ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
เป็นพระเอาความคิดพระรูปอื่นมาพูด ปาราชิก ด้วยเหรอครับ http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=51422 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | deecup [ 13 พ.ย. 2015, 20:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | เป็นพระเอาความคิดพระรูปอื่นมาพูด ปาราชิก ด้วยเหรอครับ |
เอาคำเทศนาพระรูปอื่นไปพูด แล้วอ้างเป็นความคิดของตน แบบนี้ปาราชิก ด้วยเหรอครับ ปาราชิกข้อ2 มีดังนี้ ๒. การลักทรัพย์ คือ การนำทรัพย์ของผู้อื่นไปเป็นของตนโดยเจตนา ในเมืองไทยกำหนดว่า การลักทรัพย์มีมูลค่าตั้งแต่ ๑ บาทขึ้นไป เป็นการผิดหรือเป็นอาบัติขั้นปาราชิก การเจตนาแอบอ้างความคิดหรือผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตน หรือการเบียดบังเอาเงินในกองทุนที่มีผู้ศรัทธาถวายเป็นทานเพื่อใช้ในกิจของสงฆ์ หรือกิจของศาสนามาใช้ส่วนตัว ก็ถือว่าเป็นอาบัติปาราชิกเช่นกัน |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 13 พ.ย. 2015, 20:58 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เป็นพระเอาความคิดพระรูปอื่นมาพูด ปาราชิก ด้วยเหรอครับ |
แอบอ้างเอามาเป็นเสมือนว่า..เป็นคำของตน.. เป็นการพูดปด..เป็นปาจิตตีย์ ไม่รู้ว่าข้อความข้างต้น ใครเป็นคนเขียน? สมัยก่อน..คำพูดอาจไม่สามารถทำเงินได้ แต่สมัยนี้..ทำได้..จึงมีกฎหมายลิขสิทธิ์ แต่พระ...ไม่มีอาชีพ..คือไม่สามารถสร้างผลงานเพื่อทำเงินเข้ากระเป๋าได้...ดังนั้น..คำเทศน์ของพระองค์์อื่นก็ไม่สามารถทำเงินให้พระเจ้าของคำเทศน์ได้..คำเทศน์พระองค์นั้นจึงไม่อาจนับเป็นเงินหรือทรัพย์ของพระองคนั้นได้...และพระที่เอาไปพูดก็ไม่ได้เงินจากการพูดนั้น...(มันได้เงินไม่ได้อยู่แล้วเพราะพระไม่มีอาชีพทำเงิน) การใช้คำพูดของพระองค์อื่น..จึงไม่เข้าข่ายเป็นการลักทรัพย์... แต่ถ้าฆราวาส..อัดคลิ๊ปเสียงอัดภาพ...แล้วเอาไปขายเอาเงินเข้ากระเป๋า...อันนี้อาจเข้าข่ายละเมิด..กระทำมิชอบ...แต่ก็ยังไม่เข้าข่ายลักทรัพย์อยู่ดี |
เจ้าของ: | deecup [ 14 พ.ย. 2015, 16:22 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เป็นพระเอาความคิดพระรูปอื่นมาพูด ปาราชิก ด้วยเหรอครับ |
กบนอกกะลา เขียน: แอบอ้างเอามาเป็นเสมือนว่า..เป็นคำของตน.. เป็นการพูดปด..เป็นปาจิตตีย์ ไม่รู้ว่าข้อความข้างต้น ใครเป็นคนเขียน? สมัยก่อน..คำพูดอาจไม่สามารถทำเงินได้ แต่สมัยนี้..ทำได้..จึงมีกฎหมายลิขสิทธิ์ แต่พระ...ไม่มีอาชีพ..คือไม่สามารถสร้างผลงานเพื่อทำเงินเข้ากระเป๋าได้...ดังนั้น..คำเทศน์ของพระองค์์อื่นก็ไม่สามารถทำเงินให้พระเจ้าของคำเทศน์ได้..คำเทศน์พระองค์นั้นจึงไม่อาจนับเป็นเงินหรือทรัพย์ของพระองคนั้นได้...และพระที่เอาไปพูดก็ไม่ได้เงินจากการพูดนั้น...(มันได้เงินไม่ได้อยู่แล้วเพราะพระไม่มีอาชีพทำเงิน) การใช้คำพูดของพระองค์อื่น..จึงไม่เข้าข่ายเป็นการลักทรัพย์... แต่ถ้าฆราวาส..อัดคลิ๊ปเสียงอัดภาพ...แล้วเอาไปขายเอาเงินเข้ากระเป๋า...อันนี้อาจเข้าข่ายละเมิด..กระทำมิชอบ...แต่ก็ยังไม่เข้าข่ายลักทรัพย์อยู่ดี ตอนเป็นพระไปเอาคำพูดพระรูปอื่นมาพูด พระที่ฟังก็ยินดีผมเก่งจัง ปัญญาเฉียบแหลม แล้วผมไม่ได้พูดว่า คำพูดที่เอามาพูด เป็นของพระรูปนั้น แบบนี้ปาราชิกข้อ2 ลักทรัพย์ไหมครับ กระทู้ในลานธรรมจักรเอามาลงข้อ ปาราชิก ข้อลักทรัพย์ viewtopic.php?f=30&t=22785 อ.สมฤกษ์: ปาราชิก คำว่า ปาราชิก สันนิษฐานว่าแปลว่า “ผู้แพ้” อาจหมายถึง “ผู้แพ้แก่วิถีชีวิตการเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนา” ปาราชิกเป็นอาบัติขั้นที่ร้ายแรงที่สุด ภิกษุไม่ว่ารูปใด ถ้าหากอาบัติถึงขั้นปาราชิกแล้วจะสิ้นสภาพการเป็นภิกษุทันที แม้ว่าจะยังครองผ้าเหลืองหรือปฏิบัติตนอย่างภิกษุอื่นๆ อยู่ก็ตาม ภิกษุที่รู้ตนเองว่าอาบัติปาราชิกแล้วสามารถลาสิกขาไปใช้ชีวิตอยู่อย่างฆราวาสทั่วไปได้ แต่หากยังคงดื้อครองผ้าเหลืองหลอกให้ผู้คนกราบไหว้อยู่อีก ก็จะยิ่งเป็นบาปหนาที่พอกพูนขึ้นเรื่อยๆ อาบัติปาราชิกมี ๔ ประการ ได้แก่ การเสพเมถุน การลักทรัพย์ การฆ่ามนุษย์ และการอวดอัตริมนุสธรรม ๑. การเสพเมถุน คือ การร่วมประกอบกิจกรรมทางเพศ ไม่ว่าจะกระทำกับผู้หญิงหรือผู้ชาย หรือกระทำกับสัตว์ก็ตาม ปาราชิกข้อการเสพเมถุน บางทีก็เรียกกันว่า ปฐมปาราชิก แปลว่า “ปาราชิกข้อแรก” ๒. การลักทรัพย์ คือ การนำทรัพย์ของผู้อื่นไปเป็นของตนโดยเจตนา ในเมืองไทยกำหนดว่า การลักทรัพย์มีมูลค่าตั้งแต่ ๑ บาทขึ้นไป เป็นการผิดหรือเป็นอาบัติขั้นปาราชิก การเจตนาแอบอ้างความคิดหรือผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตน หรือการเบียดบังเอาเงินในกองทุนที่มีผู้ศรัทธาถวายเป็นทานเพื่อใช้ในกิจของสงฆ์ หรือกิจของศาสนามาใช้ส่วนตัว ก็ถือว่าเป็นอาบัติปาราชิกเช่นกัน ๓. การฆ่ามนุษย์ คือ การเจตนาทำให้มนุษย์ถึงแก่ความตาย ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดๆ ไม่ว่าจะลงมือฆ่าเองหรือใช้ให้คนอื่นฆ่าให้ก็ตาม ถือเป็นความผิดปาราชิกข้อที่ ๓ ทั้งสิ้น ๔. การอวดอุตริมนุสธรรม คือ การพูดอวดผู้อื่นว่าตนได้บรรลุธรรมะระดับสูง เช่น บรรลุโสดาบัน บรรลุอรหันต์ เป็นต้น อุตริมนุสธรรม (/อุดตะหริมะนุดสะทำ/) หรือ อุตริมนุษยธรรม (/อุดตะหริมะนุดสะยะทำ/) แปลว่า ธรรมอันยวดยิ่งของมนุษย์ หรือ ธรรมของมนุษย์ผู้ยวดยิ่ง ได้แก่ คุณวิเศษซึ่งมนุษย์ธรรมดาไม่สมารถมีหรือเป็นได้ มิใช่วิสัยของมนุษย์ทั่วไป แต่เป็นวิสัยของผู้บรรลุธรรมขั้นสูงแล้ว อุตริมนุสธรรมหมายถึงฌาน วิโมกข์ สมาธิ สมาบัติ มรรค และผล การที่ภิกษุแสดงตนหรือพูดให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนได้ฌานชั้นนั้นชั้นนี้ ตนได้บรรลุวิโมกข์ ได้สมาธิ สมารถเข้าสมาบัติได้ หรือสำเร็จมรรคสำเร็จผลอย่างนั้นอย่างนี้ เรียกว่า อวดอุตริมนุสธรรม ปัจจุบันคำนี้ถูกนำมาใช้เรียกผู้ที่ชอบอวดอ้างตนเหนือกว่าคนอื่นหรือทำอะไรที่แผลง ๆ ที่คนทั่วไปเขาไม่ทำกันว่า "อวดอุตริ" หรือ "อุตริ" เฉย ๆ อาบัติปาราชิก หากผิดแม้แต่เพียงข้อเดียวก็ถือว่าภิกษุผู้อาบัติสิ้นสภาพการเป็นภิกษุแล้ว แม้จะไม่มีใครล่วงรู้หรือจับได้ก็ตาม การกราบไหว้บูชาภิกษุที่อาบัติปาราชิก นอกจากจะไม่เป็นบุญเป็นกุศลแล้ว ยังผิดมงคลที่พระพุทธเจ้าทรงเทศนาไว้ที่ว่า บูชาบุคคลที่ควรบูชาอีกด้วย แหล่งข้อมูล http://www.sakulthai.com/DSakulcolumnde ... uthorid=19 http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD% ... 3%E0%B8%A1 |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 14 พ.ย. 2015, 17:58 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เป็นพระเอาความคิดพระรูปอื่นมาพูด ปาราชิก ด้วยเหรอครับ |
เป็นแค่ความคิดเห็นของผู้พูดนะ..ผมว่า...ที่ไปตีความว่าคำพูดเป็นทรัพย์.. แต่ไม่คิดอย่างนั้น...คำพูดของพระองค์อื่นยังไม่ใช่ทรัพย์ของพระองค์นั้น..ครับ แต่ผิดข้อปาจิตตีย์..นะ..อันนี้ผมว่า... |
เจ้าของ: | deecup [ 14 พ.ย. 2015, 19:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เป็นพระเอาความคิดพระรูปอื่นมาพูด ปาราชิก ด้วยเหรอครับ |
กบนอกกะลา เขียน: เป็นแค่ความคิดเห็นของผู้พูดนะ..ผมว่า...ที่ไปตีความว่าคำพูดเป็นทรัพย์.. แต่ไม่คิดอย่างนั้น...คำพูดของพระองค์อื่นยังไม่ใช่ทรัพย์ของพระองค์นั้น..ครับ แต่ผิดข้อปาจิตตีย์..นะ..อันนี้ผมว่า... อุตริมนุสธรรม พระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย) วัดป่าสาลวัน อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา แสดงธรรมที่กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๓๑ http://www.dharma-gateway.com/monk/prea ... oot_34.htm การที่ว่าจะแสดงธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้า อ้างถึงพระบรมศาสดา คือธรรมะนั้นไม่ใช่ของเรา เราไม่ได้รู้เอง เรารู้จากพระพุทธเจ้า จึงหาหลักฐานอ้างอิง ๑. เพื่อป้องกันมิให้ตัวเองเป็นอาบัติปาราชิก ๒. เพื่อแสดงความเคารพคารวะในพระบรมศาสดา http://www.dharma-gateway.com/monk/prea ... oot_34.htm |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 14 พ.ย. 2015, 21:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เป็นพระเอาความคิดพระรูปอื่นมาพูด ปาราชิก ด้วยเหรอครับ |
จากลักทรัพย์..ก็มาที่อวดอุตริ..รึครับ? ![]() ตกลง..ไม่เอาข้อหาลักทรัพย์..แล้วใช่มั้ยคับ.. ![]() เอาคำพูดของพระองค์อื่นมาพูดเสมือนว่าเป็นคำของตน....เป็นอวดอุตริ..ตรงไหนคับ? |
เจ้าของ: | deecup [ 15 พ.ย. 2015, 20:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เป็นพระเอาความคิดพระรูปอื่นมาพูด ปาราชิก ด้วยเหรอครับ |
กบนอกกะลา เขียน: จากลักทรัพย์..ก็มาที่อวดอุตริ..รึครับ? ![]() ตกลง..ไม่เอาข้อหาลักทรัพย์..แล้วใช่มั้ยคับ.. ![]() เอาคำพูดของพระองค์อื่นมาพูดเสมือนว่าเป็นคำของตน....เป็นอวดอุตริ..ตรงไหนคับ? เฮ้อ ผมก็ งงไปหมดแล้ว แต่ว่าถ้าเอาคำพูดพระรูปอื่นมาพูดเช่นพระอริยะเจ้า ให้คนเข้าใจผิดว่าเป็นคำพูดตัวเอง ให้คนและพระรูปอื่นสรรเสริญ แบบนี้เข้าข่ายลักทรัพย์ คือปาราชิกข้อ2ไหมครับ |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 15 พ.ย. 2015, 20:44 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เป็นพระเอาความคิดพระรูปอื่นมาพูด ปาราชิก ด้วยเหรอครับ |
กบนอกกะลา เขียน: จากลักทรัพย์..ก็มาที่อวดอุตริ..รึครับ? ![]() ตกลง..ไม่เอาข้อหาลักทรัพย์..แล้วใช่มั้ยคับ.. ![]() เอาคำพูดของพระองค์อื่นมาพูดเสมือนว่าเป็นคำของตน....เป็นอวดอุตริ..ตรงไหนคับ? deecup เขียน: เฮ้อ ผมก็ งงไปหมดแล้ว แต่ว่าถ้าเอาคำพูดพระรูปอื่นมาพูดเช่นพระอริยะเจ้า ให้คนเข้าใจผิดว่าเป็นคำพูดตัวเอง ให้คนและพระรูปอื่นสรรเสริญ แบบนี้เข้าข่ายลักทรัพย์ คือปาราชิกข้อ2ไหมครับ ถ้าพระอริยะเจ้าองค์นั้น..บอกว่า.." กระผมเป็นพระอริยะ " แล้วมีพระองค์อื่นก๊อปปี๊คำพูด..ว่า.." กระผมเป็นพระอริยะ " ทั้ง ๆ ที่ตนไม่ใช่..อันนี้เข้าข้อหา..อวดอุตริมนุษธรรม...ก็ปาราชิกซิคับ ถ้าพระอริยะเจ้าองค์นั้น..พูดธรรมะอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วมีพระองค์อื่นมาก๊อปปีคำพูด..มีเจตนาทำให้คนอื่นเข้าใจว่า..เราเป็นคนคิดเอง...อย่างนี้..มีเจตนาพูดปด..ครับ แต่หากไม่เจตนา..ธรรมะไม่ใช่สมบัติของใครนะครับ..จึงไม่ใช่ทรัพย์ของคนพูด..ครับ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |