วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 02:52  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2020, 10:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


#ใครอยากได้ดีทำเอา

โลกทุกวันนี้ เสื่อมลงไปทุกวันๆ ใครไม่มีศีลไม่มีธรรมหล่อเลี้ยงในจิตใจเสร็จหมด ถูกดึงให้ลงต่ำไปเรื่อยๆ

ใครไม่เชื่อก็ลองดู เอาเลยเดี๋ยวเจอเอง เวรกรรมเจ้าของเป็นคนสร้างขึ้นมาเอง ใครอยากได้ดีทำเอา

มีศีลมีธรรมภาวนาพุทโธ หมั่นซักฟอกจิตใจตัวเอง เป็นคุณหนุนจิตให้สูงสะอาดขึ้นไปเรื่อยๆ

หลวงปู่ทุย ฉนฺทกโร
วัดป่าดานวิเวก (ดงศรีชมภู) ต.ศรีชมภู อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ










...แต่ใจเรามักจะทิ้งร่างกาย
แล้วก็ไปอดีตกัน คิดถึงเมื่อวานนี้ เมื่อคืนนี้
คิดถึงพรุ่งนี้ เดือนหน้า ปีหน้า
จองตั๋วไว้แล้วจะไปไหน ไปโน่นมานี่
จะไปทำอะไร คิดไปโน่น
หรือว่าคิดกลับไปอดีต
วันก่อนไปทำอะไรมา

.อันนี้แหละ
เป็นตัวที่จะทำให้จิตเข้าสู่สมาธิไม่ได้
เหมือนกับเวลาที่เราร้อยด้ายเข้าเข็มนี่
ใช่ไหม ..เข้าไปทางซ้ายของรูก็ไม่เข้า
ไปทางขวาของรูเข็มก็ไม่เข้า
“มันต้องอยู่ตรงกลาง อยู่ตรงรู “

.อันนี้จิตเวลาจะเข้าสมาธิก็เหมือนกับ
เอาด้ายนี่เข้ารู้เข็ม
จะส่ายไปทางซ้ายก็ไม่ได้
ส่ายไปทางขวาก็ไม่ได้
จะคิดอดีตก็ไม่ได้ คิดอนาคตไม่ได้
“ต้องคิดปัจจุบัน “

.คิดอยู่กับลม
คิดอยู่กับร่างกาย
คิดอยู่กับพุทโธ
แล้วมันก็จะเข้าสู่สมาธิได้ .
..........................................
คัดลอกการสนทนาธรรม
ธรรมะบนเขา 24/8/2561
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี












การนินทาเป็นโลกธรรมข้อหนึ่ง คือ เป็นส่วนหนึ่งของโลก ตราบใดที่โลกมนุษย์ยังมีอยู่ การนินทาก็คงยังมีอยู่เหมือนกัน เมื่อเราได้เป็นขี้ปากเขา ก็ให้สอนใจตัวเองว่า แม้แต่พระพุทธเจ้า แม้แต่พระอรหันต์ทั้งหลาย ทุกยุคทุกสมัยก็เคยโดน นับประสาอะไรกับตัวเราผู้หนาด้วยกิเลส

เราไม่ต้องหนีไปหาที่อยู่ที่ไม่มีการนินทาหรอก เพราะสถานที่นั้นหาได้ยากมาก หน้าที่เราอยู่ที่การตั้งสติไม่ให้เราทุกข์กับการนินทา อย่าให้จิตคิดปรุงแต่งในสิ่งที่เขานินทา ถ้าเรามีอะไรที่บกพร่องจริง ก็ค่อยแก้ไป และยอมรับว่าดีเหมือนกันที่เขานินทา ไม่อย่างนั้นเราคงจะไม่รู้สึกตัวอีกนาน และขอให้เห็นว่าการโดนนินทาหรือใส่ร้ายเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับการพิจารณาโทษในความยึดมั่นถือมั่นในอัตตา ศักดิ์ศรี และภาพพจน์ ถ้าเห็นข้อนี้ชัดได้ ถือว่าคนนินทาได้ทำบุญกับเรามากกว่า

พระอาจารย์ชยสาโร











".."โลกนี้มีแต่เรื่องทุกข์"
ความสบายในโลกนี้ไม่มี
จงพาก้นตั้งจิตให้มั่นไม่หวั่นไหว
ก็จะเห็นแจ้งว่าโลกนี้เป็นทุกข์
จริง โดยเฉพาะโลกในกายกับ
จิตของเรานั้นเอง มันทุกข์จริง

กายมันทุกข์เพราะความเจ็บไข้
ได้ปวย ไม่สบายต่าง ๆ นานา
ทั้งที่ล่วงมาแล้วก็นับครั้งไม่ถ้วน
ทั้งที่เป็นอยู่ในเวลานี้เดี๋ยวนี้

มันทุกข์ในการบริโภคอาหาร
ทุกข์ในการแสวงหาอาหาร
ทุกข์ในการแสวงหาที่อยู่อาศัย
ทุกข์กับเครื่องนุ่งเครื่องห่ม
ทุกข์ในการแสวงหายาแก้โรค

รูปร่างกายนี้เป็นสิ่งลำบาก
เต็มทน ผู้ใดทนได้ ก็ทนอยู่ไป
ผู้ทนไม่ได้ก็ตายไป นี้แหละ
ทุกข์กาย

ทุกข์จิตใจนั้นไม่มีเวลาว่าง
"ทุกข์เพราะตัณหา ความอยาก
ได้ไม่มีเพียงพอ" ที่พอในจิตนี้
ไม่มีเสียแล้ว ถ้าใครปล่อยจิต
ให้ไปตามตัณหา ไม่ภาวนา
ยิ่งอยู่ยิ่งทุกข์

"ถ้าหากผู้ใดมารู้ว่าจะละ
ตัณหาได้ด้วยการภาวนา
ก็ให้รีบตั้งใจแต่วินาทีนี้
เป็นต้นไป ไม่ประมาทใน
การรักษาจิต เพ่งพินิจอยู่
แต่ในกายกับจิตเท่านั้น"

จนกระทั่งรู้แจ้งเห็นจริง
ด้วยปัญญาอันชอบ ถึงจะ
พ้นจากทุกข์ ได้ทุก ๆ คนแล.."

โอวาทธรรม
หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร










" ถ้า​แบ่ง​กัน​ดี​ ได้​ดีทุกคน

ถ้า​แข่ง​กัน​ดี​ ได้ดี​บางคน

ถ้า​แย่ง​กัน​ดี​ ไม่ได้​ดี​สัก​คน "

โอวาทธรรม
หลวง​พ่อ​อินทร์​ถวาย​
สน​ฺ​ต​ุสฺสโก











" ปฏิบัติบูชา หมายถึง
ปฏิบัติกาย วาจา ใจ
ของตนเองไม่ให้มีกิเลสทั้งปวง

คือ ไม่ให้มีความโลภ
โกรธ หลง ไม่ให้มีกามกิเลส

ถ้าทำได้เหมือน
หลวงปู่ ครูบาอาจารย์
ไปอยู่ที่ไหนจะมีแต่ความสงบสุข

นัตถิ สันติ ปะรัง สุขัง
สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี

สงบจากอะไร
ก็สงบปราศจากกิเลสนั่นเอง "

โอวาทธรรม
หลวงปู่ไม อินทสิริ












" ปัญหาไฉนมันจึงมาก
ก็เพราะความหลง
ในขันธสันดานมันมีมาก

ถ้าโลภ โกรธ หลง
ในขันธสันดานไม่มี
ปัญหาก็ไม่มาก ปัญหา
เกิดขึ้นในขันธสันดานของตน

ถ้าไม่มีราคะ โทสะ โมหะ
ปัญหาก็ไม่มี ถ้าราคะ โทสะ
โมหะแก่กล้าขึ้น ปัญหาก็มาก "

โอวาทธรรม
หลวงปู่หล้า เขมปัตโต










" จิตทุกดวง มีธรรมชาติ
บริสุทธิ์ ประภัสสร คือ
จิตทุกดวงมีความบริสุทธิ์
เกิดขึ้นเองตามวิสัยโลก
แต่ความเศร้าหมองไป
เพราะอุปกิเลสจรมา

ธรรมของพระพุทธเจ้า
เป็นเครื่องกั้นอุปกิเลส
ให้พ้นจากจิตได้
ยังความบริสุทธิ์
ประภัสสรของจิตให้ปรากฏ

ธรรมของพระพุทธเจ้า
จึงเป็นธรรมวิเศษแท้
ไม่มีอื่นเสมอ "

พระโอวาทธรรม
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
กรมหลวงวชิรญาณสังวร










" "สติ" คือ ตัวมรรค

จะอยู่ในอารมณ์ดี
หรือชั่วก็ตาม
ขอให้มีสติอยู่ เป็นใช้ได้ "

โอวาทธรรม
ท่านพ่อลี ธัมมธโร










" “สติ” เป็นสิ่งสำคัญ
ต้องตามติดอยู่เสมอ

จิตนี้เป็นภาชนะสำหรับ
รองรับ หรือเป็นม้านั่ง
ของเขานั่นเอง
เขามานั่งตรงนั้นแหละ
หรือเป็นส้วมก็ได้
ถ่ายรดลงตรงนั้นแหละ

มีอะไรก็ขึ้นไปบนจิตนั่นแหละ

เดี๋ยวทุกข์โดดขึ้นมาถ่าย
เดี๋ยวสุขเกิดขึ้นมาถ่าย
เดี๋ยวอทุกขมสุขเวทนา
เกิดขึ้นมาถ่าย
ถ่ายอย่างนั้น จิตนี่ก็ยอม
ให้เขาถ่ายอยู่นั่นแหละ

เพราะไม่มีสติปัญญา
ที่จะสลัดปัดทิ้งสิ่งเหล่านั้น
ออกได้ ไม่ให้มันมาถ่าย

ฉะนั้น จึงต้องอบรม
สติปัญญาขึ้นให้มาก
เพื่อต่อสู้กัน "

โอวาทธรรม
หลวงตาพระมหาบัว
ญาณสัมปันโน











การทำให้เรา เท่าทันและพ้นไป
จากอำนาจ “การปรุงแต่งของจิต”
ตัดวงจร แห่งความทุกข์
และการเกิด แก่ เจ็บ ตาย นั้น

มีเพียงการ “ภาวนา” เท่านั้น

จะเป็น ๑ ชม. จะได้ครึ่งชั่วโมง
หรือทำได้แค่ ๑๐-๑๕ นาที
ก็ต้องเพียรพยายามที่จะทำให้ได้

หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต










"..พระพุทธองค์ ทรงตรัสว่า...
พระนิพพาน ไม่ได้อยู่ที่ไหน
แต่มันอยู่ที่ดวงจิตดวงใจ ของเรานั่นเอง
และเมื่อเราเห็นทุกข์มากๆ เข้า
มันจะเกิดความเบื่อหน่าย (นิพพิทา)
เบื่อหน่ายใน "ร่างกาย" ว่า มันเป็นทุกข์
เบื่อหน่ายใน "จิตใจ" ว่า มันหลงเข้าไปยึด
จึงเป็นเหตุให้เกิดทุกข์
เมื่อเกิดความเบื่อหน่าย จิตจะคลายกำหนัด
เมื่อคลายกำหนัด จิตจึงหลุดพ้น
"ห ลุ ด พ้ น" ไปจากอะไร ?
ท่านว่า ไม่ได้พ้นไปในท้องฟ้าอากาศ
แต่เป็นการ "พ้น" ไปจากร่างกายจิตใจ
ที่มันเป็นกองทุกข์...จึงจะเรียกได้ว่า ...หลุดพ้น”

คติธรรมหลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม
วัดป่าสีห์พนม อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 55 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร