้งอยู่ในปฐมวัย แต่เขาไม่บริโภคกาม ไม่อยู่ในท่อมกลางกาม ไม่ถูกความเร่าร้อนเพราะกามแผดเผา ไม่ถูกกามวิตกเคี้ยวกินไม่ขวนขวายแสวงหากาม เขาย่อมนับได้ว่าเป็นบัณฑิต เป็นผู้ใหญ่ได้โดยแท้....”


ป. ทุก. อํ. (๒๘๓)
ตบ. ๒๐ : ๘๖ ตท. ๒๐ : ๗๗
ตอ. G.S. ๑ : ๑๓

+++

ถามว่า กรณีที่พระองค์ตรัสว่า "มารดาบิดาเป็นพระอรหันต์ของบุตร" ใช้กรณีใด
ตอบ ใช้ในกรณีที่ทั้งสองฝ่ายเป็นฆราวาส ..

ถ้าฆราวาสทั้งสองฝ่ายบรรลุธรรม ก็ถือคุณธรรมที่บรรลุ เช่น เรื่องของท่านอนาถปิณฑิกเศรษฐีกับลูกสาว ลูกสาวป่วยเรียกบิดาว่า น้องชาย

"สุมนาเทวี" ทำหน้าที่ด้วยความขยันเข้มแข็ง งานสำเร็จลงด้วยความเรียบร้อยทุกวัน ทั้ง ๆ ที่นางอายุยังน้อย จากการที่นางได้ทำบุญถวายภัตตาหาร พระภิกษุสงฆ์และได้ฟังธรรมเป็นประจำ นางก็ได้บรรลุเป็นพระสกทาคามี แต่ต่อมานางได้ล้มป่วยลงมีอาการหนัก ใคร่อยากจะพบบิดา จึงให้คนไปเชิญบิดามา

ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี พอได้ทราบว่าลูกสาวป่วยหนักก็รีบมาเยี่ยมโดยเร็ว พอมาถึงได้ถามลูกสาวว่า

“แม่สุมนา เจ้าเป็นอะไร ?”
“อะไรเล่า น้องชาย ?” ลูกสาวตอบ
“เจ้าเพ้อหรือ แม่สุมนา ?” บิดาถาม
“ไม่เพ้อหรอก น้องชาย” ลูกสาวตอบ
“แม่สุมนา ถ้าอย่างนั้น เจ้ากลัวหรือ ?” บิดาถาม
“ไม่กลัวหรอก น้องชาย”

นางสุมนาเทวี พูดโต้ตอบกับบิดาได้เพียงเท่านั้นก็ถึงแก่กรรม

ท่านเศรษฐีก็นำเรื่องนี้ไปเรียนพระพุทธเจ้า พระองค์ตรัสว่าถูกแล้ว เพราะลูกสาวสุมนาเธอบรรลุธรรมขั้นสกิทาคามี แต่ท่านเศรษฐีบรรลุธรรมขั้นโสดาบัน ..

+++

เรื่องพระภิกษุกับนางมาติกมาตา ผู้บรรลุธรรมขั้นพระอนาคามี ก็ยังให้ความเคารพและปรนิบัติรับใช้พระภิกษุผู้ยังเป็นสมมุติสงฆ์ จนพระภิกษุเหล่านั้นบรรลุพระอรหันต์ในที่สุด ..

http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=13&p=2

+++

หากเป็นพระหรือบรรพชิตด้วยกัน พระวินัยบัญญัติไว้ ท่านให้เคารพตามอาวุโสพรรษา แม้พระอาวุโสน้อยจะบรรลุธรรมขั้นใดก็ตาม ..

ในครุธรรมของภิกษุณี
ภิกษุณีอุปสมบทแล้ว ๑๐๐ ปี ต้องกราบไหว้ ลุกรับ ทำอัญชลีกรรมสามีจิกรรม แก่ภิกษุที่อุปสมบทในวันนั้น ..

โปรดพิจารณาโดยรอบคอบ

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2015, 08:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2012, 18:22
โพสต์: 309


 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้ออกจากเรือนมาบวชแล้วต้องรู้จักสถานะของตน แล้วปฏิบัติสมควรแก่ฐานะ
รู้อรรถ รู้ธรรมแล้ว ปฏิบัติสมควรแก่ธรรม
ในชีวิต ไม่เคยเรียกคำว่าพ่อต่อหน้า ไม่เคยแม้แต่จะยกมือไหว้
ออกมาบวช10ปี ไม่เคยกลับไปเยื่อมหา
แต่ทุกวันนี้กลับเป็นเราที่ทำให้พ่อมีบ้านอยู่มีไฟฟ้าส่องสว่าง มีทีวีดู มีตู้เย็นใช้
ทุกครั้งที่พ่อเจอเราจะยกมือไหว้ที่พ่อยกมือไหว้ไม่เพียงเพราะเราเป็นพระ
แต่เพราะพ่อรู้สึกว่าเราทำให้เขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นต่างหาก
และเราก็ไม่เคยคิดจะกลาบพ่อสักครั้งในชีวิตในขณะที่ท่านยังมีลมหายใจอยู่(ถ้ายังไม่สึก)
เพราะการกระทำที่ทำให้ท่านมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นต่างหากคือการตอบแทนคุณท่าน
อย่างสุง จริงอยู่ที่ชีวิตคนเราไม่เหมือนกัน แต่ถ้าทุกคนรู้จักสถานะของตนแล้ว ก็จะประพฤติ
ปฏิบัติอย่างสมควรแก่ฐานะ
การปฏิบัติตนต่อมารดาในเรื่องการตอบแทนคุณ พระพุทธเจ้า
และพระอริยสาวกได้ปฏิบัติเป็นแบบอย่างให้เห็นอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีข้อถกเถียงอะไรอีก
ผู้ออกจากเรือนมาบวชคือผู้ดำเนินรอยตามพระพุทธเจ้าและพระอริยะสาวก โดยมีกฎเกณฑ์
ที่วางไว้ เพื่อดำเนินชีวิตพ้นจากความเป็นปุถุชนสู่ความเป็นพระอริยะ ไม่ใช่ผู้ออกมาบวชแล้ว
ยังวิ่งตามกระแสทางโลกเห็นชาวโลกพากันกราบไหว้ ก็ไหว้ตามกระแสชาวโลก
เรียกว่ายังยึดติดอยู่กับวิถีชีวิตที่เป็นปุถุชน การกระทำที่เป็นปุถุชน เพื่อหวังว่าการกระทำ
เช่นนั้นจะเป็นที่ยกย่องของชาวโลกโดยหลงลืมสถานะของตนเอง :b8: :b41: :b43:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2015, 11:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ศรีสมบัติ เขียน:
Rosarin เขียน:
ศรีสมบัติ เขียน:
ไม่ได้โพสต์สร้างกระแสนะครับ TV ช่องหนึ่งเผยแพร่ภาพ ก็เลยอยากถาม หรือ ขอคอมเม้นท์ท่านผู้รู้ว่า เหมาะสมหรือไม่ อาบัติหรือ ผิดกฏ พระธรรมวินัย หรือไม่ สนทนากันตามความเห็น หรือ ท่านคิดว่า อย่างไร และ TV ช่องนั้น นำเสนอ เพื่อเป็นไปในทาง ลบ หรือ บวก อันนี้ไม่มีบทสรุปนะครับ แต่ได้นำคลิปมาเผยแพร่และ TV ช่องนั้นยังตามไป สัมภาษณ์ พระสงฆ์รูปนั้น หลัง จากที่สึกแล้ว และ มารดาเขาด้วย ส่วนท่าก้มกราบเท้ามารดา น่าจะตรงกับวันแม่ อนุโมทนา ในทุกๆ คำตอบ หรือ คำวิจารณ์ เจริญในธรรม


ข้าพเจ้าก็สันนิษฐานแสดงความคิดเห็นจากการประเมิน
มันก็น่าคิดน๊าที่มีเหตุมาให้ศึกษาได้เป็นแบบทดสอบ
ที่ให้แต่ละคนได้มาสร้างสถานการณ์ตามแต่จะคิด
ย่อมมีความคิดเห็นไปอาจจะตรงหรือไม่ตรง
กับสถานการณ์ของบุคคลตัวอย่าง
ที่จริงคุณศรีสมบัติต้องโพสต์
ข้อความที่สนทนาด้วย
จะละเอียดกว่านี้ค่ะ

ถ้าจะให้อ้างครั้งพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์
พระพุทธเจ้าเคยให้ภิกษุในธรรมวินัย
ไปขอโทษฆราวาสจริงไหม

ขออนุโมทนา สาธุ กับความคิดเห็นทุกๆ ท่าน นะครับ ชาวกัลยาณมิตรลานธรรมของเรา ก็ นาๆ จิตตัง นะครับ ในที่นี้ ไม่มีอะไรผิดอะไรถูก เป็นแต่เพียงสภาพธรรม นำมาชวนคุยแก้เหงา.. ท่านใด ออกจากสมมติได้ ออกจากบัญญัติได้ ก็น่าจะรู้คำตอบได้เอง...ส่วนท่านที่เข้าถึงปรมัต..แล้ว ก็คงเห็นเป็นเรื่องธรรมดาเป็น ธรรมชาติ ไม่มีบทบัญญัติ ผิด หรือ ถูกใดๆ :b8: ขอเจริญในธรรม :b8:

ถ้าให้วิจารณ์อีกแบบก็คือ พระบวชใหม่รูปนั้นอาจจะนึกถึงครั้งเมื่อยังเป็นฆราวาสล่วงเกินบุพการีไว้มาก
พอบวชแล้วมองเห็นท่านทั้งสองกราบตัวเอง เลยรู้สึกผิดและสำนึกผิดอยากแสดงความรู้สึกซาบซึ้งใจ
จึงลืมตัวและทำไปโดยไม่ได้คิดว่าเพศใดสูงกว่าเพศใด แต่เป็นจิตที่อยากแสดงเพื่อลุแก่โทษเพื่อที่จะ
แสดงให้บุคคลทั่วไปทราบว่าบิดามารดาของท่านเป็นผู้มีจิตใจที่สูงส่งสมควรแก่การกราบของท่านแล้ว
เพราะถ้าเป็นบุคคลอื่นท่านก็คงไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปนบนอบต่อผู้ใดที่ยังครองตนเป็นผู้ครองเรือนค่ะ
:b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 36 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 44 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร