ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

ธรรมที่มีอุปการะมาก......เป็นอย่างไร
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=51554
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  สัมมาทิฏฐิ [ 07 ธ.ค. 2015, 22:44 ]
หัวข้อกระทู้:  ธรรมที่มีอุปการะมาก......เป็นอย่างไร

ธรรมที่มีอุปการะมาก......เป็นอย่างไร

“......ธรรม 9 อย่าง ที่มีอุปการะมาก เป็นไฉน
ได้แก่ ธรรมอันมีมูลมาแต่โยนิโสมนสิการ 9 คือ


เมื่อกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย ปราโมทย์ย่อมเกิด
ปีติย่อมเกิด แก่ผู้ปราโมทย์
กายของผู้มีใจกอปรด้วยปีติ ย่อมสงบ
ผู้มีกายสงบ ย่อมเสวยสุข
จิตของผู้มีสุข ย่อมตั้งมั่น
ผู้มีจิตตั้งมั่น ย่อมรู้เห็นตามเป็นจริง
ผู้รู้เห็นตามเป็นจริง ตนเองย่อมหน่าย
เมื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด
เพราะคลายกำหนัดย่อมหลุดพ้น

ธรรม 9 อย่าง เหล่านี้ มีอุปการะมาก ฯ ......”

เจ้าของ:  เช่นนั้น [ 07 ธ.ค. 2015, 22:55 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมที่มีอุปการะมาก......เป็นอย่างไร

สัมมาทิฏฐิ เขียน:
ธรรมที่มีอุปการะมาก......เป็นอย่างไร

“......ธรรม 9 อย่าง ที่มีอุปการะมาก เป็นไฉน
ได้แก่ ธรรมอันมีมูลมาแต่โยนิโสมนสิการ 9 คือ


เมื่อกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย ปราโมทย์ย่อมเกิด
ปีติย่อมเกิด แก่ผู้ปราโมทย์
กายของผู้มีใจกอปรด้วยปีติ ย่อมสงบ
ผู้มีกายสงบ ย่อมเสวยสุข
จิตของผู้มีสุข ย่อมตั้งมั่น
ผู้มีจิตตั้งมั่น ย่อมรู้เห็นตามเป็นจริง
ผู้รู้เห็นตามเป็นจริง ตนเองย่อมหน่าย
เมื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด
เพราะคลายกำหนัดย่อมหลุดพ้น

ธรรม 9 อย่าง เหล่านี้ มีอุปการะมาก ฯ ......”

อุปการะธรรม :

1.โยนิโสมนสิการ
2.ปราโมทย์
3.ปิติ
4.ปัสสัทธิ
5.สุข
6.สมาธิ
7.ยถาภูตญาณทัศนะ
8.นิพพิทา
9.วิราคะ
V
วิมุตติ

เจ้าของ:  สัมมาทิฏฐิ [ 08 ธ.ค. 2015, 20:34 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมที่มีอุปการะมาก......เป็นอย่างไร

สวัสดีครับ คุณเช่นนั้น และ เพื่อนสมาชิกทุกท่าน

ในเบื้องต้นผมใช้การภาวนา อานาปาณะสติ เป็นมูลในการโยนิโสมนสิการ
แต่ไม่สอดคล้องกับหน้าที่การงาน คือ รับราชการ และทำงานที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
จึงเปลี่ยนมาเป็นการภาวนาโดยใช้ สติ อยู่ที่ธรรมสามอย่าง คือ กายสุจริต วาจาสุจริต
ใจสุจริต และ การงานสุจริต หรือ สัมมากัมมันตะ เป็นมูลในการโยนิโสมนสิการ

เป็นการภาวนาโดยใช้ สติ ที่สอดคล้องกับหน้าที่การงานและการดำเนินชีวิตประจำวัน
สามารถปฏิบัติภาวนาได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน

เพื่อนสมาชิกแต่ละท่าน ใช้หลักธรรมข้อใด ในการโยนิโสมนสิการกันบ้างครับ ./

เจ้าของ:  student [ 09 ธ.ค. 2015, 01:41 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมที่มีอุปการะมาก......เป็นอย่างไร

อนุโมทนาครับ

เวลาทำงานก็จะสร้างสติให้เกิด บางทียุ่งๆก็พลาด จับนั่นจับนี่ก็หลุด เผลอ

เผลอแล้วก็มาตั้งต้นใหม่.

ก็ใช้ความเป็นใหญ่ในการพิจารณาครับ คือ

หูเอาไว้ฟังเสียง ตาเอาไว้มอง กลิ่น รส สัมผัส ต่างกัน และพยายามตั้งจิตให้เห็นการเกิด ดับ ให้เกิดความเคยชิน ปรับความเฉียบคมของจิต รู้เท่าทัน

ส่วนกาย วาจา ใจ ก็รักษาให้เป็นไปในทางที่สมควร ไม่ทะลึ่งตึงตังจนเกินไปนักเมื่ออยู่ท่ามกลางเพื่อนฝูง ให้คำถามแนวธรรมะ และดึงเอาเรื่องราวเข้าสู่การพิจารณาไปในทางสร้างความเห็นถูก

กลับบ้านก็นั่นพักผ่อน เล่นคอม เล่นอะไรพอสมควรแก่เวลา ก็นั่งสมาธิก่อนนอน ตื่นเช้า เช่นทุกวัน เป็นอย่างนี้ครับ

เจ้าของ:  สัมมาทิฏฐิ [ 10 ธ.ค. 2015, 14:48 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมที่มีอุปการะมาก......เป็นอย่างไร

สวัสดีครับ คุณ student

การสนทนาธรรมโดยกาล เป็นอุดมมงคล ประการหนึ่ง

ขออนุโมทนาและขอบคุณ คุณ student ที่ร่วมกันสนทนาธรรมนะครับ ./

เจ้าของ:  student [ 12 ธ.ค. 2015, 02:53 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมที่มีอุปการะมาก......เป็นอย่างไร

อนุโมทนาเช่นเดียวกันครับคุณ สัมมาทิฎฐิ

เจ้าของ:  asoka [ 13 ธ.ค. 2015, 06:09 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมที่มีอุปการะมาก......เป็นอย่างไร

สัมมาทิฏฐิ เขียน:
สวัสดีครับ คุณเช่นนั้น และ เพื่อนสมาชิกทุกท่าน

ในเบื้องต้นผมใช้การภาวนา อานาปาณะสติ เป็นมูลในการโยนิโสมนสิการ
แต่ไม่สอดคล้องกับหน้าที่การงาน คือ รับราชการ และทำงานที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
จึงเปลี่ยนมาเป็นการภาวนาโดยใช้ สติ อยู่ที่ธรรมสามอย่าง คือ กายสุจริต วาจาสุจริต
ใจสุจริต และ การงานสุจริต หรือ สัมมากัมมันตะ เป็นมูลในการโยนิโสมนสิการ

เป็นการภาวนาโดยใช้ สติ ที่สอดคล้องกับหน้าที่การงานและการดำเนินชีวิตประจำวัน
สามารถปฏิบัติภาวนาได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน

เพื่อนสมาชิกแต่ละท่าน ใช้หลักธรรมข้อใด ในการโยนิโสมนสิการกันบ้างครับ ./

:b8:
อนุโมทนากับกระทู้ธรรมของคุณสัมมาทิฏฐิครับ
:b27:
ผมมีโยนิโสมนสิการโดยเจริญสติอยู่กับปัจจุบันอารมณ์เป็นหลักสลับกับอยู่กับลมหายใจเป็นบางครั้งถ้านิวรณ์ 5 กำเริบครับ จึงสามารถปฏิบัติได้ทั้งสมถะและวิปัสสนาควบคู่กันไปในชีวิตประจำวันได้ครับ

หลังจากหลุดจากงานชีวิตประจำวัน ก็สร้างโอกาสให้ได้นั่งเจริญสติปัญญาอยู่กับปัจจุบันอารมณ์อย่างต่อเนื่องในตอนหลับอิ่มแล้วประมาณ ตีหนึ่งตีสองคืนละ 1-2 ชั่วโมง แล้วงีบต่อมาลุกทำงานตอนตี 5 ครับ

:b45:

เจ้าของ:  สัมมาทิฏฐิ [ 15 ธ.ค. 2015, 15:19 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมที่มีอุปการะมาก......เป็นอย่างไร

สวัสดีครับ เพื่อนสมาชิกทุกท่าน

ขออนุโมทนาและขอบคุณ คุณ asoka ที่ร่วมกันสนทนาธรรมนะครับ

เมื่อผมปฏิบัติภาวนาโดยใช้ สติ ประกอบด้วย โยนิโสมนสิการเป็นเบื้องต้น
ได้มีสัทธา......ในธรรมสองประเภท กล่าวคือ


ธรรมเหล่าใดเป็นอกุศล ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ มีโทษแก่ผู้ประกอบ
พึงละธรรมเหล่านั้นเสีย

ธรรมเหล่าใดเป็นกุศล ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่มีโทษแก่ผู้ประกอบ
พึงประกอบธรรมเหล่านั้นให้ถึงพร้อม

เพื่อนสมาชิกแต่ละท่าน เมื่อโยนิโสมนสิการแล้ว มีสัทธาในธรรมเหล่าใดกันบ้างครับ

การสนทนาธรรมโดยกาล เป็นอุดมมงคล ประการหนึ่ง ./

เจ้าของ:  สัมมาทิฏฐิ [ 31 ธ.ค. 2015, 20:14 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมที่มีอุปการะมาก......เป็นอย่างไร

สวัสดีครับ เพื่อนสมาชิกทุกท่าน

เมื่อผมปฏิบัติภาวนาโดยใช้ สติ ประกอบด้วย โยนิโสมนสิการเป็นเบื้องต้น
มีสัทธาเกิดขึ้นแล้ว มีฉันทะ คือ ความยินดี......ในธรรมสองประเภท กล่าวคือ


ธรรมเหล่าใดเป็นอกุศล ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ มีโทษแก่ผู้ประกอบ
พึงละธรรมเหล่านั้นเสีย

ธรรมเหล่าใดเป็นกุศล ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่มีโทษแก่ผู้ประกอบ
พึงประกอบธรรมเหล่านั้นให้ถึงพร้อม

เพื่อนสมาชิกแต่ละท่าน เมื่อโยนิโสมนสิการแล้ว มีฉันทะ คือ ความยินดี
ในธรรมเหล่าใดกันบ้างครับ

การสนทนาธรรมโดยกาล เป็นอุดมมงคล ประการหนึ่ง ./

เจ้าของ:  student [ 01 ม.ค. 2016, 11:15 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมที่มีอุปการะมาก......เป็นอย่างไร

สัมมาทิฏฐิ เขียน:
สวัสดีครับ เพื่อนสมาชิกทุกท่าน

เมื่อผมปฏิบัติภาวนาโดยใช้ สติ ประกอบด้วย โยนิโสมนสิการเป็นเบื้องต้น
มีสัทธาเกิดขึ้นแล้ว มีฉันทะ คือ ความยินดี......ในธรรมสองประเภท กล่าวคือ


ธรรมเหล่าใดเป็นอกุศล ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ มีโทษแก่ผู้ประกอบ
พึงละธรรมเหล่านั้นเสีย

ธรรมเหล่าใดเป็นกุศล ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่มีโทษแก่ผู้ประกอบ
พึงประกอบธรรมเหล่านั้นให้ถึงพร้อม

เพื่อนสมาชิกแต่ละท่าน เมื่อโยนิโสมนสิการแล้ว มีฉันทะ คือ ความยินดี
ในธรรมเหล่าใดกันบ้างครับ

การสนทนาธรรมโดยกาล เป็นอุดมมงคล ประการหนึ่ง ./


ตรงตามจุดมุ่งหมายเลยครับ

ปรมัตถ์ธรรมคือธรรมที่ควรกำหนดรู้

เมื่อรู้แล้วพึงจำแนกธรรมที่เป็นกุศลกับอกุศล

เมื่อรู้ว่าเป็นอกุศลควรละ ไม่ไปยึดถือเพราะเป็นเหตุแห่งความหม่นหมองใจ

จิต เจตสิก รูป นิพพาน

ตอนนี้มีจุดมุ่งหมายขั้น ละและปล่อยวางธรรม ปล่อยจิตให้เป็นอิสระจากเครื่องพันธนาการ ให้จิตตั้งอยู่กับปรมัตถ์ธรรมที่เป็นสัจธรรมตามความจริงครับ

เจ้าของ:  asoka [ 02 ม.ค. 2016, 05:33 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมที่มีอุปการะมาก......เป็นอย่างไร

สัมมาทิฏฐิ เขียน:
สวัสดีครับ เพื่อนสมาชิกทุกท่าน

เมื่อผมปฏิบัติภาวนาโดยใช้ สติ ประกอบด้วย โยนิโสมนสิการเป็นเบื้องต้น
มีสัทธาเกิดขึ้นแล้ว มีฉันทะ คือ ความยินดี......ในธรรมสองประเภท กล่าวคือ


ธรรมเหล่าใดเป็นอกุศล ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ มีโทษแก่ผู้ประกอบ
พึงละธรรมเหล่านั้นเสีย

ธรรมเหล่าใดเป็นกุศล ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่มีโทษแก่ผู้ประกอบ
พึงประกอบธรรมเหล่านั้นให้ถึงพร้อม

เพื่อนสมาชิกแต่ละท่าน เมื่อโยนิโสมนสิการแล้ว มีฉันทะ คือ ความยินดี
ในธรรมเหล่าใดกันบ้างครับ

การสนทนาธรรมโดยกาล เป็นอุดมมงคล ประการหนึ่ง ./

smiley
เจริญสุข เจริญธรรม ตลอดปีใหม่ 2559 นะคับคุณสัมมาทิฏฐิ
:b37:
เมื่อผมมีโยนิโสมนสิการอยู่กับปัจจุบันอารมณ์ได้ดีถึงที่แล้ว ธรรมที่เกิดเป็นผลตามมาคือ
1.นิวรณ์ 5 สงบรำงับ
2.สังขารทั้งกายและใจสงบรำงับ ความนึกคิดหยุดทำงานไปชั่วคราว จึงได้ความนิ่ง เฉย สงบอยู่ เย็นอยู่ รู้อยู่เป็นผลต่อเนื่องไปอีก

จึงเกิดฉันทะในการเจริญสติอยู่กับปัจจุบันอารมณ์ยิ่งๆขึ้นไป อิทธิบาทธรรมที่เหลือก็เจริญงอกงามตามไปด้วยครับ

:b38:

เจ้าของ:  สัมมาทิฏฐิ [ 07 ม.ค. 2016, 21:29 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมที่มีอุปการะมาก......เป็นอย่างไร

ขออนุโมทนาและขอบคุณ คุณ student และ คุณ asoka

ที่ร่วมกันสนทนาธรรมนะครับ ./

เจ้าของ:  sirinpho [ 24 มี.ค. 2016, 18:49 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมที่มีอุปการะมาก......เป็นอย่างไร

:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  อินทรีย์5 [ 28 มี.ค. 2016, 22:31 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมที่มีอุปการะมาก......เป็นอย่างไร

อ้างคำพูด:
กายของผู้มีใจกอปรด้วยปีติ ย่อมสงบ
ผู้มีกายสงบ
ย่อมเสวยสุข
จิตของผู้มีสุข ย่อมตั้งมั่น

ธรรม 9 อย่าง ล้วนมีพื้นจาก กาย และ จิตสงบ การภาวนา และการมีศีล จะทำให้กายและจิตสงบเร็วขึ้นทำธรรม9 อย่างเกิดขึ้นตามลำดับ และ มีอินทรีย์5 บริบูรณ์

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/