ความไม่สิ้นสุดของการท่องเที่ยวผ่านภพภูมิต่างๆด้วยความไม่รู้ความจริงจนกว่าจะถึงนิพพาน

กระแสกิเลสของตนที่ไหลไปในสังสารวัฏที่ยาวนานไม่สิ้นสุดแล้วตอนที่สติไม่ทันปัจจุบันขณะ

คุณโรสว่า สังสารวัฏคือการท่องเที่ยวไปผ่านภพภูมิต่างๆ แล้วตอนนี้ พวกเราอยู่ในภพไหนภูมิ ใด แล้วสติจะมาทันขณะปัจจุบันได้ยังไง ในเมื่อเรากำลังท่องเที่ยวอยู่

(ปัจจุบัน ตามความเข้าใจคุณโรส จากไหนถึงไหนปัจจุบัน)

แล้วสติจะมาทันขณะปัจจุบันได้ยังไง ในเมื่อเรากำลังท่องเที่ยวอยู่

Kiss

คุณกรัชกายพูดคำว่าเรา
มาแล้วค่ะตัวตนเต็มๆ
สติรู้ว่าไม่มีตัวตน
มีแต่ธัมมะเลย

ไม่มีใครเลยมีแต่ธัมมะจิต+เจตสิก+รูปแต่ละ1ของจิตแต่ละดวงตามเหตุปัจจัย
เป็นจิตแต่ละดวงมาเสวยกรรมของตนที่กำลังมีปัจจุบันขณะทีละ1เดี๋ยวนี้เลยค่ะ

ขอเพิ่มเติมรายละเอียดให้ทราบแน่ชัดตามความเข้าใจค่ะ
พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมให้เข้าใจความจริงที่มีจริงๆ
ว่าที่เป็นเรามีตัวตนเป็นธัมมะที่รวมประชุมกันของสภาพธรรม
คือธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6ที่กำลังเกิดดับกำลังปรากฏอยู่ตลอดเวลากำลังมีค่ะ

ตาเห็นรูปมีสภาพธรรม3อย่างที่ปรากฏให้เห็น/เห็นเป็นธัมมะเดียวที่ปรากฏให้เห็นเท่านั้น
ทรงแสดงความจริงของเห็นว่ากำลังเห็นมีจริงๆเป็นธัมมะไม่ใช่เราไม่ใช่ตัวตน
องค์ประกอบของธัมมะ3อย่างที่ปรากฏการเกิดดับคือจักขุวิญญาณ(จิตเห็น)
อาศัยการเกิดของเห็นผ่านตาตอนกำลังลืมตาและตาไม่บอดเมื่อปรากฏแสง
มากระทบที่รูปอายตนะภายในคือจักขุประสาทรูป(รูปๆหนึ่งที่อยู่ตรงกลางตา)
และมีรูปภายนอกที่ปรากฏที่มหาภูตรูปเป็นสีสันหลากหลายมากที่เกิดดับรวดเร็ว
จนปรากฏเป็นนิมิตของสัตว์บุคคลวัตถุสิ่งของเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้
ตาเห็นรูป=จักขุวิญญาณ+จักขุปสาทรูป+รูปที่มหาภูตรูป(แสง/สี)
ตาไม่เห็นแต่เป็นจิตเห็นเพราะจิตเห็นเป็นธัมมะเป็นธาตุรู้สภาพรู้สี(ตาและรูปเป็นธาตุไม่รู้ค่ะ)
การเกิดของเห็นเป็นการปรากฏของเหตุปัจจัยที่กำลังเกิดดับสืบต่อละเอียดเป็นจิต/เจตสิก/รูปค่ะ

Kiss

คุณกรัชกายพูดคำว่าเรา
มาแล้วค่ะตัวตนเต็มๆ
สติรู้ว่าไม่มีตัวตน
มีแต่ธัมมะเลย

ไม่มีใครเลยมีแต่ธัมมะจิต+เจตสิก+รูปแต่ละ1ของจิตแต่ละดวงตามเหตุปัจจัย
เป็นจิตแต่ละดวงมาเสวยกรรมของตนที่กำลังมีปัจจุบันขณะทีละ1เดี๋ยวนี้เลยค่ะ

วิตกกังวลกับคุณโรสจริงๆ จะพูดกับคนไม่รู้เรื่องก็เพราะเรียนธัมมะแบบคุณโรสนี่แหละ คิกๆๆ

เอาสถานการณ์นี้ คุณโรสไปทำบัตรประชาชนที่อำเภอ

ไปถึงเจ้าหน้าที่ถามว่า คุณพี่มาทำอะไรค่ะ ?

คุณโรส "จิต เจตสิก รูป นิพพาน" ชี้นิ้วมาที่ตนเอง แล้วพยักหน้าบ้าง ส่ายหน้าบ้าง ตัวตนไม่มี เรา เขา ไม่มี พี่ น้องเป็นต้น ไม่มี

จนท.ถามต่อว่า พี่เป็นใบ้หรือคะ?

คุณโรสส่ายหน้า ร้อง อึ อึ

จนท. พูดต่อ พี่เจ็บท้องอึหรือคะ ห้องน้ำทางโน้นค่ะ ไปถ่ายแล้วมายื่นคำร้องนะคะ

ฯลฯ พอๆขำ

นักธรรมประเทศไทย

ทะลึ่งน๊ายกตัวอย่างไม่เหมาะสม
สาวสวยเดินไปไหนใครก็มอง
ใครจะไปทำอะไรน่าเกลียด
ต่อน่าสาธุชนสาธารณชน
ถ้าจะไปห้องสุขาก็ถาม
ทำไมต้องทำแบบที่
ยกตัวอย่างมาล่ะ
ไม่มีสติแล้วน๊า

รู้ทั้งความจริงทั้ง2อย่าง
ทำถูกตามความจริงและสมมุติ

คุณกรัชกายพูดคำว่า เรา
มาแล้วค่ะตัวตนเต็มๆ
สติรู้ว่าไม่มีตัวตน
มีแต่ธัมมะเลย

คุณโรสพูดกลับไปกลับมานะขอรับ พูดไปหยกๆ เรา เขา ตัวตน ไม่มี

https://www.youtube.com/watch?v=GysoYuSqbaw

แต่ทำเฉยๆ ไม่เอ่ยไม่พูดอะไร
เพราะถึงยังไงโรสก็เลื่อนก็ใหลอยู่ดี

ก็ทำโน่นนี่นั่นไปก็รู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ตามปกติเป็นปกติจะให้ว่าอื่นก็ต้องมุสาวาท
ปัญญา (เทียบกับเงินตามสมมุติ) ใช้ในการช๊อปปิ้งตลาดมรรค ผล นิพพาน
ตัวเงินจริงๆใช้สอยแค่ใช้จ่ายตามสมมุติเท่านั้นแหละส่วนพระภิกษุสงฆ์
มีเงินเดือนที่จ่ายเป็นรายวันจากพระพุทธเจ้าแล้ววันละบาตรจริงไหม

รู้ตัวทั่วพร้อมอยู่

ส่วนพระภิกษุสงฆ์
มีเงินเดือนที่จ่ายเป็นรายวันจากพระพุทธเจ้าแล้ววันละบาตรจริงไหม

ก็ทำโน่นนี่นั่นไปก็รู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ตามปกติเป็นปกติจะให้ว่าอื่นก็ต้องมุสาวาท
ปัญญา(เทียบกับเงินตามสมมุติ)ใช้ในการช๊อปปิ้งตลาดมรรค ผล นิพพาน
ตัวเงินจริงๆใช้สอยแค่ใช้จ่ายตามสมมุติเท่านั้นแหละส่วนพระภิกษุสงฆ์
มีเงินเดือนที่จ่ายเป็นรายวันจากพระพุทธเจ้าแล้ววันละบาตรจริงไหม

รู้ตัวทั่วพร้อมอยู่

แฟนเป็นคนที่เสเพลมาก กินเหล้า แบบว่าไม่ได้เรื่องน่ะค่ะ

แต่มีหมอดูหลายท่านทักว่าถ้าแฟนได้ศึกษาธรรมะอย่างจริงจังจะบวชไม่สึกตลอดชีวิต
ตอนแรกดิฉันคบกับแฟนก็ไม่ทราบหรอกนะคะว่ามีหมอดูเคยทักไว้กับพ่อแม่แฟน

ดิฉันเป็นคนชอบทำบุญทำทาน นั่งสมาธิและสวดมนต์ แฟน ก็ทำตามดิฉันเพราะดิฉันบังคับแรกๆเมื่อไม่กี่วันนี้พาแฟนไปนั่งสมาธิมา (แบบยุบหนอพองหนอ) แค่ไม่กี่ชั่วโมง แฟนดิฉันก็ผิดปกติไปค่ะ

เค้าตื่นมาจากสมาธิ เค้าถามดิฉันว่า รู้สึกถึงลมหายใจที่ชัดเห็นเค้ารู้สึกว่าส่วนท้องเค้ามันยุบลงไปแค่ไหนอย่างไรเวลาหายใจเข้าออก เวลาเดินจงกรม เค้ารู้สึกถึงเท้าที่ย่ำลงพื้นว่าส่วนไหนที่กระทบพื้นชัดเจน

เค้าถามดิฉันว่ามันคืออะไร ดิฉันได้แต่นั่ง ไม่เคยเป็นแบบนี้เลยค่ะ

กลับมาจากวัดเค้าพูดว่า เค้าสดชื่น จับพวงมาลัยรถรู้ว่า มือเค้าจับพวงมาลัย รู้สึกชัดเจนมากๆ มีสติ
เค้าบอกเค้าเข้าใจถึงคำว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานว่ามันมีจริงๆ เหมือนคนใส่เเว่นมัวๆมาแล้วเช็ดจนมันใสชัดเจน

เค้าพูดแต่เรื่องนั่งสมาธิ กลับมาเค้าไม่ดื่มเหล้า สวดมนต์ นั่งสมาธิ ยิ้ม ใจเย็นและดูจะอิ่มบุญมากมาหลายวันแล้วค่ะ

ดิฉันดีใจค่ะที่เค้าเป็นแบบนี้ เค้าบอกเค้ากลัวที่ไปสูบบุหรี่ หรือ กินเหล้าอีกความรู้สึกแบบนี้จะหายไป
เค้ากำลังเข้าถึงสมาธิใช่ไหมคะ ดิฉันจะพาเค้าไปนั่งบ่อยๆเค้าจะได้เป็นคนดี

ดิฉันอยากนั่งได้แบบเค้าจังเลยค่ะ ทำมาตั้งนานก็ยังไม่เป็นเหมือนเค้า เค้านั่งแป๊บเดียวเองไม่เคยสนใจเรื่องนี้ด้วย

มันน่าน้อยใจนัก!!

ไปจำเขามาพูดอีก

ปัญญา ตามที่คุณโรสว่า บอกความหมายชัดๆสิครับอะไร



ก่อนตอบว่าจริงไม่จริง ขอชัดๆก่อนว่า อะไร วันละบาตร เงินวันละบาตรหรอ เต็มบาตรก็มิใช่น้อยนะ ถ้าเป็นแบงค์พัน

ความจริงน๊าพระพุทธเจ้าไม่ให้หุงหาอาหารนี่
วันละบาตรแน่อยู่แล้วแต่เป็นอาหารไม่ใช่เงินน๊า
พระภิกษุในธรรมวินัยต้องบิณฑบาตทุกวันไหมคะ
สมัยพุทธกาลสละออกบวชเพราะรู้อัธยาศัยของตน
ว่าสามารถขัดเกลากิเลสเพื่อบรรลุธรรมในเพศบรรพชิต
เศรษฐีสละสมบัติ80โกฏิ กษัตริย์ และเชื้อพระวงศ์กษัริย์
พระพุทธเจ้าสละสมบัติพระมหาจักรพรรดิ์ออกบวชเชียวน๊า
ไม่สวมรองเท้านุ่งห่มครองผ้า3ผืนออกเดินบิณฑบาตยังชีพ
ทรงบัญญัติพระวินัยซึ่งเป็นความประพฤติข้อแรกของพระภิกษุ
ห้ามพระภิกษุในธรรมวินัยรับเงินและทองถ้ารับตายแล้วไปนรกน๊า

คุณโรสดูนี่

https://scontent.fbkk5-4.fna.fbcdn.net/ ... e=57DB79AE

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater