วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 13:00  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 197 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 14  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2016, 19:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ต่อความหมาย คุณธรรม, จริยธรรมแนวพระพุทธศาสนาอีกหน่อย


ไปให้ถึงจริย (ธรรม) แท้ที่เป็นระบบชัดเจน จึงจะเห็นความเป็นจริงของชีวิตและสังคมที่ดีงาม


จริยะ คือ อะไร ? จริยะมาจาก “จร” (อ่านอย่างภาษาบาลีว่า “จะระ” อ่านอย่างไทยว่า “จอน”)

จร ก็คือ เดิน เดินทาง หรือเที่ยวไป เช่น สัญจร คือเดินกันผ่านไปมา จราจร คือเดินไปเดินมา หรือเที่ยวไปเที่ยวมา พเนจร คือเดินป่าหรือเที่ยวไปในป่า (ในภาษาไทย กลายเป็นเที่ยวเรื่อยเปื่อยไปอย่างไร้จุดหมาย)

ทีนี้ “จร” หรือเดินทางนั้น เมื่อเอามาใช้ทางนามธรรม กลายเป็นเดินทางชีวิต อย่างที่นิยมพูดว่า “ดำเนินชีวิต”

คนแต่ละคนก็ดำเนินชีวิตของตนไป แล้วการดำเนินชีวิตของคนเหล่านั้น ก็ไปรวมกันเป็นสังคม เมื่อมองดูผิวเผินแค่ภายนอก ก็กลายเป็นวิถีแห่งการดำเนินชีวิต และระบบของการเป็นอยู่ ประพฤติปฏิบัติของหมู่มนุษย์ ที่เรียกว่าสังคม

แต่มองแค่นั้น ก็ผิวเผินเกินไป ไม่เพียงพอ ต้องดูให้ลึกลงไปอีก การดำเนินชีวิตของคนเรานี้ อยู่แค่ที่แสดงออกมาเห็นๆกันเท่านั้นหรือ ไม่ใช่แน่

การดำเนินชีวิตของคนหนึ่งๆ ที่เรามองเห็น และที่คนอื่นเกี่ยวข้องด้วย คือการแสดงออกทางกาย และวาจา ที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับคนอื่น และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเรามักเรียกว่าความประพฤติ อันเป็นด้านนอกแห่งการดำเนินชีวิตของเขา เรามักมองคนแค่นี้ (และที่เรียก "จริยธรรม" ก็มักจับเอาความหมายแค่นี้)


ถ้าเรามองคนแค่นี้ เราจะไม่เห็นตัวจริงของคนนั้นเลย ความประพฤติ หรือการแสดงออกภายนอกทางกาย และวาจา ไม่ใช่ชีวิตทั้งหมดที่เขาดำเนินอยู่ ก็อย่างที่ว่าแล้ว มันเป็นเพียงด้านภายนอกของการดำเนินชีวิตของเขาเท่านั้น

ลึกลงไป เบื้องหลังการพูดและทำอะไรต่างๆ ที่เราประพฤติหรือแสดงออกมาข้างนอกนั้น มีตัวชี้นำที่กำหนดหรือสั่งการออกมาข้างในจิตใจ ตัวชี้นำกำหนดหรือสั่งการนี้ เราเรียกว่า “เจตนา

ทางพระบอกว่า ถ้าไม่มีเจตนานี้ การแสดงออกของคน ก็ไม่มีความหมายอะไร จะมีค่าเพียงแค่เหมือนกิ่งไม้ผุหักหล่นลงมา หรือต้นไม้ต้องลมสั่นไหวแล้วใบไม้ร่วง เท่านั้นเอง ดังนั้น เจตนาจึงสำคัญอย่างยิ่ง

เจตนา จะตัดสินใจสั่งการอย่างไร ก็มีแรงจูงใจที่ร้ายหรือดีคอยกระซิบบอก อย่างง่ายๆ ก็คือสั่งการไปตามที่ชอบใจหรือไม่ชอบใจ

แต่บางทีการตัดสินใจที่จะสั่งการนี้ ก็เป็นไปอย่างซับซ้อน เจตนาจึงมีกองบัญชาการทำงานให้มัน โดยมีตัวทำงานอยู่ในจิตใจมากมาย รวมแล้วก็คือ มีฝ่ายดี กับ ฝ่ายร้าย

ในฝ่ายร้าย มีตัวเด่นคือ โลภะ โทสะ โมหะ ส่วนในฝ่ายดีก็มีมาก เช่น ศรัทธา เมตตา หิริ โอตตัปปะ ซึ่งเรานิยมเรียกกว้างๆ ว่า “คุณธรรม

ตัวทำงานเหล่านี้ ส่งข้อเสนอแนะในการสังการให้แก่เจตนานั้น ถ้าตัวใดมีกำลังมาก ก็จะมีอิทธิพลครอบงำการสั่งการของเจตนาเลยทีเดียว

ในกองบัญชาการของจิตใจนี้ ยังมีฝ่ายกำลังสนับสนุน เช่น ความขยัน ความเพียร ความอดทน ความกล้าหาญ ความเข้มแข็งมั่นคง คอยรับสนองงาน ที่จะขับเคลื่อนให้งานสำเร็จตามต้องการ เป็นสมมรรถภาพของจิตใจ


แล้วก็มีฝ่ายแสดงผล - วัดผล คอย ตามกำกับอยู่ตลอดเวลา ว่าอันไหน ทางไหน รับได้หรือไม่ได้ เช่น ความขุ่นมัว ความเครียด ความเศร้า ความหดหู่ ความหงอยเหงา ความว้าเหว่ หรือความสดชื่น ความร่าเริง ความเบิกบาน ความผ่องใส ความอิ่มใจ ความปลื้มใจ ความสุข เป็นต้น รวมแล้วก็เป็นฝ่ายสุข ที่ตามหา กับ ฝ่ายทุกข์ ที่จะให้ดับหาย

อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจสั่งการ และการทำงานของกองบัญชาการในจิตใจทั้ง หมดนั้น ต้องพึ่งพาข้อมูลความรู้ อาศัยความเข้าใจ และการมองเห็น เหตุผล เท่าที่จะมีปัญญารู้ไปถึง

ปัญญารู้เข้าใจมองเห็นแค่ไหน เจตนาก็สั่งการให้กายวาจามีพฤติกรรมคืบเคลื่อนไปได้ภายในขอบเขตแค่นั้น ถ้าปัญญารู้เข้าใจมองเห็นกว้างไกลออกไป ลึกลงไป มองเห็นช่องทางและโอกาสมากขึ้น เจตนาก็สั่งการให้กายวาจาปรับขยายรูปแบบของพฤติกรรมออกไปช่วยให้ทำการได้ซับ ซ้อนยิ่งขึ้น พร้อมทั้งได้ผล มีทางสำเร็จมากขึ้น

ถ้าขาดความรู้ อับไร้ปัญญาเสียแล้ว พฤติกรรมก็ติดตัน ขัดข้อง จิตใจก็อึดอัด อับจน เครียด เป็นทุกข์ ดังนั้น ปัญญาทีรู้เข้าใจนี้ จึงมีบทบาทสำคัญยิ่งในการบอกทิศ ชี้ช่อง นำทาง ขยายโอกาส ตลอดจนปลดปล่อยให้อิสรภาพ แก่พฤติกรรม และแก่จิตใจที่มีเจตนาเป็นหัวหน้างานนั้น

ที่ว่ามานี้ ก็คือระบบการดำเนินชีวิตของคน ที่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวเป็นไปอยู่ตามที่เป็นอยู่จริง ซึ่งเห็นได้ชัดว่า สรุปแล้วมี ๓ แดน ทำงานประสานก้าวไปด้วยกัน ต้องครบทั้ง ๓ แดน จะขาดแดนหนึ่งแดนใดมิได้

สรุปว่า “จริยะ” คือการดำเนินชีวิตของคน เป็นระบบอันหนึ่ง ที่มีองค์ประกอบ ๓ แดน (จะเรียกว่าด้าน หรือส่วน ก็ได้) คือ

๑. แดนพฤติกรรม (กาย-วาจา) ที่แสดงออก ติดต่อสัมพันธ์ และกระทำต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม *

๒. แดนจิตใจ ที่เป็นเหมือนเจ้าของพฤติกรรมทั้งหมด ตั้งแต่เป็นผู้ต้องการ บงการหรือสั่งการ ขับเคลื่อน ตลอดจนเสวยผลของพฤติกรรมทั้งหมดนั้น โดยมีตัวประกอบที่ร่วมในการทำงานแต่ง สรรมากมาย ภายใต้การนำของเจตนา ที่เป็นทั้งหัวหน้า และเป็นตัวแทน ที่ทำงานเชื่อมต่อสั่งการออกมาให้มีผลเป็นพฤติกรรมออกไป ทั้งนี้ ตัวประกอบที่ทำงานนั้น แยกได้เป็น ๓ แดน คือ

- ตัวแต่งสรรฝ่ายดี กับฝ่ายร้าย ที่พึงคัดเอาไว้แต่ฝ่ายดี ซึ่งมักเรียกกันแบบรวมๆง่ายๆว่า “คุณธรรม” หรือ “คุณภาพจิต

- ตัวทำงานที่ทำให้ก้าวไปอย่างแน่วแน่เข้มแข็งมั่นคง เรียกพอรู้กันว่า “สมรรถภาพจิต

- ตัวแสดงผล ซึ่งเหมือนกับวัดผลไปในตัว เพราะ จะมีอิทธิพลในการที่จะเลือกพฤติกรรมว่าจะ ทำจะเอาหรือไม่ คือฝ่ายสุข กับ ฝ่ายทุกข์ โดยจะมุ่งไปหาไปพบฝ่ายสุข ที่เรียกพอรู้กันว่า “สุขภาพจิต

๓. แดนปัญญา ที่เอื้ออำนวยข้อมูล ชี้ช่อง ส่องทาง บอกทิศขยายขอบเขตและโอกาส ปรับแก้ ตลอดจนปล่อยให้เกิดอิสรภาพ แก่พฤติกรรมและจิตใจ


นี่คือ “จริยะ” หรือระบบการดำเนินชีวิตของคน ซึ่งประกอบด้วยทั้งกาย-วาจา ทั้งใจ ทั้งปัญญา ถ้าไม่ครบ ๓ อย่างนี้ ชีวิตจะดำเนินไปไม่ได้ แต่ ที่จริงก็คือ มันก็เป็นของมันอยู่อย่างนี้ แต่เรานี่แหละ ถ้ามองและปฏิบัติจัดการกับมันไม่ครบส่วน ไม่ครบด้าน เราก็ทำการที่มุ่งหมายไม่สำเร็จ และจะเกิดปัญหาแก่ตัวเอง

อนึ่ง จริยะ คือระบบการดำเนินชีวิตของคน ที่พูดไปแล้วนี้ ว่าไปตามธรรมชาติของมัน ตอนนี้ ยังไม่ได้บอกว่าดีหรือไม่ดี หรือควรและไม่ควรอย่างไร

ทีนี้มาถึงตอนที่ว่า เราต้องการมีจริยะ คือระบบการดำเนินชีวิตที่ดี ในเมื่อ จริยะ คือระบบการดำเนินชีวิต เป็นคำกลางๆ จะให้ดี หรือไม่ดี ก็เติมคุณศัพท์เข้าไปข้างหน้า

ถ้าเป็นจริยะคือการดำเนินชีวิตที่ดี ก็เป็นปุญญจริยะ หรือธรรมจริยะ หรือเศรษฐจริยะ ถ้าเป็นจริยะคือการดำเนินชีวิตที่ไม่ดี ก็เป็นปาปจริยะ หรืออธรรมจริยะ


ในที่นี้ เรามุ่งเอาจริยะคือการดำเนินชีวิตที่ดี ก็เป็นปุญญจริยะ หรือธรรมจริยะ หรือเศรษฐจริยะ ซึ่งในพระพุทธศาสนามีคำเฉพาะ เรียกไว้ว่า "พรหมจริยะ" ว่า แปลว่า จริยะอันประเสริฐ หรือจริยะที่แท้ ก็คือจริยะหรือการดำเนินชีวิต ซึ่งชีวิตทั้ง ๓ ด้านที่พูดไปแล้วนั้น ดี และประสานกันอย่างถูกต้อง


การที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปทรงสั่งสอนธรรมตลอดเวลา ๔๕ ปี ที่เรียกว่าประกาศพระศาสนานั้น ก็คือทรงประกาศพรหมจริยะนี่แหละ (ประกาศพระศาสนาเป็นคำพูดของเรา แต่พระพุทธเจ้าเองตรัสว่า พระองค์ ประกาศพรหมจริยะ)

ฯลฯ

พร้อมกันนั้น การจัดการกับชีวิตทั้ง ๓ ด้านดังว่านั่น โดย ฝึกหัดพัฒนาปรับแก้ให้คนดำเนินชีวิตได้ดียิ่งขึ้นไปๆ จนมีชีวิตที่ดีงาม เป็นประโยชน์มีความสุขอย่างสมบูรณ์ ก็คือสิ่งที่เรียกว่า “การศึกษา” (คำพระเรียกการศึกษานี้ ในฐานะมีองค์ประกอบ ๓ ด้านว่า ไตรสิกขา)


ถ้าเราถือหลักตามความหมายของพระพุทธศาสนา ก็จะเห็นว่า สาระหรือแกนของอารยธรรมมนุษย์ ก็มีเพียงการดำเนินชีวิตและสังคมให้ดีด้วยจริยธรรม (พรหมจริยะ) และ พัฒนาคนให้ดำเนินชีวิต และสังคมให้ดีจนมีพรหมจริยะอย่างนั้นด้วยการศึกษา (ไตรสิกขา)

…………

ที่อ้างอิง *

นี้พูดอย่างง่าย แต่ถ้าจะให้ครบจริง ด้านที่ ๑ ที่สัมพันธ์กับโลกภายนอก คือสังคมและสิ่งแวดล้อมนี้ ต้องแยกย่อยเป็น ๒ ส่วน คือ ติดต่อสัมพันธ์โดยการรับรู้ ด้วยผัสสทวาร ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย (ไปรวมที่ใจ) และติดต่อสัมพันธ์โดยการแสดงออก ด้วย กรรมทวาร คือ กาย และวาจา (ออกมาจากเจตนาในใจ)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2016, 19:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สรุปอีกทีว่า จริยะ คือระบบการดำเนินชีวิตของเรานี้ มีส่วนประกอบ อยู่ ๓ ด้าน ซึ่งประสานกลมกลืนไปด้วยกัน แยกจากกันไม่ได้ คือ

๑. แดนพฤติกรรม หรือแดนสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม ที่ดำเนินไป ด้วย กายและวาจา (พร้อมทั้ง ตา หู จมูก ลิ้น กายประสาท ที่รับรู้โลกภายนอก)

๒. แดนจิตใจ ที่ดำเนินไปด้วยเจตนา โดยมีคุณสมบัติมากมาย ใน จิต ใจหล่อเลี้ยง สนองงาน และเสวยผล มีทั้งด้านเครื่องปรุงแต่งให้ดีหรือ ชั่ว ด้านกำลังความสามารถ และด้านความสุขความทุกข์

๓. แดนปัญญา ที่ดำเนินไปด้วยความรู้ ซึ่งเอื้อให้เจตนาในแดนแห่งจิตใจสามารถคิดหมายทำการต่างๆ ได้สำเร็จผล ให้ชีวิตเข้าถึงอิสรภาพได้

ครบหมดทั้ง ๓ แดนนี้ ดำเนินหรือเป็นอยู่เป็นไปด้วยกัน เรียกว่า จริยะ และทั้งนี้ก็ควรให้มันเป็น จริยะที่ดีประเสริฐ เต็มตัว เป็นของแท้ (พรหมจริยะ)

เพื่อให้เป็นจริยะที่ดีงามประเสริฐดัง ที่ว่ามานี้ เราจะต้องจัดการกับชีวิตทั้ง ๓ แดนนั้น โดยฝึกหัดพัฒนา แก้ไขปรับปรุงให้ชีวิตดำเนินไปได้ดียิ่งขึ้นไปๆ จนมีชีวิตที่ดีงามเป็น ประโยชน์มีความเป็นอิสระอย่างสมบูรณ์



การฝึกหัดพัฒนาชีวิตทั้ง ๓ แดนที่ว่า นั้น เรียกว่า “การศึกษา” ซึ่งมี ๓ ส่วน ตรงกับ ๓ แดนนั้น คือ

๑. ฝึกศึกษาพัฒนาแดนพฤติกรรม หรือ แดนสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม โดยฝึกหัดกาย - วาจา (พร้อมทั้ง ตา หู จมูก ลิ้น กายประสาท ที่รับรู้โลกภาย นอก) เรียกว่า ศีล (ชื่อเต็มว่า อธิศีลสิกขา)

๒. ฝึกศึกษาพัฒนาแดนจิตใจ โดย พัฒนาเจตนาให้เจริญในกุศลยิ่งๆขึ้นไป พร้อมทั้งมีคามเข้มแข็งสามารถ และ ศักยภาพที่จะมีความสุข จนไร้ทุกข์สิ้นเชิง เรียกว่า สมาธิ (ชื่อ เต็มว่า อธิจิตตสิกขา)

๓. ฝึกศึกษาพัฒนาแดนปัญญา โดย พัฒนาความรู้ความรู้เข้าใจจนเข้าถึงรู้ทันเห็นประจักษ์แจ้งความจริงของ สิ่งทั้งหลาย มีชีวิตที่เป็นอิสระและเป็นอยู่ด้วยปัญญา เรียก ว่า ปัญญา (ชื่อเต็มว่า อธิปัญญาสิกขา)

ในฐานะที่การศึกษานี้มีองค์ประกอบ ๓ อย่าง จึงเรียกว่า ไตรสิกขา

พระพุทธศาสนาถือเรื่องการศึกษาเป็นสำคัญ ถึงกับจัดระบบของพระพุทธศาสนาทั้งหมด ให้เป็นระบบการศึกษา ที่เรียกว่าไตรสิกขานี้


ทั้งนี้ สาระสำคัญในที่สุดก็คือ เพื่อช่วยให้มนุษย์เข้าถึงความจริงแล้ว ก็ ปฏิบัติตามหลักความจริง หรือตามกฎความจริงนั้น ให้ความจริงเป็นไปในทาง ที่เกิดผลดี แก่ชีวิตและสังคมของตน


เมื่อพัฒนาชีวิตด้วยไตรสิกขานี้แล้ว ก็จะมีจริยะ คือการ ดำเนินชีวิตเป็นอยู่ ทั้งส่วนตัว และขยายไปถึงสังคม ที่อยู่กันอย่าง ถูกต้องดีงาม มีสันติสุขที่ยั่งยืน



คร่าวๆเพียงเท่านี้

จากหนังสือเล่มนี้

http://upic.me/i/k0/coverjudge_resize.png

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2016, 19:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
มท.จัดอบรม คุณธรรม-จริยธรรม 'ครู-บุคลากรการศึกษา' สังกัด อปท.

สำหรับโครงการฝึกอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการด้านคุณธรรมและจริยธรรมของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักงาน ก.ถ.ได้จัดอบรม 2 รุ่น รุ่นละ 80 คน

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/720165:b32:


คุณธรรมหมายถึง...ธรรมที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมหรือคนโดยรวม

จริยธรรมหมายถึง....การกระทำที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและคนโดยรวม

การมุ่งร้ายประหัสประหารกัน มันไม่ใช่คุณธรรมและจริยธรรม
เมื่อก่อนไม่ถูกกัน คุณธรรมในข้อนี้ ต้องให้อภัยแล้วเริ่มต้นใหม่ ไม่ใช่มาตามล้างแค้นแล้วอ้างกฎหมาย
กฎหมายไม่ใช่หลักของคุณธรรม คนที่มีอำนาจก็สามารถเขียนกฎหมายได้....นี้จึงไม่ใช่คุณธรรม

หรือผู้ที่สูญเสียอำนาจไปแล้ว เมื่อถูกดำเนินกฎหมายก็ไม่ใช่มาตีโพยตีพาย
ด้วยการใส่ร้ายใส่ความผู้ที่ใช้กฎหมาย คุณธรรมของผู้ที่สูญเสียอำนาจก็คือ ต้องยอมรับ
ผลของการกระทำที่ทำมาโดยดุษฎีไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม

สิ่งที่ผู้สูญเสียอำนาจไม่สมควรกระทำก็คือ การเอาประเทศชาติมาเป็นเครื่องต่อรอง
เช่นพยายามทำให้ชื่อเสียงของประเทศย่อยยับเพียงเพราะ ต้องการให้ฝ่ายตรงข้ามพังพินาจ



โฮฮับมีความเห็นอย่างไร ถูกกฎหมายไหม เคารพกติกาหรือไม่ คิกๆๆ





พร่ำบอกไปเท่าไรแล้วก็ยังเหมือนตักน้ำรดหัวตอ การกระทำของกปปส.มันผิดกฎหมาย
ซึ่งรัฐบาล(ประชาธิปไตย)ต้องจัดการหรือดำเนินคดี
แต่รัฐบาลประชาธิปไตยกลับทำไม่รู้ไม่ชี้
ที่สำคัญความผิดนั้นมันเป็นความผิด ที่เกิดจากระบอบประชาธิปไตย เพราะการกระทำนั้นทำในขณะที่เป็นประชาธิปไตย
จะเอามาอ้างเพื่อด่ารัฐบาลคสชไม่ได้...มันคนละเรื่อง

แต่ปัจจุบันไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยแล้ว เป็นคณาธิปไตย
คณะคสชเขาปฏิวิติจนยึดอำนาจรัฐฐาธิปัตมาได้ เขาจึงเป็นผู้กำหนดแนวทางกฎหมาย
เหตุนี้กฎหมายไม่สามารถเอาผิดกับเขาได้

พี่โฮจะสอนให้ว่า ถ้ากรัชกายอยากเป็นประชาธิปไตย มันต้องพูดว่า "เราต้องการระบอบประชาธิปไตย
ไม่ใช่มาหาเรื่องด่าว่ารัฐบาลคสชทำอย่างโน้น ทำอย่างนี้ ไม่เป็นประชาธิปไตย...
แบบนี้เขาเรียกบรื่อ! ปัญญาอ่อน เพราะสิ่งทีเขาทำๆภายใต้ระบอบคณาธิปไตย
ไม่ได้ทำภายใต้ประชาธิปไตย


แหย่รูนี้มั่งสิ จะออกรูไหน :b13:

อ้างคำพูด:
เพราะสิ่งทีเขาทำๆภายใต้ระบอบคณาธิปไตย


ปฏิวัติรัฐประหารผิดกฎหมายไหมโฮฮับ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2016, 06:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2016, 06:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
จังหวัดไหนมอบความไว้วางใจให้ เราต้องดูแลเป็นพิเศษ

“ผมตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม จังหวัดไหนมอบความไว้วางใจให้เราต้อง ดูแลเป็นพิเศษ แต่เราต้องดูแลคนทั้งประเทศด้วย แต่เวลาจำกัด ต้องเอาเวลาไปจังหวัดที่เราได้รับความไว้วางใจมากเป็นพิเศษ จังหวัดที่ไว้วางใจเราน้อยต้องเอาไว้ทีหลัง ไม่ใช่ไม่ไป คิวต้องเรียงอย่างนี้ ผมเป็นคนพูดตรงไปตรงมา เปิดเผย สื่อมวลชนอยู่ต้องเปิดเผย ไม่มีความลับสำหรับผม วันนี้คิดกับประชาชนอย่างไร ก็อยากเห็นคนทั้งประเทศไม่ว่าอยู่ที่ไหน เลือกหรือไม่เลือกผม ก็อยากให้ทุกคนหายจน แต่เนื่องจากเวลาจำกัดก็ต้องไล่ลำดับกันไป แต่เจ้าหน้าที่ก็ทำเหมือนกันหมดทั่วประเทศ”


http://etatdedroit.blogspot.com/2005/11/blog-post.html



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2016, 06:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ผมจะรักและดูแลประชาชนทุกภาคทุกส่วนอย่างเท่าเทียบกัน
ถึงแม้ว่า จังหวัดที่ลงประชามติเห็นชอบในร่างรัฐธรรมนูญด้วยหรือไม่ ถึงจะอย่างไร ผมไม่เคยโกรธ ไม่เคยน้อยใจ ไม่เคยคิดว่าจังหวัดไหน ที่ไม่ลงประชามติเห็นชอบ เราจะไม่ดูแล ผมดูแลทุกส่วน เพราะเราคือคนไทยกัน เรามีพ่ออยู่หัวพระองค์เดียวกัน จนมาวันนี้ ผมไม่ใช่นักการเมือง แต่ผมมาในฐานะผู้รับใช้ประชาชน ผมไม่ได้เป็นเจ้านายของประชาชน
แต่ผมเป็นทหารมีหน้าที่รับใช้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และ ประชาชน เป็นที่พึ่งของทุกคนในทุกโอกาส ขณะเดียวกันก็มาในฐานะนายกรัฐมนตรี ยิ่งพูดก็ยิ่งต้องระวังตัว ต้องมีหิริโอตะปะ ความละอายเกรงกลัวต่อบาปเพื่อทำความดี ไม่ใช่สู้ให้สื่อเขียนถึง ทุกอย่างผิดคือผิด ผมไม่ได้มาหาเสียง หรือ ทำให้ประชาชนรัก แต่นำพาความรักมายังประชาชน


http://headshot.tnews.co.th/contents/202516/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2016, 06:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ยังไงทีนี้!!! "บิ๊กตู่" แฉเอง...มีคนวิ่งเต้นตำแหน่ง "สนช." ที่จะเพิ่มอีก 30 คนจนขาขวิด พร้อมปรามไม่ต้องมาขอ-อย่าทำ...ไม่มีประโยชน์ แถมบอกอย่าเพิ่งถามนายกฯ คนนอก ควรถามนักการเมืองบ้างว่า ถ้าเป็นรัฐบาลจะทำอะไรบ้าง


http://politic.tnews.co.th/contents/202319/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2016, 07:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ปฏิวัติรัฐประหารผิดกฎหมายไหมโฮฮับ :b32:


ชื่อก็บอกอยู่ทนโท่ว่า..."ปฏิวัติรัฐประหาร"แบบนี้มันจะผิดได้ไง

ที่ผิดเขาจะเรียกว่า........กบฎ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2016, 08:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปฏิวัติรัฐประหารผิดกฎหมายไหมโฮฮับ :b32:


ชื่อก็บอกอยู่ทนโท่ว่า..."ปฏิวัติรัฐประหาร"แบบนี้มันจะผิดได้ไง

ที่ผิดเขาจะเรียกว่า........กบฎ


รัฐประหาร ทำไมถึงไม่ผิดล่ะ แล้วทำไมบางครั้งถึงผิด เรียกว่าเป็นกบฎล่ะ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2016, 08:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อ้างคำพูด:
ยังไงทีนี้!!! "บิ๊กตู่" แฉเอง...มีคนวิ่งเต้นตำแหน่ง "สนช." ที่จะเพิ่มอีก 30 คนจนขาขวิด พร้อมปรามไม่ต้องมาขอ-อย่าทำ...ไม่มีประโยชน์ แถมบอกอย่าเพิ่งถามนายกฯ คนนอก ควรถามนักการเมืองบ้างว่า ถ้าเป็นรัฐบาลจะทำอะไรบ้าง


http://politic.tnews.co.th/contents/202319/


กบเอ้ย ดูสถิติแล้วศึกษาให้ชัด เอ้า :b1:

รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2016, 08:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบเอ้ย เขาพูดอยู่กับร่องกับรอยที่ไหนล่ะ เรื่องเดียวกันนั่นแหละ แต่เมื่อวานพูดอย่าง วันนี้พูดอย่าง พรุ่งนี้พูดอีกอย่าง.... ก่อนปฏิวัติ ผมจะไม่ปฏิวัติแล้วไง

เอ้าดูนี่สิ พูดอีกอย่าง

https://twitter.com/KAO_VoiceTV21/statu ... 9539405824

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2016, 08:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
มท.จัดอบรม คุณธรรม-จริยธรรม 'ครู-บุคลากรการศึกษา' สังกัด อปท.


สำหรับโครงการฝึกอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการด้านคุณธรรมและจริยธรรมของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักงาน ก.ถ.ได้จัดอบรม 2 รุ่น รุ่นละ 80 คน

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/720165





เมื่อคุณธรรม จริยธรรมแนวพุทธเป็นเช่นว่านั้น แล้วคุณธรรม จริยธรรม แบบไทยๆเช่นว่านี้เป็นเช่นไร ? :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2016, 13:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


แค่ศีลข้อ..๒ ...ลักทรัพย์...ต้องออกกฎหมาย..ตั้งมากมาย..
http://m.naewna.com/view/columntoday/26288
อ้างคำพูด:

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า มีกฎหมายฉบับหนึ่งที่ ครม.รับหลักการและส่งให้กฤษฎีกาตรวจ กำลังจะเสร็จ และจะเข้า สนช. ว่าด้วยการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตัวกับประโยชน์ส่วนรวม หรือเรียกว่ากฎหมาย 7 ชั่วโคตร วันนี้ลดลงมาเหลือ 3-4 ชั่วโคตร

“ถ้าเอาตามกฎหมาย แค่เอาโทรศัพท์ส่วนตัวมาชาร์จไฟหลวงก็จะผิด เอาซองตราครุฑใส่เงินไปให้งานแต่งงานก็ผิด เวลาเขียนไม่ได้เขียนเล็กอย่างนี้ เขาเขียนหมด มันเลยย้ำ ตั้งแต่เอารถหลวงมาใช้ยันซองกระดาษหลวง มาตรการแบบนี้ประเทศอื่นเขาก็มีทั้งนั้น แต่เราไม่เคยมี พอกฎหมายออกมาจะมีคนค่อนขอดว่าจะเอาจริงเอาจัง ก็ช่วยไม่ได้ กฎหมายเอาผิดแล้ว ถ้าคุณคิดว่าคงไม่มีการเอาจริงเอาจัง แล้วถ้าเกิดมีคนเอาจริงขึ้นมาก็ซวย อันนี้น่ากลัว”


ศีล..ไม่สังวรให้ดี...ก็งี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2016, 21:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
แค่ศีลข้อ..๒ ...ลักทรัพย์...ต้องออกกฎหมาย..ตั้งมากมาย..
http://m.naewna.com/view/columntoday/26288
อ้างคำพูด:

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า มีกฎหมายฉบับหนึ่งที่ ครม.รับหลักการและส่งให้กฤษฎีกาตรวจ กำลังจะเสร็จ และจะเข้า สนช. ว่าด้วยการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตัวกับประโยชน์ส่วนรวม หรือเรียกว่ากฎหมาย 7 ชั่วโคตร วันนี้ลดลงมาเหลือ 3-4 ชั่วโคตร

“ถ้าเอาตามกฎหมาย แค่เอาโทรศัพท์ส่วนตัวมาชาร์จไฟหลวงก็จะผิด เอาซองตราครุฑใส่เงินไปให้งานแต่งงานก็ผิด เวลาเขียนไม่ได้เขียนเล็กอย่างนี้ เขาเขียนหมด มันเลยย้ำ ตั้งแต่เอารถหลวงมาใช้ยันซองกระดาษหลวง มาตรการแบบนี้ประเทศอื่นเขาก็มีทั้งนั้น แต่เราไม่เคยมี พอกฎหมายออกมาจะมีคนค่อนขอดว่าจะเอาจริงเอาจัง ก็ช่วยไม่ได้ กฎหมายเอาผิดแล้ว ถ้าคุณคิดว่าคงไม่มีการเอาจริงเอาจัง แล้วถ้าเกิดมีคนเอาจริงขึ้นมาก็ซวย อันนี้น่ากลัว”


ศีล..ไม่สังวรให้ดี...ก็งี้



คนกลุ่มใดเขียนกฎหมายก็เอื้อเพื่อคนกลุ่มนั้น เผด็จการเขียนกฎกติกา เขียนย้อนหลังก็ได้ เขียนมโนไปในอนาคตก็ได้ :b1:

ที่ว่าเป็นกฎเผด็จการ เพราะประชาชนไม่มีส่วนร่วม จึงเรียกกฎหมายเผด็จการด้วยประการฉะนี้แล. :b13: :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2016, 21:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ประชาธิปไตยเป็นระบอบการปกครองแบบหนึ่ง ซึ่งบริหารอำนาจรัฐมาจากเสียงข้างมากของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย โดยประชาชนอาจใช้อำนาจของตนโดยตรง หรือผ่านผู้แทนที่ตนเลือกไปใช้อำนาจแทนก็ได้

ประชาธิปไตยยังเป็นอุดมคติที่ว่าพลเมืองทุกคนในชาติร่วมกันพิจารณากฎหมายและการปฏิบัติของรัฐและกำหนดให้พลเมืองทุกคนมี โอกาสเท่าเทียมกันในการแสดงความยินยอมและเจตนาของตน


https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B ... 5%E0%B8%A2

มีแต่ทาสเผด็จการเท่านั้นแหละที่เชิดชูเผด็จการ คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 197 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 14  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 60 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร