| ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
| อัตตา-อนัตตา http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=53261 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
| เจ้าของ: | กรัชกาย [ 15 ต.ค. 2016, 20:44 ] |
| หัวข้อกระทู้: | อัตตา-อนัตตา |
ตีให้แตก แยกให้ออก อัตตา-อนัตตา เป็นหลักทางปัญญาที่สำคัญยิ่ง ที่พระพุทธศาสนาสอนเรื่องนี้ไว้ ถ้าพูดเป็นภาษาธรรมดาก็ว่า อัตตาที่ไม่มีนั้น ใช้มันไปเถอะ ได้ประโยชน์จริงๆ ท่านสอนให้พัฒนาไปจนถึงที่สุด แล้วจะประสบพบสิ่งที่เลิศประเสริฐยิ่ง แต่อัตตามีขึ้นมาเมื่อไรเป็นปัญหาทุกที เกิดอัตตาขึ้นมาเมื่อไรก็ยุ่งเมื่อนั้น มีปัญหา เกิดทุกข์ เกิดการกระทบกระทั่งอะไรต่างๆ พระพุทธศาสนามีคำสอนว่าด้วยอัตตาหรือตัวตนนี้มากมาย เช่น อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ - ตนเป็นที่พึ่งของตน อตฺตทีปา อตฺตสรณา -จงมีตนเป็นเกาะ จงมีตนเป็นที่พึ่ง อตฺตานํ ทมยนฺตี ปณฺฑิตา - บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมฝึกตน สุทฺธิ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ - ความบริสุทธิ์ ไม่บริสุทธิ์ เป็นของเฉพาะตัว อตฺตานญฺเจ ปิยํ ชญฺญา น นํ ปาเปน สํยุเช หากรู้ว่าตัวนี้เป็นที่รัก ก็ไม่ควรเอาตัวนั้นไปเกลือกกลั้วกับความชั่ว ฯลฯ เรื่องตัวเรื่องตนนี้ พระพุทธศาสนาสอนไว้มากมาย ในระดับตัวตนสมมตินี่ ที่มันไม่มีนี่แหละ พระพุทธศาสนาพูดเต็มที่เลย ให้ใช้ ให้ปฏิบัติ ให้พัฒนามัน จะเป็นประโยชน์ดีเหลือเกิน ท่านไม่มาเที่ยวพูดยุ่งในระดับสมมติว่าไม่มีอัตตา แต่ในระดับปรมัตถ์ ท่านให้รู้เท่าทันว่าอัตตามันไม่ใช่เป็นของจริง ถ้ามันมีขึ้นเมื่อไร เกิดยึดถือขึ้นเมื่อไร ก็เกิดโทษทุกที ปัญหาจะตามมา จึงบอกว่า อัตตาที่ไม่มีนั้น พัฒนาไปเถิด จะประสบสิ่งที่เลิศประเสริฐยิ่ง แต่อัตตามีเมื่อไร เกิดปัญหาทุกที อัตตาที่ไม่มีนั้น ใช้มันไปเถิดอย่างรู้กันและรู้ทัน ส่วนอัตตาที่จะมีก็ให้รู้แจ้งรู้ทัน มันจะได้ไม่เกิดขึ้นมา ยิ่งพัฒนาอัตตาที่ไม่มีขึ้นไป อัตตาที่จะมีก็ยิ่งไม่เกิดขึ้นมา อันนี้ ก็ตีให้แตกด้วย |
|
| เจ้าของ: | กรัชกาย [ 15 ต.ค. 2016, 20:47 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: อัตตา-อนัตตา |
"อัตตา" เป็นคำบาลี รูปสันสกฤตเป็น "อาตมัน" แปลว่า ตน, ตัว, หรือตัวตน พุทธธรรมสอนว่า ตัวตนหรืออัตตานี้ ไม่มีอยู่จริง แต่เป็นสิ่งที่สมมติขึ้นเพื่อสะดวกในการสื่อสาร เพื่อความหมายรู้ร่วมกันของมนุษย์ในความเป็นอยู่ประจำวัน กำหนดตามชื่อที่บัญญัติขึ้น หรือตั้งขึ้น สำหรับเรียกหน่วยรวมหรือภาพรวมหนึ่งๆ อัตตานี้จะเป็นปัญหาขึ้น ก็ต่อเมื่อคนหลงผิดเกิดความยึดถือขึ้นมา ว่ามีตัวตนจริงๆ หรือเป็นตัวตนจริงๆ เรียกว่า รู้ไม่เท่าทันความเป็นจริง หรือหลงสมมติ ในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับอัตตานี้ พึงทราบว่า อัตตาไม่ใช่เป็นกิเลส มิใช่สิ่งที่จะต้องละ เพราะอัตตาไม่มีอยู่จริง จึงไม่มีอัตตาที่ใครจะละได้ อัตตามีอยู่เพียงในความยึดถือ สิ่งที่จะต้องทำก็มีเพียงการรู้เท่าทันตามเป็นจริงว่า ไม่มีอัตตา หรือไม่เป็นอัตตา อย่างที่เรียกว่า รู้ทันสมมติเท่านั้น พูดอีกนัยหนึ่งว่า ละความยึดถือในอัตตา ละความยึดถือว่าเป็นอัตตา หรือถอนความหลงผิดในภาพของอัตตา หรือในบัญญัติแห่งอัตตาเสียเท่านั้น เรื่องอัตตาและการปฏิบัติต่ออัตตาในความหมายที่ใช้ทั่วไป มีเพียงเท่านี้ |
|
| เจ้าของ: | asoka [ 16 ต.ค. 2016, 08:54 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: อัตตา-อนัตตา |
กรัชกาย เขียน: "อัตตา" เป็นคำบาลี รูปสันสกฤตเป็น "อาตมัน" แปลว่า ตน, ตัว, หรือตัวตน พุทธธรรมสอนว่า ตัวตนหรืออัตตานี้ ไม่มีอยู่จริง แต่เป็นสิ่งที่สมมติขึ้นเพื่อสะดวกในการสื่อสาร เพื่อความหมายรู้ร่วมกันของมนุษย์ในความเป็นอยู่ประจำวัน กำหนดตามชื่อที่บัญญัติขึ้น หรือตั้งขึ้น สำหรับเรียกหน่วยรวมหรือภาพรวมหนึ่งๆ อัตตานี้จะเป็นปัญหาขึ้น ก็ต่อเมื่อคนหลงผิดเกิดความยึดถือขึ้นมา ว่ามีตัวตนจริงๆ หรือเป็นตัวตนจริงๆ เรียกว่า รู้ไม่เท่าทันความเป็นจริง หรือหลงสมมติ ในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับอัตตานี้ พึงทราบว่า อัตตาไม่ใช่เป็นกิเลส มิใช่สิ่งที่จะต้องละ เพราะอัตตาไม่มีอยู่จริง จึงไม่มีอัตตาที่ใครจะละได้ อัตตามีอยู่เพียงในความยึดถือ สิ่งที่จะต้องทำก็มีเพียงการรู้เท่าทันตามเป็นจริงว่า ไม่มีอัตตา หรือไม่เป็นอัตตา อย่างที่เรียกว่า รู้ทันสมมติเท่านั้น พูดอีกนัยหนึ่งว่า ละความยึดถือในอัตตา ละความยึดถือว่าเป็นอัตตา หรือถอนความหลงผิดในภาพของอัตตา หรือในบัญญัติแห่งอัตตาเสียเท่านั้น เรื่องอัตตาและการปฏิบัติต่ออัตตาในความหมายที่ใช้ทั่วไป มีเพียงเท่านี้ ละยังไง? ถอนยังไง บอกให้ละเอียดในวิธีปฏิบัติด้วยสิ
|
|
| เจ้าของ: | กรัชกาย [ 16 ต.ค. 2016, 10:32 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: อัตตา-อนัตตา |
asoka เขียน: กรัชกาย เขียน: "อัตตา" เป็นคำบาลี รูปสันสกฤตเป็น "อาตมัน" แปลว่า ตน, ตัว, หรือตัวตน พุทธธรรมสอนว่า ตัวตนหรืออัตตานี้ ไม่มีอยู่จริง แต่เป็นสิ่งที่สมมติขึ้นเพื่อสะดวกในการสื่อสาร เพื่อความหมายรู้ร่วมกันของมนุษย์ในความเป็นอยู่ประจำวัน กำหนดตามชื่อที่บัญญัติขึ้น หรือตั้งขึ้น สำหรับเรียกหน่วยรวมหรือภาพรวมหนึ่งๆ อัตตานี้จะเป็นปัญหาขึ้น ก็ต่อเมื่อคนหลงผิดเกิดความยึดถือขึ้นมา ว่ามีตัวตนจริงๆ หรือเป็นตัวตนจริงๆ เรียกว่า รู้ไม่เท่าทันความเป็นจริง หรือหลงสมมติ ในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับอัตตานี้ พึงทราบว่า อัตตาไม่ใช่เป็นกิเลส มิใช่สิ่งที่จะต้องละ เพราะอัตตาไม่มีอยู่จริง จึงไม่มีอัตตาที่ใครจะละได้ อัตตามีอยู่เพียงในความยึดถือ สิ่งที่จะต้องทำก็มีเพียงการรู้เท่าทันตามเป็นจริงว่า ไม่มีอัตตา หรือไม่เป็นอัตตา อย่างที่เรียกว่า รู้ทันสมมติเท่านั้น พูดอีกนัยหนึ่งว่า ละความยึดถือในอัตตา ละความยึดถือว่าเป็นอัตตา หรือถอนความหลงผิดในภาพของอัตตา หรือในบัญญัติแห่งอัตตาเสียเท่านั้น เรื่องอัตตาและการปฏิบัติต่ออัตตาในความหมายที่ใช้ทั่วไป มีเพียงเท่านี้ ละยังไง? ถอนยังไง บอกให้ละเอียดในวิธีปฏิบัติด้วยสิ ตั้งคำถามอย่างคนเข้าใจผิด จะต้องไปละไปและทำไม ก็ในเมื่อเข้าใจผิด ก็เข้าใจสะให้ถูกก็หมดเรื่อง คิกๆๆ Quote Tipitaka: อโศกะ ของหลวงพ่อธีกับของอโศกะคนละอันกันครับ หลวงพ่อธี เน้นให้ค้นหาอนัตตา พิสูจน์อนัตตา ของอโศกะ เน้นค้นหาอัตตา ทำลายอัตตาได้แล้วจะพบอนัตตา พูดไว้ที่ viewtopic.php?f=1&t=53072&start=105 นี่แหละผิดเต็มๆ อ้างคำพูด: ของอโศกะ เน้นค้นหาอัตตา ทำลายอัตตาได้แล้วจะพบอนัตตา ว่าโดยปรมัตถ์ มันเป็นอนัตตาของมันอยู่แล้ว อัตตามันไม่มี แล้วท่านอโศกจะไปค้นหาอัตตาที่ไหนล่ะ ทำนองคนค้นหาหนวดเต่า ในเมื่อหนวดเต่าไม่มีจะไปค้นหาหนวดเต่าที่ไหนไม่ทราบ ก็มันไม่มี เราแค่ก็รู้ว่ามันไม่มีก็จบเรื่องค้นหาหนวดเต่าแล้ว เออ
|
|
| เจ้าของ: | ปฤษฎี [ 16 ต.ค. 2016, 11:39 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: อัตตา-อนัตตา |
ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา กว่าปัญญาจะแทงตลอดในสภาวะทั้งหลายด้วยความไม่ใช่ตัวตนต้องใช้เวลานานแค่ไหน เพราะได้สั่งสมความเห็นผิดมานานนับชาติไม่ถ้วน แม้ความเป็นอนัตตาปรากฏทุกขณะก็ไม่รู้ มืดสนิท เหมือนคนตาบอด จนกระทั้่งมีท่านผู้ที่ตรัสรู้ประกาศความจริงว่าธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตาเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย เมื่อนั้นปัญญาจึงเริ่มที่จะเห็นความจริงของสิ่งที่เคยยึดถือมาเนิ่นนาน ถ้าไม่มีการตรัสรู้ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีการพิจารณาสิ่งที่ได้ฟังจนเกิดความเข้าใจ ก็ไม่มีทางที่จะพ้นจากความไม่รู้ที่สะสมมาเนิ่นนานได้ แต่ปัญญาเท่านี้ยังไม่พอที่จะละคลายความยึดถือได้ ต้องอาศัยการอบรมปัญญาขึ้นเรื่อยๆ จนมีความคมกล้าพอที่จะแทงตลอดในธรรมทั้งปวง และชำระความโง่ที่สะสมมานานได้ |
|
| เจ้าของ: | asoka [ 16 ต.ค. 2016, 17:01 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: อัตตา-อนัตตา |
กรัชกายรู้อัตตาอนัตตาโดยทฤษฎี คิดวางความเห็นผิดตามทฤษฎี เหมือนคนหิวแล้วคิดให้ท้องอิ่ม ย่อมจะต้องหิวแสบใส้จนตาย ค้นหาความเห็นผิดเป็นอัตตา หรือ สักกายทิฏฐิในใจให้เจอจึงจะเข้าถึงอนัตตาได้โดยธรรมภาคปฏิบัติ อ่านมาถึงแค่นี้อัตตาในใจกรัชกายก็ลุกขึ้นมาท่วมท้นหัวใจแล้ว สังเกตดูให้ดีๆสิ นิ่งรู้นิ่งสังเกตหรือสู้กับความรู้สึกเป็นอัตตาในใจนี้จนมันดับไปต่อหน้าต่อตา กรัชกายก็จะได้พบเห็นความเป็นอนัตตาจริงๆเสียที่โดยมิต้องคิดเอานะกรัชกาย
|
|
| เจ้าของ: | กรัชกาย [ 16 ต.ค. 2016, 17:17 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: อัตตา-อนัตตา |
asoka เขียน: :b13: กรัชกายรู้อัตตาอนัตตาโดยทฤษฎี คิดวางความเห็นผิดตามทฤษฎี เหมือนคนหิวแล้วคิดให้ท้องอิ่ม ย่อมจะต้องหิวแสบใส้จนตาย ค้นหาความเห็นผิดเป็นอัตตา หรือ สักกายทิฏฐิในใจให้เจอจึงจะเข้าถึงอนัตตาได้โดยธรรมภาคปฏิบัติ อ่านมาถึงแค่นี้อัตตาในใจกรัชกายก็ลุกขึ้นมาท่วมท้นหัวใจแล้ว สังเกตดูให้ดีๆสิ นิ่งรู้นิ่งสังเกตหรือสู้กับความรู้สึกเป็นอัตตาในใจนี้จนมันดับไปต่อหน้าต่อตา กรัชกายก็จะได้พบเห็นความเป็นอนัตตาจริงๆเสียที่โดยมิต้องคิดเอานะกรัชกาย ![]() จะตั้งโจทก์ให้ท่านอโศกทำนะ ท่านอโศกจงค้นหาหนวดเต่ามา กรัชกายจะใช้ทำยาอายุวัฒนะชุบคนตายให้ฟื้น ไปหามาไป ถ้าหาไม่ได้กลับมา กรัชกายจะฟาดๆๆท่านอโศกด้วยไม้หน้าสาม |
|
| เจ้าของ: | asoka [ 16 ต.ค. 2016, 17:20 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: อัตตา-อนัตตา |
กรัชกาย เขียน: asoka เขียน: :b13: กรัชกายรู้อัตตาอนัตตาโดยทฤษฎี คิดวางความเห็นผิดตามทฤษฎี เหมือนคนหิวแล้วคิดให้ท้องอิ่ม ย่อมจะต้องหิวแสบใส้จนตาย ค้นหาความเห็นผิดเป็นอัตตา หรือ สักกายทิฏฐิในใจให้เจอจึงจะเข้าถึงอนัตตาได้โดยธรรมภาคปฏิบัติ อ่านมาถึงแค่นี้อัตตาในใจกรัชกายก็ลุกขึ้นมาท่วมท้นหัวใจแล้ว สังเกตดูให้ดีๆสิ นิ่งรู้นิ่งสังเกตหรือสู้กับความรู้สึกเป็นอัตตาในใจนี้จนมันดับไปต่อหน้าต่อตา กรัชกายก็จะได้พบเห็นความเป็นอนัตตาจริงๆเสียที่โดยมิต้องคิดเอานะกรัชกาย ![]() จะตั้งโจทก์ให้ท่านอโศกทำนะ ท่านอโศกจงค้นหาหนวดเต่ามา กรัชกายจะใช้ทำยาอายุวัฒนะชุบคนตายให้ฟื้น ไปหามาไป ถ้าหาไม่ได้กลับมา กรัชกายจะฟาดๆๆท่านอโศกด้วยไม้หน้าสาม งั้นกรัชกายจงค้นหาเขากระต่ายมา จะทำเป็นยาล้างอวิชชาความโง่จากใจคน ถ้าหาไม่ได้กลับมาจะฟาดกรัชกายด้วยไม้หน้าแปดให้สมองเน่าๆยุบไปเสียแล้วใส่ สมองชุดใหม่ โอเอสชนิดใหม่ที่พระพุทธเจ้าทรงมอบไว้ให้วิญญูชนทุกคนใช้แทน 555555555
|
|
| เจ้าของ: | กรัชกาย [ 16 ต.ค. 2016, 17:24 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: อัตตา-อนัตตา |
asoka เขียน: กรัชกาย เขียน: asoka เขียน: :b13: กรัชกายรู้อัตตาอนัตตาโดยทฤษฎี คิดวางความเห็นผิดตามทฤษฎี เหมือนคนหิวแล้วคิดให้ท้องอิ่ม ย่อมจะต้องหิวแสบใส้จนตาย ค้นหาความเห็นผิดเป็นอัตตา หรือ สักกายทิฏฐิในใจให้เจอจึงจะเข้าถึงอนัตตาได้โดยธรรมภาคปฏิบัติ อ่านมาถึงแค่นี้อัตตาในใจกรัชกายก็ลุกขึ้นมาท่วมท้นหัวใจแล้ว สังเกตดูให้ดีๆสิ นิ่งรู้นิ่งสังเกตหรือสู้กับความรู้สึกเป็นอัตตาในใจนี้จนมันดับไปต่อหน้าต่อตา กรัชกายก็จะได้พบเห็นความเป็นอนัตตาจริงๆเสียที่โดยมิต้องคิดเอานะกรัชกาย ![]() จะตั้งโจทก์ให้ท่านอโศกทำนะ ท่านอโศกจงค้นหาหนวดเต่ามา กรัชกายจะใช้ทำยาอายุวัฒนะชุบคนตายให้ฟื้น ไปหามาไป ถ้าหาไม่ได้กลับมา กรัชกายจะฟาดๆๆท่านอโศกด้วยไม้หน้าสาม งั้นกรัชกายจงค้นหาเขากระต่ายมา จะทำเป็นยาล้างอวิชชาความโง่จากใจคน ถ้าหาไม่ได้กลับมาจะฟาดกรัชกายด้วยไม้หน้าแปดให้สมองเน่าๆยุบไปเสียแล้วใส่ สมองชุดใหม่ โอเอสชนิดใหม่ที่พระพุทธเจ้าทรงมอบไว้ให้วิญญูชนทุกคนใช้แทน หนวดเต่า เขากระต่าย ไม่มีฉันใด อัตตาก็ฉันนั้น มันไม่มี แล้วท่านอโศกจะค้นหาที่ไหนกันเล่า เออ อัตตามีอยู่แต่ในความยึดถือ เป็นทิฏฐิที่เห็นผิดไป ก็ในเมื่อรู้ว่าเห็นผิดแล้ว ก็เห็นถูกเสียซี่ เออ |
|
| เจ้าของ: | asoka [ 16 ต.ค. 2016, 17:34 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: อัตตา-อนัตตา |
กรัชกาย เขียน: asoka เขียน: กรัชกาย เขียน: asoka เขียน: :b13: กรัชกายรู้อัตตาอนัตตาโดยทฤษฎี คิดวางความเห็นผิดตามทฤษฎี เหมือนคนหิวแล้วคิดให้ท้องอิ่ม ย่อมจะต้องหิวแสบใส้จนตาย ค้นหาความเห็นผิดเป็นอัตตา หรือ สักกายทิฏฐิในใจให้เจอจึงจะเข้าถึงอนัตตาได้โดยธรรมภาคปฏิบัติ อ่านมาถึงแค่นี้อัตตาในใจกรัชกายก็ลุกขึ้นมาท่วมท้นหัวใจแล้ว สังเกตดูให้ดีๆสิ นิ่งรู้นิ่งสังเกตหรือสู้กับความรู้สึกเป็นอัตตาในใจนี้จนมันดับไปต่อหน้าต่อตา กรัชกายก็จะได้พบเห็นความเป็นอนัตตาจริงๆเสียที่โดยมิต้องคิดเอานะกรัชกาย ![]() จะตั้งโจทก์ให้ท่านอโศกทำนะ ท่านอโศกจงค้นหาหนวดเต่ามา กรัชกายจะใช้ทำยาอายุวัฒนะชุบคนตายให้ฟื้น ไปหามาไป ถ้าหาไม่ได้กลับมา กรัชกายจะฟาดๆๆท่านอโศกด้วยไม้หน้าสาม งั้นกรัชกายจงค้นหาเขากระต่ายมา จะทำเป็นยาล้างอวิชชาความโง่จากใจคน ถ้าหาไม่ได้กลับมาจะฟาดกรัชกายด้วยไม้หน้าแปดให้สมองเน่าๆยุบไปเสียแล้วใส่ สมองชุดใหม่ โอเอสชนิดใหม่ที่พระพุทธเจ้าทรงมอบไว้ให้วิญญูชนทุกคนใช้แทน หนวดเต่า เขากระต่าย ไม่มีฉันใด อัตตาก็ฉันนั้น มันไม่มี แล้วท่านอโศกจะค้นหาที่ไหนกันเล่า เออ อัตตามีอยู่แต่ในความยึดถือ เป็นทิฏฐิที่เห็นผิดไป ก็ในเมื่อรู้ว่าเห็นผิดแล้ว ก็เห็นถูกเสียซี่ เออ ถ้ามันง่ายๆด้วยการคิดเอาอย่างกรัชกายว่า ก็คงมีปุถุชนคนธรรมดายกระดับตนเป็นอริยชนไปหมดทั้งบ้านทั้งเมืองแล้ว ที่แนะนำจ้ำจี้จำใชนี้ก็เพื่อให้กรัชกายและผู้ต้องการพิสูจน์ธรรมทุกคนลงมือนั่งดูนั่งสังเกตกายใจจนพบเห็นความรู้สึกเป็นอัตตาตัวกูของกูจริงๆเสียก่อน แล้วถ้า "ถ้าสู้ได้ ทนได้ ไม่ตะบอย กูจะถอยหรือตายดับไปจากใจให้เห็นและรู้สึกจริงๆ ไม่ใช่คิดเอาอย่างกรัชกายว่า
|
|
| เจ้าของ: | กรัชกาย [ 16 ต.ค. 2016, 17:44 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: อัตตา-อนัตตา |
asoka เขียน: กรัชกาย เขียน: asoka เขียน: กรัชกาย เขียน: asoka เขียน: :b13: กรัชกายรู้อัตตาอนัตตาโดยทฤษฎี คิดวางความเห็นผิดตามทฤษฎี เหมือนคนหิวแล้วคิดให้ท้องอิ่ม ย่อมจะต้องหิวแสบใส้จนตาย ค้นหาความเห็นผิดเป็นอัตตา หรือ สักกายทิฏฐิในใจให้เจอจึงจะเข้าถึงอนัตตาได้โดยธรรมภาคปฏิบัติ อ่านมาถึงแค่นี้อัตตาในใจกรัชกายก็ลุกขึ้นมาท่วมท้นหัวใจแล้ว สังเกตดูให้ดีๆสิ นิ่งรู้นิ่งสังเกตหรือสู้กับความรู้สึกเป็นอัตตาในใจนี้จนมันดับไปต่อหน้าต่อตา กรัชกายก็จะได้พบเห็นความเป็นอนัตตาจริงๆเสียที่โดยมิต้องคิดเอานะกรัชกาย ![]() จะตั้งโจทก์ให้ท่านอโศกทำนะ ท่านอโศกจงค้นหาหนวดเต่ามา กรัชกายจะใช้ทำยาอายุวัฒนะชุบคนตายให้ฟื้น ไปหามาไป ถ้าหาไม่ได้กลับมา กรัชกายจะฟาดๆๆท่านอโศกด้วยไม้หน้าสาม งั้นกรัชกายจงค้นหาเขากระต่ายมา จะทำเป็นยาล้างอวิชชาความโง่จากใจคน ถ้าหาไม่ได้กลับมาจะฟาดกรัชกายด้วยไม้หน้าแปดให้สมองเน่าๆยุบไปเสียแล้วใส่ สมองชุดใหม่ โอเอสชนิดใหม่ที่พระพุทธเจ้าทรงมอบไว้ให้วิญญูชนทุกคนใช้แทน หนวดเต่า เขากระต่าย ไม่มีฉันใด อัตตาก็ฉันนั้น มันไม่มี แล้วท่านอโศกจะค้นหาที่ไหนกันเล่า เออ อัตตามีอยู่แต่ในความยึดถือ เป็นทิฏฐิที่เห็นผิดไป ก็ในเมื่อรู้ว่าเห็นผิดแล้ว ก็เห็นถูกเสียซี่ เออ ถ้ามันง่ายๆด้วยการคิดเอาอย่างกรัชกายว่า ก็คงมีปุถุชนคนธรรมดายกระดับตนเป็นอริยชนไปหมดทั้งบ้านทั้งเมืองแล้ว ที่แนะนำจ้ำจี้จำใชนี้ก็เพื่อให้กรัชกายและผู้ต้องการพิสูจน์ธรรมทุกคนลงมือนั่งดูนั่งสังเกตกายใจจนพบเห็นความรู้สึกเป็นอัตตาตัวกูของกูจริงๆเสียก่อน แล้วถ้า "ถ้าสู้ได้ ทนได้ ไม่ตะบอย กูจะถอยหรือตายดับไปจากใจให้เห็นและรู้สึกจริงๆ ไม่ใช่คิดเอาอย่างกรัชกายว่า ![]() มาอีกแระตะบอย ตะงอย ท่านอโศกชี้ลงไปสิ ตรงไหนอัตตา อย่าตอบน้ำท่วมทุ่งนะ ชี้สิชี้ไปตรงไหนอัตตา |
|
| เจ้าของ: | asoka [ 17 ต.ค. 2016, 06:08 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: อัตตา-อนัตตา |
อ้างคำพูด: กรัชกาย มาอีกแระตะบอย ตะงอย ท่านอโศกชี้ลงไปสิ ตรงไหนอัตตา อย่าตอบน้ำท่วมทุ่งนะ ชี้สิชี้ไปตรงไหนอัตตา ที่สั่งในใจให้กรัชกายเขียน พูด หรือถามคำถามดังอ้างมาข้างบนนี้ไง คือตัวอัตตาของกรัชกาย สั่งใจกรัชกายให้ทำมโนกรรม วจีกรรม กายกรรมตอบ ถามในกระทู้อยู่ สังเกตเห็นบ้างไหม หรือไม่กระดิกหูเลย ธรรมะภาคปฏิบัติ การสังเกตจิต กาย ใจ ของตนเอง
|
|
| เจ้าของ: | กรัชกาย [ 17 ต.ค. 2016, 11:48 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: อัตตา-อนัตตา |
asoka เขียน: :b7: อ้างคำพูด: กรัชกาย มาอีกแระตะบอย ตะงอย ท่านอโศกชี้ลงไปสิ ตรงไหนอัตตา อย่าตอบน้ำท่วมทุ่งนะ ชี้สิชี้ไปตรงไหนอัตตา ที่สั่งในใจให้กรัชกายเขียน พูด หรือถามคำถามดังอ้างมาข้างบนนี้ไง คือตัวอัตตาของกรัชกาย สั่งใจกรัชกายให้ทำมโนกรรม วจีกรรม กายกรรมตอบ ถามในกระทู้อยู่ สังเกตเห็นบ้างไหม หรือไม่กระดิกหูเลย ธรรมะภาคปฏิบัติ การสังเกตจิต กาย ใจ ของตนเอง อ้างคำพูด: ที่สั่งในใจให้กรัชกายเขียน พูด หรือถามคำถามดังอ้างมาข้างบนนี้ไง คือตัวอัตตาของกรัชกาย ฮ้า ถ้ายังไงั้น พระอรหันต์มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ก็ไม่ต้องขีดต้องเขียนอะไรแล้วสิงั้น นั่งนิ่งๆไม่พูดไม่จา
|
|
| เจ้าของ: | Rosarin [ 17 ต.ค. 2016, 15:36 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: อัตตา-อนัตตา |
ความเป็นเราที่มีอุปาทานขันธ์เหนียวแน่นที่ไม่ละจางคลายจากเราติดข้องว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดคืออัตตา ส่วนอนัตตาคือสภาพธรรมที่ปรากฏกับสติปัญญาเป็นความเห็นถูกเข้าใจถูกตามคำสอนของพระพุทธเจ้า บทว่าจิตแต่ละดวงนั้นมีสติระลึกรู้สภาพธรรมตามเป็นจริงที่จิตมีจริงๆได้ทีละ1ขณะทางหนึ่งทางใดเท่านั้น และการไม่สามารถระลึกรู้สภาพธรรมที่ปรากฏตามเป็นจริงได้คือการหลงผิดว่ามีเราและสิ่งหนึ่งสิ่งใดเสมอ เพราะเป็นการคิดถึงชื่อถึงเรื่องถึงคำของสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ปรากฏแต่ลืมเสมอว่ามีจิตเกิดดับทีละ1ขณะสลับกัน เมื่อธรรมทั้งหลายเกิดดับสืบต่อไม่ขาดสายกำลังปรากฏว่ามีครบทั้ง6ทางผ่านอายตนะหกแต่ไม่เคยคิดได้เลย จนกว่าจะได้ฟังความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏว่ามีจริงๆแล้วไตร่ตรองตามคำที่ได้ยินจนคิดได้ถูกต้องตามจริง เมื่อนั้นจึงเป็นการเริ่มมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึกโดยอาศัยฟังแล้วคิดตามจนเข้าใจได้ว่าทุกอย่างเป็นธรรม
|
|
| เจ้าของ: | asoka [ 20 ต.ค. 2016, 07:44 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: อัตตา-อนัตตา |
กรัชกาย เขียน: asoka เขียน: :b7: อ้างคำพูด: กรัชกาย มาอีกแระตะบอย ตะงอย ท่านอโศกชี้ลงไปสิ ตรงไหนอัตตา อย่าตอบน้ำท่วมทุ่งนะ ชี้สิชี้ไปตรงไหนอัตตา ที่สั่งในใจให้กรัชกายเขียน พูด หรือถามคำถามดังอ้างมาข้างบนนี้ไง คือตัวอัตตาของกรัชกาย สั่งใจกรัชกายให้ทำมโนกรรม วจีกรรม กายกรรมตอบ ถามในกระทู้อยู่ สังเกตเห็นบ้างไหม หรือไม่กระดิกหูเลย ธรรมะภาคปฏิบัติ การสังเกตจิต กาย ใจ ของตนเอง อ้างคำพูด: ที่สั่งในใจให้กรัชกายเขียน พูด หรือถามคำถามดังอ้างมาข้างบนนี้ไง คือตัวอัตตาของกรัชกาย ฮ้า ถ้ายังไงั้น พระอรหันต์มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ก็ไม่ต้องขีดต้องเขียนอะไรแล้วสิงั้น นั่งนิ่งๆไม่พูดไม่จา ![]() ชิๆ.....กรัชกาย....ยังบังอาจไปกล่าวอ้างพระพุทธเจ้า พระอรหันต์มาเทียบกับความคิดเห็นของปุถุชนคนสามัญเช่นตนเองอีกแล้ว......นี่ศัพท์สมัยใหม่เขาเรียกว่า...."โหน" มาอ้างเพื่อยกตนไปทำสิ่งต่างๆ มีในพระสูตรไหนบ้างที่กล่าวว่าพระพุทธเจ้าทรงนั่งเขียนหนังสือแต่งตำหรับตำรา หรือพระอรหันต์องค์ไหนที่เป็นนักเขียนชื่อดัง แม้แต่พระอานนท์ผู้มีความจำอันยอดเยี่ยม ไปค้นมาให้อ่านเร็วๆเข้านะ กรัชกาย พระพุทธเจ้า พระอรหันตเจ้าทั้งหลายท่านหมดกิเลสตัณหาอัตตา มานะทิฏฐิทั้งสิ้นแล้ว ท่านอยู่ด้วยเมตตา พรหมวิหารธรรม อยู่ด้วยกิริยาจิต ไม่คิดไม่นึกทะยานอยากในสิ่งใด โปรดสัตว์โลกไปตามกำลังแห่งเหตุและปัจจัย ไม่ใช่แส่ไปดิ้นรนไปอย่างที่กรัชกายทำหรอกนะ ท่านบริสุทธิ์หมดจดแล้วจากอามิสทั้งปวง กรัชกายจงอย่าโหนหรืออย่าดึงท่านมาเทียบเพื่อยกตนอยู่เลย จักเป็นภัยใหญ่หลวงในการประพฤติปฏิบัติธรรมของกรัชกายเองนะ จะบอกให้
|
|
| หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
| Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |
|