ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

นิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่ายคลายจาง
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=52176
หน้า 1 จากทั้งหมด 3

เจ้าของ:  asoka [ 31 มี.ค. 2016, 23:33 ]
หัวข้อกระทู้:  นิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่ายคลายจาง

:b37:
นิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่ายคลายจาง ด้วยความที่เห็นความจริงว่าสิ่งที่เรายังยึดยังหลงอยู่ทั้งหมดนี้มันมีแต่ทุกข์ ทนอยู่ไม่ได้ เปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา บังคับบัญชาอะไรให้เป็นไปตามใจไม่ได้เลย จึงเกิดความเบื่อหน่ายคลายกำหนัดสลัดทิ่งหรือปล่อยวางสิ่งที่หลงยึดถือไว้นั้น

ต้องมีความเบื่ออย่างนี้เกิดขึ้นในใจจริงๆเสียก่อนนะครับจึงจะวางและปล่อยทุกสิ่งได้จริงๆ

สิ่งที่ต้องปล่อยได้อย่างยิ่งคือความเห็นผิด ยึดผิดว่ากายใจก้อนนี้เป็นของเรา เป็นอัตตา ตัวกูของกู

วิธีปฏิบัติที่จะให้เกิดความเบื่อหน่ายจนคลายวางความเห็นผิดยึดผิดว่าเป็นตัวกูของกูก็ต้องมานั่งเผชิญหน้ากับความจริงในกายในใจที่แสดงให้รู้อยู่ทุกขณะในปัจจุบัน สังเกตดูมันให้ดี ที่ใดมีความทุกข์กายทุกข์ใจเกิดขึ้นที่นั่นแหละจะทำให้เห็น ทุกขัง ความทนอยู่ไม่ได้ อนิจจัง ความเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา และอนัตตา ความบังคับบัญชาไม่ได้ ยิ่งเจ็บปวดทรมานทุกข์มากเท่าไหร่ ถ้าทนนิ่งดูนิ่งสังเกตอยู่ได้ไม่ถอยหนีก็ยิ่งจะเห็นความจริงชัดและเกิดความเบื่อหน่ายคลายจางวางความเห็นผิดยึดผิดได้มากและรวดเร็วยิ่งขึ้นเท่านั้น

จงบริหารเวลาของชีวิตให้ดีให้ได้มีโอกาสมานิ่งดูนิ่งสังเกตกายใจที่ปัจจุบันขณะ ปัจจุบันอารมณ์ให้ได้วันละ 1-3 ครั้งๆละประมาณ 1 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ทำอย่างสม่ำเสมอทุกวันไป ตามเหตุปัจจัยของตน ถ้าทำได้อย่างนี้ ชีวิตนี้ย่อมมีหวังได้ ว่าจะหมดทุกข์ พบความสุขกายใจที่คงมั่นนิรันดร คือนิพพานสุข อันเป็นที่สุดสิ้นภพชาติและความเวียนว่ายตายเกิด


อโศกะ
25 มีค.59
:b36:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 03 เม.ย. 2016, 21:52 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: นิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่ายคลายจาง

กลัวกระทู้อโสกะ..ตกขอบ

ยกให้ขึ้นมาหน่อย... :b12: :b12: :b12:

เจ้าของ:  student [ 04 เม.ย. 2016, 00:05 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: นิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่ายคลายจาง

เป็นทางแห่งความเยื่อหน่ายคลายจาง ต้องน้อมลงสู่ความเป็นทุกข์ ไม่เที่ยง เป็นอนัตตา

ถ้าเป็นความเบื่อหน่ายเพราะอำนาจกิเลส ผิดหวัง ไม่สมหวัง พลาดพลั้ง อะไรต่างๆล้วนเป็นกิเลส

เป็นความเบื่อหน่ายคนละสภาวะกัน

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 04 เม.ย. 2016, 06:25 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: นิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่ายคลายจาง

:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  โฮฮับ [ 04 เม.ย. 2016, 07:55 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: นิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่ายคลายจาง

asoka เขียน:
นิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่ายคลายจาง ด้วยความที่เห็นความจริงว่าสิ่งที่เรายังยึดยังหลงอยู่ทั้งหมดนี้มันมีแต่ทุกข์ ทนอยู่ไม่ได้ เปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา บังคับบัญชาอะไรให้เป็นไปตามใจไม่ได้เลย จึงเกิดความเบื่อหน่ายคลายกำหนัดสลัดทิ่งหรือปล่อยวางสิ่งที่หลงยึดถือไว้นั้น

ต้องมีความเบื่ออย่างนี้เกิดขึ้นในใจจริงๆเสียก่อนนะครับจึงจะวางและปล่อยทุกสิ่งได้จริงๆ


พูดเพ้อเป็นน้ำท่วมทุ่ง ดูแล้วไม่ต่างจากนกแก้วนกขุนทอง
ที่พูดจ้อไปเรื่อยโดยไม่เข้าใจในสิ่งที่ตัวพูด

คำว่า "นิพพิทาญาณ" มันเป็นคำที่เป็นสองความหมายมารวมกัน
นิพพิทา เป็นคำหนึ่ง ญานก็เปนอีกคำหนึ่ง

เมื่อเอารวมกันจึงได้ใจความว่า....."การได้เห็นสภาพธรรมที่เป็นจริงของความเป็นอนิจจัง จึงทำให้เกิด
ความเบื่อหน่ายต่อสภาพธรรมนั้น".....จากในเครื่องหมายคำพูด เรียกว่า ญาน

asoka เขียน:
สิ่งที่ต้องปล่อยได้อย่างยิ่งคือความเห็นผิด ยึดผิดว่ากายใจก้อนนี้เป็นของเรา เป็นอัตตา ตัวกูของกู:


ผิดถูกมันมีซะที่ไหนกัน มันมีแต่"เห็นกับไม่เห็น"
เป็นเพราะบุคคลที่ติดในอวิชชามองไม่เห็นสภาพธรรมที่เป็นจริง...พิจารณาประโยคให้ดีว่า ...สภาพธรรม
ที่ปัจจุบันนั้นมันมีอยู่เพียงมองไม่เห็น

asoka เขียน:
วิธีปฏิบัติที่จะให้เกิดความเบื่อหน่ายจนคลายวางความเห็นผิดยึดผิดว่าเป็นตัวกูของกูก็ต้องมานั่งเผชิญหน้ากับความจริงในกายในใจที่แสดงให้รู้อยู่ทุกขณะในปัจจุบัน สังเกตดูมันให้ดี ที่ใดมีความทุกข์กายทุกข์ใจเกิดขึ้นที่นั่นแหละจะทำให้เห็น ทุกขัง ความทนอยู่ไม่ได้ อนิจจัง ความเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา และอนัตตา ความบังคับบัญชาไม่ได้ ยิ่งเจ็บปวดทรมานทุกข์มากเท่าไหร่ ถ้าทนนิ่งดูนิ่งสังเกตอยู่ได้ไม่ถอยหนีก็ยิ่งจะเห็นความจริงชัดและเกิดความเบื่อหน่ายคลายจางวางความเห็นผิดยึดผิดได้มากและรวดเร็วยิ่งขึ้นเท่านั้น


คนพูดไม่ได้มีความเข้าใจในอริยสัจจ์๔ครับ อโสกะหลงเข้าใจไปว่า ไม่สบายใจ
เป็นความทุกข์.....ผิดถนัด
จะเอาคำว่าทุกข์ มาใช้กับคำว่าทุกข์ใจไม่ได้ เพราะความไม่สบายใจไม่ใช่ทุกข์ แต่เป็น สมุทัย

asoka เขียน:
จงบริหารเวลาของชีวิตให้ดีให้ได้มีโอกาสมานิ่งดูนิ่งสังเกตกายใจที่ปัจจุบันขณะ ปัจจุบันอารมณ์ให้ได้วันละ 1-3 ครั้งๆละประมาณ 1 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ทำอย่างสม่ำเสมอทุกวันไป ตามเหตุปัจจัยของตน ถ้าทำได้อย่างนี้ ชีวิตนี้ย่อมมีหวังได้ ว่าจะหมดทุกข์ พบความสุขกายใจที่คงมั่นนิรันดร คือนิพพานสุข อันเป็นที่สุดสิ้นภพชาติและความเวียนว่ายตายเกิด


พูดแบบนี้ไม่จากกับคนสติวิปลาศครับ การจะทำการอย่างหนึ่งอย่างใด(อิทธิบาท)
มันต้องมีจุดมุ่งหมาย มันไม่ใช่ทำอะไรโดยไม่รู้ว่าทำเพื่ออะไรและจุดมุ่งหมายคืออะไร

อโสกะไม่ได้เรื่องครับ อาศัยไปจำบัญญัติธรรมะมาโพสทั้งๆที่ไม่ได้มีความเข้าใจ
ในบัญญัตินั้นๆเลยสักนิด :b32:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 04 เม.ย. 2016, 21:27 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: นิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่ายคลายจาง

:b32: :b32: :b32:

เจ้าของ:  asoka [ 07 เม.ย. 2016, 17:15 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: นิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่ายคลายจาง

Kiss
สงสารโฮฮับจังที่หลงผิดไปกับความเห็นที่ผิดๆของตนเอง

ถ้าไม่มีผิดไม่มีถูก คำว่า สัมมาทิฏฐิกับ มิจฉาทิฏฐิคงไม่ถูกบัญญัติขึ้นมาใช้

เรื่องที่ง่ายๆ ธรรมะที่ถูกทำให้ง่ายๆ โฮฮับกลับไม่เข้าและตีความให้เป็นยากไปหมด นี่คือความวิปลาศอันเกิดจากความเห็นผิด เข้าใจผิด
:b7:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 08 เม.ย. 2016, 05:40 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: นิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่ายคลายจาง

:b32: :b32: :b32:

ตรงไหนถูก...ก็เอาไปแก้ไข...

ถ้าใครพูดว่าตนก็ผิดหมด..ตนถูกหมดทุกข้อ...อย่างนี้..ก็น่าจะเอะใจตนบ้างนะ...

:b9: :b9:

เจ้าของ:  โฮฮับ [ 08 เม.ย. 2016, 10:02 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: นิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่ายคลายจาง

asoka เขียน:

สงสารโฮฮับจังที่หลงผิดไปกับความเห็นที่ผิดๆของตนเอง

ถ้าไม่มีผิดไม่มีถูก คำว่า สัมมาทิฏฐิกับ มิจฉาทิฏฐิคงไม่ถูกบัญญัติขึ้นมาใช้

เรื่องที่ง่ายๆ ธรรมะที่ถูกทำให้ง่ายๆ โฮฮับกลับไม่เข้าและตีความให้เป็นยากไปหมด นี่คือความวิปลาศอันเกิดจากความเห็นผิด เข้าใจผิด
:b7:


อวิชชา คือ ไม่รู้ ...ที่ไม่รู้ก็เพราะไม่เคยเห็นหรือไม่รู้ว่ามีสิ่งนั้นสิ่งนี้

ธรรมง่ายๆ ไม่มีปัญญามันก็ไม่รุ้ ...ไม่เห็นว่ามันจะยากตรงไหน :b32:

เจ้าของ:  โฮฮับ [ 08 เม.ย. 2016, 10:07 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: นิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่ายคลายจาง

กบนอกกะลา เขียน:
:b32: :b32: :b32:

ตรงไหนถูก...ก็เอาไปแก้ไข...

ถ้าใครพูดว่าตนก็ผิดหมด..ตนถูกหมดทุกข้อ...อย่างนี้..ก็น่าจะเอะใจตนบ้างนะ...

:b9: :b9:


มันอยู่ที่สามารถแก้ไขหรือโต้ตอบความเห็นของเขาได้หรือไม่.......นี่คือประเด็น

ไม่เห็นด้วยตรงไหนและที่จริงตรงเป็นอย่างไร ก็แสดงมาอย่างเปิดเผย

ธรรมะไม่ใช่การพูดจาสร้างวาทะกรรม......มันดูน่าขำกึ่งสังเวช :b32:

เจ้าของ:  asoka [ 08 เม.ย. 2016, 18:25 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: นิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่ายคลายจาง

:b34:
อ้างคำพูด:
พูดเพ้อเป็นน้ำท่วมทุ่ง ดูแล้วไม่ต่างจากนกแก้วนกขุนทอง
ที่พูดจ้อไปเรื่อยโดยไม่เข้าใจในสิ่งที่ตัวพูด

คำว่า "นิพพิทาญาณ" มันเป็นคำที่เป็นสองความหมายมารวมกัน
นิพพิทา เป็นคำหนึ่ง ญานก็เปนอีกคำหนึ่ง

เมื่อเอารวมกันจึงได้ใจความว่า....."การได้เห็นสภาพธรรมที่เป็นจริงของความเป็นอนิจจัง จึงทำให้เกิด
ความเบื่อหน่ายต่อสภาพธรรมนั้น".....จากในเครื่องหมายคำพูด เรียกว่า ญาน

:b12:
เพียงแค่ข้อความท่อนนี้ที่อ้างอิงมาก็แสดงให้เห็นแล้วว่าโฮฮับรู้ไม่จริง รู้ไม่รอบแล้วจับมากระเดียด

นิพพิทาญาณ
นิพพิทา=ความเบื่อหน่าย(ที่เกิดจากการเห็นความจริง)
ญาณ=ปัญญา ความรู้ตามที่เป็นจริง

การรู้จริงด้วยเห็นอนิจจังชัด เห็นทุกขังชัด เห็นอนัตตาชัด ทั่ง 3 อย่างจะชัดอย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้แล้วแต่บุญวาสนาบารมีที่สร้างสมมาของผู้ปฏิบัติแต่ละท่านแต่ละคนย่อมสามารถทำให้เกิดนิพพิทาความเบื่อหน่ายคลายจางละวางสลัดคืนความเห็นผิดยึดผิดได้ทั้งสิ้น

ไม่ใช่แค่เห็นอนิจจังอย่างที่โฮฮับเข้าใจนะครับ
ดูภาพประกอบด้านบนแล้วจะเข้าใจดียิ่งขึ้น พระบรมศาสดาทรงสอนไว้ชัดเจน
onion

ไฟล์แนป:
ประตูทางออกสู่นิพพาน_.jpg
ประตูทางออกสู่นิพพาน_.jpg [ 50.12 KiB | เปิดดู 2980 ครั้ง ]

เจ้าของ:  โฮฮับ [ 09 เม.ย. 2016, 08:18 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: นิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่ายคลายจาง

asoka เขียน:

ไม่ใช่แค่เห็นอนิจจังอย่างที่โฮฮับเข้าใจนะครับ
ดูภาพประกอบด้านบนแล้วจะเข้าใจดียิ่งขึ้น พระบรมศาสดาทรงสอนไว้ชัดเจน
onion


ภาพที่อโสกะเอามาประกอบดและอ้างว่าพระศาสดาทรงสอนไว้ เป็นการอ้างที่น่าไม่อายมาก

ภาพดังกล่าวดูก็รู้ว่าผู้สอนไม่ได้มีความรู้ทางธรรมที่แท้จริง

พูดโดยไม่รู้ว่าความแตกต่างของ อนิจจังและอนิจลักษณะ ...ทุกขังและทุกลักษณะ...อนัตตาและอนัตลักษณะ เป็นเช่นไร
ในภาพเป็นการเอาธรรมมาพูดผสมปนเปกันให้มั่วไปหมด ไม่แยกแยะอนิจังและอนิจลักษณะทั้งๆที่มันเป็น
คนละอย่างกัน ทุกขังและอนัตตาก็เช่นกัน

อโสกะอย่างรู้มั้ยว่ามันแตกต่างกันอย่างไร ถ้าอยากรู้ก็ร้องขอมา
แบบว่าขี้เกียจอธิบายกลัวเสียของ :b32:

เจ้าของ:  asoka [ 09 เม.ย. 2016, 08:29 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: นิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่ายคลายจาง

โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:

ไม่ใช่แค่เห็นอนิจจังอย่างที่โฮฮับเข้าใจนะครับ
ดูภาพประกอบด้านบนแล้วจะเข้าใจดียิ่งขึ้น พระบรมศาสดาทรงสอนไว้ชัดเจน
onion


ภาพที่อโสกะเอามาประกอบดและอ้างว่าพระศาสดาทรงสอนไว้ เป็นการอ้างที่น่าไม่อายมาก

ภาพดังกล่าวดูก็รู้ว่าผู้สอนไม่ได้มีความรู้ทางธรรมที่แท้จริง

พูดโดยไม่รู้ว่าความแตกต่างของ อนิจจังและอนิจลักษณะ ...ทุกขังและทุกลักษณะ...อนัตตาและอนัตลักษณะ เป็นเช่นไร
ในภาพเป็นการเอาธรรมมาพูดผสมปนเปกันให้มั่วไปหมด ไม่แยกแยะอนิจังและอนิจลักษณะทั้งๆที่มันเป็น
คนละอย่างกัน ทุกขังและอนัตตาก็เช่นกัน

อโสกะอย่างรู้มั้ยว่ามันแตกต่างกันอย่างไร ถ้าอยากรู้ก็ร้องขอมา
แบบว่าขี้เกียจอธิบายกลัวเสียของ :b32:

:b12:
นี่แหละคือเหตุผลที่บอกว่าโฮฮับเกิดวิปลาศธรรมไปเสียแล้ว เพราะไม่เข้าใจอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อย่างถูกต้อง

แผนภูมินี้เป็นภาพที่หลวงพ่อพุทธวาทีแห่งวัดโกไมล์เมืองย่างกุ้งซึ่งมีฉายานามว่า "อัครมหาธัมจริยะ"ได้เมตตาสรุปเป็นภาพให้ง่ายต่อการศึกษาทางออกหรือประตูสู่นิพพานมีอยู 3 ประตู

ซึ่งสติปัญญาที่ผิดเพี้ยนไปแล้วของโฮฮับคงยากจะรูเรื่องหรือเข้าใจได้
"กัมมุนาวัฏฏิโลโก"
:b7:

เจ้าของ:  โฮฮับ [ 09 เม.ย. 2016, 11:49 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: นิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่ายคลายจาง

asoka เขียน:
โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:

ไม่ใช่แค่เห็นอนิจจังอย่างที่โฮฮับเข้าใจนะครับ
ดูภาพประกอบด้านบนแล้วจะเข้าใจดียิ่งขึ้น พระบรมศาสดาทรงสอนไว้ชัดเจน
onion


ภาพที่อโสกะเอามาประกอบดและอ้างว่าพระศาสดาทรงสอนไว้ เป็นการอ้างที่น่าไม่อายมาก

ภาพดังกล่าวดูก็รู้ว่าผู้สอนไม่ได้มีความรู้ทางธรรมที่แท้จริง

พูดโดยไม่รู้ว่าความแตกต่างของ อนิจจังและอนิจลักษณะ ...ทุกขังและทุกลักษณะ...อนัตตาและอนัตลักษณะ เป็นเช่นไร
ในภาพเป็นการเอาธรรมมาพูดผสมปนเปกันให้มั่วไปหมด ไม่แยกแยะอนิจังและอนิจลักษณะทั้งๆที่มันเป็น
คนละอย่างกัน ทุกขังและอนัตตาก็เช่นกัน

อโสกะอย่างรู้มั้ยว่ามันแตกต่างกันอย่างไร ถ้าอยากรู้ก็ร้องขอมา
แบบว่าขี้เกียจอธิบายกลัวเสียของ :b32:

:b12:
นี่แหละคือเหตุผลที่บอกว่าโฮฮับเกิดวิปลาศธรรมไปเสียแล้ว เพราะไม่เข้าใจอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อย่างถูกต้อง

แผนภูมินี้เป็นภาพที่หลวงพ่อพุทธวาทีแห่งวัดโกไมล์เมืองย่างกุ้งซึ่งมีฉายานามว่า "อัครมหาธัมจริยะ"ได้เมตตาสรุปเป็นภาพให้ง่ายต่อการศึกษาทางออกหรือประตูสู่นิพพานมีอยู 3 ประตู

ซึ่งสติปัญญาที่ผิดเพี้ยนไปแล้วของโฮฮับคงยากจะรูเรื่องหรือเข้าใจได้
"กัมมุนาวัฏฏิโลโก"
:b7:


การสนทนาหรือการถกธรรม จะต้องพูดด้วยเหตุผลของธรรม.....
การพูดจากระแนะกระแหน่หรืออ้างชื่อใครต่อใครมาเพื่อข่มชาวบ้าน....แบบนี้ท่านว่า เก่งแต่ปาก

ผมบอกว่า ภาพมันมั่ว อะไรบ้างผมก็บรรยายไว้ในความเห็นแล้ว
ผมเข้าใจหรือไม่เข้าใจอย่างไร ก็แย้งมาไม่ใช่ไปอ้างชื่อใครก็ไม่รู้....ไม่มีใครเขากลัวหรอก อโสกะเอ๋ย :b32:

เจ้าของ:  asoka [ 11 เม.ย. 2016, 06:49 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: นิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่ายคลายจาง

:b34:
มั่วตรงไหนอธิบายและแจกแจงมาซิ?
s006

หน้า 1 จากทั้งหมด 3 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/