วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 01:26  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 54 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ย. 2015, 16:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


คุนน้องตั้งใจตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา เพื่ออยากถ่ายทอดในสิ่งที่ตนรู้ คุนน้องบำเพ็ญบารมีมาด้านปัญญา ถึงแม้คุนน้องจะไม่สามารถบรรลุธรรมเป็นสาวกตามพระสมโคดมในชาตินี้ได้ แต่ว่าคุนน้องเป็นลูกศิษย์บำเพ็ญบารมี พระพุทธเจ้ามาหลายสมัยแล้ว หลายรุ่นแล้ว และคุนน้องก็เป็นเด็กฝากพระศรีอาริย์(จะว่าคุนน้องอวดอุตริมนุษยธรรมที่มีในตนก็ไม่ว่ากัน เพราะคุนน้องไม่ใช่อริยะเจ้า :b32:) แต่คุนน้องมีของเก่าที่มาทางสายปัญญา คุนน้องจะอธิบายปรมัตถ์ของรูปและนาม ในความเป็นสัจจะ พิสูจน์ได้..แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ก็สามารถ พิสูจน์ได้ ว่าคุนน้องพูดนั่น จริงตรงสัจจะ หรือผิด ไม่ตรงกับสัจจะ เพราะธรรมของพระพุทธเจ้า เป็นอกาลิโก
ย่อมไม่ขึ้นอยู่กับกาล เป็นความจริง ที่มันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ยกตัวอย่าง คุยน้องบอกว่า เราเอามือไปแหย่ไฟ รู้สึกได้ว่าไฟร้อน..พวกท่านก็ต้องเห็นตรงตามนั้นว่าจริง..รึมีใครเอามือไปแหย่ไฟแล้วบอก อบอุ่น :b32: หรือไฟเย็น :b5: เพราะฉะนั้น ธรรมคุนน้องสามารถพิสูจน์ได้ เพราะเป็นเรื่องของ มนุษย์ และคุนน้องอธิบายความเป็นมนุษย์ใน รูปกับนาม ทางพุทธศาสนานั่นแหละ..
ซึ่งคุนน้องไม่ใช่ หนอนหนังสือ รึคนชอบอ่านพระสูตร รึ พุทธพจน์ รึอรรถกา แต่คุนน้องมีพื้นฐานทางปฏิบัติมา..แล้วคุนน้องจะอธิบายในแบบเฉพาะที่ตนรู้..แล้วถ้าถูก..หรือมีตกหล่นอะไร เสริมได้นะค่ะ..กระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ ต่อการบรรลุธรรม เลยทีเดียว..สาวกทั้งหลาย จะได้บรรลุธรรม ในยุคพระสมณโคดม..คุนน้องจะเริ่มตั้งแต่ ขันธ์5 และสัมพันธ์กับ อัตตา อนัตตา เช่นไร ต่อด้วย การประจักษ์ไตรลักษณ์ มีลักษณะผุดรู้เช่นไร..สัจจะนี้ ต้องตรงตามกัน ทั่วโลก ไม่ใช่สัจจะของคุนน้องเพียงคนเดียว ต่อด้วย ขันธ์5 เห็นวงจรปฏิจสมุปบาทที่ลึกซึ้งอย่างไร ..ถ้าเราคือนักปฏิบัติที่เข้าใจความเชื่อมโยงของรูปและนาม อย่างเป็นเหตุเป็นผล ศาสนาพุทธมิใช่เรื่องงมงาย แต่เป็นเรื่องของ สัจจะ ความจริงล้วนๆ และพิสูจน์ได้นั่นเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ย. 2015, 17:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


มนุษย์ คือสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา และแบ่งออกเป็นสองส่วน คือรูปธรรม และ นามธรรม ในพุทธศาสนาแยก รูปธรรมและนามธรรมออกเป็นขันธ์
รวมทั้งหมดคือ 5 ขันธ์..พุทธศาสนาเลยบัญญัติมนุษย์ว่า ขันธ์ 5
1. รูปขันธ์ คือ สรีระร่างกายของมนุษย์นี่แหละ ถ้าเทียบเคียงกับวิทยาศาสตร์ก็ องค์ประกอบของร่างกายมนุษย์..
เริ่มต้นจากหน่วยที่เล็กที่สุดของร่างกายเรียกว่าเซลล์ (Cell)เซลล์หลาย ๆ เซลล์รวมกันกลายเป็น เนื้อเยื่อ (Tissue)เนื้อเยื่อหลายชนิดจะรวมกันเกิดขึ้นเป็น อวัยวะ(Organ)เพื่อทำหน้าที่ต่าง ๆ ให้แก่ร่างกายโดยในร่างกายของมนุษย์นั้นมีอวัยวะอยู่มากมายหลายชนิดด้วยกันซึ่งอวัยวะหลาย ๆ อวัยวะที่ทำหน้าที่ประสานกันก็จะรวมกลุ่มทำงานร่วมกันเป็นระบบ เรียกว่า ระบบอวัยวะในร่างกายมนุษย์นั้นมีระบบอวัยวะอยู่หลายระบบด้วยกัน โดยจะแบ่งออกเป็นระบบต่าง ๆตามหน้าที่
2.สังขารขันธ์ คือ ส่วนของความคิด การใช้ความคิด จะคิดในใจรู้แค่คนเดียว รึจะคิดแล้วบอกให้คนอื่นรู้ ก็ไม่ว่ากัน ซึ่งในทางวิทยาศาตร์สังขารขันธ์คือ ระบบการทำงานของสมอง..
3.สัญญาขันธ์ คือ การจดจำ การระลึกได้ การรู้ในสิ่งที่ไม่ได้เห็นด้วยตาเนื้อ แต่อาศัยการระลึกได้ จำได้ในเรื่องเก่าๆที่ผ่านมา..
4.เวทนาขันธ์ คือ ความรู้สึก รู้สึกดีใจ รู้สึกเสียใจ รู้สึกเบื่อ รู้สึกชอบ ไม่ชอบ โกรธ เกลียด ชัง เฉย
นี่คือความรู้สึก คงไม่มีมนุษย์ ปฏิเสธว่า ไม่รู้สึกนะ :b32:
5.วิญญาณขันธ์..ในส่วนนือคือ ส่วนที่ไปรับรู้นามธรรมทังหมด ที่มีอยู่ในขันธ์ 5 วิญญานขันธ์ ทำหน้าที่ รู้..รู้อะไรบ้างล่ะ..ก็รู้ใน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ยกตัวอย่าง ตากระทบรูป เกิดวิญญาณทางตา สิ่งที่ปรากฎคือ สี หรือ แสง..หูกระทบกับ เสียง ด้วยปัจจัยต่างๆ ทำให้เกิดวิญญานทางหู รู้ว่านั่นคือเสียงอะไร..เสียงรถ เสียงเครื่องบิน เสียงหมาเห่า เสียงเพลง บลาๆ จมูกกระทบกลิ่นทำให้เกิดวิญญาณ รู้ในกลิ่น สัมผัสได้ในสิ่งที่ปะปนมาในอากาศ..ลิ้นไปรู้รส ก็เกิดวิญญาณไปรู้ในรส รส เปรี้ยว เผ็ด เค็ม หวาน อร่อย ไม่อร่อย ชอบ ไม่ชอบ วิญญาณรู้ใน กาย เมื่อกายไปสัมผัส สิ่งต่างๆ เช่น กายสัมผัสเตียงนอน ที่นอนอ่อน นิ่ม กายสัมผัส แก้ว รู้ว่าแก้ว มีลักษณะแข็ง กายสัมผัสน้ำ รู้ว่าน้ำมีลักษณะเหลว..กายสัมผัส ไฟ รู้ว่า ไฟร้อน ในลักษณนี้เป็นต้น

นี่คือปรมัถที่คุนน้องแยกออกมา ความเป็นมนุษย์
ตรงไม่ตรง ตรวจสอบกันได้ว่า ตรงจริง ตามสัจจะไหม.. แล้วรอบหน้า คุนน้องจะมาต่อด้วย ขันธ์5 สัมพันธ์อย่างไรใน อัตตา อนัตตา.. :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ย. 2015, 20:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ขันธ์ 5 สัมพันธ์สืบเนื่องกันอย่างไรในความเป็น อนัตตา อัตตา..เรื่องนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน ซึ่งคุนน้องจะพยายามอธิบายให้เข้าใจมากที่สุด เท่าที่ตนจะสามารถอธิบายได้..และให้ท่านๆ ตรวจสอบกันด้วยนะค่ะ คุนน้องจะจับแยกความเป็น รูปขันธ์และนามขันธ์ ให้ตรงกับสัจจะ..อุปมา คุนน้องจะเป็น วิศวะกร :b32: แยกรูป แยกนาม และประกอบรวมกัน ให้เห็นกันตามสัจจะ ว่า อนัตตา กับ อัตตา ในขันธ์5
แตกต่างกันอย่างไร (ชัวร์ หรือมั่ว แย้งได้) คุนน้องจะอธิบายอนัตตาในขันธ์ 5 ก่อน
ในความเป็นจริงตรงตามปรมัตถ์ ขันธ์ 5 เป็น อนัตตา แต่เพราะความไม่รู้ ถึงทำให้เห็นผิดไปว่า ขันธ์ 5 คืออัตตา (จะอธิบายในเรื่องของ ตัณหา และมีอุปทานไปยึด ในวงจรปฏิจามุปบาท)
1.รูปขันธ์..มีสภาพเป็นอนัตตา เพราะรูปนั้นไม่เที่ยง
มีความเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา จากทารก ก็เจริญเติบโต และเสื่อมไปด้วยเหตุปัจจัยของเซลต่างๆในร่างกาย ตามกาลเวลา มีความ เจ็บ ป่วย มีความ แก่ชรา ร่างกายเหี่ยวย่น มิอาจคงทน ตั้งอยู่ใน สภาพเดิมได้ และมีความตายเป็นที่สุด..เพราะเหตุนี้ รูปขันธ์จึงเป็นอนัตตา จริงแท้แน่
2.สังขารขันธ์ มีสภาพเป็นอนัตตา เพราะความคิดปรุงแต่งต่างๆ ล้วนเกิดดับ มิอาจตั้งอยู่ หรือคงอยู่ไว้ได้ทั้งวัน เพราะเหตุนี้ สังขารหรือความคิดเป็นสิ่งที่ยึดไม่ได้ เช่นกัน
3.สัญญาขันธ์ มีสภาพเป็นอนัตตา ไม่ว่าจะจำได้ ระลึกได้ ในสิ่งๆนั้น สิ่งนั้นก็ย่อมดับลง ไม่ตั้งอยู่ตลอดวัน เกิดขึ้น ดับไป ตามแต่เหตุปัจจัย เพราะเหตุนี้ สัญญาขันธ์ ก็เป็นสิ่งที่ยึดไม่ได้ มีความเกิดดับ ไปตามธรรมดา
4. เวทนาขันธ์ มีสภาพเป็นอนัตตา เพราะเวทนา คือความรู้สึก ไม่ว่าจะ ดีใจ เสียใจ สุข ทุกข์ โกรธ เกลียด ชอบ ชัง เฉย นั่นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดกาล ความรู้สึกก็มิอาจตั้งทนอยู่ได้ ตลอดวัน ความสุขก็ เกิดขึ้น ดับไป ความทุกข์ก็เช่นกัน แล้วไม่ตั้งทนอยู่ เปลี่ยนแปลง วนเวียนอยู่เช่นนั้น เพราะเหตุนี้ เวทนาขันธ์ จึงเป็นอนัตตา
5.วิญญาณขันธ์ มีสภาพเป็นอนัตตา ตามความจริง เพราะวิญญาณทำหน้าที่ รู้ รู้ในสิ่งใด ก็เห็นในสิ่งนั้นว่า มัน เกิด ดับ เช่นกัน จะรู้ ใน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ก็ล้วนแล้วแต่ ดับ ไม่สามารถตั้งอยู่ คงอยู่ได้ตลอดวัน เพราะเหตุนี้ วิญญาณ มิสามารถตั้งอยู่ รู้อยู่ ได้ตลอดวัน แล้วเกิดดับ สลับกันไป ทาง หู ตา จมูก ลิ้น กาย แล้วรู้ลงที่ วิญญาณ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ตลอดทั้งวัน :b1:

นี่คือความเป็นอนัตตาทีอยู่ในขันธ์ 5 ตรงไม่ตรงกับสัจจะ อย่างไร พิสูจน์ได้ รู้ได้เมื่อลงมือปฎิบัติ :b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2015, 02:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
ขันธ์ 5 สัมพันธ์สืบเนื่องกันอย่างไรในความเป็น อนัตตา อัตตา..เรื่องนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน ซึ่งคุนน้องจะพยายามอธิบายให้เข้าใจมากที่สุด เท่าที่ตนจะสามารถอธิบายได้..และให้ท่านๆ ตรวจสอบกันด้วยนะค่ะ คุนน้องจะจับแยกความเป็น รูปขันธ์และนามขันธ์ ให้ตรงกับสัจจะ..อุปมา คุนน้องจะเป็น วิศวะกร :b32: แยกรูป แยกนาม และประกอบรวมกัน ให้เห็นกันตามสัจจะ ว่า อนัตตา กับ อัตตา ในขันธ์5
แตกต่างกันอย่างไร (ชัวร์ หรือมั่ว แย้งได้) คุนน้องจะอธิบายอนัตตาในขันธ์ 5 ก่อน
ในความเป็นจริงตรงตามปรมัตถ์ ขันธ์ 5 เป็น อนัตตา แต่เพราะความไม่รู้ ถึงทำให้เห็นผิดไปว่า ขันธ์ 5 คืออัตตา (จะอธิบายในเรื่องของ ตัณหา และมีอุปทานไปยึด ในวงจรปฏิจามุปบาท)
1.รูปขันธ์..มีสภาพเป็นอนัตตา เพราะรูปนั้นไม่เที่ยง
มีความเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา จากทารก ก็เจริญเติบโต และเสื่อมไปด้วยเหตุปัจจัยของเซลต่างๆในร่างกาย ตามกาลเวลา มีความ เจ็บ ป่วย มีความ แก่ชรา ร่างกายเหี่ยวย่น มิอาจคงทน ตั้งอยู่ใน สภาพเดิมได้ และมีความตายเป็นที่สุด..เพราะเหตุนี้ รูปขันธ์จึงเป็นอนัตตา จริงแท้แน่
2.สังขารขันธ์ มีสภาพเป็นอนัตตา เพราะความคิดปรุงแต่งต่างๆ ล้วนเกิดดับ มิอาจตั้งอยู่ หรือคงอยู่ไว้ได้ทั้งวัน เพราะเหตุนี้ สังขารหรือความคิดเป็นสิ่งที่ยึดไม่ได้ เช่นกัน
3.สัญญาขันธ์ มีสภาพเป็นอนัตตา ไม่ว่าจะจำได้ ระลึกได้ ในสิ่งๆนั้น สิ่งนั้นก็ย่อมดับลง ไม่ตั้งอยู่ตลอดวัน เกิดขึ้น ดับไป ตามแต่เหตุปัจจัย เพราะเหตุนี้ สัญญาขันธ์ ก็เป็นสิ่งที่ยึดไม่ได้ มีความเกิดดับ ไปตามธรรมดา
4. เวทนาขันธ์ มีสภาพเป็นอนัตตา เพราะเวทนา คือความรู้สึก ไม่ว่าจะ ดีใจ เสียใจ สุข ทุกข์ โกรธ เกลียด ชอบ ชัง เฉย นั่นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดกาล ความรู้สึกก็มิอาจตั้งทนอยู่ได้ ตลอดวัน ความสุขก็ เกิดขึ้น ดับไป ความทุกข์ก็เช่นกัน แล้วไม่ตั้งทนอยู่ เปลี่ยนแปลง วนเวียนอยู่เช่นนั้น เพราะเหตุนี้ เวทนาขันธ์ จึงเป็นอนัตตา
5.วิญญาณขันธ์ มีสภาพเป็นอนัตตา ตามความจริง เพราะวิญญาณทำหน้าที่ รู้ รู้ในสิ่งใด ก็เห็นในสิ่งนั้นว่า มัน เกิด ดับ เช่นกัน จะรู้ ใน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ก็ล้วนแล้วแต่ ดับ ไม่สามารถตั้งอยู่ คงอยู่ได้ตลอดวัน เพราะเหตุนี้ วิญญาณ มิสามารถตั้งอยู่ รู้อยู่ ได้ตลอดวัน แล้วเกิดดับ สลับกันไป ทาง หู ตา จมูก ลิ้น กาย แล้วรู้ลงที่ วิญญาณ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ตลอดทั้งวัน :b1:

นี่คือความเป็นอนัตตาทีอยู่ในขันธ์ 5 ตรงไม่ตรงกับสัจจะ อย่างไร พิสูจน์ได้ รู้ได้เมื่อลงมือปฎิบัติ :b27:


อนัตตา คือความมีความเป็นอย่างหนึ่งในขันธ์ใดขันธ์หนึ่ง และในทุกขันธ์ ในขันธ์ 5 หรือ?
หากเป็นอย่างนั้น อนัตตาก็ เป็นสิ่งเที่ยง ดำรงอยู่ในขันธ์ 5 หรือเปล่า?

อนัตตา ถูกกำหนดโดย อนิจจังโดยไม่มีสภาวะลอยๆ อันใดเป็นอนัตตา หรือเปล่า?
หรืออนัตตา เป็นสภาวะลอยๆ ที่กำหนดอนิจจัง ?

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2015, 10:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านเช่นนั้น ถาม

โค้ด:
อนัตตา คือความมีความเป็นอย่างหนึ่งในขันธ์ใดขันธ์หนึ่ง และในทุกขันธ์ ในขันธ์ 5 หรือ?

อนัตตาไม่ใช่ความมีความเป็นในทุกขันธ์ อนัตตาเป็นสภาวะที่ ตัวรู้ เห็นแจ้งว่าขันธ์นั้นมีสภาวะ ไม่เที่ยง แปรปรวน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป รูปขันธ์ก็ไม่เที่ยง นามขันธ์ก็ไม่เที่ยง
อ้างคำพูด:
หากเป็นอย่างนั้น อนัตตาก็ เป็นสิ่งเที่ยง ดำรงอยู่ในขันธ์ 5 หรือเปล่า?

การเข้าไปรู้ในสภาวะนั้น จะเห็นว่า ขันธ์5 เป็นสิ่งที่ไม่สามารถยึดไว้ได้ การเห็นอนัตตาย่อมไร้ ตัวตน ไม่มีตัวเราในขันธ์ใดขันหนึ่ง และพระพุทธองค์ไม่สอนว่า อนัตตา เป็นสิ่งที่เที่ยง ดำรงค์อยู่ในขันธ์5 ตรวจสอบกับพระสูตรที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ด้วยค่ะ

อ้างคำพูด:
อนัตตา ถูกกำหนดโดย อนิจจังโดยไม่มีสภาวะลอยๆ อันใดเป็นอนัตตา หรือเปล่า?
หรืออนัตตา เป็นสภาวะลอยๆ ที่กำหนดอนิจจัง?

ขออภัยค่ะ คุนน้องไม่เข้าใจคำถาม ตรง "สภาวะลอยๆ" "อนัตตาถูกกำหนดโดย อนิจจัง"
คือที่คุนน้องรู้ อนัตตาคือการเห็นว่า ในขันธ์ 5 ล้วน เกิด ขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ตามความเห็นคุนน้องด้านบนที่อธิบาย อนัตตา..จนประจักษ์ลงในพระไตรลักษณ์ คือการเห็นสัจจะ ในเรื่อง รูปขันธ์ และนามขันธ์ ว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตา ล้วนเป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกัน ในส่วนนี้จะอธิบายถัดไป การที่ผุดรู้ในการเห็นพระไตรลักษณ์ และทุกคน ก็ตกอยู่ในกฏ ไตรลักษณ์


แก้ไขล่าสุดโดย nongkong เมื่อ 23 พ.ย. 2015, 11:59, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2015, 11:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
อนัตตลักขณสูตร ว่าด้วยความเป็นอนัตตาของขันธ์ 5

อนัตตลักขณสูตร

[๒๐] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะพระปัญจวัคคีย์ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย รูปเป็น
อนัตตา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้ารูปนี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว รูปนี้ไม่พึงเป็นเพื่ออาพาธ และบุคคล
พึงได้ในรูปว่า รูปของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด รูปของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย. ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย ก็เพราะรูปเป็นอนัตตา ฉะนั้นรูปจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลย่อมไม่ได้ในรูปว่า
รูปของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด รูปของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.
เวทนาเป็นอนัตตา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าเวทนานี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว เวทนานี้ไม่พึง
เป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในเวทนาว่า เวทนาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด เวทนาของ
เราจงอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะเวทนาเป็นอนัตตา ฉะนั้น เวทนาจึง
เป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลย่อมไม่ได้ในเวทนาว่า เวทนาของเรา จงเป็นอย่างนั้นเถิด เวทนา
ของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.
สัญญาเป็นอนัตตา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าสัญญานี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว สัญญานี้ไม่พึง
เป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในสัญญาว่า สัญญาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด สัญญาของเรา
อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะสัญญาเป็นอนัตตา ฉะนั้น สัญญาจึงเป็นไป
เพื่ออาพาธ และบุคคลย่อมไม่ได้ในสัญญาว่า สัญญาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด สัญญาของเรา
อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.
สังขารทั้งหลายเป็นอนัตตา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าสังขารเหล่านี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว
สังขารเหล่านี้ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในสังขารทั้งหลายว่า สังขารทั้งหลายของ
เราจงเป็นอย่างนี้เถิด สังขารทั้งหลายของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะ
สังขารทั้งหลายเป็นอนัตตา ฉะนั้น สังขารทั้งหลายจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลย่อมไม่ได้
ในสังขารทั้งหลายว่า สังขารทั้งหลายของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด สังขารทั้งหลายของเราอย่าได้
เป็นอย่างนั้นเลย.
วิญญาณเป็นอนัตตา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าวิญญาณนี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว วิญญาณนี้
ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในวิญญาณว่า วิญญาณของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด
วิญญาณของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะวิญญาณเป็นอนัตตา ฉะนั้น
วิญญาณจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลย่อมไม่ได้ในวิญญาณว่า วิญญาณของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด
วิญญาณของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.
ตรัสถามความเห็นของพระปัญจวัคคีย์

[๒๑] พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอสำคัญความนั้นเป็นไฉน
รูปเที่ยงหรือไม่เที่ยง?
พระปัญจวัคคีย์ทูลว่า ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?
ป. เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่ง
นั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตนของเรา?
ป. ข้อนั้น ไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. เวทนาเที่ยงหรือไม่เที่ยง?
ป. ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?
ป. เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่ง
นั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตนของเรา?
ป. ข้อนั้นไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. สัญญาเที่ยงหรือไม่เที่ยง?
ป. ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?
ป. เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้น
ว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตนของเรา?
ป. ข้อนั้นไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. สังขารทั้งหลายเที่ยงหรือไม่เที่ยง?
ป. ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?
ป. เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่ง
นั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตนของเรา?
ป. ข้อนั้นไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. วิญญาณเที่ยงหรือไม่เที่ยง?
ป. ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?
ป. เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่ง
นั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตนของเรา?
ป. ข้อนั้นไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2015, 14:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
ท่านเช่นนั้น ถาม

โค้ด:
อนัตตา คือความมีความเป็นอย่างหนึ่งในขันธ์ใดขันธ์หนึ่ง และในทุกขันธ์ ในขันธ์ 5 หรือ?

อนัตตาไม่ใช่ความมีความเป็นในทุกขันธ์ อนัตตาเป็นสภาวะที่ ตัวรู้ เห็นแจ้งว่าขันธ์นั้นมีสภาวะ ไม่เที่ยง แปรปรวน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป รูปขันธ์ก็ไม่เที่ยง นามขันธ์ก็ไม่เที่ยง
nongkong เขียน:
อ้างคำพูด:
อนัตตลักขณสูตร ว่าด้วยความเป็นอนัตตาของขันธ์ 5

อนัตตาเป็นสภาวะของตัวรู้ กลายเป็นสิ่งเดียวกับตัวรู้เสียเอง หรือครับ ?
ตัวรู้ รู้อนิจจัง
ตัวรู้ รู้ทุกขัง
เมื่อสภาวะนี้เกิดขึ้น ตัวรู้จึงรู้อนัตตา อย่างนั้นหรือครับ ?

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2015, 14:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
ท่านเช่นนั้น ถาม


อ้างคำพูด:
หากเป็นอย่างนั้น อนัตตาก็ เป็นสิ่งเที่ยง ดำรงอยู่ในขันธ์ 5 หรือเปล่า?

การเข้าไปรู้ในสภาวะนั้น จะเห็นว่า ขันธ์5 เป็นสิ่งที่ไม่สามารถยึดไว้ได้ การเห็นอนัตตาย่อมไร้ ตัวตน ไม่มีตัวเราในขันธ์ใดขันหนึ่ง และพระพุทธองค์ไม่สอนว่า อนัตตา เป็นสิ่งที่เที่ยง ดำรงค์อยู่ในขันธ์5 ตรวจสอบกับพระสูตรที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ด้วยค่ะ

เมื่อเห็นอนัตตา ย่อมไร้ ตัวตน ไม่มีตัวเราในขันธ์ใดขันธ์หนึ่ง
ขันธ์ 5 เป็นสิ่งสูญ ไม่มีสิ่งใดเลยในขันธ์ 5 หรือครับ?

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2015, 14:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
ท่านเช่นนั้น ถาม

อ้างคำพูด:
อนัตตา ถูกกำหนดโดย อนิจจังโดยไม่มีสภาวะลอยๆ อันใดเป็นอนัตตา หรือเปล่า?
หรืออนัตตา เป็นสภาวะลอยๆ ที่กำหนดอนิจจัง?

ขออภัยค่ะ คุนน้องไม่เข้าใจคำถาม ตรง "สภาวะลอยๆ" "อนัตตาถูกกำหนดโดย อนิจจัง"
คือที่คุนน้องรู้ อนัตตาคือการเห็นว่า ในขันธ์ 5 ล้วน เกิด ขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ตามความเห็นคุนน้องด้านบนที่อธิบาย อนัตตา..จนประจักษ์ลงในพระไตรลักษณ์ คือการเห็นสัจจะ ในเรื่อง รูปขันธ์ และนามขันธ์ ว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตา ล้วนเป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกัน ในส่วนนี้จะอธิบายถัดไป การที่ผุดรู้ในการเห็นพระไตรลักษณ์ และทุกคน ก็ตกอยู่ในกฏ ไตรลักษณ์


คุณน้องกำลังพยายามอธิบาย อนัตตา
ซึ่ง เอาอนิจจัง และทุกขัง มาเป็นตัวประกอบอยู่นะครับ

อนิจจัง ไม่ใช่เหตุ อนัตตาไม่ใช่ผลของอนิจจัง
ทุกขัง ไม่ใช่เหตุ อนัตตาไม่ใช่ผลของทุกขัง
อนัตตา ก็ไม่ใช่เหตุ อนิจจัง และ ทุกขังก็ไม่ใช่ผลของอนัตตา

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2015, 16:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
nongkong เขียน:
ท่านเช่นนั้น ถาม

โค้ด:
อนัตตา คือความมีความเป็นอย่างหนึ่งในขันธ์ใดขันธ์หนึ่ง และในทุกขันธ์ ในขันธ์ 5 หรือ?

อนัตตาไม่ใช่ความมีความเป็นในทุกขันธ์ อนัตตาเป็นสภาวะที่ ตัวรู้ เห็นแจ้งว่าขันธ์นั้นมีสภาวะ ไม่เที่ยง แปรปรวน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป รูปขันธ์ก็ไม่เที่ยง นามขันธ์ก็ไม่เที่ยง
nongkong เขียน:
อ้างคำพูด:
อนัตตลักขณสูตร ว่าด้วยความเป็นอนัตตาของขันธ์ 5

อนัตตาเป็นสภาวะของตัวรู้ กลายเป็นสิ่งเดียวกับตัวรู้เสียเอง หรือครับ ?
ตัวรู้ รู้อนิจจัง
ตัวรู้ รู้ทุกขัง
เมื่อสภาวะนี้เกิดขึ้น ตัวรู้จึงรู้อนัตตา อย่างนั้นหรือครับ ?

คุนน้องไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร ให้เข้าใจที่สุด แต่ถ้าสัจจะตรง ก็แปลว่าจริง แต่ถ้าไม่ตรง คุนน้องก็ผิด..มนุษย์ คือ ขันธ์ 5 และ ขันธ์5 เป็นอนัตตา ไม่ว่า รูป เวทนา สังขาร สัญญา วิญญาณ ล้วนไม่เที่ยง อย่างที่อธิบายไว้ด้านบน นี่คือการเข้าไปรู้แจ้งว่ามันเป็นเช่นนั่นจริงไหม..และคุนน้องปฏิบัติคุนน้องรู้อย่างนี้ เลยบอกแบบนี้ แล้วคำถามท่านเช่นนั้น คุนน้องจับลงปรมัตถ์ไม่ถูก..เพราะอย่างที่คุนน้องบอกข้างต้น คุนน้องเห็นอนัตตาอย่างไร..
ท่านเช่นนั้น ต้องถามในทางปฏิบัติ เช่น คุนน้องเห็นอนิจจังในขันธ์5 อย่างไร คุนน้องเห็นทุกขังในขันธ์5 อย่างไร คุนน้องเห็นอนัตตาในขันธ์ 5อย่างไร..คุนน้องจะระลึกได้ในแบบปรมัถ คือหยิบสภาวะในขัน 5 มาอธิบาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2015, 16:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
nongkong เขียน:
ท่านเช่นนั้น ถาม


อ้างคำพูด:
หากเป็นอย่างนั้น อนัตตาก็ เป็นสิ่งเที่ยง ดำรงอยู่ในขันธ์ 5 หรือเปล่า?

การเข้าไปรู้ในสภาวะนั้น จะเห็นว่า ขันธ์5 เป็นสิ่งที่ไม่สามารถยึดไว้ได้ การเห็นอนัตตาย่อมไร้ ตัวตน ไม่มีตัวเราในขันธ์ใดขันหนึ่ง และพระพุทธองค์ไม่สอนว่า อนัตตา เป็นสิ่งที่เที่ยง ดำรงค์อยู่ในขันธ์5 ตรวจสอบกับพระสูตรที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ด้วยค่ะ

เมื่อเห็นอนัตตา ย่อมไร้ ตัวตน ไม่มีตัวเราในขันธ์ใดขันธ์หนึ่ง
ขันธ์ 5 เป็นสิ่งสูญ ไม่มีสิ่งใดเลยในขันธ์ 5 หรือครับ?

เมื่อเห็นอนัตตา ไม่ใช่ไร้ตนตัวแบบว่างเปล่าสูญนะค่ะ แต่เห็นว่า เราไม่มี เราไม่เป็น เราไม่ใช่ ในขันธ์
แต่ขันธ์5 ก็ยังดำเนินอยู่ ดำรงค์อยู่ ตามกฏอิทิปปัจยตา ยกตัวอย่าง เราต้องกิน เพราะเรามีรูปขันธ์ เราไม่กิน เราทุกข์มั้ย ถ้าไม่มีอาหาร รูปขันธ์ก็ตั้งทนอยู่ไม่ได้ แต่เราไม่ได้เข้าไปยึด ว่าเราหิว เราต้องกิน เพื่อร่างกายเรา ตัวตนของเรา แล้วมันบังคับได้ไหมล่ะ ค่ะ ควบคุมให้ไม่กินได้ไหม เพราะเข้าไปรู้อย่างนี้ ก็ประจักษ ลง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา.. คุนน้องรู้เช่นนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2015, 16:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
nongkong เขียน:
ท่านเช่นนั้น ถาม

อ้างคำพูด:
อนัตตา ถูกกำหนดโดย อนิจจังโดยไม่มีสภาวะลอยๆ อันใดเป็นอนัตตา หรือเปล่า?
หรืออนัตตา เป็นสภาวะลอยๆ ที่กำหนดอนิจจัง?

ขออภัยค่ะ คุนน้องไม่เข้าใจคำถาม ตรง "สภาวะลอยๆ" "อนัตตาถูกกำหนดโดย อนิจจัง"
คือที่คุนน้องรู้ อนัตตาคือการเห็นว่า ในขันธ์ 5 ล้วน เกิด ขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ตามความเห็นคุนน้องด้านบนที่อธิบาย อนัตตา..จนประจักษ์ลงในพระไตรลักษณ์ คือการเห็นสัจจะ ในเรื่อง รูปขันธ์ และนามขันธ์ ว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตา ล้วนเป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกัน ในส่วนนี้จะอธิบายถัดไป การที่ผุดรู้ในการเห็นพระไตรลักษณ์ และทุกคน ก็ตกอยู่ในกฏ ไตรลักษณ์


คุณน้องกำลังพยายามอธิบาย อนัตตา
ซึ่ง เอาอนิจจัง และทุกขัง มาเป็นตัวประกอบอยู่นะครับ

อนิจจัง ไม่ใช่เหตุ อนัตตาไม่ใช่ผลของอนิจจัง
ทุกขัง ไม่ใช่เหตุ อนัตตาไม่ใช่ผลของทุกขัง
อนัตตา ก็ไม่ใช่เหตุ อนิจจัง และ ทุกขังก็ไม่ใช่ผลของอนัตตา

แต่คุนน้อง เห็น อนิจจัง ความไม่เที่ยงของขันธ์ 5 เป็น ทุกข์ จนละความเห็นผิด ละอุปทาน อัตตา ตัวตนในขันธ์ 5 ว่าเป็นเรา คือเรา และคุนน้องก็เห็น อนัตตา เพราะ เห็นอนิจจัง เห็นทุกขัง จนเข้าใจอนัตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2015, 17:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
nongkong เขียน:
ท่านเช่นนั้น ถาม

อ้างคำพูด:
อนัตตา ถูกกำหนดโดย อนิจจังโดยไม่มีสภาวะลอยๆ อันใดเป็นอนัตตา หรือเปล่า?
หรืออนัตตา เป็นสภาวะลอยๆ ที่กำหนดอนิจจัง?

ขออภัยค่ะ คุนน้องไม่เข้าใจคำถาม ตรง "สภาวะลอยๆ" "อนัตตาถูกกำหนดโดย อนิจจัง"
คือที่คุนน้องรู้ อนัตตาคือการเห็นว่า ในขันธ์ 5 ล้วน เกิด ขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ตามความเห็นคุนน้องด้านบนที่อธิบาย อนัตตา..จนประจักษ์ลงในพระไตรลักษณ์ คือการเห็นสัจจะ ในเรื่อง รูปขันธ์ และนามขันธ์ ว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตา ล้วนเป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกัน ในส่วนนี้จะอธิบายถัดไป การที่ผุดรู้ในการเห็นพระไตรลักษณ์ และทุกคน ก็ตกอยู่ในกฏ ไตรลักษณ์


คุณน้องกำลังพยายามอธิบาย อนัตตา
ซึ่ง เอาอนิจจัง และทุกขัง มาเป็นตัวประกอบอยู่นะครับ

อนิจจัง ไม่ใช่เหตุ อนัตตาไม่ใช่ผลของอนิจจัง
ทุกขัง ไม่ใช่เหตุ อนัตตาไม่ใช่ผลของทุกขัง
อนัตตา ก็ไม่ใช่เหตุ อนิจจัง และ ทุกขังก็ไม่ใช่ผลของอนัตตา

คุนน้องขอถามกลับนะค่ะ เพื่อเทียบเคียงสภาวะที่ตนรู้ ว่าตรงกันไม่ตรงกัน..ท่านเช่นนั้น เห็นอนิจจังในขันธ์5 อย่างไร ท่านเห็นทุกขัง ในขันธ์5 อย่างไร และเห็น อนัตตาในขันธ์5 อย่างไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2015, 22:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
nongkong เขียน:
ท่านเช่นนั้น ถาม

โค้ด:
อนัตตา คือความมีความเป็นอย่างหนึ่งในขันธ์ใดขันธ์หนึ่ง และในทุกขันธ์ ในขันธ์ 5 หรือ?

อนัตตาไม่ใช่ความมีความเป็นในทุกขันธ์ อนัตตาเป็นสภาวะที่ ตัวรู้ เห็นแจ้งว่าขันธ์นั้นมีสภาวะ ไม่เที่ยง แปรปรวน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป รูปขันธ์ก็ไม่เที่ยง นามขันธ์ก็ไม่เที่ยง
nongkong เขียน:
อ้างคำพูด:
อนัตตลักขณสูตร ว่าด้วยความเป็นอนัตตาของขันธ์ 5

อนัตตาเป็นสภาวะของตัวรู้ กลายเป็นสิ่งเดียวกับตัวรู้เสียเอง หรือครับ ?
ตัวรู้ รู้อนิจจัง
ตัวรู้ รู้ทุกขัง
เมื่อสภาวะนี้เกิดขึ้น ตัวรู้จึงรู้อนัตตา อย่างนั้นหรือครับ ?

คุนน้องไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร ให้เข้าใจที่สุด แต่ถ้าสัจจะตรง ก็แปลว่าจริง แต่ถ้าไม่ตรง คุนน้องก็ผิด..มนุษย์ คือ ขันธ์ 5 และ ขันธ์5 เป็นอนัตตา ไม่ว่า รูป เวทนา สังขาร สัญญา วิญญาณ ล้วนไม่เที่ยง อย่างที่อธิบายไว้ด้านบน นี่คือการเข้าไปรู้แจ้งว่ามันเป็นเช่นนั่นจริงไหม..และคุนน้องปฏิบัติคุนน้องรู้อย่างนี้ เลยบอกแบบนี้ แล้วคำถามท่านเช่นนั้น คุนน้องจับลงปรมัตถ์ไม่ถูก..เพราะอย่างที่คุนน้องบอกข้างต้น คุนน้องเห็นอนัตตาอย่างไร..
ท่านเช่นนั้น ต้องถามในทางปฏิบัติ เช่น คุนน้องเห็นอนิจจังในขันธ์5 อย่างไร คุนน้องเห็นทุกขังในขันธ์5 อย่างไร คุนน้องเห็นอนัตตาในขันธ์ 5อย่างไร..คุนน้องจะระลึกได้ในแบบปรมัถ คือหยิบสภาวะในขัน 5 มาอธิบาย
จับลงปรมัตถ์ เป็นคำสวยหรูครับ แต่ไม่ทราบ ปรมัตถ์อะไร หมายถึงอะไร .....
เอาเป็นว่า อนัตตา ไม่ใช่เป็นการรู้ว่า ขันธ์ มีสภาวะ ไม่เที่ยง แปรปรวน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2015, 23:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
nongkong เขียน:
ท่านเช่นนั้น ถาม


อ้างคำพูด:
หากเป็นอย่างนั้น อนัตตาก็ เป็นสิ่งเที่ยง ดำรงอยู่ในขันธ์ 5 หรือเปล่า?

การเข้าไปรู้ในสภาวะนั้น จะเห็นว่า ขันธ์5 เป็นสิ่งที่ไม่สามารถยึดไว้ได้ การเห็นอนัตตาย่อมไร้ ตัวตน ไม่มีตัวเราในขันธ์ใดขันหนึ่ง และพระพุทธองค์ไม่สอนว่า อนัตตา เป็นสิ่งที่เที่ยง ดำรงค์อยู่ในขันธ์5 ตรวจสอบกับพระสูตรที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ด้วยค่ะ

เมื่อเห็นอนัตตา ย่อมไร้ ตัวตน ไม่มีตัวเราในขันธ์ใดขันธ์หนึ่ง
ขันธ์ 5 เป็นสิ่งสูญ ไม่มีสิ่งใดเลยในขันธ์ 5 หรือครับ?

เมื่อเห็นอนัตตา ไม่ใช่ไร้ตนตัวแบบว่างเปล่าสูญนะค่ะ แต่เห็นว่า เราไม่มี เราไม่เป็น เราไม่ใช่ ในขันธ์
แต่ขันธ์5 ก็ยังดำเนินอยู่ ดำรงค์อยู่ ตามกฏอิทิปปัจยตา ยกตัวอย่าง เราต้องกิน เพราะเรามีรูปขันธ์ เราไม่กิน เราทุกข์มั้ย ถ้าไม่มีอาหาร รูปขันธ์ก็ตั้งทนอยู่ไม่ได้ แต่เราไม่ได้เข้าไปยึด ว่าเราหิว เราต้องกิน เพื่อร่างกายเรา ตัวตนของเรา แล้วมันบังคับได้ไหมล่ะ ค่ะ ควบคุมให้ไม่กินได้ไหม เพราะเข้าไปรู้อย่างนี้ ก็ประจักษ ลง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา.. คุนน้องรู้เช่นนี้

คุณน้องบอกว่าการที่ขันธ์ 5 ดำเนินอยู่ เราต้องกิน เพราะเรามีรูป เราจึงต้องกิน เพื่อร่างกายเรา
และคุณน้องก็บอกว่า อนัตตา ไม่ใช่ไร้ตัวตนแบบว่างเปล่าสูญ แต่เห็นว่าเราไม่มี เราไม่เป็น.....

เอ๊ะ มันยังไงกันแน่ครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 54 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 45 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron