วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 22:40  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 47 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2016, 09:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
ปานนี้คุณสายลม(จขกท) คงไปฮันนีมูนกับแฟนที่มัลดีสแล้วมั้ง

คุณชีหลงวัดกับเด็กวัดกรัชกาย ยังบ้าน้ำลายไม่หยุด สงสัยฟื้นความหลัง

รูปภาพ



ถามโฮฮับบ้าง

จิตใจเป็นธรรมไหม ในเมื่อเป็นอนัตตาทำไมจึงทุกข์ได้ ชีวิตรวมจิตใจด้วยไหม

ตอบให้ตรงคำถาม ไม่ต้องลากยาว


พี่โฮไปทำอย่างอื่นดีกว่า....

รูปภาพ



ยิ่งพูดมาก ยิ่งโชว์โฮ่ คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2016, 10:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:



จิตใจเป็นธัมมะค่ะ ว่ากันตามทั่วไปที่โลกเข้าใจของคนทั่วไป ชีวิตมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย
แต่พระพุทธเจ้าสอนให้เข้าใจความจริงของชีวิตที่ละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่งค่ะ ขอสรุปเลย
หัวใจคำสอนที่ต้องเข้าใจคือที่ว่าเป็นคนมีกายกับจิตใจเนี่ยเป็นธัมมะพระพุทธเจ้าแสดงว่าเป็น
การเดินทางของจิตที่ไม่มีรูปร่างใดๆเลย เป็นการเสวยอารมณ์คือการรับรู้สิ่งที่กำลังปรากฏว่ามี
ตามความเข้าใจของข้าพเจ้าทรงแสดงว่าจิตแต่ละดวงท่องเที่ยวดวงเดียวตั้งแต่เกิดจนตาย
หลงทำอยู่2อย่างคือคิดดีกับคิดไม่ดีด้วยความไม่รู้ทำให้เกิดการท่องเที่ยวผ่านภพภูมิต่างๆ
การท่องเที่ยวของจิตเป็นลักษณะการปรากฏว่าที่เป็นธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6ละเอียดเป็นธรรม
ที่เป็นจิต-เจตสิก-รูป-นิพพาน การมีอยู่ของจิตเกิดจากความยึดถือตัวตนทำให้เกิดไม่หยุด
มีการเวียนว่ายตายเกิดไปตามกรรมคือตามการหลงคิด พูด กระทำสิ่งต่างๆ ไม่เข้าใจความจริง
:b16:
พระปริยัติธรรมคือการแสดงพระธรรมเทศนาหลังจากที่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้สิ่งที่มีจริงๆ
เป็นสภาพรู้ว่ามีชีวิตทุกขณะเป็นทีละ 1 ขณะจิตของจิตแต่ละ1ดวงมารับรู้สภาพธรรมเดียวกัน
แต่แตกต่างกันไปตามสภาพสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวค่ะ ที่มีคน สัตว์ สิ่งของ จริงๆไม่มีตามการตรัสรู้
การมีของจิตที่ส่งออกไปรับรู้สิ่งที่กำลังปรากฏนั้นหลากหลาย6ทางคือผ่านทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
แล้วมีการปรุงแต่งความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ของจิตแต่ละดวงไปตามความรู้สึกนึกคิดตามความคิดตน
พระอภิธรรมทรงแสดงว่าเป็นการเกิด-ดับสืบต่อของจิตไปกับรูปร่างสัตวโลกจนกว่าจะเข้าถึงพระนิพพาน



ย้อนกลับไปที่เดิม ที่ว่า

อ้างคำพูด:
ทั้งหมด ทั้งปวง ทั้งสิ้น เป็นธรรมะ
ธรรมะทั้งหลาย เป็นอนัตตา
ธรรมะเป็นสาธารณะ
ธรรมะไม่ทุกข์
แต่ทุกข์ที่จิตใจค่ะ
ที่จิตแต่ละดวงคิดไปต่างๆ
ปรุงแต่งชอบใจ-ไม่ชอบใจ ดี-เลว
สุข-ทุกข์ โกรธ-เกลียด อิจฉา-ริษยา


ธัมมะไม่ทุกข์ แต่ทุกข์เพราะจิตใจนะ

อ้างคำพูด:
ธรรมะไม่ทุกข์ แต่ทุกข์ที่จิตใจ


จึงถามต่อไปว่า จิตใจไม่ใช่ธรรมะหรอ

ก็ตอบว่า

อ้างคำพูด:
จิตใจเป็นธัมมะค่ะว่ากันตามทั่วไปที่โลกเข้าใจของคนทั่วไป ชีวิตมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย


เคร จิตใจเป็นธัมมะ เครนะ

แล้วทำไมมันทุกข์ได้ ในเมื่อเป็นธัมมะ เป็นอนัตตาดังว่ากันบ่อยๆ

อ้างคำพูด:
ชีวิตมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย


ชีวิตนี่รวมจิตใจด้วยไหม

Kiss
ทั้งร่างกายและจิตใจนี้นี่แหละทุกข์เกิดมีแล้วปรากฏว่ามีแล้ว
ไม่ต้องไปทำขึ้นมาใหม่ไม่ต้องไปหามาเพิ่มกำลังมีแต่ไม่รู้ค่ะ
:b1:
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงทั้งหมดเลยเป็นธัมมะ
ธรรมทั้งหลายมีการเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปเป็นธรรมดาตามเหตุปัจจัย
ธรรมไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา การปรากฏของธัมมะสั้นแสนสั้น
ทุกข์เพราะว่ายึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวตนเราเขาสัตว์บุคคลเป็นเพียงนิมิต
:b4: :b4:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 47 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 43 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร