ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
สมัยที่เป็นภิกษุต้องอาบัติปาราชิก http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=51378 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | พุทธคุณ [ 04 พ.ย. 2015, 19:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สมัยที่เป็นภิกษุต้องอาบัติปาราชิก |
ขอแสดงความเสียใจและให้กำลังใจนะครับ แต่อย่าท้อ เพราะคนที่แย่กว่าคุณก็มี รู้จักสายัญ เชิญยิ้ม มั้ยครับ เขาแย่กว่าคุณนะ แต่เขาก็สู้ ขอให้คุณมีกำลังใจสู้ หากอยากปฏิบัติธรรม ไม่จำเป็นต้องบวชก็ได้ครับ สวดมนต์ก็ได้ สวดทุกวัน จะทำให้จิตใจสงบมากขึ้น แนะนำสวดคาถาชินบัญชร ของสมเด็จโตวัดระฆังนะครับ เป็นบทสวดที่ไพเราะ คนนิยมสวดกัน ก่อนสวดให้นั่งสมาธิซัก 1 ชั่วโมงจะได้ เกิดสมาธิ หายใจเข้าพุทธ หายใจออกโธ ทำก่อนนอนทุกวัน อย่าขาด ตื่นขึ้นมาให้สวดบทบูชาพระรัตนตรัย แล้วกล่าวกับตนเองต่อหน้าพระรัตนตรัยว่า "ต่อไปนี้ข้าพเจ้าจะเป็นคนคิดดี พูดดี ทำความดี ข้าพเจ้าขออำนาจคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า ในการขัดเกลาตนเอง ข้าพเจ้าจะไม่กลับ ไปทำชั่วอีกและขอกลับตัวกลับใจเป็นคนใหม่ที่มีคุณค่าต่อตนเองและสังคม สาธุ" สิ่งที่แล้วก็แล้วไป ลืมมันไป อย่าเก็บมาใส่ใจ อย่ากลับไปทำแบบเดิมอีก เริ่มต้นชีวิตใหม่ เป็นคนใหม่ เป็นคนดี กตัญญูต่อพ่อแม่ ส่วนเรื่องงาน ลองหางานที่เราพอทำได้ทำไปก่อน เช่นงานฝีมือ หรืองานล้างจานในครัว งานประเภทที่ไม่ต้องพบปะพบเจอกับผู้คนมากนะ งานที่ไม่ต้องแก้ปัญหา เราจะได้ ไม่เครียดและไม่คิดมาก สู้ๆนะครับ อย่ายอมแพ้ |
เจ้าของ: | idea [ 04 พ.ย. 2015, 20:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สมัยที่เป็นภิกษุต้องอาบัติปาราชิก |
คุณ..phaisit_k ลองปฏิบัติตามที่คุณพุทธคุณแนะนำ.. ไม่มีใครไม่เคยทำผิดพลั้ง..รู้ว่าพลาดแล้ว เริ่มต้นใหม่..ล้มแล้วลุกให้เร็ว อดีตผ่านไปแล้ว..อนาคตยังมาไม่ถึง..อยู่กับปัจจุบัน เป็นกำลังใจให้เริ่มต้นในทางธรรมนะคะ รีบปรับปรุงตัวเองในทางที่ดีขึ้น.. ให้มีโอกาสได้ปรนนิบัติดูแลพ่อกับแม่ในเวลานี้ที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นี้ ให้ดีที่สุด..ต่อไปทำข้อนี้ให้ดีที่สุด..ให้เป็นจุดหมาย ชีวิตในแต่ละวันของคุณจะไม่มืดมน..และ.. พูดว่าเพียงแค่อยู่ไปวันๆ..อีกต่อไป เพราะได้กระทำในสิ่งที่ควร.. และเป็นมงคลสูงสุดของชีวิต ![]() อดีตผ่านไปแล้ว..ทุกข์มีเพราะยึด ปล่อยวาง..อยู่กับปัจจุบัน..พยายามทำให้มาก ![]() ![]() |
เจ้าของ: | student [ 05 พ.ย. 2015, 00:32 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สมัยที่เป็นภิกษุต้องอาบัติปาราชิก |
มีสิ่งที่น่าชื่มชมกับคุณอยู่บ้างคือสำนึกผิดครับ คนที่สำนึกผิดแล้วเห็นภัยในโทษที่ตัวเองทำอยู่ แล้วไม่หวนกลับไปทำแบบนั้นอีก ความสำนึกในบาปเราจะช่วยให้เรามีความเห็นถูก เมื่อมีความเห็นถูกแล้วอย่าละความเพียร คือหาแนวทางในการพัฒนาตนเอง และยึดหลักคำสอน ความอาบัติทางวินัยสงฆ์เราก็ชดใช้แล้วบางส่วนคือ การหมดความเป็นพระ หมดแล้วอย่ายึดถือ เช่น จบการศึกษา ไม่ใช่นักเรียนอีกต่อไป คือไม่ยึดถือสิ่งที่ตัวเองไม่เป็นอีกต่อไป ไม่ต้องมานั่งเสียใจว่าการบ้านที่ทำส่งครูไปนั้นมันผิดนะ หรือไปลอกคนอื่นมานะ แล้วอาการทางจิตนั้น อาจลองนั่งสมาธิไหมครับ ผมเคยปวดหัวรุนแรงหลายปี แล้วมาจริงจังกับการนั่งสมาธิ ปรากฎว่า 6ปีมาเนี่ย ไม่เคยปวดหัวอีกเลย แม้จะอยู่ภายใต้ความกดดันจากงานบ้าง สิ่งแวดล้อมบ้าง มันก็เป็นแค่กระทบ ไม่ได้มีอิทธิพลกับการดำเนินชีวิตเรานั่นเองครับ |
เจ้าของ: | deecup [ 05 พ.ย. 2015, 15:15 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สมัยที่เป็นภิกษุต้องอาบัติปาราชิก |
อมค๊วยตัวเอง มันอาบัตปาราชิกตรงไหน มิทราบ มันแค่แกล้งทำให้อสุจิไหล ด้วยตัวเอง เขาเรียก สังฆาทิเสส คุณอาบัติสังฆาทิเสส ภาษาพระ เรียกว่า อาบัติอย่างกลาง คุณก้ไปเข้า ปริวาสกรรม ถอนออก ก็แค่นั้น .......................... คนที่ทำให้อาสุจิไหล ช่วยตัวเอง ด้วยตัวเอง ไม่ไปร่วมกับสิ่งมีชีวิตอื่น ก็แค่ อาบัติสังฆาทิเสส = ยังเป็นพระอยู่ แต่ศีลบกพร่อง ผู้ที่ทำผิดเรื่องนี้ ก็ไปบอกหมู่ส่งฆ์ให้รับรู้ แล้วก็ไป หาวัดเข้า ปาริวาสกรรม จะครึ่งเดือน หรือ1เดือน ก็แล้วแต่สิ่งที่คุณปกปิดอาบัติไว้ไม่บอกคนอื่น ก็แค่นั้นเอง ................ ต่อให้คุณปาราชิก คุณก็ลาจากพระมานุ่งห่มขาว แล้วก็ถือศีล8 คุณก็ตายไป เกิดบนสวรรค์ ได้อยู่ดี พอหมดชาติมนุดที่ตายแล้ว อาบัติปาราชิก ก็หายไป คุณก็เร่งปฎิบัติธรรม เพื่อบรรลุนิพพานเสีย เพราะชาติต่อไป ที่คุณตายจากสวรรค์ จะได้ไม่ลงนรก ............ ปล .อย่าคิดมาก ยิ่งคิดมาก ยิ่งบวกกรรม ในใจเปล่าๆ แทนที่จะวางกรรมนั้น แล้วมุ่งน่าปฎิบัติธรรมในละวาง โลภ โกด หลง แบบนี้พระท่านสรรเสริญ มีแต่ความเจริญในชีวิต ********* ความกลัวทำให้เสื่อม อย่ากลัว อาบัติ แต่จงยอมรับมัน |
เจ้าของ: | phaisit_k [ 05 พ.ย. 2015, 15:57 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สมัยที่เป็นภิกษุต้องอาบัติปาราชิก |
อาบัติปาราชิก ข้อเสพเมถุน แม้ทำกับตัวเองก็ต้องปาราชิก พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑ วินีตวัตถุ อุทานคาถา [๕๘] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีหลังอ่อน เธอถูกความกระสันบีบคั้นแล้ว ได้ อมองค์กำเนิดของตนด้วยปาก เธอได้มีความรังเกียจว่า พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติสิกขาบท ไว้แล้ว เราต้องอาบัติปาราชิกแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มี พระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ เธอต้องอาบัติปาราชิกแล้ว. เรื่องภิกษุมีองค์กำเนิดยาว ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีองค์กำเนิดยาว เธอถูกความกระสันบีบคั้นแล้ว ได้สอดองค์กำเนิดของตนเข้าสู่วัจจมรรคของตน เธอได้มีความรังเกียจว่า พระผู้มีพระภาค ทรงบัญญัติสิกขาบทไว้แล้ว เราต้องอาบัติปาราชิกแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มี พระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ เธอต้องอาบัติปาราชิกแล้ว. |
เจ้าของ: | deecup [ 05 พ.ย. 2015, 16:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สมัยที่เป็นภิกษุต้องอาบัติปาราชิก |
phaisit_k เขียน: อาบัติปาราชิก ข้อเสพเมถุน แม้ทำกับตัวเองก็ต้องปาราชิก พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑ วินีตวัตถุ อุทานคาถา [๕๘] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีหลังอ่อน เธอถูกความกระสันบีบคั้นแล้ว ได้ อมองค์กำเนิดของตนด้วยปาก เธอได้มีความรังเกียจว่า พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติสิกขาบท ไว้แล้ว เราต้องอาบัติปาราชิกแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มี พระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ เธอต้องอาบัติปาราชิกแล้ว. เรื่องภิกษุมีองค์กำเนิดยาว ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีองค์กำเนิดยาว เธอถูกความกระสันบีบคั้นแล้ว ได้สอดองค์กำเนิดของตนเข้าสู่วัจจมรรคของตน เธอได้มีความรังเกียจว่า พระผู้มีพระภาค ทรงบัญญัติสิกขาบทไว้แล้ว เราต้องอาบัติปาราชิกแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มี พระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ เธอต้องอาบัติปาราชิกแล้ว. ท่านๆขอ link ประไตรปิฎกด้วยครับ ผมว่ามันแปลกๆดี ถ้าบอกเสพกับปากตัวเอง แล้วปาราชิก แล้วเสพกับมือตัวเอง คือ สังฆาทิเสส ผมดูแล้วไม่เห็นแตกต่างกัน |
เจ้าของ: | phaisit_k [ 05 พ.ย. 2015, 18:08 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สมัยที่เป็นภิกษุต้องอาบัติปาราชิก |
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka1/v ... 569&Z=6086 ภิกษุหลังอ่อน อยู่ในหัวข้อที่ ๕๘ ครับ |
เจ้าของ: | deecup [ 05 พ.ย. 2015, 18:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สมัยที่เป็นภิกษุต้องอาบัติปาราชิก |
phaisit_k เขียน: ![]() ส่วนปาราชิก มีผลแค่ชาติเดียว ไม่มีผลต่อฆราวาส พอหมดกรรม 1 ชาติ ก็มีสิทธิบรรลุนิพพานได้เหมือนกัน แล้วกรรมของคุณ ก็ไมไ่ด้รุนแรงมากมาย ที่ต้องเอามาคิด ให้หนักใจ พระสงฆ์ที่อาบัติประเภทอื่น ตั้งแต่สังฆาทิเสสลงมา ยังดูน่ากลัวกว่าคุณอีก |
เจ้าของ: | phaisit_k [ 05 พ.ย. 2015, 18:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สมัยที่เป็นภิกษุต้องอาบัติปาราชิก |
การบรรพชาอุปสมบท ของผมครั้งที่ 2 ( บวชนาน 2 ปีกว่า ) ถือว่าเป็นโมฆะ คือ เป็นแค่ฆารวาสห่มผ้าเหลือง ถือว่าเป็นฆารวาส "ปลอมบวช" เป็นกรรมดำหนักหนาสาหัส ในพระพุทธศาสนาครับ ภิกษุที่ต้องอาบัติปาราชิก จะขาดจากความเป็นภิกษุทันที และไม่สามารถบรรพชาอุปสมบทใหม่ได้อีก ครับ ผมอยากให้ตัวผม เป็นอุทาหรณ์ เตือนใจให้ทุกๆ ท่าน ศึกษาพระธรรมวินัยให้ดี ก่อนที่จะบรรพชาอุปสมบท ครับ อย่างน้อยก็ต้องรู้เรื่อง อาบัติปาราชิก อย่างละเอียด ครับ เพราะ เป็นอาบัติร้ายแรงที่สุด ทำให้ขาดจากการเป็นภิกษุทันที ครับ ไม่มีโอกาสแก้ตัว ครับ |
เจ้าของ: | วิริยะ [ 06 พ.ย. 2015, 07:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สมัยที่เป็นภิกษุต้องอาบัติปาราชิก |
ทำดีหรือไม่ดี ทำบุญหรือทำบาป เป็นคนละส่วนไม่เกี่ยวกัน เราปุถุชนคนธรรมดาย่อมมีผิดพลาดผลั้งเผลอเป็นธรรมดา อดีตผ่านไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้อีก มีแต่เตรียมพร้อมเตรียมตัวไว้เผชิญกับผลของกรรมที่เราทำไว้ ความดีกับความไม่ดี เหมือนมืดกับสว่าง หากรู้ว่าจะต้องเดินเข้าที่มืด ก็ต้องเตรียมตัวเตรียมสเบียง ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อปกป้องตัวเองให้สวัสดี ทาน ศีล ภาวนา คือสเบียงอันประเสริฐ ควรบำเพ็ญหรือเจริญให้มาก ๆ ความสำนึกตนเป็นความดีเตือน ให้เร่งบำเพ็ญบุญกุศลให้เป็นอนุสัยติดตามเราไปทุกภพทุกชาติ เหมือนอย่างพระเทวทัต ทำกรรมไม่ดีมากมาย สุดท้ายสำนึกตน ในภายภาคหน้าท่านก็จะกลับมาตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า "อัฏฐิสสระ" .. ขอให้มีความตั้งใจ มีกำลังใจฟันฝ่าอุปสรรคครั้งนี้ให้ได้นะครับ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | phaisit_k [ 08 พ.ย. 2015, 14:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สมัยที่เป็นภิกษุต้องอาบัติปาราชิก |
... เหมือน ดั่ง ความคิด... จิตใจ ฉัน จึง...มุ่งหน้า เดิน ...เดิน ... และ เดิน ไปตาม มรรคจิต .. ฉัน หรือ.. เธอ... ที่ผิด ไปจากแนว ... มรรค ๘ วิหค แห่ง...เมฆ ดาว เลื่อนลอย...ไป... มาถึง..ซึ่ง ที่ อัน...ว่า เราจะ ไปให้ถึง เพื่อ สิ่ง...ใดๆ ... ฉันจะ ไม่วิ่ง ... จะหยุด หยุด ... เพียง... อริยสัจจ์ ..แจ้ง...ใจ ว่างถึง ..ภพชาติ ทุกข์ กลับกลาย... ร้าย กลับ ดี... มีแสง แห่ง ธรรม พยายาม...รักษา จิต แล ใจ รักษา...ใจ ให้นิ่ง กระวน กระวาย...ไปตาม ทุกข์เวทนา... จากแรง กรรม ขอ เธอ... เจริญรุ่ง... อริยะทรัพย์ พร้อม ...โลกียะ ทรัพย์ เปี่ยม... สุข... ทุกข์ ไม่ไหว หวั่น ใจมุ่งแน่ว ...ในหลัก ธรรม มีความเพียร... เวียน มาหา สัจจะ... อธิษฐาน ชนะ... จะละทุกข์.. ได้ทั้งปวง... ... ... 8/11/2558 14:10 |
เจ้าของ: | phaisit_k [ 11 พ.ย. 2015, 14:39 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สมัยที่เป็นภิกษุต้องอาบัติปาราชิก |
เมื่อสักครู่ ช่วยตัวเองอีกแล้ว หยุดได้ไม่กี่วัน ความต้องการทางเพศของเรา ยังมีอยู่หนอ... เมื่อไร ถึงจะละกามราคะได้หนอ... ชีวิต...ฉัน... กามา ซับซ้อน ไม่มี เปลี่ยนแปร ...หยุดได้ หาจุดเริ่ม...มี...ทุกข์ เกิด... มิหวัง...คาด ใจไว้...เพียง..จิต คืนวัน... ผ่านพ้น...ไร้ซึ่ง ..ความหมาย... |
เจ้าของ: | deecup [ 11 พ.ย. 2015, 18:18 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สมัยที่เป็นภิกษุต้องอาบัติปาราชิก |
phaisit_k เขียน: เมื่อสักครู่ ช่วยตัวเองอีกแล้ว หยุดได้ไม่กี่วัน ความต้องการทางเพศของเรา ยังมีอยู่หนอ... เมื่อไร ถึงจะละกามราคะได้หนอ... ชีวิต...ฉัน... กามา ซับซ้อน ไม่มี เปลี่ยนแปร ...หยุดได้ หาจุดเริ่ม...มี...ทุกข์ เกิด... มิหวัง...คาด ใจไว้...เพียง..จิต คืนวัน... ผ่านพ้น...ไร้ซึ่ง ..ความหมาย... ขอเอาใจช่วยครับ แนะนำ เข้าเวป google แล้วพิมคำว่า "พิจารณาอสุภะ หลวงตามหาบัว" ลองตามเอาครับ สาธุครับ |
เจ้าของ: | phaisit_k [ 03 ธ.ค. 2015, 15:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สมัยที่เป็นภิกษุต้องอาบัติปาราชิก |
ปฐมพุทธภาษิตคาถา อเนกะชาติสังสารัง สันธาวิสสัง อะนิพพิสัง, เมื่อเรายังไม่พบญาณ ได้แล่นท่องเที่ยวไปในสงสาร เป็นอเนกชาติ คะหะการัง คะเวสันโต ทุกขา ชาติ ปุนัปปุนัง แสวงหาอยู่ซึ่งนายช่างปลูกเรือน คือตัวตัณหาผู้สร้างภพ การเกิดทุกคราว เป็นความทุกข์ร่ำไป คะหะการะกะ ทิฏโฐสิ ปุนะ เคหัง นะ กาหะสิ นี่แน่ะ นายช่างปลูกเรือน เรารู้จักเจ้าเสียแล้ว เจ้าจะทำเรือนให้เราไม่ได้อีกต่อไป สัพพา เต ผาสุกา ภัคคา คะหะกูฏัง วิสังขะตัง โครงเรือนทั้งหมดของเจ้าเราหักเสียแล้ว ยอดเรือนของเรา ก็รื้อทิ้งเสียแล้ว วิสังขาระคะตัง จิตตัง ตัณหานัง ขะยะมัชฌะคา. จิตของเราพ้นจากอุปาทานในขันธ์แล้ว เป็นสภาพที่ปรุงแต่งต่อไป ไม่ได้อีก เราได้ถึงแล้วซึ่งความสิ้นแห่งตัณหา (คือความพ้นทุกข์จากการไม่เกิดในภพใดอีก) |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |