วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 21:53  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 79 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2020, 00:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
พระพุทธเจ้าตรัสจำแนกกามโภคี คือ ชาวบ้าน ๑๐ ประเภท พร้อมทั้งส่วนดี ส่วนเสีย ของแต่ละประเภท มีใจความดังนี้

@กลุ่มที่หนึ่ง แสวงหาไม่ชอบธรรม

๑.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม, ได้ทรัพย์มาแล้ว ไม่เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิทั้ง ๓ สถาน

๒.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม, ได้ทรัพย์แล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข แต่ไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๒ สถาน ควรชม ๑ สถาน

๓.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม, ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งเผื่อแผ่แบ่งปัน และใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๑ สถาน ควรชม ๒ สถาน

@กลุ่มที่สอง แสวงหาชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง

๔.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง, ได้ทรัพย์มาแล้ว ไม่เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๓ สถาน ควรชม ๑ สถาน

๕.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง, ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข แต่ไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๒ สถาน ควรชม ๒ สถาน

๖.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง, ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งเผื่อแผ่แบ่งปัน และใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๑ สถาน ควรชม ๓ สถาน

@กลุ่มที่สาม แสวงหาชอบธรรม

๗.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรม, ได้ทรัพย์แล้ว ไม่เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๒ สถาน ควรชม ๑ สถาน

๘.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรม, ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข แต่ไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๑ สถาน ควรชม ๒ สถาน

๙.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรม, ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งเผื่อแผ่แบ่งปัน และใช้ทรัพย์นั้นทำความดี แต่ยังติด ยังหมกมุ่น กินใช้ทรัพย์สมบัติ โดยไม่รู้เท่าทันเห็นโทษ ไม่มีปัญญาที่จะทำตนให้เป็นอิสระ ไม่เป็นนายเหนือโภคทรัพย์ ควรชม ๓ สถาน ควรตำหนิ ๑ สถาน

พวกพิเศษ แสวงหาชอบธรรม และกินใช้อย่างมีสติสัมปชัญญะ มีจิตใจเป็นอิสระ

๑๐.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรม, ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข เผื่อแผ่แบ่งปัน และใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ไม่ลุ่มหลง ไม่หมกมุ่นมัวเมา กินใช้ทรัพย์สมบัติ โดยรู้เท่าทัน เห็นคุณโทษ ทางดีทางเสียของมัน มีปัญญาทำตนให้เป็นอิสระ เป็นนายเหนือโภคทรัพย์ เป็นชาวบ้านชนิดที่เลิศ ประเสริฐ สูงสุด ควรชม ทั้ง ๔ สถาน.
(สํ.สฬ.18/631-643/408-415 ฯลฯ)


การจำแนกโดยวิภัชชวาทแบบนี้ ทำให้ความคิด และการวินิจฉัยเรื่องราวต่างๆ ชัดเจนตรงไปตรงมา ตามความเป็นจริง และเท่าความจริง พอดีกับความจริง จะไม่เกิดความสับสนในเรื่องต่างๆ


# วิภัชชวาที "ผู้กล่าวจำแนก" "ผู้แยกแยะพูด" เป็นคุณบทคือคำแสดงคุณลักษณะอย่างหนึ่งของพระพุทธเจ้า หมายความว่า ทรงแสดงธรรมแยกแยะแจกแจงออกไปให้เห็นว่า สิ่งทั้งหลายเกิดจากส่วนประกอบย่อยๆ มาประชุมกันเข้าอย่างไร เช่น แยกแยะกระจายนามรูปออกเป็นขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๒ ธาตุ ๑๘ อินทรีย์ ๒๒

สิ่งทั้งหลาย มีด้านที่เป็นคุณ และด้านที่เป็นโทษอย่างไร เรื่องนั้นๆ มีข้อจริงข้อเท็จอะไรบ้าง การกระทำอย่างนั้นๆ มีแง่ถูกแง่ผิดแง่ที่ดี และแง่ไม่ดีประการใด เป็นต้น เพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจสิ่งนั้นเรื่องนั้นอย่างชัดเจน มองเห็นสิ่งทั้งหลายตามเป็นจริง เช่น มองเห็นความเป็นอนัตตา เป็นต้น ไม่มองอย่างตีคลุมหรือเห็นแต่ด้านเดียวแล้วยึดติดในทิฏฐิต่างๆ อันทำให้ไม่เข้าใจถึงความจริงแท้ตามสภาวะ


คริคริ

แม้นหาเงิน หาตำแห่ง มาด้วยอกุศลจิต ก็มาเป็นปัจจัย ให้เกิด กุศลจิตได้
ด้วยอำนาจ อารัมมณปัจจัย และปกตูปนิสสยปัจจัย

ยืนยัน พระเจ้าอโศกมหาราช โมเดล

ภายหลังพระพุทธศาสนานับถือ จารึก

tongue tongue tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2020, 19:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
พระพุทธเจ้าตรัสจำแนกกามโภคี คือ ชาวบ้าน ๑๐ ประเภท พร้อมทั้งส่วนดี ส่วนเสีย ของแต่ละประเภท มีใจความดังนี้

@กลุ่มที่หนึ่ง แสวงหาไม่ชอบธรรม

๑.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม, ได้ทรัพย์มาแล้ว ไม่เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิทั้ง ๓ สถาน

๒.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม, ได้ทรัพย์แล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข แต่ไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๒ สถาน ควรชม ๑ สถาน

๓.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม, ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งเผื่อแผ่แบ่งปัน และใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๑ สถาน ควรชม ๒ สถาน

@กลุ่มที่สอง แสวงหาชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง

๔.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง, ได้ทรัพย์มาแล้ว ไม่เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๓ สถาน ควรชม ๑ สถาน

๕.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง, ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข แต่ไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๒ สถาน ควรชม ๒ สถาน

๖.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง, ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งเผื่อแผ่แบ่งปัน และใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๑ สถาน ควรชม ๓ สถาน

@กลุ่มที่สาม แสวงหาชอบธรรม

๗.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรม, ได้ทรัพย์แล้ว ไม่เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๒ สถาน ควรชม ๑ สถาน

๘.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรม, ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข แต่ไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๑ สถาน ควรชม ๒ สถาน

๙.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรม, ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งเผื่อแผ่แบ่งปัน และใช้ทรัพย์นั้นทำความดี แต่ยังติด ยังหมกมุ่น กินใช้ทรัพย์สมบัติ โดยไม่รู้เท่าทันเห็นโทษ ไม่มีปัญญาที่จะทำตนให้เป็นอิสระ ไม่เป็นนายเหนือโภคทรัพย์ ควรชม ๓ สถาน ควรตำหนิ ๑ สถาน

พวกพิเศษ แสวงหาชอบธรรม และกินใช้อย่างมีสติสัมปชัญญะ มีจิตใจเป็นอิสระ

๑๐.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรม, ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข เผื่อแผ่แบ่งปัน และใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ไม่ลุ่มหลง ไม่หมกมุ่นมัวเมา กินใช้ทรัพย์สมบัติ โดยรู้เท่าทัน เห็นคุณโทษ ทางดีทางเสียของมัน มีปัญญาทำตนให้เป็นอิสระ เป็นนายเหนือโภคทรัพย์ เป็นชาวบ้านชนิดที่เลิศ ประเสริฐ สูงสุด ควรชม ทั้ง ๔ สถาน.
(สํ.สฬ.18/631-643/408-415 ฯลฯ)








คริคริ

แม้นหาเงิน หาตำแห่ง มาด้วยอกุศลจิต ก็มาเป็นปัจจัย ให้เกิด กุศลจิตได้
ด้วยอำนาจ อารัมมณปัจจัย และปกตูปนิสสยปัจจัย

ยืนยัน พระเจ้าอโศกมหาราช โมเดล

ภายหลังพระพุทธศาสนานับถือ จารึก

tongue tongue tongue


ยังติดอโศกอยู่อีก :b32:

พวกพิเศษ แสวงหาชอบธรรม และกินใช้อย่างมีสติสัมปชัญญะ มีจิตใจเป็นอิสระ

๑๐.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรม, ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข เผื่อแผ่แบ่งปัน และใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ไม่ลุ่มหลง ไม่หมกมุ่นมัวเมา กินใช้ทรัพย์สมบัติ โดยรู้เท่าทัน เห็นคุณโทษ ทางดีทางเสียของมัน มีปัญญาทำตนให้เป็นอิสระ เป็นนายเหนือโภคทรัพย์ เป็นชาวบ้านชนิดที่เลิศ ประเสริฐ สูงสุด ควรชม ทั้ง ๔ สถาน.

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2020, 22:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
พระพุทธเจ้าตรัสจำแนกกามโภคี คือ ชาวบ้าน ๑๐ ประเภท พร้อมทั้งส่วนดี ส่วนเสีย ของแต่ละประเภท มีใจความดังนี้

@กลุ่มที่หนึ่ง แสวงหาไม่ชอบธรรม

๑.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม, ได้ทรัพย์มาแล้ว ไม่เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิทั้ง ๓ สถาน

๒.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม, ได้ทรัพย์แล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข แต่ไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๒ สถาน ควรชม ๑ สถาน

๓.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม, ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งเผื่อแผ่แบ่งปัน และใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๑ สถาน ควรชม ๒ สถาน

@กลุ่มที่สอง แสวงหาชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง

๔.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง, ได้ทรัพย์มาแล้ว ไม่เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๓ สถาน ควรชม ๑ สถาน

๕.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง, ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข แต่ไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๒ สถาน ควรชม ๒ สถาน

๖.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง, ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งเผื่อแผ่แบ่งปัน และใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๑ สถาน ควรชม ๓ สถาน

@กลุ่มที่สาม แสวงหาชอบธรรม

๗.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรม, ได้ทรัพย์แล้ว ไม่เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๒ สถาน ควรชม ๑ สถาน

๘.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรม, ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข แต่ไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๑ สถาน ควรชม ๒ สถาน

๙.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรม, ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งเผื่อแผ่แบ่งปัน และใช้ทรัพย์นั้นทำความดี แต่ยังติด ยังหมกมุ่น กินใช้ทรัพย์สมบัติ โดยไม่รู้เท่าทันเห็นโทษ ไม่มีปัญญาที่จะทำตนให้เป็นอิสระ ไม่เป็นนายเหนือโภคทรัพย์ ควรชม ๓ สถาน ควรตำหนิ ๑ สถาน

พวกพิเศษ แสวงหาชอบธรรม และกินใช้อย่างมีสติสัมปชัญญะ มีจิตใจเป็นอิสระ

๑๐.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรม, ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข เผื่อแผ่แบ่งปัน และใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ไม่ลุ่มหลง ไม่หมกมุ่นมัวเมา กินใช้ทรัพย์สมบัติ โดยรู้เท่าทัน เห็นคุณโทษ ทางดีทางเสียของมัน มีปัญญาทำตนให้เป็นอิสระ เป็นนายเหนือโภคทรัพย์ เป็นชาวบ้านชนิดที่เลิศ ประเสริฐ สูงสุด ควรชม ทั้ง ๔ สถาน.
(สํ.สฬ.18/631-643/408-415 ฯลฯ)








คริคริ

แม้นหาเงิน หาตำแห่ง มาด้วยอกุศลจิต ก็มาเป็นปัจจัย ให้เกิด กุศลจิตได้
ด้วยอำนาจ อารัมมณปัจจัย และปกตูปนิสสยปัจจัย

ยืนยัน พระเจ้าอโศกมหาราช โมเดล

ภายหลังพระพุทธศาสนานับถือ จารึก

tongue tongue tongue


ยังติดอโศกอยู่อีก :b32:

พวกพิเศษ แสวงหาชอบธรรม และกินใช้อย่างมีสติสัมปชัญญะ มีจิตใจเป็นอิสระ

๑๐.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรม, ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข เผื่อแผ่แบ่งปัน และใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ไม่ลุ่มหลง ไม่หมกมุ่นมัวเมา กินใช้ทรัพย์สมบัติ โดยรู้เท่าทัน เห็นคุณโทษ ทางดีทางเสียของมัน มีปัญญาทำตนให้เป็นอิสระ เป็นนายเหนือโภคทรัพย์ เป็นชาวบ้านชนิดที่เลิศ ประเสริฐ สูงสุด ควรชม ทั้ง ๔ สถาน.


คริคริ

ประเสริฐกว่านี้้ ฉลาดกว่านี้ ก็แสวงหาอริยะทรัพย์ไงคะ

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ส.ค. 2020, 19:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:


คริคริ

ประเสริฐกว่านี้้ ฉลาดกว่านี้ ก็แสวงหาอริยะทรัพย์ไงคะ


ถ้างั้นก็เอาอริยทรัพย์ไป

อริยะ เจริญ, ประเสริฐ, ผู้ไกลจากข้าศึกคือกิเลส, บุคคลผู้บรรลุธรรมวิเศษ มีโสดาปัตติมรรคเป็นต้น

อริยกะ คนเจริญ, คนประเสริฐ, คนได้รับการศึกษาอบรมดี เป็นชื่อเรียกชนชาติหนึ่งซึ่งอพยพจากทางเหนือเข้าไปในอินเดียตั้งแต่ก่อนพุทธกาล ถือตัวว่าเป็นพวกเจริญ และเหยียดพวกเจ้าถิ่นเดิมลงว่าเป็นมิลักขะ คือ พวกคนป่าคนดอย, พวกอริยกะอพยพเข้าไปในยุโรปด้วย คือ พวกที่เรียกว่า อารยัน

อริยทรัพย์ ทรัพย์อันประเสริฐเป็นของติดตัว อยู่ภายในจิตใจ มี ๗ อย่าง คือ ๑. ศรัทธา ๒. ศีล ๓. หิริ ๔. โอตตัปปะ ๔. พาหุสัจจะ ๖. จาคะ ๗. ปัญญา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 79 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 192 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร